ทันทีที่ซูฉางอันนำตราสัญลักษณ์ของกู่เซี่ยนจวินขึ้นมาแสดงคนเฝ้าประตูหน้าหอหมู่ตันก็สลัดความผยองบนใบหน้าทิ้งไป ปั้นรอยยิ้มประจบประแจงขึ้นมาแทนทันที
“ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ คุณชาย เชิญด้านในเลยขอรับ” เขาโค้งตัวพลางกล่าวขึ้นแม้การมาเที่ยวสำราญพร้อมกับหญิงสาวเช่นนี้จะเป็เื่แปลกในสายตาของพวกเขา แม้สตรีผู้นั้นจะมีหน้าตางดงามงามยิ่งกว่าผู้หญิงทุกคนในหอหมู่ตัน แม้หญิงคนนี้จะแลดูคุ้นตาราวกับเคยเจอที่ไหนมาก่อนก็ตาม
ทันใดนั้น คนเฝ้าประตูพลันเบิกตากว้างเขาจำได้แล้วว่าคนตรงหน้าเป็ใคร... เขาคือศิษย์ที่เคยมาอาละวาดในหอหมู่ตันเมื่อหลายเดือนก่อนนี่นา!
จู่ๆ เขาก็รู้สึกขนหัวลุกขึ้นกะทันหันไม่รู้ว่าครั้งนี้ตัวป่วนตรงหน้าจะมาสร้างเื่สร้างราวอะไรอีกจึงเตรียมจะเดินไปรั้งทั้งสองเอาไว้ แต่เมื่อคิดอีกทีหนุ่มคนนั้นมีตราสัญลักษณ์ที่ตระกูลหลงสร้างเพื่อแขกคนพิเศษอยู่ด้วยตำแหน่งอันแสนต่ำต้อยของตน ย่อมไม่สามารถขวางหนุ่มคนนั้นได้อยู่แล้วดังนั้นหลังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็กัดฟันกรอด แล้วรีบวิ่งตรงไปที่ห้องพักของท่านประมุขทันที
ทันทีที่ซูฉางอันกับฝานหรูเยว่ก้าวเข้าไปในหอหมู่ตัน หญิงวัยกลางคนผู้แต่งกายด้วยชุดของแม่เล้าก็เดินเข้ามาต้อนรับทันที
“ท่านแขกผู้สูงศักดิ์ ทำไมถึงเพิ่งมาเอาตอนนี้เล่า สาวๆรอท่านตั้งนานแล้วนะ” แม่เล้ากล่าวเช่นนั้น
ซูฉางอันสะดุ้งใเขาคิดขึ้นในใจว่าตนกับแม่นางฝานหรูเยว่เพิ่งตัดสินใจว่าจะมาที่นี่จากนั้นก็เดินทางมาทันที ไม่ได้เตรียมการ หรือบอกเื่นี้กับใครเป็การล่วงหน้าแต่ทำไมแม่เล้าผู้นี้ถึงทำราวกับรู้ว่าพวกเขาจะมาตั้งนานแล้วละได้ข่าวว่านักพรตไท่ไป๋ที่หอดารามีความสามารถเื่การทำนายอนาคต หรือแม่เล้าผู้นี้ก็มีความสามารถเช่นนี้อยู่เหมือนกัน?
ทว่าในตอนนั้นเอง ในที่สุดแม่เล้าก็มองเห็นผู้มาเยือนอย่างเต็มตาและภาพที่เห็นก็ทำให้นางหน้าถอดสีไปในทันที
หญิงผู้นี้เป็ยอดบุปผาที่หอหมู่ตันเพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ไม่ใช่รึส่วนหนุ่มคนนี้ก็คือจอมดาราของงานหลอมดาวที่มีเื่มีราวกับท่านประมุขในวันนั้นนั่นเองซึ่งนางเป็หนึ่งในคนที่อยู่ในวันที่เกิดเื่เมื่อหลายเดือนก่อนด้วยแม้ท้ายที่สุด หนุ่มคนนี้จะเป็ฝ่ายยอมแพ้ให้ท่านประมุขแต่ตลอดการทำงานร่วมสามสิบปีที่ผ่านมา เขาเป็คนแรกที่มีเื่มีราวกับท่านประมุขแล้วยังสามารถกลับไปได้อย่างปลอดภัย
นางสะดุ้งใ เตรียมจะปิดบังใบหน้า แล้วถอยหนีไปทันทีแต่ฝานหรูเยว่กลับพูดด้วยท่าทางประหลาดใจขึ้นมาเสียก่อน
“หลิวมามา ท่านนั่นเอง” แน่นอน ฝานหรูเยว่รู้จักแม่เล้าผู้นี้ดีแม้แม่เล้าผู้นี้จะไม่เคยดูแลนาง แต่แม่เล้าคนนี้เป็มามาของหรูเยี่ยน นางจึงรู้จักกับหลิวมามา แน่นอน คำว่ามามา ไม่ได้แปลว่านางคนนี้เป็มารดาของหรูเยี่ยนแต่อย่างใดแต่เป็เพียงคำที่หญิงโคมเขียวใช้เรียกแม่เล้าเท่านั้น
หากเทียบกับมามาคนอื่นๆ ในหอหมู่ตัน หลิวมามานับเป็แม่เล้าที่ไม่เลวเลยนางกับหรูเยี่ยนสนิทสนมกันมาก และเพราะหรูเยี่ยนชอบหรูเยว่นางจึงเอ็นดูหรูเยว่ตามไปด้วย ที่ผ่านมานางก็มักจะคอยช่วยเหลือหรูเยว่อยู่เป็ประจำ
แม่เล้าที่ถูกเรียกว่าหลิวมามาหยุดชะงักลงกะทันหัน นางหยุดเท้าที่กำลังจะก้าวถอยหลังลงอย่างไม่มีทางเลือกแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มฝืนๆ “หรูเยว่... เ้ากับคุณชาย... คุณชายท่านนี้มาได้อย่างไรกัน”
“พวกเรามาเยี่ยมพี่หรูเยี่ยนน่ะ”ฝานหรูเยว่ไม่ได้สังเกตเห็นอาการแปลกๆ ของหลิวมามาเลยสักนิด นางชี้ไปที่หนังสือซึ่งเริ่มกลายเป็สีเหลืองเพราะความเก่าในมือซูฉางอันแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “พวกเราเอาของขวัญมาด้วยละ”
ทางด้านซูฉางอัน หลังมองสำรวจแม่เล้าตรงหน้าั้แ่หัวจรดเท้า เขามั่นใจแล้วว่าหญิงตรงหน้าไม่มีกระแสแห่งพลังอยู่ในกายแม้แต่น้อยจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าทักษะการทำนายอนาคตที่นางใช้ ไม่จำเป็ต้องใช้พลังิญญาหรือไรกระทั่งได้ยินฝานหรูเยว่พูดขึ้น จึงได้สติกลับมาอีกครั้ง เขารีบยกของในมือขึ้นมาแสดงแล้วกล่าวถามขึ้น“พี่หรูเยี่ยนอยู่ไหน? นางว่างอยู่หรือเปล่า?”
ยามนี้เพิ่งจะบ่ายเอง หรูเยี่ยนย่อมว่างอยู่แล้ว ในเวลานี้หอหมู่ตันยังไม่เปิดรับแขกเสียด้วยซ้ำ
หลิวมามารู้สึกลำบากใจเล็กน้อยนางไม่รู้ว่าซูฉางอันกับฝานหรูเยว่มาหาหรูเยี่ยนเพราะเหตุอันใดและไม่รู้ว่าจะเกิดเื่เกิดราวเหมือนในครั้งก่อนขึ้นอีกหรือไม่ หากเกิดเื่ขึ้นเพราะนางแม่เล้าอย่างนางต้องรับผิดชอบไม่ไหวเป็แน่
ขณะกำลังนึกลังเลก็มีเด็กรับใช้เดินเข้ามาหาซูฉางอันรู้สึกคุ้นหน้าเด็กรับใช้ตรงหน้ามากเขาเป็คนเฝ้าประตูที่ปล่อยให้ซูฉางอันกับฝานหรูเยว่เข้ามาเมื่อครู่นั่นเองเขากระซิบบางอย่างที่ข้างหูหลิวมามา ก่อนคิ้วที่ขมวดมุ่นของหลิวมามาจะคลายลงในเวลาต่อมา
เมื่อช้อนสายตาขึ้นมามองซูฉางอันอีกครา นางก็แย้มยิ้มออกมารอยยิ้มที่แสดงอยู่บนใบหน้าของนางในขณะนี้ ช่างแตกต่างไปจากรอยยิ้มฝืนใจเมื่อครู่ซูฉางอันดูออกว่ามันเป็รอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริง
“เป่ยทงเสวียนกลับมาแล้วจริงรึ?” หลิวมามาถามขึ้น
“อืม” ฝานหรูเยว่พยักหน้าหงึกหงัก
“ดี! ดีมาก! ดีจริงๆ! ไม่เสียแรงที่ยัยเด็กหรูเยี่ยนรอมาตั้งหลายปี” หลิวมามาพูดขึ้นขณะที่ปากซึ่งเริ่มปรากฏสีม่วงเพราะอายุที่มากขึ้นจะเริ่มสั่นน้อยๆอย่างกลั้นไม่อยู่
นางดูแลหรูเยี่ยนมาั้แ่ตอนที่ประมุขเพิ่งซื้อตัวหรูเยี่ยนเข้ามาในหอหมู่ตันแม้จะบอกว่าหญิงโคมเขียวไร้หัวใจ สาวนางโลมอำมหิตก็เถิด แต่ทุกคนย่อมมีหัวใจ นางเห็นหรูเยี่ยนมาั้แ่เล็กแต่น้อยมีหรือจะไม่เอ็นดูและจริงใจต่อนาง?
นางไม่เห็นด้วยกับเื่ของหรูเยี่ยนและเป่ยทงเสวียนมาโดยตลอดอย่างไรเสีย พ่อหนุ่มคนนั้นก็มีฐานะยากจนมากเกินไปทว่าหรูเยี่ยนกลับมีนิสัยดื้อรั้น นอกจากจะชอบแต่เขาแล้วยังจ่ายเงินซื้อตัวเองเพื่อให้ได้อยู่กับเขาเป็ประจำ เท่านั้นยังไม่พอเป่ยทงเสวียนไปยังดินแดนตะวันตกนับสิบปี ระหว่างนี้เขาไม่เคยส่งข่าวคราวใดๆ แม้เพียงสักครั้งแต่ถึงกระนั้น หรูเยี่ยนก็ยังปฏิเสธการไถ่ตัวจากชนชั้นสูงและบรรดาเศรษฐีคนแล้วคนเล่าเอาแต่ยืนกรานว่าจะรอเป่ยทงเสวียนแต่เพียงผู้เดียว
เดิมที นางคิดว่าลูกสาวคนนี้คงจะสิ้นสุดอนาคตเพียงเท่านี้แล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าชะตาจะพลิกผันคนที่นางรอมานานจะกลับมาจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนตอนนี้เป่ยทงเสวียนจะได้เป็แม่ทัพอะไรสักอย่างแล้วด้วยแม้หรูเยี่ยนจะไม่ได้เป็ภรรยาหลักเพราะฐานะและอาชีพของนางก็ตาม แต่ด้วยความรู้สึกที่พวกเขาเคยมีต่อกันในอดีตอย่างไรเสียนางก็ต้องได้เป็อนุภรรยาอย่างแน่นอน
ขณะคิดเื่เหล่านี้ในหัว แม่เล้าพลันน้ำตารื้นขึ้นมา ก่อนน้ำใสๆจะไหลลงมาตามริ้วรอยที่หางตา แต่เพียงไม่นานนางก็ตระหนักได้ว่าการหลั่งน้ำตาในที่แบบนี้หาถูกต้องไม่อย่างไรเสีย หอหมู่ตันคือสถานที่แห่งความสำราญและรื่นรมย์
นางจะมาหลั่งน้ำตาในที่แบบนี้ได้เช่นไรกัน ต่อให้จะเ็ปมากเพียงไดก็ต้องอดทนเอาไว้ในใจนางต่อสู้ดิ้นรนมาหลายปี ทำมาั้แ่อาชีพนางโลมจนผันตัวมาเป็แม่เล้าเฉกเช่นทุกวันนี้ ซึ่งที่ผ่านมานางก็ยึดกฎข้อนี้เอาไว้เป็แนวทางในการเอาตัวรอดมาโดยตลอด
ดังนั้น นางจึงเช็ดน้ำตาบนใบหน้าอย่างแเี จากนั้นส่งรอยยิ้มอันเป็เอกลักษณ์ออกมาอีกครั้ง“ตอนนี้หรูเยี่ยนยังว่างอยู่ ข้าจะพาท่านทั้งสองไปพบนางเอง”
หลังพูดจบนางก็รีบโค้งตัวให้แล้วเดินนำซูฉางอันกับฝานหรูเยว่ไปที่ห้องของหรูเยี่ยนทันที
“หรูเยี่ยน” เมื่อมาถึงหน้าประตู แม่เล้าก็เคาะประตู เอ่ยเรียกด้วยเสียงแ่เบา“คุณชายซูกับคุณหนูหรูเยว่มาเยี่ยมเ้าแหน่ะ”
เกิดเสียงดังตึงตังขึ้นภายในห้อง
“มาแล้ว” ผู้ที่อยู่ภายในห้องกล่าวเช่นนั้นซึ่งซูฉางอันฟังออกว่าเ้าของเสียงรู้สึกตื่นตระหนกมากเพียงใด
หรูเยี่ยนเปิดประตูออกมาแล้ว แม้เสื้อผ้าของนางจะยังดูเป็ระเบียบเรียบร้อยอยู่แต่ที่แขนเสื้อกลับมีรอยเปียกให้เห็น ขอบตาของนางแดงก่ำ เครื่องสำอางบนใบหน้าก็แลดูจะเปื้อนไปเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่านางเพิ่งผ่านการร้องไห้มา
“ยัยเด็กโง่เอ้ย ร้องไห้ทำไมกัน นี่เป็เื่ที่น่ายินดีต่างหาก! ” แม่เล้าพูดด้วยท่าทางเอ็นดู
“หรูเยี่ยนรู้เ้าค่ะ หรูเยี่ยน... ไม่ร้องแล้ว” นางตอบเช่นนั้นและพยายามเก็บกลั้นความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ภายในใจ แต่น้ำเสียงของนางก็ยังสั่นเครืออยู่ดีแถมน้ำตาก็แทบจะทะลักออกมาอยู่แล้ว
นางเช็ดคราบน้ำตาที่หางตาอย่างระมัดระวัง และในตอนนั้นเอง ที่นางหันมาเห็นซูฉางอันกับฝานหรูเยว่ที่ยืนอยู่ข้างๆพอดี จึงกล่าวขึ้นด้วยท่าทางประหลาดใจเล็กน้อย “คุณชายซู หรูเยว่ พวกเ้ามาได้อย่างไรกันเชิญเข้ามาข้างในก่อนเถอะ”
แม่เล้าที่อยู่ข้างกันขอตัวลาจากไปเพราะต้องออกไปต้อนรับลูกค้าตามหน้าที่จึงไม่มีเวลาคุยด้วยนานนัก
ซูฉางอันกับฝานหรูเยว่ตามหรูเยี่ยนเข้าไปในห้อง
ห้องนี้ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย แต่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม ประดับประดาด้วยผ้าม่านสีสันสดใสเตียงที่ตั้งอยู่เป็เตียงไม้ที่ผ่านการแกะสลักมาอย่างดีและมีกลิ่นหอมแบบผู้หญิงตลบอบอวลไปทั่ว
“พี่หรูเยี่ยน ท่านรู้เื่รึยัง? เป่ยทงเสวียนกำลังจะกลับมาแล้ว” ฝานหรูเยว่ขยับเข้าไปใกล้แล้วคล้องแขนหรูเยี่ยนพลางกล่าวขึ้น โดยที่ทั้งสามยังไม่ทันได้นั่งลงเลยด้วยซ้ำ
“อืม” หรูเยี่ยนพยักหน้าหงึกหงัก“ข้าเองก็เพิ่งรู้เื่เหมือนกัน” พูดไปพลาง น้ำตาก็รื้นขึ้นมาอีกครั้ง
นางรีบซับน้ำตา รินน้ำชาให้คนทั้งสอง “ช่างน่าอายเหลือเกินอย่าถือสาข้าเลย”
ซูฉางอันส่ายหน้า เขาคิดว่านี่ช่างเป็เื่ที่ยอดเยี่ยมมาก ช่างน่ายินดีเหลือเกินเขาจำได้ว่า มีคำว่า ‘หลั่งน้ำตาแห่งความดีใจ’ อยู่ คาดว่าหรูเยี่ยนในตอนนี้ก็คงจะเป็เช่นนั้นเขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงส่งหนังสือในมือไปให้หรูเยี่ยน
“พี่หรูเยี่ยน ข้าให้” เขาบอกเช่นนั้น
“หืม?” หรูเยี่ยนนิ่งไปก่อนจะยื่นมือไปรับหนังสือที่ดูเก่าและทรุดโทรมเล็กน้อยมาจากซูฉางอันด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ “บทเพลงแห่งหนานเยวียนอย่างนั้นรึ?” นางอ่านชื่อหนังสือ แล้วมองมาทางซูฉางอันอย่างสงสัย
“เป็ของขวัญน่ะ มันเป็หนึ่งในหนังสือที่ข้าชอบที่สุดแล้วข้าคิดว่ามันเหมือนกับเื่ของท่านกับพี่เป่ยทงเสวียนมากเลย!” ซูฉางอันบอกแบบนั้น
ดวงตาของซูฉางอันเปล่งประกายสว่างไสวขณะกล่าว แสงในดวงตาคู่นั้นเจิดจ้าจนหรูเยี่ยนถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียวแม้การมอบหนังสือให้เป็ของขวัญจะแลดูประหลาดไปสักนิด แต่นางก็รับรู้ได้ถึงความจริงใจของซูฉางอันหรูเยี่ยนประกายรอยยิ้มขึ้น ไฝเสน่ห์ที่มุมปากของนางถูกยกขึ้นอย่างน่าหลงใหล นางเก็บหนังสือเล่มนั้นลงในตู้ใต้หัวเตียงอย่างระมัดระวังราวกับว่ามันเป็สมบัติที่แสนล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้น
“ขอบคุณ” นางพูดขึ้นในเวลาต่อมา
“ศิษย์พี่บอกว่าพี่เป่ยทงเสวียนน่าจะมาถึงเมืองหลวงในอีกหนึ่งถึงสองวันนี่แหละเมื่อถึงตอนนั้น เขาต้องรีบบึ่งมาหาท่านอย่างแน่นอน”
“อืม” หรูเยี่ยนพยักหน้า นางรอวันนี้มานานเหลือเกินเมื่อได้ทราบข่าว ทุกวินาทีต่อจากนั้น นับเป็อะไรที่ยาวนานเหลือเกินสำหรับนาง ดีที่คราวนี้นางไม่ต้องรอคอยอย่างไร้จุดหมายเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้วอย่างน้อยนางก็ได้เห็นอนาคตที่รอคอยมานานแสนนานเสียที เมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้ นางก็ฉายประกายรอยยิ้มขึ้นอีกครั้ง
“เกรงว่าคงจะไม่เป็เช่นนั้นหรอก” เสียงที่อ่อนโยนราวเสียงของหญิงสาวดังเข้ามาจากข้างนอก
ทั้งสามสะดุ้งเฮือก และหันไปมองที่มาของเสียงอย่างพร้อมเพรียงจึงได้พบกับชายเ้าของใบหน้าหล่อเหลา ผู้ซึ่งมีท่าทางอ่อนช้อยราวกับหญิง ซึ่งเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับพัดเล่มหนึ่งคนผู้นี้คือประมุขแห่งหอหมู่ตัน หลงเซี่ยงจวินนั่นเอง!
ซูฉางอันลุกขึ้นยืนโดยสัญชาตญาณทันทีเขามีสีหน้าหนักอึ้งขึ้นอย่างฉับพลัน เอาแต่จ้องไปที่ชายผู้มาใหม่พลางถามขึ้น“หมายความว่ายังไง?”
“เพื่อนที่อยู่ในกองทัพบอกกับข้าว่าเป่ยทงเสวียนเจอโจรป่าระหว่างทางกลับ...”
ยังไม่ทันพูดจนจบ หรูเยี่ยนก็ลุกพรวดขึ้นจากที่นั่งแล้วถามขึ้นอย่างเป็กังวลทันที “เขาไม่ไรใช่ไหม?”
หลงเซี่ยงจวินหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาปรายตามองหรูเยี่ยนเพียงครู่หนึ่งพลางกล่าวอย่างพยายามเก็บกลั้นอารมณ์ “เขาไม่เป็ไรหรอกแต่เกรงว่างานนี้คงจะทำให้เขาเสียเวลาไปไม่น้อย คาดว่าน่าจะมาถึงหลังสามวันแน่ๆ”
“แต่อีกสามวันก็เป็งานฉลองพระชนมพรรษาขององค์จักรพรรดิแล้วเขาต้องไม่มีเวลามาหาเ้าแน่ คงต้องรอให้จบงานฉลองพระชนมพรรษาลงก่อนเขาถึงจะมีเวลาว่างอีกครั้ง”
“เช่นนั้นรึ” หรูเยี่ยนคลายความกังวลลงในที่สุดแต่พอได้ยินว่าต้องรอต่อไปอีกหลายวัน ความสิ้นหวังก็ถูกฉายออกมาทางสีหน้าอย่างฉับพลันขณะที่ปากก็เอาแต่พูดกล่าวว่า “ไม่เป็อะไรก็ดีแล้ว รอมาตั้งหลายปีขนาดนี้ให้รอเพิ่มอีกสองสามวันจะเป็ไรไป”
เมื่อเห็นดังนั้น ฝานหรูเยว่กับซูฉางอันจึงพยายามพูดปลอบหรูเยี่ยนและนางก็พูดขอบอกขอบใจทั้งสองด้วยรอยยิ้ม
“หากอยากเจอชายคนรักเร็วๆ ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีหรอกนะ” เสียงแหลมๆของหลงเซี่ยงจวินดังขึ้นอีกครั้ง
“ในงานฉลองพระชนมพรรษาขององค์จักรพรรดิในครั้งนี้ตระกูลหลงก็ได้รับเชิญด้วยเช่นกัน หากข้าพาเ้าไปร่วมงานพร้อมกัน เ้าก็ได้เห็นหน้าคนรักแล้วคาดว่าแม่ทัพเป่ยเองก็น่าจะดีใจไม่น้อยที่ได้พบเ้า”
หรูเยี่ยนชะงักนิ่งไป ก่อนจะประกายความดีอกดีใจขึ้นทางใบหน้า“จริงหรือเ้าคะ?” นางถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“พ่อค้าอย่างข้า ไม่ทำเื่ที่ไม่ได้รับประโยชน์ตอบแทนหรอกนะ หากลองมาคิดๆดูแล้ว หากได้ผูกสัมพันธ์กับแม่ทัพเป่ยเพราะเื่นี้ ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว”หลงเซี่ยงจวินกระพือพัดในมือเบาๆ พลางพูดขึ้น
“ดีจริงๆ” ยังไม่ทันที่หรูเยี่ยนจะได้เอ่ยอะไรฝานหรูเยว่ที่อยู่ข้างกันก็ร้องอุทานขึ้น แล้วพุ่งเข้าสวมกอดนางทันที
เมื่อเห็นท่าทางของคนทั้งสอง ซูฉางอันก็ฉายรอยยิ้มบางๆขึ้นอย่างอดไม่ได้ อคติที่มีต่อหลงเซี่ยงจวินก็ลดน้อยลงไปมาก
“คุณชายซู ข้าขอคุยเป็การส่วนตัวได้หรือไม่” หลงเซี่ยงจวินพูดขึ้น
ซูฉางอันชะงักไป ก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินตามหลงเซี่ยงจวินออกไปนอกห้องในเวลาต่อมา
“เื่ของพี่หรูเยี่ยน ขอบใจมากนะ” เมื่อทั้งสองหยุดลงซูฉางอันก็พูดขึ้น
“หึๆ ไม่เป็ไรหรอก ว่าแต่คุณชายซูเถอะ ท่านช่างมีน้ำใจเสียจริงยื่นมือเข้าช่วยทุกเื่เลยสินะ”
ซูฉางอันรู้สึกเขินอายขึ้นมาเล็กน้อยเขาคิดว่าหลงเซี่ยงจวินกำลังกล่าวชมตนอยู่ จึงเตรียมจะพูดเป็เชิงถ่อมตัวออกไปแต่หลงเซี่ยงจวินก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
“คุณชายซูรู้หรือไม่ว่าเป่ยทงเสวียนเป็ใคร?”
“เป็ใครรึ?”
“บัณฑิต”
ซูฉางอันนิ่งไป ไม่รู้ว่าหลงเซี่ยงจวินหมายถึงสิ่งใดกันแน่เขาเตรียมจะถามสิ่งที่สงสัยออกมา แต่หลงเซี่ยงจวินก็พูดเปลี่ยนเื่ขึ้นเสียก่อน
“มีแต่คนชั้นรากหญ้าเท่านั้น ที่มีน้ำใจต่อผู้อื่น แต่บัณฑิตหามีไม่...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้