บทที่ 1 : ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบในกรงทอง
เสียงช้อนส้อมกระทบจานกระเบื้องเนื้อดีดังกริ๊ก... แ่เบา แต่กลับก้องกังวานอย่างน่าอึดอัดภายในห้องรับประทานอาหารสุดหรูของคฤหาสน์ตระกูล 'ศิริเมธานนท์'
บนโต๊ะอาหารขนาดยาวที่ประดับประดาด้วยเชิงเทียนและดอกไม้สด ส่งกลิ่นหอมเอือมระอา มีเพียงความเงียบงันปกคลุมคนสามคน พ่อ แม่ และลูกสาวคนเดียวอย่าง 'เอวา' หรือ เอวารินทร์ หญิงสาววัย 23 ปี ในชุดเดรสสีครีมเรียบร้อยที่ถูกเลือกสรรมาอย่างดีโดยมารดา นั่งก้มหน้าเขี่ยอาหารในจานอย่างคนไร้ความอยาก
"ทานให้หมดนะลูก ผักนั่นน่ะ มีวิตามิน ผิวพรรณจะได้ผ่องใส" คุณหญิงดารินทร์ ผู้เป็แม่เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ ไม่ใช่ด้วยความเป็ห่วง แต่เป็คำสั่งกลายๆ "วันเสาร์นี้ต้องไปเจอคุณพี่วีแล้ว แม่ไม่อยากให้ลูกดูซูบซีดเหมือนคนขี้โรค"
"ค่ะ คุณแม่" เอวารับคำเสียงเบา ตักผักสลัดที่เธอเกลียดเข้าปากแล้วฝืนกลืนลงไป
"ท่านเ้าสัววิชัยฝากบอกมาว่า ทางฝั่งโน้นเขาเร่งเื่ฤกษ์แต่งงาน" ผู้เป็พ่อวางแก้วไวน์ลงแล้วเอ่ยเสียงขรึม สายตาไม่ได้มองมาที่ลูกสาว แต่มองเลยไปที่รูปวาดราคาแพงบนผนัง "โครงการเมกะโปรเจกต์ที่ร่วมทุนกันกำลังจะเปิดตัว เขาอยากให้มีข่าวดีช่วยกระตุ้นหุ้นบริษัท"
"ดีจริงค่ะคุณ" ผู้เป็แม่ยิ้มกว้าง แววตาเป็ประกาย "เอวา... ได้ยินไหมลูก หนูโชคดีแค่ไหนที่ได้เกี่ยวดองกับตระกูลนั้น คุณวีเขาทั้งหล่อ ทั้งรวย การศึกษาดี เหมาะสมกับหนูทุกอย่าง"
เหมาะสม... คำคำนี้เอวาได้ยินมาั้แ่จำความได้
เหมาะสมที่จะเรียนเปียโนแทนที่จะไปเตะบอลกับเพื่อน
เหมาะสมที่จะเรียนบริหารธุรกิจแทนที่จะเรียนศิลปะที่ชอบ
และตอนนี้... เหมาะสมที่จะแต่งงานกับผู้ชายที่เคยเจอหน้ากันไม่ถึงสามครั้ง เพื่อความมั่นคงทางธุรกิจ
"เอวา... อิ่มแล้วค่ะ ขอตัวนะคะ"
หญิงสาวรวบช้อนส้อม วางผ้าเช็ดปากลงอย่างเรียบร้อยตามมารยาทที่ถูกอบรมมาอย่างเคร่งครัด ก่อนจะลุกขึ้นยืน
"เดี๋ยวสิ ยายลูกคนนี้ พ่อยังพูดไม่จบเลย" แม่ทำท่าจะดุ แต่พ่อโบกมือห้ามไว้
"ช่างเถอะ ให้มันไปพักผ่อน เตรียมตัวให้พร้อมก็พอ อย่าให้เสียเื่"
เอวาเดินออกจากห้องอาหารด้วยท่วงท่าสง่างาม แต่ทันทีที่พ้นสายตาบุพการี ไหล่บางที่เคยตั้งตรงก็ลู่ลง ขาเรียวรีบก้าวขึ้นบันไดวนสู่ชั้นสองราวกับกำลังหนีปีศาจร้าย
ภายในห้องนอนสีขาวสะอาดตาที่ถูกตกแต่งไว้อย่างหรูหราดุจห้องนอนเ้าหญิง เอวาทิ้งตัวลงนอนแผ่หลากับเตียงกว้าง ความสวยงามของห้องนี้ไม่ได้ทำให้เธอมีความสุข มันเหมือนกรงขัง... กรงทองที่ขังตุ๊กตากระเบื้องเคลือบราคาแพงเอาไว้ รอวันให้เ้าของใหม่มารับไปตั้งโชว์
ตึ๊ง...
เสียงข้อความแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้น เอวาหยิบมาดูด้วยความหวังลึกๆ ว่าอาจจะเป็เพื่อนสนิทชวนไปเที่ยว หรือใครสักคนที่ส่งข้อความมาให้กำลังใจ
แต่หน้าจอกลับโชว์ข้อความจากแม่... ที่เพิ่งแยกกันเมื่อครู่
“ชุดที่แม่เตรียมไว้ให้อยู่ในตู้เสื้อผ้านะคะ วันเสาร์ใส่ชุดนี้ ห้ามใส่ตัวอื่น แม่เลือกมาแล้วว่าเหมาะกับลูก อย่าทำให้แม่ผิดหวังนะเอวา”
เอวาอ่านข้อความนั้นซ้ำๆ ขอบตาร้อนผ่าว ไม่ใช่ความซาบซึ้ง แต่เป็ความอัดอั้นตันใจที่สะสมมาตลอดชีวิต คำว่า 'อย่าทำให้ผิดหวัง' มันหนักอึ้งจนเธอแทบจะแบกรับไม่ไหว เธอไม่เคยมีสิทธิ์เลือกอะไรเลย แม้แต่เสื้อผ้าที่จะใส่ หรือผู้ชายที่จะนอนด้วยไปตลอดชีวิต
ความกระหายน้ำทำให้เธอตัดสินใจลุกจากเตียงอีกครั้ง กะว่าจะลงไปหาน้ำเย็นๆ ดื่มให้ชื่นใจสักแก้ว เผื่อความร้อนรุ่มในอกจะบรรเทาลงบ้าง
หญิงสาวเดินลงบันไดมาด้วยฝีเท้าเงียบเชียบ ผ่านห้องรับแขกที่ไฟยังเปิดสว่างอยู่ เธอได้ยินเสียงพ่อกับแม่ยังคงนั่งคุยกัน บรรยากาศดูผ่อนคลายกว่าตอนทานข้าว เอวาชะงักฝีเท้า ตั้งใจจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่ประโยคถัดมาของผู้เป็พ่อกลับตรึงเท้าเธอไว้กับพื้น
"คุณแน่ใจนะดารินทร์... ว่าลูกเราจะมัดใจตาวีได้?" น้ำเสียงของพ่อเจือแววกังวล "ผมได้ข่าวว่าทางนั้นเพลย์บอยตัวพ่อ เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า เอวามันจืดชืดจะตาย วันๆ เอาแต่เรียนกับอยู่บ้าน ไม่ประสีประสาเื่บนเตียง หรือเื่เอาใจผู้ชายหรอก กลัวจะน่าเบื่อจนเขาเขี่ยทิ้งก่อนจะได้เซ็นสัญญา"
เอวาตัวชาวาบ หัวใจเต้นแรงด้วยความเ็ป
"โอ๊ย คุณกังวลอะไรไม่เข้าเื่" เสียงแม่หัวเราะคิกคัก "ผู้ชายระดับคุณวี เขาผ่านผู้หญิงร้อนแรงข้างนอกมาจนเบื่อแล้ว สิ่งที่เขา้าไม่ใช่คู่นอนที่เก่งกาจหรอกค่ะ เขา้าแค่ 'แม่พันธุ์' ที่สะอาด เรียบร้อย โปรไฟล์ดี ไว้ออกงานเชิดหน้าชูตาและผลิตทายาทสืบสกุลก็พอ"
"..."
"หน้าที่ของเอวามีแค่นั้นแหละค่ะ เป็ตุ๊กตาประดับบารมีที่วางไว้ในบ้านสวยๆ ให้ท้อง มีหลานให้เรา แล้วก็ให้เราได้ร่วมทุนกับทางนั้น... เื่ความรักความใคร่น่ะ ช่างหัวมันเถอะ"
หน้าที่ของเอวามีแค่นั้น...
แค่แม่พันธุ์... แค่ตุ๊กตาประดับบารมี...
ประโยคเ่าั้เหมือนมีดโกนอาบยาพิษที่กรีดลึกลงไปถึงขั้วหัวใจ เอวายกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ไหลทะลักออกมาอาบแก้ม เธอเพิ่งรู้ซึ้งถึงคุณค่าของตัวเองในสายตาพ่อแม่ก็วันนี้...
เธอไม่ใช่ลูกรัก...
เธอเป็แค่ 'สินค้า' ที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี เพื่อรอวันขายออกให้ได้ราคาแพงที่สุด
ความเสียใจแปรเปลี่ยนเป็ความโกรธ ความน้อยเนื้อต่ำใจแปรเปลี่ยนเป็แรงอาฆาตเงียบๆ เอวาปาดน้ำตาทิ้งอย่างลวกๆ ดวงตาคู่สวยที่เคยฉายแววสดใสบัดนี้กลับแข็งกร้าวขึ้น
หญิงสาวเปลี่ยนทิศทางจากการเดินไปห้องครัว ตรงดิ่งไปยัง 'ห้องเก็บไวน์' ของสะสมสุดหวงแหนของผู้เป็พ่อ เธอผลักประตูเข้าไป กวาดสายตามองขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ราคาแพงระยับที่เรียงรายอยู่บนชั้น
มือเรียวคว้าขวดวิสกี้ชั้นดีขวดหนึ่งออกมา... ขวดที่พ่อเคยอวดนักหนาว่าหายากและแพงหูฉี่
"ในเมื่อเห็นเอวาเป็แค่สินค้า... สินค้าชิ้นนี้ก็จะพังตัวเองให้ดู!"
