“หม่อมฉัน……”
มู่หลิงจูเห็นภาพเยาะเย้ยและดูถูกตรงหน้า กลับอ้าปากค้างไม่รู้จะใช้คำใดแก้ต่าง
พอปรายตามองมู่อวิ๋นจิ่น นางกลับนั่งนิ่งเฉยเป็ทองไม่รู้ร้อน ประหนึ่งเื่เล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับนางสักนิดเดียว
มู่หลิงจูยิ่งโกรธเป็ฟืนเป็ไฟขึ้นไปเป็ทวีคูณ ที่แท้มู่อวิ๋นจิ่นทำให้ชีวิตของนางต้องตกต่ำถึงเพียงนี้ ทำไมมู่อวิ๋นจิ่นยังนั่งนิ่งเสมือนไม่ได้ยินเื่นี้
ท่นแม่ของมู่หลิงจูถูกมู่อวิ๋นจิ่นให้ร้ายจนถึงแก่ชีวิตไปแล้ว ตอนนี้เวลาผ่านไปเนิ่นนาน มู่อวิ๋นจิ่นยังไม่คิดจะเลิกแก้แค้นนางอีกเหรอ
มู่หลิงจูกำหมัดจนแน่น เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของทุกคนทำให้นางมิกล้าสู้หน้า ตลอดชีวิตนี้ของนางยังไม่เคยโกรธเกลียดใครถึงขีดสุดเพียงนี้มาก่อน มู่หลิงจูหันมองน้ำเขียวมรกตในทะเลสาบระยับด้วยความอาดูร ก่อนหันขวับ กัดฟันกรอดๆ “มู่อวิ๋นจิ่น เ้าทำให้ชีวิตข้าต้องเป็แบบนี้ ข้าไม่มีวันปล่อยให้เ้าอยู่อย่างสุขสบายแน่นอน!”
สิ้นเสียง มู่หลิงจูค่อยๆ ลุกขึ้นโดยที่ไม่มีใครรู้ว่านางจะทำสิ่งใด พริบตาเดียว นางวิ่งไปทางข้างเรือตามมาด้วยเสียง “ตู้ม”
ด้านข้างมีทหารยืนะโร้องส่งเสียง “แย่แล้ว มู่เช่อเฟยะโน้ำแล้ว!”
ทุกคนบนเรือไม้ต่างลุกขึ้นวิ่งกรูกันไปดู
มู่อวิ๋นจิ่นยืนเห็นมู่หลิงจูพยายามตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำ ส่วนทหารที่อยู่ด้านข้างแต่ละนาย ต่างยืนดูราวกับไม่คิดจะะโลงไปช่วย
มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วเข้าหากัน พร้อมอาศัยจังหวะนี้ ะโว่า “ฉู่ชิงเฉียงจิตใจโเี้อำมหิต หากมู่หลิงจูเกิดตายขึ้นมา คนจะได้เอาชื่อของมู่อวิ๋นจิ่นไปเล่าว่าบีบให้มู่หลิงจูถึงแก่ความตาย”
ชื่อเสียเช่นนี้ คนอย่างมู่อวิ๋นจิ่นไม่มีทางรับมาหรอก
จากนั้นจู่ๆ มีเสียง “ตู้ม” ดังขึ้นอีกครั้ง มู่อวิ๋นจิ่นะโลงไปในน้ำ แหวกว่ายไปช่วยมู่หลิงจู
พระชายาหรงเห้นเหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนี้ รีบส่งสายให้ฉินมู่เยว่กับฉู่ชิงเฉียง
หลังจากมู่อวิ๋นจิ่นะโลงน้ำไปแล้ว นางคิดในใจขึ้นมาว่า ทำไม่นี้ชีวิตของนางหลีกเลี่ยงน้ำไม่ได้เชียวหรือ!
ครั้นจับตัวมู่หลิงจูได้แล้ว มู่หลิงจูยังคงมีสติสัมปชัญญะเลือนลาง ราวกับนางสำลักน้ำมากจนเกินไป พอมู่อวิ๋นจิ่นแหวกว่ายมาถึงตัว มู่หลิงจูกลับมิตะเกียกตะกายแล้ว
มู่อวิ๋นจิ่นพยายามลากคอมู่หลิงจูเข้าใกล้เรือไม้ ทว่าเรือไม้ลำนั้นกลับเร่งความเร็ว มุ่งหน้าตรงไปใจกลางทะเลสาบ ผู้คนบนเรือดูห่างไกลจากพวกนางมากขึ้นเรื่อยๆ
มู่อวิ๋นจิ่นเห็นทุกคนยืนมองอย่างสมน้ำหน้า ทันใดนั้นหน้าอกของนางกลับมีพลังลมปราณอัดแน่น ภายในหัวพรั่งพรูภาพวาดในคัมภีร์เฉวียนหลิงขึ้นมาชัดเจน
ชั่วพริบตาเดียว มู่อวิ๋นจิ่นััได้ถึงพลังลมปราณกำลังจะะเิแยกร่างออกนางเป็เสี่ยงๆ นางจึงตวัดข้อมือปล่อยพลังลมปราณส่วนหนึ่ง ใส่ร่างมู่หลิงจูให้ลอยขึ้นไปบนเรือไม้ลำนั้นอย่างปลอดภัย
ทุกคนที่เห็นมู่หลิงจูลอยเหนือน้ำพุ่งเข้ามาบนเรือ ต่างใจนต้องถอยผงะไปหลายก้าว ได้แต่มองดูนางหายใจโรยริน นอนขดอยู่บนพื้น
พระชายาหรงไม่มีอาการแตกตื่นใ เพียงส่งสายตาให้กับทหารที่อยู่ด้านข้าง
ทหารนายนั้นเข้าใจความหมาย รีบเข้ามาช่วยกดทรวงให้สำลักน้ำออกมา
หลังจากมู่อวิ๋นจิ่นเห็นมู่หลิงจูขึ้นเรือสำเร็จแล้ว จากนั้นมองดูคนที่เหลือต่างใตาตื่น
ในระหว่างที่นางจะใช้วิชาตัวเบาะโขึ้นจากน้ำ ทะเลสาบระยับกลับมีเกลียวคลื่นกลายเป็น้ำวนขนาดมหึมา
มู่อวิ๋นจิ่นมองดูเกลียวคลื่นอยู่ไม่ห่างจากตัว พร้อมรู้สึกถึงพลังรุนแรงนี้เหมือนที่ััได้ตอนอยู่บนเรือไม้
น้ำวนมหึมานี้ต้องมีคนควบคุมอยู่เป็แน่!
มู่อวิ๋นจิ่นเห็นน้ำวนหมุนดูดเป็วงใหญ่ด้วยลางสังหรณ์ไม่สู้ดี นางจึงใช้วิชาตัวเบาเพื่อะโหนีให้เร็วที่สุด กลับพบว่าตอนนี้พลังลมปราณของนางมิอาจใช้ได้
พอเห็นเกลียวคลื่นหมุนขยับเข้าใกล้นางเข้ามาเรื่อยๆ มู่อวิ๋นจิ่นสงบจิตตั้งสมาธิ เริ่มว่ายไปข้างหน้าเรื่อยๆ
ในขณะเดียวกัน ได้ยินเสียงคนบนเรือไม้ร้องะโ “ฝนใกล้จะตกแล้ว พวกเรารีบเดินทางกลับกันเร็วเข้า!”
มู่อวิ๋นจิ่นที่ลอยคออยู่กลางทะเลสาบ เห็นเรือมุ่งหน้าไกลออกไปขึ้นเรื่อยๆ รู้ได้ทันทีว่าไม่มีเวลาว่ายไปถึงฝั่งทันแน่
คิดได้ดังนั้น มู่อวิ๋นจิ่นยังรู้สึกโชคดีที่อย่างน้อยให้จื่อเซียงรออยู่บนฝั่ง มิอย่างนั้นอาจเกิดเื่ไม่ดีขึ้นกับนาง
น้ำวนในตอนนี้มุ่งหน้าตรงมาที่นาง จากนั้นพืชน้ำที่สูงใหญ่โผล่ขึ้นแล้วดูมู่อวิ๋นจิ่นหายวับไปกับตา
……
มู่อวิ๋นจิ่นถูกเกลียวกระแสน้ำวนดูดลงไปใต้ทะเลสาบ ดีที่นางยังมีสติ ยกมือบีบจมูก พร้อมััได้ถึงน้ำวนที่รัดตัวนางจนมิอาจขยับเขยื้อนได้
ครั้งนี้นางต้องถึงแก่ความตายแล้วสิ?
ในตอนที่สายตาพร่ามัวไปหมด มู่อวิ๋นจิ่นรับรู้ถึงอ้อมกอดอบอุ่นโอบอุ้มนาง ลอยขึ้นสู่แสงสว่างเบื้องบน
ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานเพียงใด ความรู้สึกสำลักนางมลายหายไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นพยายามลืมตาขึ้น เห็นใบหน้าของคนแปลกหน้าคนหนึ่ง
“มู่เยว่ ครั้งนี้เ้าเล่นเกินไปแล้ว!”
“พี่ชาย ไม่ใช่ข้า……”
“คุณหนู คุณหนูเป็ยังไงบ้าง……”
มู่อวิ๋นจิ่นได้ยินเสียงถกเถียงกันข้างหูต่อเนื่อง หัวกลับปวดขึ้นมา จนสลบไสลลงไปอีกครั้ง
……
(เหตุการณ์ตัดสลับมาที่จวนองค์ชายหก)
ที่จวนองค์ชายหก
“เรียนองค์ชายหก โชคดีที่ช่วยพระชายาได้ทันท่วงที แค่พักผ่อนไม่กี่วันก็จะกลับมาหายเป็ปกติพ่ะย่ะค่ะ” ท่านหมอจับชีพจร มองใบหน้าเคร่งเครียดของฉู่ลี่อย่างหวาดกลัว
ฉู่ลี่จับจ้องไปที่ร่างซีดเผือดของมู่อวิ๋นจิ่นที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ก่อนจะหันจ้องจื่อเซียงอย่างเอาเื่ “วันนี้เกิดเื่ใดขึ้นกันแน่?”
จื่อเซียงสบตาที่เ็าจนต้องรีบคุกเข่าสั่นระรัวด้วยความกลัวสุดขีด เอ่ยด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “วันนี้คุณหนูมิได้ให้บ่าวรออยู่ที่ฝั่ง ไม่ต้องติดตามขึ้นเรือไปด้วยเ้าค่ะ… แต่บ่าวเห็นคุณหนูสี่ะโลงน้ำไป คุณหนูก็ะโตามลงไปด้วยเ้าค่ะ”
“จากนั้นทุกคนบนเรือลำนั้นรีบกลับเข้าฝั่ง แต่ไม่เห็นคุณหนูบนเรือ สุดท้ายเป็คุณชายฉินช่วยคุณหนูเอาไว้เ้าค่ะ……”
“ติงเซี่ยนไปตรวจสอบเื่นี้มา” ฉู่ลี่สั่งการด้วยเสียงที่ทั้งโเี้และเด็ดขาดอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน
เมื่อติงเซี่ยนออกไปแล้ว แม่นมเสิ่นได้แต่ยืนเดินไปวนมาอย่างร้อนรุ่มใจ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ไปร่ายกลอนล่องเรืออยู่ดีๆ ทำไมตกน้ำตกท่าไปได้”
“แม่นมเสิ่นคงยังไม่รู้ นึกไม่ถึงว่าคนพวกนั้นทิ้งคุณหนูโดยไม่แยแส ะโว่าฝนใกล้ตกแล้ว ผิวน้ำเป็ระลอกคลื่น ให้รีบเอาเรือเข้าฝั่งก่อน จากนั้นค่อยกลับไปช่วยคุณหนู……”
“นี่มัน……” แม่นมเสิ่นละล่ำละอัก หันมองเห็นฉู่ลี่ที่อยู่ด้านข้างโกรธเป็ฟืนเป็ไฟอยู่ จึงมิกล้าพูดต่อไป
“พวกเ้าออกไปก่อน” ฉู่ลี่เอ่ยขึ้น
แม่นมเสิ่นและจื่อเซียงหันมาสบตา พยักหน้าให้กัน ทำความเคารพฉู่ลี่แล้วเดินออกไป
ภายในห้องเวลานี้เหลือเพียงฉู่ลี่และมู่อวิ๋นจิ่นสองคนเท่านั้น
……
ฉู่ลี่ใบหน้าเคร่งเครียด ยืนมองมู่อวิ๋นจิ่นที่นอนแผ่บนเตียง นี่เป็ครั้งแรกที่เห็นขนถือตัวอวดดีอย่างนาง นอนหน้าซีดเป็ผักเป็ปลาอยู่บนเตียง ในใจของเขาช่างร้อนรุ่มยากอธิบายความรู้สึกออกมาได้
“แค่กๆๆๆ”
ไม่รู้เวลาล่วงเลยเนิ่นนานเพียงใด เสียงไอครั้งแรกดังขึ้นในห้องที่เงียบสงัด
มู่อวิ๋นจิ่นได้สติขึ้นมา รู้สึกลำคอร้อนเป็ไฟ จึงควานมือไปข้างหน้า เอ่ยเสียงแหบแห้ง “จื่อเซียง… น้ำ”
ชั่วพริบตาเดียว น้ำอุ่นหนึ่งแก้วถูกส่งถึงมือนาง
มู่อวิ๋นจิ่นพยายามขยับตัวขึ้นมาพิงหัวเตียง ยกน้ำขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด จากนั้นยกมือขึ้นมานวดขมับที่ยังปวด “จื่อเซียง ข้ากลับมาั้แ่เมื่อไหร่?”
“กลับมาได้หนึ่งชั่วยามแล้วเ้าค่ะ”
“อืม” มู่อวิ๋นจิ่นกำลังจะล้มตัวลงนอนต่อ หางตากลับเห็นคนยืนอยู่ในห้อง จนมองด้วยความใ “ทำไมเ้ามาอยู่ที่นี่?”
ฉู่ลี่เห็นนางพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนปกติ ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนอ่อนแอที่เพิ่งได้สติขึ้นมา จึงได่แต่ถอนหายใจพึมพำ ไม่รู้สตรีผู้นี้ร่างกายทำจากอะไรกันแน่
“แล้วเ้าอยากให้ใครมาอยู่ที่นี่?” ฉู่ลี่ย้อนถาม ด้วยเห็นนางกลับมาเหมือนปกติ จึงถอนหายใจอย่างโล่งอกไปที
มู่อวิ๋นจิ่นเบะปากย้อนนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็บุรุษแปลกหน้าคนหนึ่งมาช่วยนางไว้
หลังจากนั้นดูเหมือนได้ยินฉินมู่เยว่เรียกเขาว่า “พี่ชาย” หรือว่าคนที่มาช่วยชีวิตนางจะเป็ “ฉินมู่หนาน”
ระหว่างที่ย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่นั้น ด้านนอกมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“องค์ชาย” ติงเซี่ยนเอ่ยจากด้านนอก
“เข้ามาได้”
ติงเซี่ยนเปิดประตูเข้ามาพบมู่อวิ๋นจิ่นได้สติแล้ว ค่อยโล่งใจไปที พูดยิ้มๆ “พระชายาไม่เป็อะไรก็ดีแล้วขอรับ พระชายาคงไม่เห็นเมื่อครู่องค์ชายร้อนรนใจเพียงใด……”
ยังไม่ทันที่ติงเซี่ยนจะเล่าจบ สายตาเ็ากลับสาดส่องมาที่เขา จนต้องหุบปากสนิทแสร้งทำเป็ยิ้มแห้งๆ
“องค์ชาย เื่นี้ตรวจสอบชัดเจนแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ติงเซี่ยนรีบเก็บรอยยิ้ม เดินเข้าไปกระซิบข้างหูฉู่ลี่
ต่อจากนั้น ติงเซี่ยนเล่าเื่ที่เกิดขึ้นทั้งหมดที่ทะเลสาบระยับในวันนี้ อย่างละเอียดถี่ถ้วนให้ฉู่ลี่ได้ฟัง
มู่อวิ๋นจิ่นที่พิงหัวเตียงได้ยินที่ติงเซี่ยนพูดเมื่อครู่ ภายในหัวปรากฏภาพเื่ราวขึ้นมาอย่างช้าๆ จนกระทั่งหรี่ตาลง
พระชายาหรง ฉู่ชิงเฉียง ฉินมู่เยว่… หนึ่งในสามคนนี้ต้องมีคนหนึ่งสร้างนน้ำวนหวังให้นางถึงแก่ชีวิต
คิดหรือว่าคนอย่างมู่อวิ๋นจิ่นจะยอมให้รังแกอยู่ฝ่ายเดียว?
วันข้างหน้ายังอีกยาวไกลนัก รอข้าไปทวงคืนพร้อมทบต้นทบดอกในครั้งคราเดียว
ติงเซี่ยนรายงานทุกอย่างเสร็จวิ้น รีบหาข้ออ้าง ขอตัวออกจากห้องมู่อวิ๋นจิ่น
ภายในห้องกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง
“เ้าจะไปแก้แค้นให้ข้าใช่ไหม?” จู่ๆ มู่อวิ๋นจิ่นพรวดถามขึ้น ด้วยรอยยิ้ม
ฉู่ลี่เห็นนางเปลี่ยนอารมณ์เร็วเสียจนเขาตามไม่ทัน “เ้าอยากให้เปิ่นหวงจื่อช่วยแก้แค้นแทนเข้ายังไง?”
“ช่างเหอะ! ไม่ต้องให้เ้าแก้แค้นแทนข้า เื่นี้ข้าต้องทวงคืนด้วยตัวข้าเอง!” มู่อวิ๋นจิ่นเผยสายตาอำมหิต
ฉู่ลี่ยื่นมือตบไปที่ไหล่ของมู่อวิ๋นจิ่นอย่างเบามือ ด้วยไม่อยากเห็นสายตาอำมหิตเช่นนี้ปรากฏขึ้นมา “เ้า้าเอาคืนยังไง เปิ่นหวงจื่อจะไปช่วยทำแทนเ้าเอง!”
“ทำไมเ้า ต้องมาทำดีกับข้าด้วย?” มู่อวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วด้วยความฉงน
“ตอนนี้เ้ายังอยู่ในจวนของเปิ่นหวงจื่อ เื่ในวันนี้ไม่ใช่ปัญหาของเ้าเพียงผู้เดียว” ฉู่ลี่ตอบกลับ
มู่อวิ๋นจิ่นได้ยินจิตใจแอบดีใจขึ้นมา “เื่ในวันนี้ ดูเหมือนครึ่งหนึ่งมาจากฝีมือฉู่ชิงเฉียง”
“ข้าเคยบอกกับนางส่วนตัวแล้ว ให้ต่างคนต่างอยู่ ดูท่านางคงลืมไปหมดสิ้นเสียแล้ว ในเมื่อเป็นี้ ข้าต้องทำลายนางด้วยน้ำมือตัวเอง ให้นางรู้ว่ามู่อวิ๋นจิ่นของข้ามิใช่ใครๆ อยากจะรังแกข่มเหงได้!!!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้