บทที่ 3 แกก็อยากหลอกเอาเงินำาญฉันด้วยหรอ?
โจวกุ้ยฟาง ตักซี่โครงหมูชิ้นใหญ่ให้ลูกชาย แล้วหันไปพูดกับสามีว่า
“พรุ่งนี้ฉันตั้งใจจะไปสอนพิเศษนะ วันหยุดฤดูร้อนสองเดือนนี้ปล่อยว่างไม่ได้เลย ลูกชายก็อยากไป สำนักยุทธ์ ไม่ใช่หรือ?”
พ่อจางตักข้าวเข้าปาก
“มีลูกค้าเก่ามาเคลียร์หนี้ที่ค้างไว้ และรวมกับเงินเก็บที่เหลืออยู่ พอค่าเล่าเรียนแล้ว พรุ่งนี้ให้ ฝูเซิง ไป สำนักยุทธ์ ได้เลย”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วยิ้ม
“นี่เพิ่งปิดเทอมเอง จะมีนักเรียนสักกี่คนที่รีบมาเรียนพิเศษ... พวกเราไม่ได้ไปเที่ยวกันนานแค่ไหนแล้ว? พรุ่งนี้ไป ูเาหิมะตงหลิ่งกันสักสองสามวันไหม?”
พูดพลาง พ่อจางก็ยื่นมือไปปัดผงชอล์กออกจากขมับของอาจารย์โจว
“ูเาหิมะตงหลิ่งเหรอ”
โจวกุ้ยฟางรู้สึกสนใจ
“แล้วลูกชายเราล่ะ?”
“สำนักยุทธ์ มีที่พักและอาหารให้พร้อมอยู่แล้ว” จางเหวินเทา กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ลูกเราผ่านด่านที่ยากที่สุดไปได้แล้ว ถึงเวลาที่พวกเราควรจะผ่อนคลาย พักผ่อนใช้ชีวิตคู่กันบ้าง”
โจวกุ้ยฟางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
“ก็ได้ พักสักสองวันก็ดีเหมือนกัน”
จางฝูเซิงกำลังแทะซี่โครงหมู จึงพูดอู้อี้ไม่ชัด
“สรุปว่าในการพิจารณาของพ่อกับแม่ ไม่มีตัวเลือกที่จะพาลูกชายคนนี้ไปด้วยเลยใช่ไหมครับ? ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้ตั้งใจจะไปทำลายโลกสองเราของผู้สูงอายุหรอกครับ”
เขาหยุดเล็กน้อย แล้วพูดอย่างจริงจัง
“หมอจาง ครับ อาจารย์โจว ครับ พวกคุณสามารถเตรียมตัวพักผ่อนตอนแก่ได้แล้ว ต่อไปผมจะเลี้ยงดูพวกคุณเอง”
สามีภรรยามองหน้ากันแล้วยิ้ม อาจารย์โจวตักซี่โครงหมูตุ๋นให้ลูกชายอีกชิ้น
“ได้ ๆ ๆ แม่จะรอรับความสุขจากแก แต่พ่อกับแม่ยังไม่ถึงวัยเกษียณ ยังหนุ่มยังสาวอยู่เลย ยังหาเงินเก็บไว้ให้แกแต่งงานได้อีกหลายปี!”
...
หลังอาหารค่ำ
กลับมาที่ห้องเล็ก ๆ ของตน จางฝูเซิง ลูบท้องที่ป่องออกมา รอยยิ้มบนใบหน้าก็เลือนหายไปเล็กน้อย
ดูเหมือนว่า่นี้ สามเขตล่าง จะไม่สงบอย่างแท้จริง
มิฉะนั้น พ่อคงไม่รีบร้อนพาแม่ไปเที่ยวขนาดนี้
ตอนทานอาหารเย็น จางเหวินเทา กำชับเป็พิเศษให้ จางฝูเซิง อยู่แต่ใน สำนักยุทธ์ สองสามวันนี้—สำนักยุทธ์ จะปลอดภัยกว่ามาก
พ่อได้รับข่าวอะไรมา?
จางฝูเซิงคำนวณในใจ พยายามทำจิตใจให้สงบลง และฝึก [เคล็ดวิชาเพ่งจิตพื้นฐานอรุณรุ่ง] และ [วิชาการหายใจมาตรฐานชุดที่สาม]
ในความคิด เขาแตะ ตำหนักหว่างคิ้ว เพ่งจิตถึงแสงอรุณที่แตกฉาน และเมฆหมอกยามเช้าที่ม้วนตัวไปมา ขณะเดียวกันก็ปรับการหายใจ พยายามใช้ วิชาการหายใจมาตรฐาน เพื่อกระตุ้น พลังเืลม ทั่วร่างกาย
การ เพ่งจิต ดำเนินไปอย่างราบรื่น ท่ามกลางแสงสลัวของอรุณรุ่งและเมฆหมอก เขาสามารถััได้ถึง ‘ปัจจัยลึกลับ’ ที่มองไม่เห็นในอากาศ แต่ วิชาการหายใจ ก็ล้มเหลวตามคาด
เคล็ดวิชาเพ่งจิต อาศัย ปัญญาญาณ แต่ก็สามารถอาศัยเวลาฝึกฝนอย่างหนักได้—จางฝูเซิงใช้เวลาสามปีจน เข้าถึง สามารถ เพ่งจิต เห็น ตำหนักหว่างคิ้ว และััถึง ปัจจัยลึกลับ ได้
แต่แค่นั้นยังไม่สามารถเริ่มฝึกได้ ต้องใช้ วิชาการหายใจ ร่วมด้วย เพื่อกระตุ้น พลังเืลม ทั่วร่างกาย นำ ปัจจัยลึกลับ เข้าสู่ร่างกาย จากนั้นจึงส่งไปทั่วทุกส่วนอย่างมีจังหวะ
ส่วน วิชาการหายใจ นั้น อาศัย รากฐานปราณ ถ้ารากฐานปราณไม่ดี ไม่ว่าจะฝึก วิชาการหายใจ อย่างไร ก็ยากที่จะกระตุ้น พลังเืลม ทั่วร่างกายได้ และยิ่งไม่สามารถดูดซับและขนส่ง ปัจจัยลึกลับ ได้เลย
พูดง่าย ๆ คือ เืลมติดขัด แก่นพลังเสื่อมถอย หรือ เส้นชีพจรไม่โล่ง
จางฝูเซิงเข้าข่ายครบทุกข้อ ‘ร่างกายสามประการติดขัด’
ตามปกติแล้ว ร่างกายแบบ ‘สามประการติดขัด’ เช่นเขา แทบจะเป็ไปไม่ได้เลยที่จะ เข้าถึง วิชาการหายใจ เว้นแต่จะได้ฝึก วิชาการหายใจลับ ระดับสูงสุด หรือมี อาจารย์ผู้มีชื่อเสียง คอยนำทางฝึกฝนด้วยตัวเอง
เขาไม่มี วิชาการหายใจ ระดับสูงสุด และไม่สามารถจ้าง อาจารย์ผู้มีชื่อเสียง ได้
“ผู้ฝึกยุทธ์หนึ่งบ่มเพาะ ต้องใช้ เคล็ดวิชาเพ่งจิต เพื่อรับ ปัจจัยลึกลับ เข้ามา ร่วมกับ พลังเืลม เพื่อขนส่ง ปัจจัยลึกลับ ไปทั่วร่างกาย หมุนเวียนไปตามเส้นทาง และ ชำระล้างิั...”
จางฝูเซิงพึมพำกับตัวเอง
“ฉันติดอยู่ที่ขั้นตอน การไหลเวียนของเืลม ไม่สามารถก้าวหน้าได้เลย”
“ถ้าพึ่งการ ‘ซื้อ’ สิ่งที่ฉัน้าที่สุดคืออะไร?”
“[ปัญญาญาณ] [รากฐานปราณ] หรือ [พลังบำเพ็ญ] สำเร็จรูป?”
เขาคิดวนไปมาหลายตลบ เขียนคำว่า ปัญญาญาณ และ รากฐานปราณ ลงบนกระดาษ และต่อด้วยประโยคว่า ‘ต้องมีปัญญาญาณและรากฐานปราณก่อน’
ตามข้อมูลที่ได้รับมาอย่างเป็ธรรมชาติจาก พันธสัญญา การซื้อ พลังบำเพ็ญ สามารถได้รับความก้าวหน้าในการฝึกของคู่ค้าโดยตรง
หรือเลือกที่จะได้รับ ปีของการฝึกฝน
เช่น หากซื้อ พลังบำเพ็ญหนึ่งปี คู่ค้าจะย้อนกลับไปอยู่ในสภาพก่อนฝึกฝนหนักหนึ่งปี ในขณะที่ตนเองจะได้รับผลลัพธ์ของการฝึกฝนหนึ่งปีมาโดยไร้เหตุผล—แต่ถ้า พร์ ของตนเองห่วยแตก ความก้าวหน้าก็ยังคงเล็กน้อย
ยกตัวอย่างเช่นตัวเขาเอง ต้องใช้เวลาสามปีในการ เข้าถึง เคล็ดวิชาเพ่งจิตพื้นฐาน
“เฉินน่วนอวี้”
จางฝูเซิง นั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ แล้วเขียนชื่อนี้ลงบนกระดาษ
เขา้า พร์ ของเธอ
แต่จะซื้อได้อย่างไร?
ทำไมเธอถึงจะยอมขาย?
เป็ไปได้ก็ต่อเมื่อเขาสามารถรู้สิ่งที่เธอ ้าอย่างเร่งด่วน และในความรู้สึกของเธอ มันเทียบเท่ากับ พร์ ของเธอ
และตนเองก็ต้องมีสิ่งนั้น เพื่อจะสามารถขายให้ เฉินน่วนอวี้ ได้
หรือไม่ก็ สร้างความ้า นั้นขึ้นมาให้เธอ สร้างสิ่งที่ทำให้เธอเต็มใจที่จะขาย พร์ และต้องไม่มีกลิ่นอายของการ ข่มขู่ เลย
นี่เป็เื่ยาก อย่างน้อยก็ยากสำหรับเขาในตอนนี้ รู้สึกเหมือนไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนเลย
“ถ้าพร์สูงพอ ได้รับการจับตาจากเ้าสำนัก สำนักยุทธ์ จนกลายเป็ ศิษย์สายในที่แท้จริง ไม่เพียงแต่จะได้รับการยกเว้นค่าเล่าเรียนเท่านั้น ยังได้ยินว่ามีเงินเดือนให้ และยังสามารถเรียนรู้ เคล็ดวิชาถ่ายทอดที่แท้จริงได้อีกด้วย”
ความคิดของ จางฝูเซิง หมุนวน
“การสร้างความ้าให้ เฉินน่วนอวี้ หรือการเข้าใจความ้าของเธอ ตอนนี้ฉันแทบจะทำไม่ได้เลย ฉันต้อง อาศัยอำนาจสำนักยุทธ์ อาจจะเป็ อำนาจ หนึ่ง แต่จะอาศัยได้อย่างไร? จะทำอย่างไรให้เ้าสำนักจับตามอง?”
“เดี๋ยวก่อน”
“ฉันอาจจะติดอยู่ในหลุมพรางทางความคิดมาตลอด!”
ความคิดของเขาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เขาขีดฆ่าคำว่า ปัญญาญาณ และ รากฐานปราณ บนกระดาษ
ใน่สองสามวันที่ได้ เห็นพันธสัญญา จางฝูเซิง อยู่ในภาวะที่ตื่นเต้นอย่างมาก ยังไม่ได้สงบสติอารมณ์และคิดอย่างจริงจังเลย
“คนที่มีพร์สูงนั้นหาได้ยากมาก แต่คนโง่ที่ฝึกฝนอย่างหนักนั้นมีมากมาย เช่น คุณตาหวัง ที่อยู่ข้างบ้าน โง่กว่าฉันเสียอีก ฝึก เคล็ดวิชาเพ่งจิต มาห้าสิบปี ยังไม่สามารถััถึง ปัจจัยลึกลับ ได้เลย แทบไม่ต่างจากคนที่ไม่เคยฝึกฝน”
“ฉันอาจจะสามารถ แสร้งทำเป็อัจฉริยะ ก่อนได้?”
จางฝูเซิง สูดหายใจเข้าลึก ๆ รู้สึกอยากลองทันที ความคิดก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
ใช่!
แสร้งทำเป็อัจฉริยะ
ตามปกติแล้ว ปัญญาญาณ สำคัญกว่า รากฐานปราณ เพราะ รากฐานปราณ สามารถแก้ไขได้ด้วยทรัพยากรในภายหลัง แต่ ปัญญาญาณ ทำไม่ได้
แน่นอนว่า ไม่นับรวม รากฐานปราณ ที่น่าตกตะลึงระดับสั่นะเืปฐี
ตราบใดที่สามารถเข้าตาเ้าสำนัก สำนักยุทธ์ ได้ ตราบใดที่สามารถแสดง ปัญญาญาณ อันล้ำเลิศออกมาได้...
“แต่ฉัน เคล็ดวิชาเพ่งจิต ก็แค่ เข้าถึง แล้ว และตอนที่เข้า สำนักยุทธ์ เขาบอกว่าจะต้องมีการตรวจสอบความก้าวหน้า ใช้เวลาสามปีถึง เข้าถึง ได้ ก็เป็แค่ คนธรรมดา ทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่คนโง่”
จางฝูเซิง ลุกขึ้นยืนอย่างเด็ดเดี่ยว
“ฉันจะ ลืม เคล็ดวิชาเพ่งจิต ฉันจะทำลาย ผลลัพธ์ของการเพ่งจิต!”
“ฉันจะ ขาย ความก้าวหน้าในการฝึกฝนของฉัน”
ดวงตาของเขาสว่างไสว พันธสัญญา ปรากฏขึ้นแล้ว ถึงแม้จะสูญเสียความสามารถในการ เพ่งจิต ไป ก็ยังสามารถเรียกใช้มันได้อย่างอิสระ
แม้ว่าหลังจากใช้ไปแล้ว พันธสัญญา จะมืดสลัวลงอีกครั้ง และไม่รู้ว่าจะเติมเต็มเมื่อไหร่ แต่...
“ความสำคัญอยู่ที่ปัจจุบัน”
“ไม่ทำลาย ก็ไม่อาจสร้าง!”
จางฝูเซิง กดไฟแช็ก ‘แป๊ะ’ กระดาษที่เขียนเต็มไปด้วยตัวอักษรก็ถูกจุดไฟ เถ้าถ่านปลิวว่อน
หนึ่งวินาทีต่อมา
“จาง! ฝู! เซิง!” เสียงปีศาจของอาจารย์โจวมาจากห้องนั่งเล่น “แกสูบบุหรี่เหรอ??”
กระดาษมอดไหม้เป็เถ้าถ่าน อาจารย์โจววิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ผมเปล่า!!!” จางฝูเซิงก้มหัววิ่งหนี
...
เช้าวันรุ่งขึ้น
จางฝูเซิง มองดูพ่อกับแม่เก็บกระเป๋าอย่างมีความสุข ขับรถเก๋งออกไป เขามองเห็นพ่อจูบแม่แก้มดัง ‘จุ๊บ’ ในรถอย่างชัดเจน
“แหม... ที่บ้านนี่... ฉันเป็ตัวเกะกะสินะ?”
จางฝูเซิง หดคอลง กำบัตรธนาคารในมือ สูดหายใจเข้าลึก ๆ
เขาไม่ได้รีบร้อนที่จะไปจ่ายค่าเล่าเรียน สำนักยุทธ์ แต่กลับเคาะประตูบ้านเพื่อนบ้าน
ครู่หนึ่ง ประตูก็เปิดออก คุณตาหวัง ในเสื้อกล้ามสีขาว กางเกงขาสั้น และรองเท้าแตะยาง ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“หนุ่มน้อย ฝูเซิง มาอีกแล้วเหรอ? มาหาตาเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การฝึกฝนอีกแล้วเหรอ?”
“ก็ประมาณนั้นครับ แต่มีเื่อื่นด้วย” จางฝูเซิง ยื่นเหล้าเก่า ๆ ที่พ่อเก็บไว้ให้ แล้วยิ้มแหย ๆ “ผมอยากจะ แลกเปลี่ยน กับคุณตาหน่อยครับ”
“แลกเปลี่ยน?”
คุณตาหวัง รับเหล้าเก่าแก่อย่างดีใจ เปิดทางให้
“เข้าบ้านมาคุยกัน เข้าบ้านมาคุยกัน!”
จางฝูเซิง แทรกตัวเข้าไป ปิดประตูตามหลัง และนั่งลงบนโซฟาเหมือนอยู่บ้าน
“หนุ่มน้อย ฝูเซิง จะแลกเปลี่ยนอะไรกับตาล่ะ?” คุณตาหวัง หยิบลูกแพรหอมมา พลางคิด แล้วเปลี่ยนเป็แอปเปิลราคาถูกกว่า ยื่นให้ จางฝูเซิง
จางฝูเซิง ไม่ได้รับแอปเปิล เขา เพ่งจิต ถึงแสงอรุณที่แตกฉานและเมฆหมอกยามเช้าที่ม้วนตัว ััถึง ปัจจัยลึกลับ ที่คลุมเครือรอบตัว ทันใดนั้น ร่างกายของเขาก็มี ลักษณะพิเศษ ที่ไม่ธรรมดา
รอยยิ้มของเขาหายไป
“คุณตาหวังครับ”
เสียงของ จางฝูเซิง ทุ้มต่ำและเคร่งขรึม
“ถ้าผมสามารถทำให้คุณตาััถึง ปัจจัยลึกลับ ทำให้เคล็ดวิชาเพ่งจิตของคุณตา เข้าถึง ได้ การแลกเปลี่ยนนี้ คุณตาจะทำหรือไม่?”
คุณตาหวัง ตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วก็ระวังตัวทันที
“แกก็อยากหลอกเอาเงินำาญของฉันด้วยหรอ?”
