บทที่ 1 สหายวัยเยาว์คือจักรพรรดินีในอนาคตงั้นรึ?
ดินแดนบูรพา แคว้นจื่อหยาง
ใต้ท้องฟ้าอันเจิดจ้า ถนนหลวงพลุกพล่านไปด้วยรถรา คาราวานม้ากว่าสิบคันกำลังเร่งรุดไปบนเส้นทางอย่างรวดเร็วราวติดปีก ขบวนเกวียนนับร้อยเคลื่อนตามมาไม่ขาดสาย
หลี่โม่ บุรุษหนุ่มในอาภรณ์ผ้าไหมเปิดม่านรถออก ใบหน้าขาวซีดพลางสูดอากาศบริสุทธิ์เต็มปอด
"เฮ้อ..."
"ออกเดินทางไกลในยุคโบราณนี่มันทรมานกันชัดๆ แค่ก!"
เมื่อเปิดม่านรถ เขาก็สำลักฝุ่นควันที่ฟุ้งตลบจนไอโขลกสองสามครั้ง
"คุณชายขอรับ อีกสองวันถึงจะถึงสำนักชิงเยวียนขอรับ"
พ่อบ้านผู้บังคับรถม้าหัวเราะแห้งๆ พลางเอ่ยเสริมอย่างระมัดระวังว่า
"รถม้าของจวนเรานี้ จัดว่าเดินทางได้สบายที่สุดแล้วขอรับ"
"อืม" หลี่โม่ตอบรับพลางถอนหายใจแ่ในใจ
เทียบกับรถไฟความเร็วสูงหรือเครื่องบินแล้ว... นี่ก็ยังห่างไกลนัก
เมื่อสองวันก่อน เขาได้ไขปริศนาชาติกำเนิดและตื่นรู้ถึงความทรงจำในชาติภพก่อน ซึ่งในชาติก่อน เขาเคยอยู่บน 'โลกสีคราม' สถานที่ที่วิทยาการรุ่งเรืองสุดขีด
ทว่า 'ราชวงศ์ต้าอวี้' กลับแตกต่างออกไป นี่คือโลกที่ผู้คนต่างเทิดทูนวิถีแห่งยุทธ์ พลังอำนาจล้วนขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งส่วนบุคคล
ตอนนี้เขามีอายุครบสิบหกปี ยังไม่ทันได้อิ่มเอมกับชีวิตสุขสบายในฐานะคุณชายตระกูลใหญ่แห่งยุคโบราณ ก็ถูกบิดาส่งขึ้นรถม้า มุ่งหน้าสู่สำนักชิงเยวียน หนึ่งในสามสำนักใหญ่แห่งแคว้นจื่อหยาง เพื่อเข้าร่วมการทดสอบแรกเข้า
"ฝึกยุทธ์งั้นหรือ..."
หลี่โม่เผยแววตาครุ่นคิด พลางแหงนมองดวงตะวันสามดวงที่แขวนเด่นอยู่บนฟากฟ้า จากที่เขาได้ยินเื่เล่าจากบุรุษหนุ่มคนอื่นๆ ที่ร่วมเดินทาง วิถีแห่งยุทธ์ในโลกใบนี้ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับบิดาของเขาก็ยังเป็เพียงระดับ 'ทองแดง' เท่านั้น
ร่ำลือกันว่า ดวงตะวันทั้งสามดวงบนฟากฟ้า ล้วนถือกำเนิดขึ้นจากการแปรเปลี่ยนร่างของอดีตฮ่องเต้ราชวงศ์ต้าอวี้สองพระองค์ นี่มิใช่เพียงตำนานเล่าขาน หากแต่เป็ประวัติศาสตร์ที่ถูกบันทึกไว้ชัดเจน
ณ โรงเตี๊ยม
หนึ่งชั่วยามต่อมา ฟ้ายามสนธยา
ขบวนคุ้มภัยหยุดลงอย่างช้าๆ ณ โรงเตี๊ยมรายทางแห่งหนึ่ง
หลี่โม่เพิ่งจะก้าวลงจากรถม้า ขณะที่รถคันหลังก็เปิดม่านขึ้นพร้อมกัน
หญิงสาวในอาภรณ์ผ้าครามเข้มเนื้อหยาบ ผิวพรรณเนียนละเอียดราวกับเครื่องเคลือบสีขาวใต้แสงจันทร์ เรือนร่างในวัยแรกแย้มเริ่มเผยความอ่อนช้อยงดงาม ส่วนสูงแทบจะทัดเทียมหลี่โม่แล้ว
การเดินทางอันยาวนานหลายวัน รวมถึงความเจ็บป่วยที่รุมเร้า ทำให้ใบหน้างดงามบริสุทธิ์และสง่างามของนางฉายแววบอบบางอ่อนแอเล็กน้อย ทว่าก็ยังคงงดงามจนน่าตกตะลึง แม้จะเหนื่อยล้า อ่อนแรง และสวมอาภรณ์เรียบง่าย ทว่าเพียงแรกเห็น ผู้คนก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า 'สาวงามทั่ววังหลวงล้วนไร้สีสัน' และนั่นมิใช่เพียงถ้อยคำเปรียบเปรย
ชื่อของหญิงสาวผุดขึ้นในห้วงความคิดของหลี่โม่
อิ๋งปิง
ตระกูลหลี่และตระกูลอิ๋งเป็สหายกันมาหลายชั่วรุ่น พวกเขาไปมาหาสู่กันอย่างสนิทสนมั้แ่รุ่นปู่ย่า เมื่อมาถึงรุ่นของหลี่โม่และอิ๋งปิง ผู้ใหญ่ทั้งสองตระกูลจึงตั้งใจจะส่งเสริมให้บุตรหลานแต่งงานกัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
"เ้าอยากกินอันใด ข้าจะกำชับให้ห้องครัวจัดการให้"
หลี่โม่กล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก
นางเดินผ่านเขาเข้าสู่โรงเตี๊ยมไปโดยที่ดวงตาเย็นเยียบนั้นไม่แม้แต่จะชายตาแลหลี่โม่แม้แต่น้อย เหลือทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมจางๆ
"คุณหนูอิ๋งเพิ่งประสบเหตุเภทภัยในครอบครัว จึงได้..."
"ไม่ต้องช่วยนางแก้ตัวหรอก เป็ข้าเองที่เมื่อก่อนเหลวไหลเกินไป" หลี่โม่รู้สึกจนใจ
อนิจจา...
เกิดใหม่ในโลกใบใหม่นี้ ตัวเองกลับกลายเป็เด็กไม่เอาไหนเช่นนี้ ฐานะทางบ้านมั่งคั่ง แถมยังถูกทุกคนในบ้านตามใจ เื่ไร้สาระน่าหงุดหงิดก็ทำมาไม่น้อย ยกตัวอย่างเช่น แอบมองสาวใช้ตัวเล็กอาบน้ำ ซ่อนประทัดไว้ในกองฟืน...
เมื่อหลายปีก่อน สัตว์อสูรภัยพิบัติบุกเข้าเมือง ครอบครัวตระกูลอิ๋งทั้งหมดประสบเคราะห์กรรมน่าเศร้า คงเหลือเพียงอิ๋งปิง ผู้เป็บุตรสาวเพียงคนเดียว บิดาข้าจึงให้นางมาพำนักอยู่ที่จวนหลี่เป็การชั่วคราว
หลี่โม่เองก็แกล้งอิ๋งปิงไม่น้อย ทว่าในใจ เขาก็ชอบนางเข้าให้แล้ว
มันคล้ายกับเด็กหนุ่มที่แกล้งแหย่สตรีที่ตนหมายตา หวังดึงดูดความสนใจ...
"เป็ที่รู้กันดีว่า ผู้ที่ต้องเสียไปทั้งครอบครัว มักไม่ธรรมดา"
ในฐานะที่ชาติก่อนเป็นักอ่านนิยายตัวยง หลี่โม่ก็อดคิดเชื่อมโยงไปเองในใจไม่ได้
"ซุปมาแล้วขอรับ!"
เสี่ยวเอ้อร์หน้าบานยื่นถ้วยซุปมาให้ หลี่โม่มุมปากกระตุกเล็กน้อยพลางพึมพำ
"นี่ข้าอุตส่าห์เกิดมาสองชาติแล้ว ไฉนเลยยังไม่มี 'นิ้วทองคำ' หรืออะไรมาให้ใช้บ้างเลย..."
"สวัสดีขอรับ มีแน่นอนขอรับ!"
"ใครพูด!?" หลี่โม่สะดุ้งสุดตัวราวกับแมวถูกเหยียบหาง
"คุณชาย?" พ่อบ้านมองอย่างงงงวย คุณชายของเขาเป็อะไรไปอีกแล้ว?
"ไม่มีอะไร สงสัยหูอื้อไปเอง"
หลี่โม่ขมวดคิ้ว ขณะที่เขากำลังสงสัยว่าตนหูฝาดไปหรือไม่ เสียงนั้นก็ดังก้องขึ้นในใจอีกครั้ง
"ในเมื่อท่านเ้าของระบบ ถามด้วยความจริงใจถึงเพียงนี้ ระบบนี้จึงจำต้องปรากฏตัวขอรับ"
หลี่โม่ "......?"
หมายความว่าหากข้าไม่เอ่ยถาม เ้าก็จะไม่เผยตัวงั้นหรือ? ช่างเถอะ... นั่นหาใช่ประเด็นสำคัญไม่
"เ้าระบบ เ้าคืออะไร?"
"ระบบนี้คือ 'ระบบลงทุนคืนกำไร' ขอรับ"
"ท่านเ้าของสามารถลงทุนกับเป้าหมายใดก็ได้ขอรับ ยิ่ง 'ลิขิตฟ้า' บนตัวเป้าหมายการลงทุนแข็งแกร่งมากเท่าไร รางวัลที่ได้รับก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้นขอรับ"
"หากเป้าหมายการลงทุนมีการพัฒนาครั้งใหญ่ ก็จะได้รับรางวัลเพิ่มเติมอีกด้วยขอรับ"
หลี่โม่เลิกคิ้วเล็กน้อย เป้าหมายใดก็ได้งั้นหรือ?
"ถ้าเช่นนั้น ข้าสามารถลงทุนกับตนเองได้หรือไม่?"
"ข้าได้มอบ 'เนตรทิพย์ลิขิตฟ้า' ให้แก่ท่านเ้าของแล้วขอรับ ส่วนจะมีคุณค่าในการลงทุนหรือไม่ โปรดตัดสินใจด้วยตนเองขอรับ"
เช่นนั้นก็หมายความว่าทำได้สินะ
ขณะที่หลี่โม่กำลังคิดเช่นนั้น พลันบางสิ่งบางอย่างที่ยากจะเข้าใจก็ไหลหลั่งเข้าสู่สมอง สิ่งนั้นมองไม่เห็น ััไม่ได้ แต่กลับมีอยู่จริง
เขาไม่รู้ถึงความลึกลับซับซ้อนของสิ่งนั้น แต่กลับพบว่าตนเองสามารถใช้งานมันได้ ทว่าข้อมูลเ่าั้กลับคลุมเครือยากจะทำความเข้าใจ มิใช่ทั้งเสียงหรือตัวอักษร
เนตรทิพย์ลิขิตฟ้า?
หลี่โม่ขมวดคิ้ว เขาเองก็ยังดูไม่เข้าใจเลย
ชั่วพริบตาต่อมา แผงหน้าปัดหนึ่งพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา คล้ายกำลังปรับเปลี่ยนให้ใช้งานง่ายขึ้น
【ชื่อ: หลี่โม่】
【อายุ: 16 ปี】
【รากฐานกระดูก: ไม่มี】
【ระดับพลัง: ปุถุชน】
【ลิขิตฟ้า: สีเทา(พร์บกพร่อง, โชคชะตาอาภัพ)】
【คำประเมิน: พร์ติดตัวด้อย พลังกายอ่อนแอ ไม่ใช่คนที่มีพร์ด้านการฝึกยุทธ์ นอกจากรูปงามและมีบิดาที่ดีแล้ว เ้ายังมีสิ่งใดอีกเล่า? เ้าเป็อะไรกันแน่?】
【เหตุการณ์ล่าสุด: พบกับระบบนี้】
"......"
ช่างเป็ความจริงที่น่าเ็ป
แม้จะไม่สุภาพนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาไร้ซึ่งคุณค่าแห่งการลงทุนโดยสิ้นเชิง
"ในบรรดาพวกที่ไปสำนักชิงเยวียนพร้อมกันจากในอำเภอนี้ ก็น่าจะมีคนที่เข้าตากรรมการอยู่บ้างสิน่า"
หลี่โม่มิได้สนใจอาหารตรงหน้าแล้ว เขายกศีรษะขึ้น แววตาฉายความครุ่นคิดซับซ้อน มองดูเพื่อนร่วมทางที่กำลังพักกินข้าวอยู่ในโถงใหญ่
【ชื่อ: เหอหย่ง】
【อายุ: 16 ปี】
【รากฐานกระดูก: ไม่มี】
【ระดับพลัง: ขอบเขตปราณโลหิตขั้นหนึ่ง】
【ลิขิตฟ้า: สีขาว (เฉกเช่นต้นกกหญ้า)】
【คำประเมิน: ปุถุชนสามัญทั่วไป ราวต้นกกหญ้าและแมลงเม่า มิได้มีสิ่งใดโดดเด่นเป็พิเศษ】
【เหตุการณ์ล่าสุด: เกิดมาจากการตัดฟืน เบี้ยเดินทางก็ยืมเพื่อนบ้านมา และกำลังกลัดกลุ้มเื่หาเงินคืน】
...
【ชื่อ: เฉินเสี่ยวเยี่ยน】
【อายุ: 16 ปี】
【รากฐานกระดูก: ไม่มี】
...
...
หลี่โม่ตรวจดูสองสามคน ส่วนใหญ่ลิขิตฟ้าเป็เพียงสีขาว อย่างดีที่สุดก็เป็สีเขียว
เมื่อหลี่โม่กวาดสายตาไปยังมุมหนึ่ง พลันตรงหน้าเขาก็ปรากฏแสงสีน้ำเงินอมเขียวขึ้น
【ชื่อ: หวังหู่】
【อายุ: 16 ปี】
【รากฐานกระดูก: แขนเสือ เอวเสือดาว】
【ระดับพลัง: ขอบเขตปราณโลหิตขั้นสาม】
【ลิขิตฟ้า: สีเขียว (มีพร์เล็กน้อย)】
【คำประเมิน: มีพร์อยู่บ้าง หากหมั่นเพียรฝึกฝน อนาคตอาจประสบความสำเร็จ ทว่าจิตใจคับแคบ ผูกพยาบาทแม้เื่เล็กน้อย อีกทั้งยังโอหังกร่างกราย ง่ายที่จะก้าวสู่เส้นทางอำมหิต】
【เหตุการณ์ล่าสุด: วิชาฝ่ามือถึงทางตัน ้าประลองเพื่อทะลวงผ่านอย่างเร่งด่วน】
...
กล่าวโดยรวมแล้ว ยังมิมีเป้าหมายใดที่คู่ควรแก่การลงทุนเป็พิเศษเลย มีเพียงหวังหู่ที่ดูพอใช้ได้ แต่กลับมีเื่บาดหมางกับข้าเสียอีก
ในขณะนั้นเอง
"คุณท่านขอรับ ซุปไก่ที่ท่านสั่งได้แล้วขอรับ ตามที่ท่านกำชับมา ข้าใส่โสมูเาอายุสิบปีลงไปด้วยขอรับ"
เสี่ยวเอ้อร์เอ่ยทักพลางเตรียมยกกล่องอาหารขึ้นไปยังเบื้องบน
"เดี๋ยว!"
พลันในใจหลี่โม่ก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้น เขาจึงเอ่ยเรียกชายผู้นั้นไว้
"ข้าจะถือขึ้นไปเอง"
ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของเสี่ยวเอ้อร์ หลี่โม่ก็รับกล่องอาหารมา
สายตาของเขาทอดมองไปยังห้องปีกปลายสุดของชั้นสอง
นางจะมีลิขิตฟ้าเช่นไรกันนะ?
ก๊อก ก๊อก…
เคาะประตูเพียงครู่ เสียงแ่เบาก็ดังมาจากด้านใน
"เข้ามา"
หญิงสาวนั่งนิ่งอยู่ริมหน้าต่าง แสงจันทร์สาดส่องผ่านม่านโปร่ง อาบไล้เรือนผมดำขลับดุจสายน้ำ สะท้อนประกายเรืองรองแ่เบาในดวงตาของนาง
เมื่อเห็นว่าเป็หลี่โม่ที่ก้าวเข้ามา คิ้วโก่งดุจวาดของนางก็ขมวดเล็กน้อย
ทว่าหลี่โม่มิได้มีเวลาสังเกตสีหน้าท่าทางใดๆ เพราะเขายืนนิ่งตะลึงงันอยู่กับที่เสียแล้ว
ตรงหน้าหลี่โม่ปรากฏข้อมูลของอีกฝ่ายขึ้นอย่างเด่นชัด
【ชื่อ: อิ๋งปิง】
【อายุ: 16 ปี】
【รากฐานกระดูก: กายาจันทราหงส์ไท่อิน】
【ระดับพลัง: ไม่มี】
【ลิขิตฟ้า: .....&฿;“/:-】
พอมาถึงตรงนี้ 'เนตรทิพย์ลิขิตฟ้า' ก็ดูจะทำงานติดขัดเล็กน้อย ราวกับข้อมูลพลังหรือลิขิตชะตาบนตัวอิ๋งปิงมีมากเกินไป จนระบบเกิดอาการสะดุด
ไม่กี่วินาทีต่อมา ข้อมูลส่วนที่เหลือจึงค่อยๆ ปรากฏขึ้นช้าๆ
【ลิขิตฟ้า: สีแดง (กระดูกจักรพรรดิ, ชีวิตดุจเหมันต์นิรันดร์, จิติญญาดุจวารีสารท, รูปลักษณ์แห่งหงส์์)】
【คำประเมิน: แม้ชะตาจะพบภัยพิบัติมากครั้ง แต่นางก็พลิกร้ายกลายเป็ดีได้เสมอ ตอนนี้ปีกยังมิผลิบานเต็มที่ รอเมื่อสถานการณ์โลกเปลี่ยนไป นางจะโบยบินขึ้นสู่เก้าฟ้าสิบพิภพ เป็หงส์ผู้ปกครองทั่วหล้าแปดทิศอย่างแท้จริง】
【เหตุการณ์ล่าสุด: ก่อนที่กายาจันทราหงส์ไท่อินจะเปิดเส้นชีพจร ร่างกายจะแสดงอาการของชีพจรดับสนิท ก่อนจะควบคุมพลังแห่งไท่อินได้อย่างสมบูรณ์ จะต้องทนทุกข์ทรมานจากความหนาวเย็นสุดขั้วทุกวัน】
"!?"
เยี่ยมเลย... ข้าว่าแล้วเชียว แม้แต่สีก็ยังไม่มีเสียด้วยซ้ำ แสดงว่าระบบประเมินจาก 'ปรากฏการณ์พิเศษ' โดยตรงตามที่ 'เนตรทิพย์ลิขิตฟ้า' ประเมิน ลิขิตฟ้าจะเรียงจากต่ำไปสูงคือ
สีดำ, สีเทา, สีขาว, สีเขียว, สีคราม, สีม่วง, สีทอง
นอกจากจะไม่ได้สีเหล่านี้ นางยังได้ลิขิตฟ้าสีแดง
ลิขิตฟ้าเหล่านี้มิได้แบ่งแค่ตามสี หากแต่จะแบ่งตาม'ปรากฏการณ์พิเศษ' ที่จะเกิดขึ้นด้วย
ย้อนไปที่ 'ไท่จู่หวู่ตี้' ผู้สถาปนาเก้าฟ้าสิบพิภพและตั้งราชวงศ์ต้าอวี้ให้เผ่ามนุษย์ ในบันทึกประวัติศาสตร์เขียนไว้ชัดเจนว่า ตอนที่พระองค์ประสูติ มีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ปรากฏพร้อมกันบนฟ้า ดาวราศีจักรก็เคลื่อนไหว แถมยังมีเต่าศักดิ์สิทธิ์แบกศิลาจารึกมามอบชื่อให้ เมื่อคิดดูแล้ว นี่ก็คงเป็สิ่งที่เรียกว่า 'ปรากฏการณ์พิเศษแห่งลิขิตฟ้า' นั่นเอง
ภรรยาที่ยังไม่ได้แต่งงานของข้า คือผู้ที่จะเทียบเคียง 'ไท่จู่หวู่ตี้' ในอนาคตงั้นหรือ?
อืม... ช่างกะทันหันเกินไปนัก
หลี่โม่พลันจมดิ่งสู่ห้วงความคิด ใคร่ครวญถึงชีวิตตนเอง
"เอ่อ... ซุปไก่ รีบดื่มตอนร้อนๆ เถอะ"
ปัง—
ประตูปิดลง
ภายในห้องอิ๋งปิง
"ไม่คาดคิดเลยว่าจะกลับมายังวันนี้"
"การเกิดใหม่ดุจนกฟีนิกซ์ เดิมทีคือความหมายนี้เอง"
อิ๋งปิงคีบเนื้อไก่ชิ้นหนึ่ง แล้วโยนออกไปทางหน้าต่างชั้นสองยังลานด้านหลัง
สุนัขพันธุ์หวงในลานด้านหลังกินอย่างกระหืดกระหอบ แต่ผ่านไปครู่หนึ่งก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
เป็เพียงซุปไก่ธรรมดางั้นหรือ?
นางมิได้จดจำความแค้น ความรัก หรือความชังอันไกลโพ้น สำหรับนางแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็เพียงควันเมฆที่ลอยผ่าน
แต่ในความทรงจำ หลี่โม่มักใช้กลเม็ดเดียงสาหยอกล้อนางไม่น้อย
วันนี้...ไฉนถึงได้อาสาเอาซุปไก่มาให้ด้วยตนเอง?
"ติ๊งต่อง—"
ในขณะนั้นเอง เสียงใสกระจ่างประหลาดพลันดังขึ้นที่ข้างหู
"ใคร?" อิ๋งปิงหรี่ตาลงทันที
เสียงนั้นมิได้ใส่ใจความระแวดระวังของนาง กลับดังขึ้นอีกครั้ง
"การผูกมัดระบบสำเร็จแล้วขอรับ"
"ผู้ชนะคือาา ผู้พ่ายแพ้ย่อมต้องจมดิ่งสู่ธุลีดิน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้