เยว่เฟิงเกอเห็นท่าทางตกตะลึงของซ่างกวานม่อิ ก็ได้แต่เบะปาก “ใเพียงนั้นทำอันใด อย่าทำท่าทางเหมือนคนบ้านนอกไม่เคยเห็นโลกเช่นนั้นสิ”
ซ่างกวานม่อิก้มหน้าทุบขาที่เหน็บชาเล็กน้อยจากการต้องนั่งอยู่ในท่านี้มาตลอดทั้งคืน จากนั้นถึงได้ลุกขึ้นยืน
“เยว่เฟิงเกอ เ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าเ้าช่วยมู่เหยียนเฉินและมู่เหยียนรั่วออกมาจากด่านกลไกไร้เทียมทานได้อย่างไร? ” ซ่างกวานม่อิคิดเื่นี้มาทั้งคืนก็ยังไม่เข้าใจ
แรกเริ่มเขาไม่เชื่อคำพูดของเยว่เฟิงเกอ เพราะจะอย่างไรบนโลกใบนี้ก็ไม่มีคนที่แยกเป็สองร่างได้
ร่างหนึ่งอยู่ที่เป่ยชวน อีกร่างแยกไปอยู่เสวี่ยอวี้?
นอกเสียจากเยว่เฟิงเกอจะเป็วิชามนต์ดำบางอย่างที่สามารถแยกิญญาของตนออกมาส่วนหนึ่ง ซึ่งิญญานั้นได้ไปยังแคว้นเสวี่ยอวี้เพื่อช่วยมู่เหยียนเฉินสองพี่น้องออกมา
แต่มนต์ดำเช่นนี้ย่อมส่งผลร้ายต่อร่างกาย ดีไม่ดีอาจถึงแก่ชีวิตได้
ตามความเข้าใจของเขาที่มีต่อเยว่เฟิงเกอ เขาแน่ใจว่านางไม่ได้ไปฝึกวิชามนต์ดำอะไรเช่นนั้นอย่างแน่นอน
ในเมื่อนางไม่เป็วิชามนต์ดำ เช่นนั้นนางจะอธิบายเื่ที่ไปช่วยมู่เหยียนเฉินสองพี่น้องออกมาได้อย่างไร?
เพื่อไขข้อสงสัยในเื่นี้ให้กระจ่าง ซ่างกวานม่อิไม่ได้จากไปไหน เขายอมนั่งรออยู่ที่นี่ทั้งคืน สุดท้ายคิดไปคิดมาก็เผลอหลับไป
เยว่เฟิงเกอมองซ่างกวานม่อิที่มีสีหน้าดื้อรั้น สายตาที่นางใช้มองเขาเหมือนที่ใช้มองคนโง่
“นี่ เ้าจะดื้อดึงเพียงนั้นทำอะไร เพียงเพื่อถามเื่นี้ เ้าเฝ้ารออยู่ที่นี่ทั้งคืน? ”
นางไม่เคยเจอใครที่โง่เง่าเช่นนี้มาก่อน เพื่อปัญหาที่ตนคิดไม่ออกยอมรั้งอยู่ในสถานที่อันตรายทั้งคืน
เขาไม่กลัวว่านางจะเปลี่ยนใจสังหารเขาให้ตายในดาบเดียวหรือ?
แน่นอนว่าซ่างกวานม่อิจะไม่คิดถึงเื่เหล่านี้ได้อย่างไร เพียงแต่ก่อนจะเข้าใจเื่นี้จนกระจ่างแจ้ง เขาไม่มีทางจากไปไหน
อย่างไรเสีย แคว้นเสวี่ยอวี้ก็อยู่ห่างไกลจากแคว้นเป่ยชวนมาก หากเขาถูกเยว่เฟิงเกอไล่กลับไป แต่เมื่อไปถึงแคว้นเสวี่ยอวี้แล้วกลับกลายเป็ว่ามู่เหยียนเฉินและมู่เหยียนรั่วยังออกมาจากเมืองหิมะลุ่มหลงไม่ได้ จะไม่ใช่ว่าเขากลับไปเสียเที่ยวหรือ?
ถึงตอนนั้นการจะจากแคว้นเสวี่ยอวี้มาอีกครั้งก็คงไม่ง่ายแล้ว
อย่างไรก็ตาม เขาเองก็เป็ลูกชายของแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเสวี่ยอวี้ บิดามารดาของเขาเอาแต่เร่งรัดให้เขารีบแต่งภรรยาและมีบุตรเสียที
เนื่องจากพวกเขามีลูกชายอยู่คนเดียว ย่อมต้องอยากให้เขารีบแต่งงาน และมีหลานตัวอวบอ้วนไว้เป็ทายาทสืบสกุลซ่างกวานโดยเร็ว
และเพราะการเร่งรัดไม่ว่างเว้นของบิดามารดา ทำให้ซ่างกวานม่อิแอบหนีออกจากบ้านบ่อยครั้ง
ก่อนเขาจะออกมาจากแคว้นเสวี่ยอวี้รอบนี้ ท่านแม่ทัพใหญ่บิดาของเขาก็ได้เลือกหญิงจากสกุลดีๆ เอาไว้ให้เขาแล้ว
อีกฝ่ายเป็คุณหนูรองจากจวนราชครู ได้ยินว่าหน้าตางดงาม พิณหมากล้อมโคลงกลอนเขียนพู่กันวาดภาพล้วนชำนาญทั้งสิ้น
เพียงแต่นางมีข้อเสียอยู่อย่างเดียว นั่นคือกลิ่นตัวแรง
ซ่างกวานม่อิไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดบิดาถึงได้ตั้งใจจะรับคุณหนูรองจวนราชครูผู้นี้มาเป็ลูกสะใภ้ให้ได้
คนทำราวกับเขาไปทำอะไรนางแล้วต้องรับผิดชอบอย่างไรอย่างนั้น
ดังนั้น เพื่อหลบหนีการแต่งงานครั้งนี้ ซ่างกวานม่อิลงทุนเดินทางอย่างไม่หลับไม่นอนออกมาจากแคว้นเสวี่ยอวี้
เหตุที่เขาตัดสินใจมายังแคว้นเป่ยชวน ประการแรกเพื่อหลบหนีการแต่งงาน ประการที่สองก็เพื่อมาตามหาเยว่เฟิงเกอแล้วแก้แค้นให้มู่เหยียนเฉิน
ด้วยเหตุนี้ ในตอนนี้เขาไม่มีทางยอมให้คำพูดไม่กี่ประโยคของเยว่เฟิงเกอมาไล่เขากลับแคว้นเสวี่ยอวี้ไป จึงยอมเสี่ยงชีวิตรอไต่ถามคนอยู่ที่นี่ทั้งคืน
ซ่างกวานม่อิไม่สนใจที่เยว่เฟิงเกอว่าตนดื้อรั้น และยังคงถามคำถามเดิม “เ้ารีบบอกข้ามา เ้าทำได้อย่างไร ตัวเ้าอยู่แคว้นเป่ยชวน เหตุใดถึงไปช่วยมู่เหยียนเฉินและมู่เหยียนรั่วที่แคว้นเสวี่ยอวี้ได้? ”
แม้แต่เยว่เฟิงเกอยังต้องยอมแพ้ให้ลูกตื้อของซ่างกวานม่อิ นางกล่าวอย่างปลงๆ ว่า “ถ้าข้าบอกเ้าว่า ข้ามีวิชาแยกเงา เ้าจะเชื่อหรือไม่? ”
“วิชาแยกเงา? มันคือสิ่งใด? ” ซ่างกวานม่อิไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าบนโลกนี้จะมีสิ่งที่เรียกว่าวิชาแยกเงาอยู่ด้วย
เยว่เฟิงเกอสร้างเื่โกหก “วิชาแยกเงาที่ว่าก็คือ ตอนกลางคืนข้าสามารถแยกเงาของตนออกเป็สอง หนึ่งในเงานั้นสามารถขึ้น์ลงนรก ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้”
“ข้าสามารถควบคุมเงานั้นให้เหาะเหินเดินอากาศไปยังเมืองหิมะลุ่มหลงในแคว้นเสวี่ยอวี้ ให้เงานั่นช่วยมู่เหยียนเฉินและมู่เหยียนรั่วออกมาจากด่านกลไกไร้เทียมทาน ทีนี้เ้าเข้าใจแล้วหรือยัง? ”
เยว่เฟิงเกอรู้สึกนับถือความสามารถในการพูดไปเรื่อยของตนเป็อย่างมาก
เวลาพูดโกหก นางไม่เคยต้องร่างบทก็สามารถพูดออกมาได้อย่างลื่นไหล
ซ่างกวานม่อิ “อ้อ” ออกมาเสียงหนึ่งก็ก้มหน้าลงไป ในสมองกำลังย่อยข้อมูลเมื่อครู่ที่ได้รับจากเยว่เฟิงเกอ
“เอาละ อะไรที่ควรพูด ข้าก็ได้พูดไปหมดแล้ว เ้ารีบกลับไปแคว้นเสวี่ยอวี้เถอะ” เยว่เฟิงเกอไม่อยากเสวนากับซ่างกวานม่อิอีกต่อไป นางยังมีภารกิจต้องไปทำอีก
เยว่เฟิงเกอไม่สนใจซ่างกวานม่อิอีก มุ่งหน้าไปยังโรงพนันว่านจิน
เพียงแต่นางเพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เห็นรถม้าคันหนึ่งมุ่งหน้ามา
รถหยุดลงตรงประตูหลังจวน จากนั้นก็เห็นม่อเสวียนเช่อะโลงมาจากรถม้าคันนั้น ก่อนจะเหลียวมองซ่างกวานม่อิไปทีหนึ่ง แต่ก็จำอีกฝ่ายไม่ได้
ทว่า ตอนที่ม่อเสวียนเช่อเตรียมจะเข้าจวนอ๋องผ่านทางประตูหลังจวนอยู่นั้น จู่ๆ ซ่างกวานม่อิก็เรียกคนไว้
“ม่อเสวียนเช่อ เ้าจะไปหาเยว่เฟิงเกอหรือ? ” นี่เป็สิ่งเดียวที่ซ่างกวานม่อิพอจะนึกออก
ม่อเสวียนเช่อถูกซ่างกวานม่อิเรียกเช่นนี้ก็ถึงกับต้องหยุดฝีเท้าแล้วหันมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้างุนงง
เนื่องจากซ่างกวานม่อิยังแปลงโฉมอยู่ การที่ม่อเสวียนเช่อจะจำเขาไม่ได้ก็เป็เื่ธรรมดายิ่ง
ซ่างกวานม่อิคิดได้เช่นนั้นก็กระชากหน้ากากหนังมนุษย์ออกมาต่อหน้าต่อตาม่อเสวียนเช่อ
โชคดีที่ม่อเสวียนเช่อเคยเห็นวิชาแปลงโฉมของเยว่เฟิงเกอมาก่อนแล้ว จึงไม่ใตอนเห็นซ่างกวานม่อิถอดหน้ากาก
ยามที่เขาเห็นว่าอีกฝ่ายคือซ่างกวานม่อิ ใบหน้าก็ค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้ม “เหตุใดถึงเป็เ้าไปได้ เ้าเองก็มาหาเยว่เฟิงเกอหรือ? ”
เยว่เฟิงเกอที่ยืนห่างจากพวกเขาออกไปไม่ไกลเห็นว่าสองคนนี้พูดคุยกันอย่างสนิทสนมก็ให้รู้สึกแปลกใจยิ่ง
ม่อเสวียนเช่อไปรู้จักซ่างกวานม่อิได้อย่างไร มิหนำซ้ำคนทั้งสองยังดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ต่อกันไม่เลวด้วย?
ซ่างกวานม่อิยิ้มบางๆ ให้ม่อเสวียนเช่อ “เมื่อคืนข้ารอเยว่เฟิงเกออยู่ทั้งคืน นางเพิ่งออกไปเมื่อครู่” พูดจบก็หันมองไปทางเยว่เฟิงเกอ
เมื่อเห็นว่านางยังคงไม่ได้ไปไหน ซ่างกวานม่อิจึงชี้นิ้วไปที่นางที่แปลงโฉมแล้ว “นางยืนอยู่นั่นอย่างไรเล่า เมื่อครู่ข้าเพิ่งสนทนากับนางเสร็จ”
ม่อเสวียนเช่อเบนศีรษะไปมองทางที่เยว่เฟิงเกอยืนอยู่
สิ่งที่เขาเห็นคือสตรีนางหนึ่งที่ไม่คุ้นตา นางกำลังจ้องเขาตาไม่กะพริบ
เมื่อนึกถึงครั้งก่อนที่เขามาจวนอ๋องแล้วได้เจอเยว่เฟิงเกอที่กำลังปลอมตัวเป็บุรุษ ม่อเสวียนเช่อก็เข้าใจทันที เกรงว่าสตรีนางนี้จะเป็เยว่เฟิงเกอที่แปลงโฉมแล้ว
เขารีบร้อนเดินก้าวยาวๆ มาหาเยว่เฟิงเกอ สีหน้าดูดีใจอย่างที่สุด “พี่สะใภ้รอง เช้าวันนี้เสด็จแม่ข้าร่ำร้องอยากพบเจอท่านแต่เช้า ท่านเข้าวังไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่กับข้าเถอะ”
เยว่เฟิงเกอคิดว่าเหตุที่ฮองเฮาคิดถึงนางเพียงนี้คงจะเป็เพราะพวกนางต่างก็ย้อนเวลามาเหมือนกัน จึงมีเื่มากมายอยากจะสนทนาด้วยกระมัง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเยว่เฟิงเกอก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา “เช่นนั้นรบกวนองค์ชายสามรอข้าอยู่ตรงนี้สักครู่ ข้าจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วจะตามท่านเข้าวัง”
ม่อเสวียนเช่อขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย “บอกแล้วว่าพี่สะใภ้ไม่ต้องเรียกข้าว่าองค์ชายสาม เรียกชื่อข้าตรงๆ ก็พอแล้ว”
เยว่เฟิงเกอเห็นม่อเสวียนเช่อขมวดคิ้วทำสีหน้าไม่พอใจราวกับเด็กเล็กๆ ก็ยิ้มกล่าวว่า “ได้ๆๆ วันหน้าข้าจะเรียกเ้าว่าม่อเสวียนเช่อ เพียงเท่านี้เช่อเช่อน้อยพอใจแล้วใช่หรือไม่”
ม่อเสวียนเช่อแย้มยิ้มเต็มใบหน้า เขาพยักหน้าให้เยว่เฟิงเกอ “พี่สะใภ้รองไปเปลี่ยนอาภรณ์เถอะ ข้าจะรอท่านอยู่ที่นี่”
เยว่เฟิงเกอเดินไปตรงหน้าซ่างกวานม่อิ รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปทันที สายตานางเ็า ยามมองเขาก็ราวกับกำลังส่งสัญญาณเตือน “ห้ามทำร้ายม่อเสวียนเช่อ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ให้เ้าได้จากที่นี่ไปแบบเป็ๆ แน่”
ซ่างกวานม่อิเห็นว่าเมื่อครู่ยามที่เยว่เฟิงเกอสนทนากับม่อเสวียนเช่อ คนยังยิ้มแย้มอารมณ์ดี พอมาคุยกับเขาทีกลับทำสีหน้าเ็าน่ากลัว
ในใจเขารู้สึกไม่สบายเอาเสียเลย
เขาก้มหน้าลงไป ไม่กล่าววาจา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้