เมื่อจูไป่เหนี่ยวได้ฟังคำถามเื่เวลาเดินทาง ก็เสนอเงินสิบล้านมาถึงเมื่อไรก็สามารถออกเดินทางได้ทันที ยิ่งเร็วยิ่งดี
ด้วยเหตุนี้เย่เฟิงจึงโทรเตาปา “เตาปา ฉัน้าเงินสิบล้าน นายเตรียมให้ฉันได้เมื่อไร?”
ชายหนุ่มไม่ถามอีกฝ่ายว่าจะเตรียมให้ได้หรือไม่ แต่ถามว่าจะได้เงินเมื่อไร เขาเชื่อว่าเงินสิบล้านสำหรับแก๊งอสรพิษ์ซึ่งเป็หนึ่งในสามแก๊งที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเยี่ยนจิง ย่อมเป็เพียงเื่เล็กน้อย
เมื่อเตาปาได้ยินก็ถึงกับผงะ “ลูกพี่เย่ เงินสิบล้านนับว่าไม่น้อย ถ้าลูกพี่้าจริงๆ พวกผมจะพยายามรวบรวมให้ได้มากที่สุดครับ แต่ถ้าทำอย่างนั้น ธุรกิจบางอย่างของบริษัทรักษาความปลอดภัยของเราคงได้รับผลกระทบแน่ครับ”
“งั้นเหรอ?” เย่เฟิงไม่พูดอะไรมาก เพียงถามกลับอย่างเฉยเมย
“เอ่อ... คำสั่งของลูกพี่เย่ ผมจะรีบจัดการให้ทันทีเลยครับ” เมื่อเตาปาสังเกตว่าน้ำเสียงของอีกฝ่ายเริ่มขุ่นเคืองจึงรีบตอบรับ
เย่เฟิงวางสาย แน่นอนเขารู้ว่าเตาปากำลังคิดอะไร แม้ตอนนี้ชายคนนั้นจะดูเหมือนเชื่อฟังตนมาก แต่มันก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขก่อนหน้า นั่นคือการที่เตาปาถูกพิษและ้าให้เย่เฟิงสอนการต่อสู้
แต่เื่สอนการต่อสู้ให้นั้น เขายังไม่ได้รับปาก ดังนั้นคำพูดเมื่อครู่ของเตาปาเป็การบอกกับเย่เฟิงโดยอ้อมว่า ตัวเองเสียสละเพื่อเย่เฟิงมากจึงได้แต่หวังว่าชายหนุ่มจะเห็นแก่การเสียสละนี้แล้วสอนการต่อสู้ให้
“น่าเสียดายที่ฉันไม่รู้ศิลปะการต่อสู้อะไรเลย อีกอย่างคนปกติก็ไม่สามารถฝึกวิถีเซียนได้ด้วย...” เย่เฟิงรู้ว่าเื่นี้คงทำให้เตาปาผิดหวัง แต่เพื่อเป็การชดเชย ตนจะช่วยตามหาคนที่ฝากรอยแผลเป็บนหน้าอีกฝ่ายเมื่อสิบปีก่อน และช่วยล้างแค้น จะได้ไม่เสียแรงที่ผู้ชายคนนี้คอยช่วยเหลือเขามากขนาดนี้
ระหว่างรอ จูไป่เหนี่ยวก็หลบไปอีกฝั่งเพื่อทำสมาธิพักผ่อนร่างกาย ด้านเย่เฟิงก็เดินมาพูดคุยกับโอวเอ
ทั้งคู่ดูเข้ากันได้ดี พูดคุยกันถูกคอ จนโอวเออมยิ้มพูด “เสี่ยวเฟิง ฉันรู้ว่าสถานะของนายค่อนข้างพิเศษ หากต่อไปลูกชายของฉันต้องประสบปัญหา ฉันก็หวังว่านายจะช่วยเขานะ?”
“นั่นมันเป็เื่ปกติอยู่แล้วครับ คนอื่นปฏิบัติกับผมยังไง ผมก็ต้องปฏิบัติกับคนนั้นให้มากกว่า ลุงโอวช่วยเหลือผมไว้เยอะมาก ผมไม่มีวันลืมหรอก” เย่เฟิงเอ่ยหนักแน่น ไม่ว่าจะเป็การชดเชยค่าเสียหายถึงสามเท่าแทนเขา หินจิติญญาก่อนนั้น หรือจะเป็การ์ดเชิญร่วมงานประมูลของตระกูลหลง ล้วนเป็สิ่งที่เขาติดหนี้บุญคุณอีกฝ่าย
หลังจากเตาปาเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว โอวเอกำชับให้พวกเขาระวังตัวอีกสองสามประโยค ก่อนทั้งคู่จะกล่าวลากัน
จูไป่เหนี่ยวเป็ลูกค้าประจำของร้านขายของโบราณโอวซื่อ โดยนำของเก่ามาขายให้ร้านตลอด แน่นอนว่าความสัมพันธ์ของเขากับโอวเอล้วนเป็ไปด้วยดี หากไม่ใช่เพราะเย่เฟิงมาด้วย โอวเอคงไม่อาจควักเงินสิบล้านเพื่อให้จูไป่เหนี่ยวยืมได้
เงินสิบล้านอาจไม่ใช่เื่ใหญ่สำหรับตระกูลหลินแห่งเมืองเยี่ยนจิง ทว่าเมื่อเทียบกับผู้คนมากกว่าเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์บนโลกใบนี้ เงินจำนวนนี้นับได้ว่ามหาศาล
“เสี่ยวมี่เฟิง นายจะกลับมาเมื่อไร? ให้ฉันลาเรียนให้ไหม?” ก่อนจากไปโอวบีก็ยังถามอย่างเป็ห่วง
“ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าจะได้กลับมาเมื่อไร” เย่เฟิงยิ้มก่อนพูด “แต่ผมคงต้องรบกวนพี่ช่วยลาเรียนให้ผมหน่อยนะ”
“เชอะ ให้ซูเมิ่งหานของนายช่วยไปเถอะ” โอวบีหัวเราะพลางพูดหยอกล้อ น้ำเสียงของเขาไม่มีอารมณ์อื่นเจือปนแม้แต่น้อย สำหรับเื่ที่เย่เฟิงและซูเมิ่งหานคบกัน เขาคิดว่ามันเป็เื่ที่ดี และแสดงความยินดีได้อย่างจริงใจ
แน่นอนว่าหลังจากเขาไปโรงเรียนพรุ่งนี้ ข่าวลือที่แพร่กระจายไปทั่ว อาจทำให้เขาเปลี่ยนทัศนคติต่อเื่นี้ไปในทันที
ฮะ? นึกไม่ถึงเลยว่าเื่จะเป็แบบนี้? เย่เฟิงนี่มันเป็สัตว์ร้ายชัดๆ!
น่าเสียดายที่เวลานี้เย่เฟิงหายตัวไปแล้ว และไม่มีใครติดต่อเขาได้เลย
............
ในคืนเดียวกัน รถออฟโรดฮัมเมอร์สีดำคันหนึ่งออกจากเมืองเยี่ยนจิงก่อนขึ้นทางด่วนสายปักกิ่ง-เสิ่นหยาง มุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงเหนืออย่างรวดเร็ว
จากเยี่ยนจิงถึงูเาฉางไป๋ที่ตั้งอยู่ในเมืองหลินเจียง รวมระยะทางมากกว่าหนึ่งพันกิโลเมตร พวกเขาเดินทางข้ามคืนโดยมีเตาปาและจ้าวอี้เปยขับรถให้ ่เช้ามืดก็ถึงที่หมายแล้ว
ทั้งสองคนสลับกันทำหน้าที่ขับรถ เพื่อความปลอดภัยในการขับรถ่กลางคืน รถคันนี้ไม่เหมาะที่จะวิ่งระยะไกลเพราะใช้เชื้อเพลิงสิ้นเปลืองมาก แต่จากคำพูดของเตาปา ในฐานะคนของแก๊งอสรพิษ์ไหนเลยจะยอมเสียหน้าได้ รถคันนี้ก็บรรจุของได้เยอะและหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็ได้ จึงเตรียมถังน้ำมันสำรองพร้อม เพราะงั้นจึงไม่ต้องกังวลปัญหาเื่เชื้อเพลิงหมด
ในเื่นี้เย่เฟิงไม่มีความเห็น เขาไม่ได้ซีเรียสอยู่แล้ว ขอแค่ถึงปลายทางโดยเร็วก็โอเคแล้ว
ระหว่างทางเย่เฟิงนั่งข้างจูไป่เหนี่ยว สนทนากันเป็ครั้งคราว ชายหนุ่มเลียบเคียงถามเกี่ยวกับรูปภาพทั้งเจ็ดใบ ทว่าจูไป่เหนี่ยวเป็คนปากแข็ง ไม่ยอมเปิดเผยเื่ที่เป็ประโยชน์ออกมาเลย
ค่ำคืนที่เงียบสงัดค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็รุ่งสาง รถฮัมเมอร์สีดำเคลื่อนจากถนนหมายเลขสองศูนย์หนึ่งไปถนนหมายเลขสามศูนย์สามมุ่งหน้าสู่เมืองหลินเจียง
เมืองหลินเจียงตั้งอยู่ทิศตะวันออกของมณฑลจี๋หลิน ซึ่งมีแม่น้ำจากเขตเกาหลีเหนือตัดผ่าน แม่น้ำและูเาล้อมรอบ ถือเป็เมืองที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล
หากอยากเที่ยวชมวิวทิวทัศน์ของูเาฉางไป๋ แน่นอนว่าต้องพักที่เมืองซงเจียงเหอ เมืองไป๋เหอ และสถานที่อื่นทางตอนเหนือที่อยู่ใกล้เคียง ซากสุสานโบราณที่จูไป่เหนี่ยวเคยไป ต้องเดินทางจากเมืองหลินเจียงจึงจะใกล้ที่สุด
หลังจาก่เวลาตีห้าผ่านไป ท้องฟ้ามืดสลัวก็เริ่มสว่าง รถฮัมเมอร์วิ่งอยู่บนถนนไร้ซึ่งผู้คน กลายเป็กลุ่มคนโดดเดี่ยวท่ามกลางูเา
ขณะไกลออกไป จู่ๆ รถจักรยานยนต์คันหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ดูเหมือนรถของเขาจะเสียจึงจอดอยู่ข้างถนน
ชายคนหนึ่งยืนเปลือยอกอยู่ข้างรถจักรยานยนต์ เขาถีบรถอย่างแรง ท่าทางโมโหมาก
ความจริง รถจักรยานยนต์ที่พังอยู่บนถนนเส้นนี้ถือเป็เื่ที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจริงๆ เดิมทีเย่เฟิงไม่คิดสนใจอยู่แล้ว แต่่ที่ขับรถเข้าไปใกล้ ทันทีที่เห็นใบหน้าเ้าของรถก็รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาขึ้นมา
เซวี่ยนเฟิงฝู!
ในงานประมูลสินค้าของตระกูลหลง เย่เฟิงสังหารทานหลางเจี้ยนผู้สมรู้ร่วมคิดของเขาไปแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้มาเจอหมอนี่อีกครั้ง ดูเหมือนอีกฝ่ายจะโชคไม่ดีเอาเสียเลย
เย่เฟิงไม่กังวลว่าอีกฝ่ายจะจำเขาได้ เพราะตอนที่เซวี่ยนเฟิงฝูเจอเขา เขาสวมหน้ากากอยู่
“ จอดรถ! ” เมื่อรถฮัมเมอร์เข้าใกล้ เซวี่ยนเฟิงฝูเก็เดินไปขวางทางกลางถนน โบกมือเพื่อให้จ้าวอี้เปยจอดรถ พร้อมด้วยสายตาดุร้ายและท่าทีคุกคาม แม้จะตายไปแล้วหนึ่งคน แต่เซวี่ยนเฟิงฝูเพียงคนเดียวก็มีความสามารถมากพอที่จะสร้างความหวาดกลัวให้คนอื่นได้
เย่เฟิงคิดกับตัวเอง หรือผู้ชายคนนี้มาที่นี่เพราะ ‘หญ้าหลิงซี’ อะไรนั่น?
ถนนเส้นนี้ไม่กว้างมาก จ้าวอี้เปยจึงไม่สามารถขับรถอ้อมไปโดยไม่ชนได้ จึงเหยียบเบรก เขาคิดว่าคงเป็คนสัญจรธรรมดา รถจักรยานยนต์พังจึง้าความช่วยเหลือ ทว่าไม่นานก็ต้องตกตะลึง
จ้าวอี้เปยเห็นเซวี่ยนเฟิงฝูอยู่ในสภาพเปลือยอกใบหน้าป่าเถื่อนเดินเข้ามากระชากประตูรถฝั่งคนขับ “ถ้าไม่อยากตายก็ลงมาจากรถให้หมด!”
จ้าวอี้เปยและเตาปาต่างใกันทั้งคู่ เ้าหมอนี่คิดจะดักปล้นเหรอ? หรือคิดชิงรถฮัมเมอร์? แม้หมอนี่ท่าทางโเี้ไปหน่อย แต่บนรถก็มีคนถึงสี่คน ซ้ำยังเป็ผู้ชายทั้งหมดด้วย!
แต่เย่เฟิงกับจูไป่เหนี่ยวกลับมองหน้ากัน ทั้งคู่ต่างรู้จักตัวตนของเซวี่ยนเฟิงฝูดี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้