“ไม่ได้ ฉันต้องไปเอาเนื้อกลับมา!” สิ้นเสียง เจิ้งหยวนก็วิ่งพรวดออกไปข้างนอก จึงเผอิญเจอกับเจิ้งเฉวียนกังที่เพิ่งกลับบ้านพอดี
“แกกำลังจะทำอะไร?” เจิ้งเฉวียนกังเรียกเธอไว้ คิ้วสองข้างขมวดมุ่น
แน่นอนว่าเจิ้งหยวนไม่เต็มใจบอกความจริงกับเขาอยู่แล้ว หากปล่อยให้เจิ้งเฉวียนกังรู้ เธอจะไปทวงเนื้อจากบ้านคุณลุงใหญ่ได้อย่างไร จึงตอบปัดว่า “ฉันนึกได้ว่าลืมกระบอกน้ำไว้ที่ลานข้าวสาลี จะไปเอาค่ะ” ทันทีที่พูดจบ เจิ้งเจวียนก็วิ่งตามมาข้างหลังติดๆ สาวน้อยวิ่งพลางร้องะโ “พี่สาวรองรอฉันด้วย ฉันจะไปบ้านลุงใหญ่กับพี่”
เจิ้งหยวนหุบปากฉับ “…”
เจิ้งเฉวียนกังที่ได้ยินค่อยถึงบางอ้อ เยี่ยมจริงๆ นังลูกคนนี้รู้จักกุเื่หลอกคนแล้ว พลันจับแขนเจิ้งหยวนลากเธอเข้าบ้านทันที โดยไม่สนว่ารอบข้างยังมีหลายคนรอดูอยู่ แลแล้วหันมาตะคอกใส่เจิ้งเจวียนต่อ “ตามฉันเข้าบ้านให้หมด!”
เจิ้งเจวียนกลัวเจิ้งเฉวียนกังที่สุด เมื่อโดนตะคอกใส่จนหัวหด จึงหมุนตัวกลับเข้าบ้านอย่างว่าง่าย
เจิ้งหยวนถูกลากเดินเซไปเซมา แรงของเธอสู้พ่อที่ทำนามาทั้งชีวิตไม่ได้ ส่งผลให้ดิ้นอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุดจนพ่อของเธอปล่อยมือเอง เมื่อก้มมองก็พบว่าบนข้อมือทิ้งรอยแดงเด่นชัดไว้ เธอหมุนข้อมือ ทดสอบดูว่าพ่อเธอยั้งมือไม่ทำมันหัก
“แกพูดมา จะไปทำอะไรที่บ้านลุงใหญ่?” เสียงเจิ้งเฉวียนกังดังสนั่น บ่งบอกความเกรี้ยวกราดของเขา
ทั้งบ้านมีเพียงคนเดียวที่อ่านสถานการณ์เก่ง นั่นก็คือเฝิงิเยว่ หลังเธอไล่เด็กๆ ออกไปจนหมดก็ปิดประตูบ้าน ป้องกันเสียงทะเลาะเล็ดลอดออกไป
จริงๆ แล้วเจิ้งหยวนไม่ได้อยากทะเลาะเลยสักนิด นิสัยเธอไม่ใช่เด็กวัยรุ่นอายุสิบแปดอีกต่อไปแล้ว เธอเป็สตรีวัยกลางคนอายุห้าสิบกว่า ทำสิ่งใดล้วนผ่านการพิจารณามาก่อน เธอไม่ได้จะไปทวงเนื้อกลับมาให้ได้หรอก แค่ต้องทำเหมือนจะทวง และต้องให้เพื่อนบ้านรอบบริเวณรู้ด้วยว่าไปเอาเนื้อที่บ้านลุงใหญ่แล้ว เธอเป็เหมือนชนวนะเิตอนสิบแปด หากไม่เอะอะโวยวาย คนในหมู่บ้านต้องคิดว่าเธอร้อนตัวแน่? แล้วเธอจะร้อนตัวทำไม? เพราะข่าวลือที่แพร่กระจายก่อนหน้านี้เธอเป็คนปลุกปั่นใส่บ้านลุงใหญ่หรือเปล่า? ที่แท้เจิ้งสยาไม่ได้พูดโกหก เธอหาคนรักในอำเภอจริงๆ ใช่ไหม?
แต่เื่นี้กลับไม่อาจเล่าให้พ่อฟัง ในมุมมองของพ่อ เธอเป็คนใจแคบที่เห็นแก่ผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว หรือหากใช้คำที่ตรงไปตรงมาระคายหูหน่อยก็คือ เจิ้งเฉวียนกังคิดว่าเธอค่อนข้างหัวดื้อ คิดว่าตัวเองดีงามสูงส่ง แน่นอนว่าหากเจิ้งเฉวียนกังปักใจเชื่อสิ่งใด ก็จะไม่มีใครเปลี่ยนใจเขาได้ นอกจากนี้ พ่อของเธอยังรังเกียจพวกเ้าแผนการที่สุด หากแต่ว่าคนประเภทที่พ่อเธอเกลียดก็คือเธอเองนั่นละ หนำซ้ำเป็ลูกก็ต้องอ่อนน้อมต่อพ่อ ยิ่งเป็ลูกสาวอีก ย่อมไม่มีสถานะใดในครอบครัว พูดอะไรไปก็ไม่เกิดผล
เจิ้งหยวนรู้สึกเหนื่อยใจเล็กน้อย ทั้งยังน้ำท่วมปาก แต่เธอเลือกที่จะไม่ระบายออกมาเลยสักคำเดียว เจิ้งหยวนมองเส้นเืปูดโปนด้วยความโกรธตามลำคอและหน้าผาก ดวงตาที่แทบถลนออกจากเบ้าของคุณพ่อ แล้วลอบถอนหายใจ ก่อนคิดกับตัวเอง เมื่อเธอกลับมาเกิดใหม่ สิ่งที่คาดหวังที่สุดคือให้ครอบครัวสบายใจไม่ใช่หรือ?
“ฉันจะไปขอโทษคุณลุงใหญ่ที่บ้านเขา พ่อไม่ได้บอกให้ฉันไปขอโทษเหรอ?”
ทันทีที่ประโยคนี้หลุดจากปาก ทั้งห้องพลันตกอยู่ในความเงียบ
ส่งผลให้เจิ้งเฉวียนกังที่เตรียมเปิดปากด่า และทำท่าจะลงไม้ลงมือหลังคาดว่าเธอจะพูดคำว่า ‘ไปทวงเนื้อ’ จบ ทั้งคนอื่นๆ ที่เตรียมช่วยไกล่เกลี่ยก็นิ่งค้าง คาดไม่ถึงว่าอยู่ดีๆ เหตุการณ์ก็กลับตาลปัตร กลายเป็ว่าคำพูดพวกนี้ออกมาจากปากของเจิ้งหยวนแทน
มันผิดปกติสุดๆ !
เฉินชุ่นอวิ๋นตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อในพริบตา เจิ้งเทียนิห้ามปากไม่ทัน โพล่งถามไปตามตรง “ฮะ นี่ใช่คนเดียวกับน้องสาวรองของฉันเหรอเนี่ย?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้