เมื่อสักครู่ที่เฉินเฟยตั้งคำถามไป 2 คำถามนั้น เขาให้คะแนนหวังเยว่ 10 คะแนนเต็ม
การกระทำของเฉินเฟยเป็การบอกเว่ยจิ้นจงว่าเขาให้คะแนนหวังเยว่เต็มแล้วประเดี๋ยวตอนที่ลูกศิษย์ของเขาเข้ามา...... คุณต้องทำอย่างไร ถึงไม่พูดออกมาก็คงเข้าใจกันเป็อย่างดี
เว่ยจิ้นจงส่งยิ้มให้กับเฉินเฟยพร้อมพยักหน้าหลังจากนั้นจึงหันหน้าไปหาหวังเยว่ลูกศิษย์ของตนเอง สายตาที่เขาส่งให้กับหวังเยว่เต็มไปด้วยแผนร้ายและความอวดดี
เมื่อหวังเยว่มองสายตาของอาจารย์เขาก็แอบยิ้มอย่างพอใจอยู่ในใจ
หลี่เฉียนโจว เฉินเฟย พวกคุณสองคนคอยดูเถอะพวกเราอาจารย์ลูกศิษย์ทั้งสองคนจะหลอกพวกคุณให้หัวหมุนเลยล่ะ
“หวังเยว่ ตอนนี้เป็่เวลาทำการแข่งขัน เราจะไม่มีการคำนึงถึงความเป็อาจารย์และลูกศิษย์คุณต้องเตรียมตัวให้ดีล่ะ” เว่ยจิ้นจงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
สีหน้าของหวังเยว่ก็เปลี่ยนเป็ดูเอาจริงเอาจังขึ้นมาทันทีเขาพยักหน้ารับ
หากคนที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางก็คงจะรู้สึกนับถือกับการกระทำของพวกเขาทั้งสองแต่ทว่าคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ต่างรู้จักนิสัยของเว่ยจิ้นจงเป็อย่างดีหากบอกว่าเขาไม่ได้บอกข้อสอบกับลูกศิษย์ของเขาก่อน ให้ตายก็ไม่มีใครเชื่อหรอก!
เมื่อเห็นการเล่นละครของอาจารย์ลูกศิษย์คู่นี้แล้วคนอื่นๆ รวมทั้งเฉินเฟยก็แสดงสีหน้าคลื่นไส้ทันที
น่าสะอิดสะเอียนจริงๆ!
ทำไมถึงไม่ไปเป็าาจอเงินล่ะ!
ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้รับรู้ถึงสายตาของคนรอบๆ ตัวเว่ยจิ้นจงยังคงพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดต่อไป “ดีมาก ต่อไปนี้จะเริ่มถามคำถามแรกแล้วนะ...สามยุคทองในการผลิตเครื่องเคลือบแห่งราชวงศ์ชิงหมายถึงสามยุคสมัยไหน?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้เฮ่อฉางเหอที่กำลังดื่มชาก็ถึงกับพ่นน้ำชาออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
“พรวด......”
??? นี่มันคำถามไร้สมองหรือยังไง???!!!
สีหน้าของคนอื่นๆ ก็เต็มไปด้วยความงุนงงและนิ่งงันไปในทันที
เมื่อสักครู่เขาตั้งคำถามอะไรนะ?
สามยุคทองในการผลิตเครื่องเคลือบแห่งราชวงศ์ชิงหมายถึงสามยุคสมัยไหน?คำถามนี้หรือ???
ไม่ใช่! ต้องไม่ใช่คำถามนี้หรอก! ผมต้องฟังผิดไปแน่ๆ!!!
ทำไมเขาถึงไม่ถามว่า 1+1 = ? เลยล่ะ!
เมื่อพวกเขาเห็นหวังเยว่ตอบคำถามด้วยสีหน้าจริงจังแล้วพวกเขาถึงได้เชื่อจริงๆ ว่าเมื่อสักครู่ตนเองไม่ได้หูแว่ว! เว่ยจิ้นจงถามคำถามที่แทบไม่แตกต่างจากคำถาม 1+1= ? เลย
“สมัยคังซี ยงเจิ้ง เฉียนหลง สามยุคสมัยนี้ครับ”
หวังเยว่พูดตอบด้วยสีหน้าจริงจังเพียงแต่ว่ากล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาเกิดอาการกระตุกอย่างรุนแรง หากไม่ได้เป็เพราะอาจารย์ของตนถลึงตาใส่เขาเขาต้องหลุดหัวเราะออกมาอย่างแน่นอน
หึ! ช่างเป็อาจารย์ลูกศิษย์ที่น่ารังเกียจจริงๆ!
ทำไมคุณไม่ถามว่าเครื่องเคลือบเป็สิ่งที่คนจีนคิดค้นขึ้นมาหรือเปล่าเลยล่ะ!?
ทุกคนต่างรู้สึกดูถูกเว่ยจิ้นจงและหวังเยว่เป็ที่สุดเมื่อเฉินเฟยได้ยินคำถามของเว่ยจิ้นจง มุมปากของเขาก็เกิดอาการกระตุกอยู่หลายครั้งแต่เขาก็รีบหันหน้าหนีไปทางอื่นเพราะเขาไม่้าให้เว่ยจิ้นจงเห็นสายตาที่มีแต่ความดูถูกของตนเอง
แม้กระทั่งเ้าหน้าที่ที่นั่งจับเวลาอยู่ตรงมุมห้องก็ต้องตกตะลึงกับการกระทำระหว่างเว่ยจิ้นจงและหวังเยว่อาจารย์ลูกศิษย์คู่นี้เช่นกัน
เื่ประหลาดเกิดขึ้นทุกวันแต่วันนี้เยอะเป็พิเศษ! นี่เป็ปรมาจารย์แห่งการพิสูจน์เครื่องเคลือบระดับประเทศกับลูกศิษย์ที่เขาถ่ายทอดวิชามาโดยตรงหรือเปล่า?
หรือว่าเป็ขอทานที่พยายามดิ้นรนเอาตัวรอดบนถนนวัตถุโบราณอย่างนั้นหรือ!
เขาไม่คิดว่าการตั้งคำถามแบบนี้มันเป็เื่น่าอับอายเลยหรือ!
เ้าหน้าที่ได้แต่ส่ายศีรษะเขาเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากเห็นการแสดงละครของอาจารย์ลูกศิษย์ที่น่ารังเกียจคู่นี้หากเขายังมองต่อไปเขาคงรู้สึกผิดหวังกับวงการการพิสูจน์เครื่องเคลือบแล้วจริงๆ
แต่อาจารย์ลูกศิษย์คู่นี้ไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของคนอื่นเลยพวกเขายังคงแสดงละครตามบทบาทของตนเองต่อไป
“ขอถามว่าวิธีการผลิตเครื่องเคลือบส่วนผสม 2อย่างซึ่งก็คือใช้หินพอร์ซเลนและดินเกาลินเริ่มมีขึ้นั้แ่เมื่อไร?”
“ั้แ่สมัยห้าราชวงศ์”
“อืม ไม่เลว อาจารย์ถามเสร็จแล้ว”
เมื่อพูดจบ เว่ยจิ้นจงจึงหันไปมองคนอื่นๆเขาพบว่าไม่มีใครมองมาที่พวกเขาเลยเพราะทุกคนต่างเบนสายตาหันไปมองทางอื่นกันทั้งหมด มีบางคนมองเพดานมีบางคนมองม่านหน้าต่าง หรือแม้กระทั่งนั่งมองเล็บของตัวเองก็ยังมี
การเป็กรรมการร่วมกับคนแบบนี้มันน่าขายขี้หน้าจริงๆ!
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกดูถูกอาจารย์ลูกศิษย์คู่นี้มากแต่ทว่าการทดสอบก็ยังคงดำเนินต่อไป กรรมการคนถัดไปจึงตั้งคำถามขึ้น
35 นาทีผ่านไปหวังเยว่เดินออกมาจากคฤหาสน์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ถึงแม้ว่าตาแก่คนหลังๆ จะตั้งคำถามยากหน่อย แต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้
ถึงจะไม่ได้ 100 คะแนนเต็ม แต่ 99 คะแนนก็ได้สบายๆ อยู่แล้ว!
หวังเยว่คิดอย่างภาคภูมิใจ
เมื่อเห็นสีหน้าสดใสของหวังเยว่ คนอื่นๆจึงรู้สึกผ่อนคลายลงแต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกสงสัย
การทดสอบรอบที่ 2 มันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ? สามารถผ่านได้ง่ายๆอย่างนั้นเลยหรือ?
นอกจากคนที่เข้าไปทำการทดสอบแล้วคนที่เหลือก็พักผ่อนที่ศาลาเหมือนเช่นเคย เมื่อหวังเยว่เดินมาถึงตรงศาลา ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มเล็กน้อยพร้อมทำท่าเหมือนกำลังครุ่นคิดถึงเื่อะไรบางอย่างอยู่เวลานี้เขาไม่ได้พูดอะไรเลย อีกทั้งยังทำมือห้ามพูดอีกด้วยทำให้แม้กระทั่งหลี่เฉียนโจวที่้าจะสอบถามบางอย่างก็ยังต้องหยุดชะงักไป
คนที่ 2 ที่เข้าไปคือจวงเมิ่งเตี๋ยและเธอก็เป็คนเสนอตัวก่อนเหมือนเช่นเคย
เมื่อจวงเมิ่งเตี๋ยเดินเข้าไปแล้วหลี่เฉียนโจวจึงพาหวังเยว่เดินไปยังที่ที่ไม่มีคนนอกเมื่อแน่ใจว่าจะไม่มีคนอื่นได้ยินบทสนทนาระหว่างพวกเขาแล้ว หลี่เฉียนโจวจึงถามขึ้น“พี่หวัง ผมล่ะร้อนใจจริงๆ เลยเมื่อตะกี๊ผมเอาแต่ขอพรเป็กำลังใจให้กับพี่หวังอยู่ด้านนอกเมื่อเห็นพี่หวังผ่านการทดสอบออกมาอย่างราบรื่น ผมก็รู้สึกดีใจแทนพี่หวังจริงๆพี่หวัง ข้อสอบด้านในมันต้องยากแน่ๆ เลยใช่ไหม? แต่มันก็ไม่สามารถทำอะไรพี่หวังได้เลยใช่หรือเปล่า?เมื่อเห็นสีหน้าสดใสของพี่หวัง ผมก็ดูออกว่าพี่หวังต้องได้คะแนนเต็มอย่างแน่นอน”
จากคำพูดของหลี่เฉียนโจวก็เห็นได้ชัดเจนว่าทักษะการหลอกถามข้อมูลของหลี่เฉียนโจวดูเหนือกว่าคำพูดของหวังเยว่ที่พูดเมื่อวันก่อนเสียอีกมันเป็ความแตกต่างราวกับ์และใต้บาดาลเลยทีเดียวเพราะขณะที่คุณกำลังประจบสอพลอนั้นอีกฝ่ายก็จะหลุดข้อมูลทุกอย่างที่คุณ้าออกมาโดยอัตโนมัติไงล่ะ!
แต่ทว่าหวังเยว่ในวันนี้ก็ไม่ได้เป็คนเดียวกับหวังเยว่เมื่อสองวันก่อนแล้วถึงแม้ว่าเขาจะเป็คนรูปร่างสูงใหญ่ไร้สมองเหมือนเดิมแต่ตอนนี้เขาก็เริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น
หวังเยว่ส่งยิ้มพร้อมพูดตอบ “ทักษะการประจบของน้องหลี่ดูเหมือนจะเก่งขึ้นกว่าเดิมอีกแล้วทำเอาผมเกือบจะหลุดพูดสถานการณ์ด้านในให้คุณฟังแล้วสิ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หลี่เฉียนโจวจึงทำหน้าโหดขึ้นชั่วขณะ แต่ทว่ามันก็หายไปอย่างรวดเร็วหลังจากนั้นเขาจึงยิ้มประจบออกมาอีกครั้งและพูดขึ้น “พี่หวังพูดอะไรเนี่ยน้องไม่ได้พูดประจบพี่สักหน่อย น้องพูดความจริงทั้งนั้น เมื่อตะกี๊ตอนที่พี่หวังเดินออกมาท่าทางของพี่ดูไม่เหมือนคนอื่นๆ เลย พี่มั่นใจว่าจะต้องคว้าชัยชนะในครั้งนี้ได้แน่ๆใช่ไหมล่ะ?”
ถึงแม้ว่าหวังเยว่ตัดสินใจที่จะตัดขาดกับอาจารย์ลูกศิษย์คู่นี้แล้วแต่เมื่อได้ยินคำประจบสอพลอของหลี่เฉียนโจว หวังเยว่ก็ยังคงรู้สึกล่องลอยไปกับคำพูดเหล่านี้อยู่จนเขาไม่อยากพูดฉีกหน้าตัดความสัมพันธ์ทิ้งในตอนนี้
“น้องหลี่มีสายตาเฉียบแหลมจริงๆ ผมมั่นใจว่าผมชนะอย่างแน่นอนการทดสอบนี้มันออกแบบมาเพื่อผมโดยเฉพาะจริงๆ ฮ่าๆ......”
หวังเยว่หัวเราะอย่างหยิ่งผยอง แต่ความจริงแล้วประโยคที่เขาพูดก็ไม่ได้ผิดไปจากความเป็จริงเลยเพราะเขาติดตามและศึกษาการพิสูจน์เครื่องเคลือบจากเว่ยจิ้นจงมา 25 ปีแล้ว และเป็คนที่ศึกษาด้านนี้มายาวนานที่สุดภายในคนที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ถึงแม้ว่าบางส่วนของผู้เข้าแข่งขันจะมีอายุมากพอสมควรแต่คนกลุ่มนี้ก็ยังใช้เวลาศึกษามาน้อยกว่าเขาเช่นกันนั่นก็แสดงว่าความรู้ที่เขาสะสมมาอย่างยาวนานมันมีมากมายขนาดไหน
หลี่เฉียนโจวมองหวังเยว่อย่างหมดคำพูดแต่เขายังคงรอให้อีกฝ่ายพูดต่อไปเรื่อยๆ จนพอใจ เพราะต่อจากนี้อีกฝ่ายน่าจะพูดถึงระดับความยากในการทดสอบส่วนที่2 นี้แล้ว แต่ทว่าในเหตุการณ์จริง...อีกฝ่ายกลับหัวเราะอย่างโง่ๆออกมาเสียได้!
หัวเราะไปเถอะ สักวันคุณต้องเหมือนกับหลินเยว่ที่ต้องร้องไห้คร่ำครวญออกมาไอ้เวร! กล้าว่าผมว่าพูดจาประจบสอพลอได้ไง! รอให้ครั้งนี้ผมได้ที่ 1 ก่อนเถอะ แล้วคอยดูละกันว่าอาจารย์ของผมจะเล่นงานอาจารย์ของคุณและคุณอย่างไรหึ!พวกคุณมีประโยชน์ก็แค่เป็คนบอกคำตอบให้กับพวกเราหรอก ไม่อย่างนั้นผมไม่มีทางยอมให้คุณมีโอกาสเข้าไปทดสอบเป็คนแรกจนได้เชิดหน้าเหมือนหลินเยว่ในรอบแรกหรอกนะ!หากพวกคุณอาจารย์ลูกศิษย์สองคนหมดประโยชน์แล้วอยากจะไสหัวไปทางไหนก็เชิญตามสบาย เชิญไปเล่นกันเองเถอะ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้