ร่างของหลิ่วจิ้งอ่อนระทวยลงทันใด จนเกือบทำให้อ้อมกอดของหั่วอี้อ่อนยวบลงไปด้วยก่อนหน้านี้นางเคยคิดแล้วว่าจะต้องมีเื่เช่นนี้สักวัน และนางก็ฝึกมาหลายคราแล้วว่าควรตอบสนองอย่างไรแต่เมื่อเื่นี้เกิดขึ้นจริงอย่างจวนตัวนางจึงเพิ่งพบว่าสิ่งที่นางเคยกะเกณฑ์ไว้ทั้งหมดล้วนเปล่าประโยชน์เพราะเวลานี้สมองของนางกลับมีเพียงความว่างเปล่าไม่อาจทำตามที่คิดไว้แต่เดิมได้อีกแล้ว
หลิ่วจิ้งหลับตาทั้งคู่ลงอย่างช้าๆแต่กลับทำให้หยาดน้ำตาที่อยู่ในดวงตาแต่เดิมไหลลงมา น้ำตานางค่อยๆไหลเข้ามายังริมฝีปากของคนทั้งสองที่ประกบกันแน่นรสเค็มปนหวานของน้ำตาปลุกหั่วอี้ที่กำลังสับสนพลุ่งพล่านให้ได้สติ
เขาขยับออกจากริมฝีปากของหลิ่วจิ้ง ใช้สองมือประคองใบหน้านางแล้วประทับรอบจูบลึกล้ำบนหน้าผากของอีกฝ่ายใช้สายตาแสนลึกซึ้งจับจ้องหลิ่วจิ้งอยู่เนิ่นนาน ก่อนคลายตัวนางออกจากอ้อมแขนเอ่ยกับนางว่า “ข้าไปเพียงครู่เดียวแล้วจะกลับมา”
จากนั้นไม่รอให้หลิ่วจิ้งตอบคำ เขาก็ะโขึ้นไปบนหลังคาตามทางที่เข้ามาเพื่อออกไปจากห้องเก็บฟืน
หลิ่วจิ้งเงยหน้ามองช่องขนาดใหญ่บนหลังคาที่พอให้คนหนึ่งคนออกไปได้ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่คล้ายออกมาจากภายในจิตใจจริงๆ เป็คราแรก
หลังหั่วอี้ออกไปจากห้องเก็บฟืนเขาก็วิ่งปรี่ไปที่หอหั่วเยี่ยนซึ่งภายในหอหั่วเยี่ยนยามนี้ทั้งอวี้จิ่นและอิ๋งเหอกำลังอยู่ในห้องขององค์หญิงอย่างกระวนกระวายใจแม้จะดึกดื่นแล้วแต่พวกนางกลับไม่รู้สึกง่วงเลยแม้สักนิด
อิ๋งเหอคิดอยากจะไปเยี่ยมองค์หญิงเสียให้ได้แต่อวี้จิ่นก็อุตส่าห์ทำให้อิ๋งเหอสงบสติอารมณ์ลงได้อย่างยากเย็นนางจำสิ่งที่หลิ่วจิ้งสั่งเอาไว้ได้ดีว่าให้รออยู่แต่ในเรือนเป็พอแล้วแต่แม้จะเป็เช่นนี้นางก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี
เป็ถึงองค์หญิงแห่งแคว้นหนึ่งแต่วันนี้กลับถูกฮูหยินผู้เฒ่าสั่งให้นำตัวไปขังในห้องเก็บฟืน เื่นี้ทำให้เห็นถึงจิตใจแสนอำมหิตของแคว้นชางอี้ได้อย่างชัดเจนพวกเขาหาได้เห็นแคว้นต้าเว่ยอยู่ในสายตา หาไม่แล้วอย่าว่าแต่กษัตริย์แห่งชางอี้เลยสำหรับ แคว้นต้าเว่ยแล้วที่แห่งนี้ก็เป็เพียงจวนแม่ทัพเล็กๆ เท่านั้นเหตุใดจึงอาจหาญปฏิบัติต่อองค์หญิงเช่นนี้
ยามนี้เองอวี้จิ่นจึงเพิ่งเข้าใจสิ่งที่หลิ่วจิ้งเคยพูดไว้อย่างถ่องแท้ว่าหากนางสามารถยืนในแนวรบเดียวกันกับหลิ่วจิ้ง นางก็ยังพอมีโอกาสมีชีวิตรอดได้บ้างมิเช่นนั้นนางจะอยู่ได้ถึงเมื่อใดก็มิอาจล่วงรู้
แม้อิ๋งเหอจะกำลังร้องไห้เสียงเบาแต่อวี้จิ่นก็ไม่ได้ไปใส่ใจนางขอเพียงอีกฝ่ายไม่ออกไปก่อเื่เดือดร้อนใดให้หลิ่วจิ้งอีกเป็พอแล้ว
ในขณะที่พวกนางกำลังร้อนรุ่มเป็มดบนหม้อร้อนอยู่นั้นคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ แม่ทัพหั่วอี้ก็ผลักประตูเข้ามา
พวกนางตื่นใจนไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นใด โดยเฉพาะอวี้จิ่นเพราะนางเป็ชาวต้าเว่ยอย่างเต็มตัวไม่เหมือนอิ๋งเหอที่เป็คนของจวนแม่ทัพมาแต่เดิม
อวี้จิ่นตื่นตระหนกอย่างยิ่ง มองท่านแม่ทัพด้วยความระแวดระวังด้วยกลัวว่าหากเกิดเื่กับหลิ่วจิ้งขึ้นมานางก็คงไม่มีจุดจบที่ดีสักเท่าใด
“พวกเ้าสองคนไปที่ครัว เตรียมอาหารดีๆ ให้องค์หญิงสักหน่อยอีกเดี๋ยวข้าจะกลับมาเอา”
หั่วอี้สั่งความเสร็จก็ปิดประตูและออกไปทันที
รอจนหั่วอี้ออกไป ร่างของอวี้จิ่นจึงอ่อนระทวยจนยืนไม่อยู่ทรุดตัวนั่งพับอยู่กับพื้นด้วยความหวาดกลัว
พักใหญ่พวกนางจึงเพิ่งดึงสติคืนมาได้ “อิ๋งเหอเมื่อครู่ท่านแม่ทัพเข้ามาสั่งให้พวกเราไปเตรียมของว่างให้องค์หญิงใช่หรือไม่ดูท่าว่าองค์หญิงคงไม่เป็อะไรแล้วกระมัง” อวี้จิ่นทั้งตื่นเต้นทั้งยินดีหันไปยิ้มกับอิ๋งเหอ
นางยังคงไม่เชื่อหูตนเองถึงสิ่งที่ได้ยินจากท่านแม่ทัพ จนต้องคอยถามอิ๋งเหอซ้ำไปซ้ำมาว่านี่เป็เื่จริงใช่หรือไม่
“ใช่แล้วๆ เมื่อครู่ท่านแม่ทัพเข้ามา และยังสั่งให้พวกเรารีบไปเตรียมอาหารให้องค์หญิงด้วยเ้าฟังไม่ผิดหรอก เรารีบไปดูที่ห้องครัวว่าควรเตรียมของว่างใดให้องค์หญิงดีกว่า ต้องเป็ของที่มีในครัวอยู่แล้วและเอามาอุ่นร้อนสักหน่อยจึงจะดีอย่าได้กลายเป็ว่ายามท่านแม่ทัพกลับมา พวกเราก็ยังเตรียมของว่างไม่เสร็จ”
อิ๋งเหอพูดจบก็เอื้อมมือไปดึงตัวอวี้จิ่นจากนั้นทั้งสองคนก็รีบไปที่ครัวด้วยความดีใจ
หั่วอี้ไม่ได้อยู่รอที่หอหั่วเยี่ยน หลังจากสั่งความสาวใช้ทั้งสองขององค์หญิงแล้วเขาก็ออกไปจากเรือนทันทีแต่นึกไม่ถึงว่าตอนที่เขาเพิ่งออกมาจากหอหั่วเยี่ยนจะพบเข้ากับอาหนูที่แต่งเนื้อแต่งตัวมาเต็มที่
คืนนี้อาหนูสวมชุดกระโปรงแพรตัวยาวสีเขียวอ่อนนางจงใจไม่สวมเสื้อคลุมชั้นนอก หากแต่ปล่อยให้เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นเผยออกมาวับๆแวมๆ ภายใต้ผ้าแพรบาง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำเอาหั่วอี้ต้องตะลึงพรึงเพริดไม่เบาทีเดียว
อาหนูแอบยินดีอยู่ในใจเมื่อเห็นสายตาของหั่วอี้สายตาเช่นนี้นางคุ้นเคยนัก กี่คืนต่อกี่คืนมาแล้ว ยามนางบรรจงแต่งเนื้อแต่งตัวหั่วอี้ก็ไม่เคยไม่ลุ่มหลงอยู่ในความอ่อนโยนของนางเลยแม้สักครารวมทั้งแววตาที่เปี่ยมด้วยความปรารถนาคู่นั้นด้วยนางจึงจงใจยักย้ายเรือนร่างให้ยิ่งชวนเกิดจิตนาการ เดินโยกย้ายกรีดกรายเข้าหาหั่วอี้
“อาหนู ดึกตื่นค่ำมืดแล้ว เ้ามาที่นี่มีเื่ใดหรือไม่”หั่วอี้หยุดเดินต่อ มองอาหนูค่อยๆ ก้าวเข้ามาหา
“ท่านแม่ทัพ มิรู้เป็เพราะเหตุใดคืนนี้อาหนูจึงนอนไม่หลับ เพียงคิดอยากออกมาเดินเล่นไม่นึกว่าเดินไปๆ ก็มาถึงเรือนของท่านแม่ทัพเสียแล้ว”
อาหนูพูดพลางเข้าไปคล้องแขนหั่วอี้ ดึงให้แขนของอีกฝ่ายมาอยู่ที่หน้าอกนางอย่างทั้งจงใจและไม่ตั้งใจ
อาหนูนึกว่าขั้นต่อไปหั่วอี้จะต้องมากอดนางไว้ แล้วจากนั้น…
“อาหนู นี่ก็ดึกแล้ว ยามนี้น้ำค้างลงค่อนข้างหนักระวังจะหนาว ข้ายังมีเื่ต้องจัดการเ้ารีบกลับไปเถิด”
หั่วอี้พูดจบก็สะบัดมือที่อาหนูกอบกุมไว้ออก ก่อนหันหลังเดินจากไปทันที
หั่วอี้จากไปเช่นนี้ทำให้อาหนูเสียหน้าไม่เบานางโกรธเกรี้ยวกระทืบเท้าอย่างแรงแล้วเรียกจื่อเซียวเข้ามา “ไป พวกเรามาตามดูว่าท่านแม่ทัพไปที่ใด”
จื่อเซียวรีบขยับเข้าไปประคองและเดินตามหลังอาหนูเร่งตามไปทางที่หั่วอี้เพิ่งมุ่งหน้าไป
หั่วอี้ไม่ได้เดินเร็วนัก อาหนูและจื่อเซียวคอยตามมาไกลๆแต่เมื่ออาหนูเห็นว่าหั่วอี้เดินไปทางเรือนของนางจ้าว ครานี้นางยิ่งโกรธจนขึ้นสมอง
คิดไม่ถึงว่าหลังจากส่งองค์หญิงไปขังที่ห้องเก็บฟืนแล้วท่านแม่ทัพกลับไม่ไปหานาง แต่ไปหาฮูหยินใหญ่แทน
อาหนูหยุดเดิน จ้องเขม็งไปที่เรือนของฮูหยินใหญ่ นางเอื้อมมือไปหักกิ่งไม้ข้างทางลงมาถือไว้ในมือก่อนจะหักมันออกเป็หลายท่อนโดยที่นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนกำลังทำสิ่งใดอยู่
“ฮูหยินเ้าคะ อย่างไรพวกเราก็กลับกันก่อนเถิดหากผู้อื่นเห็นเข้าจะไม่ดีนะเ้าคะ” จื่อเซียวเอ่ยปากเตือน
“ไม่ดี ไม่ดีอยู่นั่น มีสิ่งใดไม่ดี เ้าตัวยุ่งนี้เ้ากำลังแอบเยาะข้าอยู่ในใจใช่หรือไม่”
อาหนูพูดจบก็เอากิ่งไม้ในมือฟาดใส่จื่อเซียว ยามนี้เป็ฤดูร้อนเดิมทีจื่อเซียวก็สวมชุดกระโปรงแพรตัวบางอยู่แล้ว พอโดนอาหนูเฆี่ยนเต็มแรงตรงที่ััถูกกิ่งไม้จึงเกิดเป็รอยแดงขึ้นมาทันใด
จื่อเซียวทนเจ็บไม่กล้าส่งเสียง นางรู้ว่าหากไม่ให้อาหนูระบายอารมณ์ให้ดีๆสักยก ยามกลับไปที่เรือนสิ่งที่รอนางอยู่ก็ต้องเป็การถูกแส้อีกหลายหน
อาหนูตีจื่อเซียวอย่างแรงไปหลายหน แต่กลับรู้สึกว่าไม่น่าสนใจเลยสักนิดจึงหันหน้าเดินกลับไปที่เรือนตน
จื่อเซียวรีบเดินตามหลังไปพลางปาดน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตาอยู่เงียบๆ
_____________________________