“ให้ตายเถอะ! เกิดอะไรขึ้น นกทั้งหมดในเมืองหลวงบินมาที่จวนสกุลหานหรือไร” หานไท่ฟู่ที่มีประสบการณ์ชีวิตมากมายถึงกับงงงัน ขาทั้งสองข้างเริ่มสั่นพั่บๆ
หานหลินเยว่ใเสียจนหน้าขาว นางเอนกายเข้าไปใกล้หานไท่ฟู่ “ท่านปู่ ตอนนี้ทำอย่างไรดีเ้าคะ”
หานไท่ฟู่ลูบเคราของตน “ยังจะทำอะไรได้ ตั้งค่ายกลต้านรับศัตรูสิ!”
หัวหน้าองครักษ์ตวาดเสียงเข้ม “เร็วเข้า ตั้งค่ายกล!”
องครักษ์คนอื่นๆ ได้ยินแล้วรับคำสั่ง รีบดึงกระบี่ประจำกายดังเคร้งๆ ถอยกลับมาประจำที่ทันที พวกเขาปักหลักเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องครัว...
บนท้องฟ้าของเมืองมู่หยาง ยังมีสัตว์ปีกกลุ่มใหญ่กำลังบินมุ่งหน้าไปยังด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีลักษณะเหมือนปรากฏการณ์อันมหัศจรรย์
เมืองหลวงทั้งเมืองโกลาหล!
คนที่อยู่ค่อนข้างใกล้จวนสกุลหาน ล้วนเห็นภาพที่ฝูงนกจำนวนมหึมารวมตัวกันอยู่กลางอากาศเหนือจวนสกุลหานอย่างชัดเจน แต่ละคนพูดกันปากต่อปาก จากหนึ่งเป็สิบ สิบเป็ร้อย ผู้คนจำนวนมากมายแห่กันมาอออยู่หน้าประตูจวนสกุลหาน เพื่อจะมาเห็นภาพมหัศจรรย์ด้วยตาตนเอง!
“เกิดอะไรขึ้น ไฉนนกจึงบินมาจวนสกุลหาน”
“์บอกเหตุ จะต้องมีปีศาจแน่นอน!”
“ได้ยินว่าคุณชายน้อยของหานไท่ฟู่ป่วยเป็โรคประหลาด หรือจะเกี่ยวข้องกับเขา”
“พวกเ้าได้กลิ่นหอมเป็พิเศษหรือไม่”
“ดูเหมือนจะเป็กลิ่นหอมของข้าวสวย...”
“ข้าเพิ่งเคยได้กลิ่นข้าวสวยหอมถึงเพียงนี้เป็ครั้งแรก หานไท่ฟู่ซื้อข้าวสารจากร้านไหนกันนะ ร้านนี้จะต้องขายดีแน่ๆ!”
“ข้าอยากซื้อสักถุงหนึ่ง!”
“...”
ตำหนักหงเหวินในวังหลวง ขณะที่ขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊กำลังประชุมกันในท้องพระโรง พลันมีคนเข้ามารายงานว่าเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นในเมืองหลวง ฝูงนกนับพันบินเคลื่อนย้าย เซวียนหยวนเช่อจึงนำขุนนางทั้งหมดเดินออกไปจากตำหนักหงเหวินเพื่อไปตรวจสอบดู พลันพบเห็นบนท้องฟ้ามีฝูงนกนับไม่ถ้วนบินมุ่งหน้าไปทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เป็ภาพที่ยิ่งใหญ่อลังการอย่างยิ่งยวด
“เกิดเื่อะไรขึ้น”
“เหตุใดจึงบินไปทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือกันหมด”
“์บอกเหตุ ไม่ใช่เื่อันเป็สิริมงคลก็เป็เคราะห์!”
“ถูกต้อง รีบให้ท่านโหรมาคำนวณดวงชะตา ว่าเป็เื่ดีหรือร้าย!”
“คฤหาสน์ที่อยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือล้วนเป็คฤหาสน์ธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษนี่นา”
“ข้าจำได้ว่าดูเหมือนหานไท่ฟู่ก็อาศัยอยู่ในละแวกนั้นด้วยกระมัง”
“...”
เหล่าขุนนางต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์
เซวียนหยวนเช่อเห็นภาพเหตุการณ์คุ้นตาเช่นนี้ คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย เขาสั่งการลั่วหยิ่งทันที “พาทหารรักษาพระองค์ไปหน่วยหนึ่ง รีบไปสถานที่เกิดเหตุ แล้วล้อมเอาไว้! ไม่มีคำสั่งของเจิ้น ไม่ว่าผู้ใดล้วนห้ามเข้าทั้งสิ้น!”
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมน้อมรับบัญญา!” ลั่วหยิ่งเงยหน้าขึ้นประสานสายตาที่เซวียนหยวนเช่อส่งมา เขากระจ่างแจ้งและรีบออกไปทันที
เซวียนหยวนเช่อเงยหน้ามองฝูงนกที่บินอยู่เต็มผืนท้องฟ้า เขานวดคลึงขมับของตน
สตรีนางนี้ ทันทีที่ไม่อยู่ในสายตาของเขาก็ก่อเื่ราวใหญ่โต ทว่า ฝีมือการปรุงอาหารของนางดูเหมือนจะก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว...
ชุมนุมหมากล้อมเทียนหยวนในเวลานี้กลับมีภาพเหตุการณ์อีกอย่างหนึ่ง คนทั้งหมดล้วนจับจ้องไปยังกระดานหมากใหญ่ที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด ต่างชมการเดินหมากกันอย่างใจจดใจจ่อ ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าข้างนอกเกิดเหตุการณ์อะไร มีเพียงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ดังขึ้นเป็พักๆ เท่านั้น
“ซือคงเซิ่งเจี๋ยปะทะกับติงไห่เจี้ยนนักเดินหมากระดับเก้า ซือคงเซิ่งเจี๋ยชนะ!”
“ซือคงเซิ่งเจี๋ยปะทะจ้าวฉีนักเดินหมากระดับเก้า ซือคงเซิ่งเจี๋ยชนะ!”
...
กวาดเรียบ กวาดเรียบอีกแล้ว!
สู้ห้าครั้ง ชนะห้าครั้ง!
ความหวังทั้งหมดล้วนตกอยู่ที่นักเดินหมากระดับเก้าคนสุดท้าย ฟางเสีย!
“ซือคงเซิ่งเจี๋ยปะทะฟางเสีย เริ่มการแข่งขัน! ซือคงเซิ่งเจี๋ยเดินก่อน...”
นักเดินหมากคนอื่นๆ ล้วนถูกขนานนามเป็นักเดินหมากระดับเก้า มีเพียงซือคงเซิ่งเจี๋ยที่ไร้อันดับ เพราะอันดับของเขาก้าวข้ามระดับเก้าไปไกลมาก ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าศิลปะการเดินหมากของเขาอยู่ในระดับใดและก้าวข้ามไปถึงระดับเซียน มีเพียงคนที่เห็นกับตาตนเองเท่านั้นที่จะทราบว่าเขาเอาชนะนักเดินหมากระดับเก้าทั้งห้าคนชนิดที่เรียกได้ว่า สังหารเรียบ ด้วยวิธีการที่ยอดเยี่ยมเพียงใด!
ถูกต้อง สังหารเรียบ! การสังหารของซือคงเซิ่งเจี๋ยที่ต่อสู้กับนักเดินหมากระดับเก้าทั้งห้าคน มีเพียงการใช้คำว่า สังหารเรียบ เท่านั้นที่จะบรรยายออกมาได้!
เพราะนักเดินหมากระดับเก้าทั้งห้าคนเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาแล้วกระทั่งเรี่ยวแรงจะตอบโต้ก็ยังไม่มี ั้แ่ต้นจนจบล้วนเดินหมากด้วยการถูกบีบคั้นและกดดัน กระทั่งความภาคภูมิใจสุดท้ายของนักเดินหมากก็ยังถูกเหยียบย่ำอย่างโหดร้ายทารุณ ความมั่นใจในตัวเองถูกทลายหมดสิ้น
ใช่แล้ว ซือคงเซิ่งเจี๋ยเป็นักเดินหมากผู้มีนิสัยบ้าคลั่งและโรคจิตเช่นนี้แหละ โรคจิตเสียจนทำให้คนทำตัวไม่ถูก ชาตินี้แทบไม่อยากเดินหมากกับเขาอีก
ซือคงเซิ่งเจี๋ยในวันนี้ถูกกดดันมาไม่รู้เท่าใด มีเพียงการสังหารทุกคนจนหน้ามืดกระทั่งแทบจะกระอักออกมาเป็เืตรงนั้นจึงจะพอบรรเทาเบาบางความรู้สึกในใจของตนลงได้!
มีเพียงซือคงจวินเย่ที่รู้ว่าน้องชายของตนผู้มีนิสัยใจเย็น ไม่อนาทรร้อนใจ วันนี้ถูกผู้อื่นยั่วโทสะเสียแล้ว!
สำหรับเื่ที่ว่าคนผู้นี้เป็ใครนั้น เขาจะต้องตรวจสอบออกมาให้ได้!
ห้องครัวของจวนสกุลหาน เฟิ่งเฉี่ยนไม่รู้เลยว่าข้างนอกเกิดเื่อะไรขึ้น นางทุ่มเทสมาธิผัดข้าว กระทั่งผัดข้าวผัดไข่จานสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย นางจึงพรูลมหายใจโล่งอก และเริ่มจับรางวัล
ติ๊ง--ได้รับยันต์โชคดีหนึ่งแผ่น! (เวลาที่มีผล : 5 นาที)
“ยันต์โชคดีหรือ เหตุใดเวลาจึงมีผลเพียงแค่ 5 นาที เวลาแค่นี้จะพอได้อย่างไร” เฟิ่งเฉี่ยนครุ่นคิด “ช่างเถิด เก็บเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน ค่อยนำออกมาใช้ในเวลาคับขัน!”
หลังจากเก็บอุปกรณ์ทำครัวและเชื้อไฟจุดิญญาแล้ว เฟิ่งเฉี่ยนเปิดประตูห้องครัว...
องครักษ์ที่ทำการคุ้มกันอยู่ด้านนอกประตูระมัดระวังเต็มที่ พวกเขาอยู่ในท่าเตรียมพร้อมรบ ไม่กล้าขยับส่งเดช พลันด้านหลังมีเสียงเปิดประตู แต่ละคนหันกลับไปด้วยความคิดอยากจะร้องไห้
นับว่าสิ้นสุดเสียที!
เฟิ่งเฉี่ยนเห็นทุกคนมีสีหน้าขาวเผือด จึงเงยหน้าขึ้นไปมองเงาดำทะมึนของฝูงนกบนท้องฟ้า นางหัวเราะอย่างเห็นเป็เื่ปกติ “ลำบากทุกท่านแล้ว!”
หานไท่ฟู่ถลึงตาใส่นาง “เ้ารู้แต่แรกแล้วใช่หรือไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้”
เฟิ่งเฉี่ยนลูบจมูก หัวเราะแห้งๆ “ดังนั้นจึงให้พวกท่านมาคุ้มกันข้าไงเล่า!”
หานหลินเยว่ยิ้มเฝื่อน “แต่ท่านไม่ได้บอกว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้นี่นา...”
เฟิ่งเฉี่ยนปลอบใจนาง “ยังดี ยังดี ที่มามีเพียงสัตว์ปีก ไม่มีสิงโต เสือ!”
หานหลินเยว่แทบจะร่ำไห้ ยังมีสิงโต เสือ อีกหรือ ถ้าหากสิงโตและเสือมาจริงๆ จวนสกุลหานคงถูกย่ำจนราบคาบเป็หน้ากลอง!
ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้ ดูเหมือนไม่ได้ดีกว่าสักเท่าใด!
มองฝูงนกที่ไม่มีทีท่าจะจากไปไหน ยังมีสายตาจับจ้องเขม็งไม่วางตาของพวกมันก็รู้ว่าพวกมันไม่มีทางจากไปง่ายๆ
“แม่นางเฟิง ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี”
เฟิ่งเฉี่ยนเอียงคอครุ่นคิด จากประสบการณ์ครั้งที่แล้ว หากนางหยิบข้าวผัดไข่ออกมา จะต้องเกิดเหตุการณ์นกบินชนกันอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นเกรงกว่าจวนสกุลหานจะพังพินาศ แต่หากไม่นำข้าวผัดไข่ออกมา นกเหล่านี้ย่อมไม่ยอมจากไป เป็ปัญหาให้คนต้องปวดเศียรจริงๆ!
ขณะที่นางกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรดีนั้น พลันมีเสียงธนูที่ยิงขึ้นสู่ท้องฟ้า ธนูนั้นแหวกอากาศออกไป เสียงดัง ฟุ่บบบ ทำลายความเงียบงัน--
ฝูงนกได้รับความใ จึงแตกแถว
ต่อมา บนท้องฟ้าปรากฏให้เห็นธนูนับหมื่นดอกที่ยิงขึ้นสู่ท้องฟ้าบริเวณที่มีเงาดำทะมึนของฝูงนก ธนูเ่าั้ล้วนยิงเข้าใส่ฝูงนก!
นกเ่าั้จึงได้แต่แยกย้ายกันบินหนี
เพียงชั่วพริบตา ท้องฟ้าเหนือจวนสกุลหานพลันมีธนูที่ตกลงมาราวกับห่าฝน ธนูแต่ละดอกร่วงลงมาจากท้องฟ้าลงสู่พื้นดิน!
ทว่าที่น่าแปลกก็คือ ธนูเหล่านี้ล้วนถูกคนตัดปลายหัวส่วนที่แหลมคมออกไป มีเพียงตัวธนู ที่ไม่อาจทำร้ายให้เกิดาแได้
แม้จะเป็เช่นนี้ แต่กลับทำให้ฝูงนกแตกตื่นใและแยกย้ายกันไปได้!
“ทุกคนระวัง อย่าได้ถูกธนูทำให้าเ็!”
เหล่าองครักษ์ใช้กระบี่ต้านรับธนู อีกทางหนึ่งถอยเข้าประตูห้องครัว เพื่อลดความเสียหายให้น้อยที่สุด
หานไท่ฟู่เงยหน้าขึ้นมองฝนธนูที่ร่วงลงมาจากบนท้องฟ้าปากอ้าตาค้าง “นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีก หัวใจของข้ายิ่งไม่ค่อยดีอยู่ด้วย ข้ารับเหตุการณ์ะเืขวัญเช่นนี้ไม่ไหวแล้วนะ”