เจิ้งหย่งฟูรอดพ้นจากความตาย แต่กลับมิมีความยินดีแม้แต่น้อยนิด เนื่องจากพบว่าบรรดาคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็คนของตระกูลหลิ่ว พลันรู้สึกเกลียดชังที่เมื่อครู่ตนร้องขอความช่วยเหลือ ตอนที่เหยียนอี้ปรากฏตัว เขายังคิดว่าจะมีจุดพลิกผัน แต่ตอนนี้เขาเข้าใจกระจ่างแล้ว เหยียนอี้มิใช่เหยียนอี้คนนั้นของตระกูลเจิ้งอีกต่อไป
ใน่เวลาวิกฤตที่สุดของชีวิต จุดอ่อนเปราะบางที่ปรากฏออกมาของคนเราล้วนเหมือนกันทั้งสิ้น มีชีวิตอยู่จวบจนกระทั่งเวลานี้ ไม่เคยเหมือนเช่น่เวลาเมื่อครู่นี้ รู้สึกอย่างลึกซึ้งว่าความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อมตรงหน้านี้เอง ทว่าเวลานี้จิตใจเขากลับสงบลงแล้ว
จ้านอู๋มิ่งยิ้มๆ สีหน้าไม่เป็พิษเป็ภัยกับผู้ใด สายตาที่มองเจิ้งหย่งฟูช่างไร้เดียงสายิ่งนัก พูดอย่างใสซื่อบริสุทธิ์ว่า “ขอน้อมพบท่านน้าสอง!”
“เ้าคือใคร?” แววตาเจิ้งหย่งฟูเกิดประกายสงสัยขึ้นวูบหนึ่ง พลันนึกขึ้นได้ว่ามีหลานนอกคนหนึ่งจริงๆ จ้านอู๋มิ่ง คุณชายสี่ตระกูลจ้าน ชะตาชีวิตของหลานนอกคนนี้ถูกกำหนดั้แ่แรกเกิดแล้ว ผู้ตัดสินก็คือตระกูลเจิ้ง เพียงแต่ไม่ทราบว่าไฉนชายหนุ่มผู้นี้จึงมาอยู่ในส่วนลึกของป่าสัตว์อสูร อีกทั้งอยู่กับคนของตระกูลหลิ่วอีกด้วย เื่นี้ทำให้งุนงงอยู่บ้าง
“ข้าลืมไปว่าท่านน้าสองมิเคยเห็นหน้าข้า ข้าคือบุตรชายคนที่สี่ของตระกูลจ้าน” จ้านอู๋มิ่งแย้มยิ้มอย่างจริงใจ แต่กลับทำให้เหยียนควนและพวกรู้สึกใจสะท้านหนาวเย็นวูบหนึ่ง ตลอดทางบุคคลผู้นี้ วางแผนทำให้เจิ้งหย่งฟูต้องจนตรอกอับจนหนทางไป ยามนี้เขากลับแสดงออกถึงความเมตตากรุณาเช่นนี้
นับั้แ่เจิ้งหย่งฟูเข้าสู่ป่าสัตว์อสูร ก็ได้อยู่ในการคาดคำนวณของจ้านอู๋มิ่งแล้ว จ้านอู๋มิ่งจงใจขโมยไข่นกอินทรีสายฟ้ารังหนึ่ง และไปที่หุบเขาค่างปีศาจอีกครั้งเพื่อวางแผนชักนำ ทำให้ฝูงสัตว์อสูรวานรฆ่าคนของตระกูลเจิ้งจนรับมือไม่ทัน และวางแผนให้ร่างของคนตระกูลเจิ้งแปดเปื้อนเปลือกไข่นกอินทรีสายฟ้า แล้วชักนำนกอินทรีสายฟ้าจากผาไม้ดำมาถึงหุบเขาค่างปีศาจ ติดตามไล่ล่าพวกมันอย่างคลุ้มคลั่งตลอดทาง ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ จ้านอู๋มิ่งยังคงไม่ละเว้นเจิ้งหย่งฟูที่กำลังตกอยู่ในสภาพสิ้นหวัง ถึงกับะเิทำลายหน้าผาอย่างบ้าคลั่ง ผันน้ำของทะเลสาบเข้ามา…เป็แผนครั้งแล้วครั้ง แทบจะไม่ให้เจิ้งหย่งฟูได้มีโอกาสได้พักหายใจ เป็อย่างที่จ้านอู๋มิ่งได้พูดไว้ การฆ่าคนไม่จำเป็ต้องลงมือทำด้วยตนเอง แม้แต่กองกำลังชั้นยอดที่นำโดยราชันาสี่ดาวและราชันาสามดาวอย่างตระกูลเจิ้ง
จิตใจเหยียนควนบังเกิดความหนาวเหน็บขึ้นวูบหนึ่ง ชายหนุ่มที่ดูเหมือนไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะผูกขาไก่ผู้นี้ เชาวน์ปัญญาช่างละเอียดอ่อน การคาดการณ์คำนวณช่างลึกซึ้งยิ่งนัก หากมิใช่ประสบด้วยตนเองจะคาดคิดมิถึงอย่างเด็ดขาดจริงๆ
เวลานี้เกรงว่าเจิ้งหย่งฟูเองก็ยังมิทราบว่าจ้านอู๋มิ่งกำลังเล่นงานเขาอยู่ ยังคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็เื่บังเอิญ…นี่คือจุดที่น่าเกรงกลัวที่สุด ถ้าหากมีศัตรูเช่นนี้ผู้หนึ่งคอยลอบเล่นงานอยู่เื้ั จวบจนกระทั่งท่านเสียชีวิตยังคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็เพียงแค่เื่บังเอิญ นั่นจึงจะเป็โศกนาฏกรรมอย่างแท้จริง!
“ท่านทราบหรือไม่? ท่านน้าสามก็เสียชีวิตในป่าสัตว์อสูรเช่นกัน เื่บังเอิญก็คือเขาก็ได้พบข้าในตอนท้ายสุดเช่นกัน และตอนนี้ท่านก็ด้วย” จ้านอู๋มิ่งหัวเราะแล้ว กล่าวอีกว่า “ซึ่งความจริง่เวลานับั้แ่พวกท่านเข้าสู่ป่าสัตว์อสูร ล้วนเป็ข้าบงการทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็สัตว์อสูรวานรหรือว่านกอินทรีสายฟ้า…ก็เหมือนเช่นเดียวกับที่ท่านน้าสามประสบมาทุกอย่าง จวบจนกระทั่งตอนท้ายสุดจึงทราบว่า ที่แท้แล้วข้าผู้นี้ที่จิติญญาผิดปกติ หลานนอกที่ไม่สามารถฝึกฌานบ่มเพาะพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ได้ จริงๆ แล้วมิ้าพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ใดๆ ก็สามารถทำให้คนตระกูลเจิ้งถูกทำลายสิ้นไม่เหลือแม้แต่คนเดียวได้เช่นกัน!”
ได้ยินเสียงของจ้านอู๋มิ่งเริ่มเ็าลงเรื่อยๆ จิตใจเจิ้งหย่งฟูรู้สึกเศร้าเสียใจอย่างลึกซึ้ง เมื่อทราบว่าน้องสามเสียชีวิตแล้ว และทราบด้วยว่าเขาเสียชีวิตในป่าสัตว์อสูรเช่นกัน แต่กลับคาดคิดมิถึงว่ามันจะเกิดขึ้นจากฝีมือหลานนอกที่พวกเขามองข้ามคนนี้ และตอนนี้ถ้ามิใช่จ้านอู๋มิ่งพูดออกมาด้วยตนเอง ตนเองก็ยังมิทราบด้วยซ้ำว่าที่ต้องอยู่ในสภาพทุลักทุเลเช่นนี้ก็เพราะถูกหลานนอกคนนี้เล่นงานเช่นเดียวกัน
“น้องหลิ่วหว่านอวี๋ เ้า้าจะเปลี่ยนชะตาชีวิตย้อนทวนฟ้าหรือไม่ เพื่อต่อสู้กับภัยพิบัติหายนะนั้นและ่ชิงโอกาสรอดชีวิต?” พลันจ้านอู๋มิ่งถามหลิ่วหว่านอวี๋ขึ้นอย่างจริงจังยิ่งนัก
“เ้าหมายถึงสิ่งใด?” หลิ่วหว่านอวี๋เบิกตาจนกว้าง มองเหยียนควนและเจี่ยชิงอย่างฉงนสนเท่ห์
“คุณชายจ้านกล่าวว่ามีวิธีช่วยคุณหนูเปลี่ยนแปลงชะตากรรมย้อนทวนฟ้าและ่ชิงโอกาสรอดชีวิตใช่หรือไม่?” การแสดงออกของเหยียนควนแปรเปลี่ยนเล็กน้อย จ้องมองจ้านอู๋มิ่งอย่างเหลือเชื่อถามขึ้นอย่างกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย
“มิผิด โชคชะตามีความบกพร่อง การบ่มเพาะบำเพ็ญเพียรหลังกำเนิดก็เพื่อเติมเต็มซ่อมแซมในส่วนที่บกพร่อง หากชะตาชีวิตสมบูรณ์เพียบพร้อม ฟ้าดินก็มิอาจกำหนดข้อจำกัด หากโชคชะตาสมบูรณ์เพียบพร้อมไร้ข้อบกพร่องแล้ว เจตนาฟ้าก็มิสามารถขัดขวางยับยั้ง…ผู้ปฏิบัติบำเพ็ญเพียรบ่มเพาะล้วนเพื่อต่อต้านชะตาฟ้าลิขิต ไม่ว่าจะฝึกฌานบ่มเพาะพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ก็ดี หรือฝึกฌานบ่มเพาะพลังจิติญญาปฐมภูมิแก่นแท้ของชีวิตก็ตาม ล้วนเป็ความพยายามเติมเต็มส่วนที่บกพร่องของชะตาชีวิต การเติมเต็มชะตาชีวิตสมบูรณ์พร้อมไร้ข้อบกพร่อง ทะลวงผ่านสภาพอันเป็ข้อจำกัดของฟ้าดิน เพื่อบรรลุความสำเร็จในฐานะเทพ ดังนั้นแม้ว่าชะตาชีวิตจะโเี้ไร้น้ำใจ แต่ก็สามารถแปรเปลี่ยนทุกข์ให้เป็วาสนา รอดพ้นภัยพิบัติหายนะได้ แต่โอกาสของชีวิตเช่นนี้ต้องเป็ผู้มีกำลังเท่านั้นจึงสามารถต่อสู้่ชิงย้อนทวนฝืนลิขิตฟ้าได้” จ้านอู๋มิ่งอธิบายอย่างสงบใจเย็น สีหน้าเคร่งขรึมจริงจังอย่างมิเคยปรากฏมาก่อน ่เวลานี้เอง คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเหยียนควนและคนอื่นๆ ผู้นี้คล้ายดั่งมิใช่ชายหนุ่มที่อ่อนแอผู้หนึ่งอีกต่อไป แต่เป็จอมปราชญ์แห่งโลกุตระ ผู้อยู่เหนือโลกิยวิสัยทางโลกและเห็นซึ้งถึงกฎเกณฑ์ทั้งมวลของฟ้าดินจนกระจ่างแจ้งแล้วก็ไม่ปาน!
หลิ่วหว่านอวี๋จ้องมองจ้านอู๋มิ่งอย่างมึนงง ในจิตใจบังเกิดอารมณ์ที่แม้แต่ตนเองก็มิเข้าใจชนิดหนึ่ง ไม่ว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะใช่ผู้ที่ไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะผูกขาไก่หรือไม่ เขากลับมีท่าทางทระนงองอาจและภาคภูมิใจปานนั้นตลอดกาล คล้ายดั่งในใต้หล้านี้มิมีสิ่งใดสามารถทำให้รำคาญกังวลใจได้ จิตใจนางหวั่นไหวแล้ว หวั่นไหวต่อคนธรรมดาที่แม้แต่พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ก็มิสามารถฝึกได้ผู้หนึ่ง
“สิ่งที่คุณชายจ้านพูดมา ผู้แซ่เหยียนได้รับการชี้แนะแล้ว!” เหยียนควนโค้งกายคารวะจ้านอู๋มิ่งด้วยความเคารพจริงใจอย่างยิ่ง ในแววตาเขาไร้การดูแคลนจากการที่จ้านอู๋มิ่งไม่สามารถฝึกพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้อีกต่อไปแล้ว กลับมีความรู้สึกเคารพที่แหงนหน้าขึ้นมองชนิดหนึ่ง ในโลกนี้ผู้ที่สามารถเห็นซึ้งถึงแก่นแท้ของการฝึกฌานบ่มเพาะบำเพ็ญเพียรอย่างกระจ่างแจ้งเช่นนี้อย่างจ้านอู๋มิ่งมีไม่มาก
“หากคุณชายสามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของคุณหนูได้ ผู้แช่เจี่ยต้องเรียนให้ผู้นำตระกูลทราบอย่างแน่นอน เพื่อขอบพระคุณคุณชายอย่างสูง” เจี่ยชิงก็รีบพูดขึ้นเช่นกัน ชายหนุ่มตรงหน้าผู้นี้มิอาจล่วงเกินอย่างเด็ดขาด การมีมิตรเช่นนี้คนหนึ่งนับเป็วาสนาของตระกูล หากมีศัตรูเช่นนี้ผู้หนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นต่อตระกูลเจิ้งในตอนนี้ก็คือตัวอย่างที่ดีที่สุด
“น้องหว่านอวี๋บอกข้า เ้าเชื่อในชะตาชีวิตหรือไม่?” จ้านอู๋มิ่งถามขึ้นอย่างเคร่งขรึม
หลิ่วหว่านอวี๋พลันพยักหน้าคล้ายดั่งสูญเสียจิติญญาไปแล้วก็ปาน เวลานี้นางเพียงแต่รู้สึกว่าทุกอย่างที่จ้านอู๋มิ่งพูดล้วนเป็ความจริงทั้งสิ้น นางควรเชื่อมั่นในตัวเขาอย่างไร้เงื่อนไข นางทราบว่าตนเองชื่นชอบเ้าหมอนี่ที่ดูแปลกและผิดปกติคนนี้ขึ้นมาแล้วจริงๆ
“เช่นนั้นก็ประเสริฐ ข้าอยากให้เ้าฆ่ามันด้วยตัวเอง!” การแสดงออกของจ้านอู๋มิ่งพลันแปรเปลี่ยน ชี้เจิ้งหย่งฟูพลางกล่าววาจาที่มิอาจปฏิเสธได้
“อา!” หลิ่วหว่านอวี๋ใ ถึงแม้นางจะเป็ปรมาจารย์นักยุทธ์แล้ว แต่เป็องค์หญิงน้อยอันเป็ที่รักใคร่เอ็นดูของทุกคนในตระกูลตลอดมา ไหนเลยจะถึงคราวที่นางต้องลงมือสังหารศัตรูด้วยตัวเอง ดังนั้นจวบจนถึงตอนนี้นางก็ยังมิเคยลงมือฆ่าคนด้วยตนเองมาก่อน เวลานี้จ้านอู๋มิ่งกลับให้นางลงมือสังหารเจิ้งหย่งฟูด้วยตนเอง ยามกะทันหันนางมิทราบว่าควรทำเช่นไรดี
เหยียนควนและคนอื่นๆ ก็ใ ย้อนทวนฝืนฟ้าเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตกับการลงมือฆ่าเจิ้งหย่งฟูด้วยตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องอันใด พวกเขาไม่เข้าใจ แต่ทราบว่าจ้านอู๋มิ่งทำเช่นนี้ต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน แต่เมื่อเห็นการแสดงออกของหลิ่วหว่านอวี๋แล้วยังคงถามขึ้นว่า “คุณชายจ้าน จำเป็ต้องทำเช่นนี้จริงๆ หรือ?”
“มิผิด!” จ้านอู๋มิ่งพูดอย่างมั่นใจ
“้าฆ่าก็ฆ่าเลย ไม่จำเป็ต้องมาสร้างเื่ราวลึกลับซับซ้อนเช่นนี้” เจิ้งหย่งฟูแค่นเสียงเ็าคราหนึ่ง ทราบว่าวันนี้ต้องตายแน่นอน ได้ััถึง่เวลาแห่งความตายอย่างใกล้ชิดเมื่อครู่ ตนกลับชืดชาต่อความเป็ตายแล้ว
“สิ่งที่ชะตาชีวิตบกพร่องสามารถ่ชิงกับฟ้าดินได้ นั่นคือการฝึกฌานบ่มเพาะพลังชีวิต สิ่งที่ชีวิตบกพร่องสามารถ่ชิงจากสรรพคุณสมุนไพรโอสถรักษาโรคนานาชนิด การฝึกฌานบ่มพลังจิติญญาปฐมภูมิแก่นแท้ของชีวิต เพื่อเสริมเติมเต็มชะตาชีวิตที่บกพร่อง การ่ชิงในสิ่งที่เป็ประเภทเดียวกัน ก็เพื่อส่งเสริมเติมเต็มให้ชะตาชีวิต…ชะตาชีวิตของคนผู้นี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก ดวงชะตาของมันสะกดข่มน้องหว่านอวี๋โดยธรรมชาติ หากดวงชะตาดำเนินไปโดยมิเปลี่ยนแปลง ก็อาจเป็ไปได้ว่าเจตนาฟ้ามุ่งตรงมาอยู่ที่บุคคลผู้นี้ ทำให้มันกลายเป็คนที่ทำให้หว่านอวี๋ต้องประสบหายนะ ดังนั้นหาก้าย้อนทวนฝืนชะตาชีวิตฟ้าลิขิต อันดับแรกต้องทำให้เจตนาฟ้าสับสนก่อน หากน้องหว่านอวี๋ลงมือสังหารบุคคลที่ฟ้ากำหนดมาทำให้นางต้องประสบภัยพิบัติด้วยตนเอง จะเพิ่มความแข็งแกร่งสมบูรณ์ของชะตาชีวิตในส่วนที่หว่านอวี๋บกพร่องแต่กำเนิด ถ้าหากมีผู้อื่นต้องประสบภัยพิบัติหายนะในอนาคต นั่นก็เป็เนื่องเพราะน้องหว่านอวี๋่ชิงชะตาฟ้าลิขิตล่วงหน้าไปก่อนแล้ว และก่อเกิดกำเนิดเส้นทางรอดชีวิตขึ้นมาใหม่ ด้วยวิธีนี้น้องหว่านอวี๋ก็จะมั่นใจ สามารถผ่านพ้นภัยพิบัติหายนะ แปรเปลี่ยนทุกข์ให้เป็วาสนาได้มากยิ่งขึ้น” จ้านอู๋มิ่งพูดอย่างจริงจัง
เหยียนควนและทุกคนเหมือนจะเข้าใจและมิเข้าใจ แต่พอจะเข้าใจความหมายของจ้านอู๋มิ่งได้อย่างคลุมเครือ ทุกคนประหลาดใจยิ่งนัก จ้านอู๋มิ่งกลับทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับชะตาชีวิตของเจิ้งหย่งฟู นี่เป็เพราะพวกเขาไม่ทราบว่าจ้านอู๋มิ่งมีความทรงจำในชาติภพก่อน ทราบและเข้าใจชัดเจนว่า เจิ้งหย่งฟูก็คือฆาตกรที่จบชีวิตหลิ่วหว่านอวี๋ ดังนั้นจึงทราบว่าหากหลิ่วหว่านอวี๋่ชิงโชคชะตาของเจิ้งหย่งฟูแล้ว จึงจะทำให้ชะตาชีวิตของหลิ่วหว่านอวี๋สมบูรณ์เพียบพร้อมมากขึ้น ด้วยเหตุนี้จ้านอู๋มิ่งจึงใช้ให้เหยียนอี้ช่วยเจิ้งหย่งฟู ให้หลิ่วหว่านอวี๋สังหารเจิ้งหย่งฟูด้วยตนเอง
“ข้าเชื่อ!” หลิ่วหว่านอวี๋ชักกระบี่ยาวออกมาเสียงดัง "เคร้ง" ตอบจ้านอู๋มิ่งอย่างจริงจังเสียงสั่น
จ้านอู๋มิ่งหัวเราะแล้วพยักหน้า คำนึงในใจ “ข้าเคยพูดว่าชีวิตนี้จะไม่ปล่อยให้เ้าต้องรับความทุกข์อีกอย่างเด็ดขาด เรามาเริ่มย้อนทวนเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตฝืนฟ้าลิขิตอย่างเป็ทางการั้แ่บัดนี้กันเถอะ”
สายตาหลิ่วหว่านอวี๋หันไปทางเจิ้งหย่งฟูอีกครั้ง ใบหน้าน้อยๆ ซีดขาว นางไม่เคยคิดว่าการฆาตกรรมครั้งแรกจะอยู่ภายใต้สถานการณ์ชนิดนี้ เผชิญหน้ากับราชันาสามดาวที่ไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ขัดขืนผู้หนึ่ง
“ทุกคนล้วนต้องผ่านมันมาทั้งสิ้น นักฝึกฌานบ่มเพาะพลังต่อสู้ก็เพื่อฝืนฟ้า่ชิงชะตาชีวิต ทรัพยากรของฟ้าดินมีจำกัด ผู้ใด้าหัวเราะเป็คนสุดท้าย ก็จะต้องลงดาบสังหารอย่างดุดัน มิฉะนั้นเ้าจะไม่สามารถประสบความสำเร็จใดๆ ตลอดกาล!” จ้านอู๋มิ่งกล่าวเสียงเ็า คำพูดที่สงบเยือกเย็น ทำให้คนรู้สึกว่าคนตรงหน้ามิใช่เด็กหนุ่มที่อ่อนแอคนหนึ่ง แต่เป็คนร้ายกาจทะเยอทะยานที่มือแปดเปื้อนโลหิตคนนับพันนับหมื่นผู้หนึ่ง
“อา!” หลิ่วหว่านอวี๋หลับตาลง สะบัดฟันกระบี่ยาวคมกริบออกครั้งหนึ่งก็รู้สึกว่าของเหลวอุ่นๆ สาดทั่วร่างกายตน อดมิได้ที่จะอุทานออกมาอย่างใ เซถอยหลังเจ็ดแปดก้าว กระบี่ยาวในมือตกลงบนพื้นในทันใด
จ้านอู๋มิ่งคล้ายจะทราบล่วงหน้า ยืนอยู่ด้านหลังหลิ่วหว่านอวี๋ที่เซถอยหลังพอดี เอื้อมมือออกวาดเป็เส้นโค้งหลายสายกลางนภากาศท่ามกลางอากาศเบื้องหน้า ปรากฏไอละอองหมอกบางๆ สายหนึ่งออกมาจากอากาศ เข้าไปในร่างกายหญิงสาวตรงหน้า
เขาประคองหลิ่วหว่านอวี๋ที่ยังใไว้ ตบบนร่างนางเบาๆ กล่าวว่า “ไม่เป็ไรแล้ว เ้าคิดเสียว่ามันเป็อสูรร้ายตัวหนึ่ง เ้าสังหารมันแล้วเท่ากับได้ช่วยชีวิตคนบริสุทธิ์อีกจำนวนมากมาย เช่นนี้จะรู้สึกดีขึ้นมากมายนัก”
หลิ่วหว่านอวี๋ใเล็กน้อย หันกลับมาร้องไห้โฮฟุบอยู่ในอ้อมแขนของจ้านอู๋มิ่ง ยามกะทันหันทำให้จ้านอู๋มิ่งทำอะไรมิถูกขึ้นมา
ทุกคนเห็นจ้านอู๋มิ่งวาดมือกลางอากาศเบื้องหน้าเป็เวลานาน กลับไม่เห็นอะไรเลย สีหน้าของเหยียนควนและเจี่ยชิง ตลอดจนเหยียนอี้แปรเปลี่ยนเป็เคร่งขรึมยิ่ง ในฐานะราชันา พวกเขามีความอ่อนไหวต่อพลังชีวิตและองค์ประกอบธาตุของฟ้าดินอย่างยิ่ง
ชั่วขณะที่เจิ้งหย่งฟูสิ้นชีวิต พลันพวกเขารู้สึกราวกับมีอากาศเย็นปรากฏขึ้นท่ามกลางฟ้าดินในทันใด แต่เมื่อจ้านอู๋มิ่งวาดส่วนโค้งหลายสายกลางอากาศ กลิ่นอายนั้นหายไปในทันใด ถูกชักนำโดยจ้านอู๋มิ่งเข้าสู่ภายในร่างของหลิ่วหว่านอวี๋ กลางนภากาศกลับมาเต็มไปด้วยพลังชีวิตเหมือนก่อนหน้านี้เช่นเดิมทันที
แม้กระทั่งพวกเขาก็ไม่เห็นด้วยซ้ำ ประกายความสดใสระยิบระยับพร้อมกลิ่นอายหยินเยือกเย็นไหลเข้าสู่ภายในร่างหลิ่วหว่านอวี๋ นั่นคือโชคชะตาที่แข็งแกร่งที่สุด ประเสริฐที่สุดในชีวิตของเจิ้งหย่งฟู เวลานี้ความสดใสตลอดทั้งชีวิตกลับกลายเป็การตัดเย็บชุดวิวาห์ให้ผู้อื่น
นี่คือฝีมืออะไรกัน? ในใจทั้งสามคนรู้สึกประหลาดใจ ต่างล้วนเชื่อสนิทในการดูดวงชะตาทำนายทายทักซึ่งเป็จินตนาการล้วนๆ ที่จ้านอู๋มิ่งพูดมาทั้งหมด
“เหยียนอี้ เขาเป็น้าสามของข้า ช่วยข้าฝังศพเขาให้ดีๆ อย่าลืมเก็บเอาแหวนเขามาด้วย” พลันจ้านอู๋มิ่งหันศีรษะและยิ้มๆ ให้กับเหยียนอี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้