ไม่นานหลังจากนั้นมีเสียงตุบตุบดังขึ้นสองครั้ง มีดบินในมือที่ลวี่จู๋กำลังจะขว้างออกไปก็ตกลงบนพื้น
เมื่อครู่เห็นกับตาว่ากระบี่ของนางอ่อนเหลวในเวลาเพียงครู่เดียว จู่ๆ นางก็ถูกลิ้นเสี่ยวไตกูพันรอบคอ ลวี่จู๋หวาดกลัวจนตัวสั่นอย่างรุนแรง
ในขณะนี้ ลวี่จู๋กลัวว่านางจะกลายเป็แอ่งโคลนไม่ต่างจากกระบี่
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้น...
หลังจากลิ้นยาวเล็กของเสี่ยวไตกูโอบรอบคอของลวี่จู๋ไว้ คอของนางก็เกิดแผลกว้างยิ่งกว่าของมู่จื่อหลิง เืไหลย้อยลงมา
ต้องบอกว่าเดิมทีเสี่ยวไตกูก็ไม่ได้มีแรงมากพอที่จะบีบคอลวี่จู๋จนเือาบ เพียงแต่พิษที่มันปล่อยออกมาได้ในยามนี้ กำลังส่งผล
หากเป็ไปได้ ในยามนี้เสี่ยวไตกูอยากใช้ลิ้นพิษอันน่าภาคภูมิใจของมัน เปลี่ยนหญิงอัปลักษณ์ตรงหน้าให้กลายเป็แอ่งเื
แต่เสี่ยวไตกูยังเหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้กับค้างคาวเืแดงกลุ่มใหญ่ในถ้ำซากศพก่อนหน้านี้ ใน่เวลาสั้นๆ เช่นนี้ มันไม่สามารถฟื้นคืนสภาพเดิมได้อย่างสมบูรณ์
พิษในร่างกายของเสี่ยวไตกูก็เช่นกัน ยิ่งกว่านั้นเมื่อครู่นี้มันยังกลั่นพิษที่ทรงพลังออกมาเล็กน้อยด้วยกำลังทั้งหมดเพื่อทำให้กระบี่อ่อนตัวลง
ดังนั้นในยามนี้เสี่ยวไตกูจึงไม่สามารถปล่อยพิษร้ายที่ไม่อาจมีสิ่งใดเปรียบออกมาได้ ไม่อาจทำให้ลวี่จู๋ตายได้ในทันทีทันใด
ตอนนี้เสี่ยวไตกูทำได้เพียงใช้พิษที่เหลืออยู่ค่อยๆ ละลายิัที่คอของลวี่จู๋ให้เป็แผล
จากนั้น มันค่อยๆ สอดลิ้นเรียวเล็กเข้าไปในคอของนางทีละนิด
แต่ถึงจะเป็เช่นนั้น พิษน้อยนิดนี้ก็ยังทำให้ลวี่จู๋รู้สึกเ็ปจนไร้แรงตอบโต้
เพราะว่า...
ชั่วขณะหนึ่งที่ลวี่จู๋รู้สึกถึงการกัดกร่อนที่ิับริเวณคอ ความเ็ปทำให้ใบหน้าของนางบิดเบี้ยว
ลวี่จู๋อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัว อยากจะใช้มือฉีกกระชาก ‘ด้ายเส้นเล็ก’ ที่พันรอบคอออก
แต่นางกลับพบว่า นางไม่สามารถยกมือขึ้นได้ มือของนางทั้งสองข้างห้อยลงข้างกายไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
ในเวลาเดียวกัน ขาของลวี่จู๋ก็อ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง ไม่นานนางก็ทรุดตัวลงกับพื้น
แม้ร่างของนางจะไม่กลายเป็แอ่งโคลน แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ลวี่จู๋ตื่นตระหนกและหวาดกลัว
สิ่งที่อยู่ในมือมู่จื่อหลิงคืออะไร? มันส่องแสงสีม่วงพร่างพรายจนลวี่จู๋เห็นไม่ชัด
ดวงตาของลวี่จู๋กลายเป็สีแดง สีหน้าหวาดกลัวมีร่องรอยของความไม่เชื่อ ดวงตายังคงมีเจตนาฆ่ารุนแรง “มะ...ไม่นึกเลยว่าหญิงสารเลวเช่นเ้าจะมากเล่ห์ได้ถึงเพียงนี้ ข้าประเมินเ้าต่ำไป”
ใช่แล้ว ลวี่จู๋นึกไม่ถึงว่าคนที่พวกนางตามล่าในทุกวันนี้ จะฉลาดแกมโกงและมีไหวพริบแพรวพราว
นางสารเลวนี่แสร้งเป็หมูเพื่อหลอกกินเสือ หากนางเพียงแสร้งโง่ก็ช่างเถอะ แต่นี่นางยังแสร้งได้เหมือนจริงจนตบตานางได้
นอกจากนี้ยังมีเ้าสิ่งที่เรืองแสงสีม่วงในมือของนาง มองแวบแรกเหมือนจะเป็สมบัติหายาก สิ่งนี้สามารถทำให้กระบี่เหล็กดำของนางอ่อนเหลวได้ด้วยคราบน้ำเพียงสองสามหยด
หญิงเลวผู้นี้ซ่อนตัวตนไว้ลึกเพียงใด? สิ่งที่พวกนางรู้เกี่ยวกับมู่จื่อหลิงไม่ใช่เช่นนี้
ลวี่จู๋ยังคิดไม่ออก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ลวี่จู๋รำคาญมากที่สุดก็คือ เมื่อครู่แค่นางประมาทเพียงนิด นางหญิงสารเลวมู่จื่อหลิงกลับฉวยโอกาสนี้ได้ในทันที
ในขณะเดียวกัน ใจลวี่จู๋ยังมีความสงสัยเล็กน้อย
นางสารเลวนี่ไม่รู้ว่าตนถูกพวกนางไล่ล่า แต่เมื่อครู่นางกลับแสร้งโง่ เสแสร้งเช่นนั้น อาจกล่าวได้ว่าก่อนหน้านี้นางพบเข้ากับพวกพ้องของนางมาบ้างแล้ว ทั้งยังสามารถรอดพ้นจากเงื้อมมือพวกนางได้อย่างราบรื่น
ตามที่นางคาด คำพูดต่อไปของมู่จื่อหลิงได้ยืนยันการคาดเดาของลวี่จู๋
“เช่นนั้นหรือ? เมื่อไม่นานมานี้ข้าก็ได้ยินคำใกล้เคียงคำนี้เช่นกัน” ในดวงตาของเขามู่จื่อหลิงมีรอยยิ้มจาง “แต่อย่างไรคนที่พูดคำนี้ก็ตายไปแล้ว ข้าคิดว่านางคงไร้สมองที่สุดในบรรดาพวกเ้า”
ใช่จริงๆ! แน่นอนแล้วว่านางสารเลวผู้นี้พบกับสหายนางมาก่อนแล้ว
“เป็เฉิงอวี้หรือ?” ลวี่จู๋หอบหนัก กัดฟันด้วยความโกรธ ก่อนพูดขึ้นโดยไม่คิด “นางสารเลว เ้าฆ่าเฉิงอวี้!”
เฉิงอวี้เป็คนอารมณ์ร้อน นางหุนหันพลันแล่นที่สุดในหมู่พวกนาง วรยุทธ์เทียบได้กับตัวนางเอง แต่ความสามารถด้านการใช้อาวุธลับกลับดีที่สุดในหมู่พวกนาง นางไม่เคยคิดว่ามู่จื่อหลิงผู้ไร้ประโยชน์จะฆ่าเฉิงอวี้ได้
แต่มันคือเื่จริง เมื่อครู่นางได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด นางสามารถสังหารมู่จื่อหลิงได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงหนึ่งกระบวนท่า แต่ยามนี้กลับเป็นางเองที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของเ้าขยะผู้นี้ไม่ใช่หรือ?
ยามนึกถึงสิ่งนี้ ลวี่จู๋ก็ยิ่งโกรธจนอกแทบะเิ
หากเมื่อครู่นางระมัดระวังมากกว่านี้ หากนางรู้ว่าคนผู้นี้คือนางหญิงสารเลวนั่น คงใช้กระบี่สังหารนางในคราวเดียวไปนานแล้ว น่ารังเกียจยิ่งนัก!
ต่อหน้าคำตอบเพื่อขอคำยืนยันของลวี่จู๋ มู่จื่อหลิงเพียงแค่ยิ้ม ไม่พูดอะไร มุมปากของนางค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้มจางอีกครั้ง “โกรธไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ยามนี้ถึงตาเ้าแล้ว”
“เ้าจะทำอะไร?” ร่องรอยของความประหลาดใจฉายในดวงตาลวี่จู๋ นางจ้องมู่จื่อหลิง เส้นเืเขียวบนหน้าผากนูนขึ้นด้วยความโกรธ
มู่จื่อหลิงยักไหล่อย่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสา “เยวี่ยหลิงหลงสอนสั่งขยะอย่างพวกเ้ามาเช่นไรกันแน่? เห็นได้ชัดว่าเ้าจะสังหารข้า มายามนี้เ้าถึงได้ถามคำถามโง่ๆ อย่างเ้าจะทำอะไร?”
เมื่อถูกเหยียดหยามอย่างน่าอับอายเช่นนี้ ความโกรธในใจของลวี่จู๋ก็แผดเผารุนแรงยิ่งขึ้น ในยามนี้นางโกรธจนแทบะเิ แต่มันกลับเป็เื่ตลกสำหรับมู่จื่อหลิง
“นางตัวแสบ เ้าฆ่าเฉิงอวี้ ข้าจะฆ่าเ้า...” ในขณะนี้ลวี่จู๋ไม่ต่างจากไก่ที่ตกน้ำจนตัวเปียกโชก [1] แผดเสียงดังลั่น ต่อสู้ดิ้นรน แต่กลับไม่สามารถลุกขึ้นได้
“ฆ่าข้า? ขอโทษนะ ไม่ต้องพูดถึงว่ายามนี้เ้าไม่สามารถทำได้ ด้วยแม้จะเป็ก่อนหน้านี้ เ้าก็ไม่อาจทำได้เช่นกัน” มู่จื่อหลิงกะพริบตาเบาๆ มองนางอย่างขบขัน “แต่ ในเมื่อเ้าอยากทวงถามหาความยุติธรรมให้คนไร้สมองผู้นั้นถึงเพียงนี้ ข้าจะให้โอกาสเ้า ลงไปอยู่กับนาง”
ลวี่จู๋โกรธมาก นางเปลี่ยนความโกรธให้กลายเป็คำสาปชั่วร้าย “มู่จื่อหลิง แม้ข้าจะตกนรก ข้าก็ขอสาปแช่งให้เ้าไม่ได้ตายดี! เ้าต้องตายอย่างเลวร้าย...”
มู่จื่อหลิงกลอกตาด้วยความไม่สนใจ
นางยกมือขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ แตะาแตรงลำคอที่ยังคงมีเืไหลเล็กน้อยเบาๆ ลูบไปมาสองครั้งด้วยปลายนิ้วนุ่ม
จากนั้น มู่จื่อหลิงจึงหันมองลวี่จู๋อย่างเฉยเมย มีแววเยาะเย้ยอย่างกระหายเืบนมุมปากของนาง “ตอบแทนเ้าด้วยวิธีของเ้าเอง [2] เพียงแต่ต้องตอบกลับไปเป็สองเท่า! เข้าใจไหม?”
ประโยคสุดท้าย มู่จื่อหลิงพูดลอย แต่กลับเป็การบอกเสี่ยวไตกูที่อยู่ในมือนาง
แม้เสี่ยวไตกูจะรู้สึกว่าไม่ชัดเจน แต่มันกลับแสดงออกว่าเข้าใจ
แม้ว่านายน้อยจะไม่พูด มันก็ไม่ให้หญิงอัปลักษณ์ที่ทำร้ายนายน้อยรู้สึกดีอย่างแน่นอน
มีเสียงบางอย่างดังมาจากแสงสีม่วงในมือของมู่จื่อหลิง ดวงตาแดงก่ำของลวี่จู๋หรี่ลงเล็กน้อย ใบหน้านางมืดครึ้ม ไม่อยากเชื่อ “ที่แท้ก็เป็เ้าคางคกเหม็นเขียว!”
คราวนี้มู่จื่อหลิงมองลวี่จู๋ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ราวกับกำลังพูดว่า เ้าต้องตายอย่างน่าอนาถ
มู่จื่อหลิงคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าสาวใช้ของเยวี่ยหลิงหลงเหล่านี้ จะเข้มแข็งทุกคน ทั้งยังไม่รู้จักการยอมแพ้ ทั้งที่กำลังจะตาย กลับยังสามารถแสดงความทรงพลังออกมาด้วยได้ ใช้ปากพ่นอุจจาระไปทั่ว
เมื่อได้ยินลวี่จู๋ด่ามัน เสี่ยวไตกูก็ร้องเสียงหลงในทันที ทันใดนั้นแสงสีม่วงก็ปรากฏขึ้น ส่องแสงเปล่งประกายจนยากจะละสายตา
นี่เป็สัญญาณว่าเสี่ยวไตกูกำลังโกรธ
คางคกเหม็นเขียว? มันดูเหมือนคางคกน่าเกลียดที่ปกคลุมด้วยผิวขรุขระตรงไหน?
หญิงน่าเกลียดผู้นี้ตาบอดหรือ? นางควรตายแล้วจริงๆ!
เสี่ยวไตกูพยายามอย่างหนักเพื่อกลั่นพิษสองสามหยดออกจากร่างกาย ใช้เวลาครู่ใหญ่พิษก็ค่อยๆ ไหลลงมาตามลิ้นยาวเล็กตรงไปยังาแบนคอของลวี่จู๋
หญิงน่าเกลียดผู้นี้ทำให้นายน้อยาเ็จนเืออก อีกทั้งนางยังเรียกมันว่าคางคกเหม็นเขียว? ให้อภัยไม่ได้...เมื่อพิษเริ่มกัดเซาะ าแก็ลึกขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นของเสี่ยวไตกูรัดแน่นขึ้น ฝังแน่นลึกลงไป
“อือ...” ลวี่จู๋ส่งเสียงอู้อี้ แต่สุดท้ายนางก็ไม่สามารถแม้แต่จะเปล่งเสียงกรีดร้องด้วยความเ็ปออกมาดังๆ
จู่ๆ มุมปากของลวี่จู๋ก็มีแววเย้ยหยัน นางพ่นคำเยาะเย้ยออกมาด้วยความยากลำบากอย่างไม่คิดยอมแพ้
คำของคนใกล้ตายล้วนออกมาจากใจ
จากนั้น ลวี่จู๋ก็กล่าวคำสุดท้ายก่อนจะสิ้นใจออกมาอย่างแ่เบา “มู่จื่อหลิง มีสิ่งหนึ่งที่เ้าไม่รู้ สาเหตุที่ฉีอ๋องหายไปนานถึงเพียงนี้ เป็เพราะยามนี้พระองค์ทรงอยู่กับนายหญิงรองของเรา เ้าไม่...”
แต่ลวี่จู๋ไม่อาจพูดจนจบได้...
เพียงพริบตา าแบนลำคอของลวี่จู๋ก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนน่าใ เืสีดำพุ่งกระฉูดออกมาราวกับน้ำพุระลอกใหญ่
เสียงฉี่ ฉี่ ฉี่ จากการเผาไหม้ของิัดังคมชัดภายในป่าทึบเปล่าเปลี่ยว ทั้งแปลกและน่าขนลุก
จากนั้นเืสีดำกองใหญ่ก็พุ่งออกมาจากปากของลวี่จู๋ ในที่สุดร่างกายที่อดทนอดกลั้นไว้เป็เวลานานก็ถดถอยอย่างไม่อาจควบคุมได้ ดวงตานางเบิกกว้างเต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังอย่างสุดซึ้ง
นางเองก็กำลังจะตายเช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้ว เสียงของลวี่จู๋เบามาก เบาจนไม่รู้ว่ามู่จื่อหลิงได้ยินหรือไม่
เพียงไม่นาน มู่จื่อหลิงที่มีรอยยิ้มสดใสดูไม่เป็พิษเป็ภัยก็กะพริบตาเบาๆ มองลวี่จู๋ค่อยๆ ทรุดลงไป...
ลวี่จู๋ตายแล้ว แต่มู่จื่อหลิงกลับไม่ได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของความยินดี นางััาแที่คออย่างแ่เบา รอยยิ้มเ้าเล่ห์ฉายแววในดวงตา
ครั้งแรกนางรอดปลอดภัยได้เพราะม้าเมฆา ครั้งที่สอง กระบี่จ่อคอนาง แม้จะรอดมาได้ แต่ก็ลุ้นระทึกกว่าทุกครั้ง
อีกทั้งในยามนี้เสี่ยวไตกูไม่ต่างจากคางคกม่วงธรรมดา ไม่อาจช่วยนางได้อีกแล้ว หากยังมีอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเล่ห์กลเล็กๆ น้อยๆ ของนางจะยังได้ผลอยู่หรือไม่?
รุ่งสาง
มู่จื่อหลิงมองแสงสีขาวพร่ามัวทางทิศตะวันออกแล้วยิ้มเย็น
ศัตรูเข้มแข็งยิ่ง! นางมู่จื่อหลิงไม่เข้มแข็งเลย ในยามนี้นางจะแสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครดูกัน?
ดังนั้นแม้จะไม่มีม้าเมฆากับเสี่ยวไตกูแล้ว แต่นางก็ไม่อาจยอมแพ้โดยไม่สู้ได้
มู่จื่อหลิงกำหมัดแน่น
เยวี่ยหลิงหลงหรือ? ดี! ข้ามู่จื่อหลิงจะจดจำความแค้นทั้งหมดนี้ไว้
......
แม้ลวี่จู๋จะตายไปแล้ว แต่เสี่ยวไตกูก็ยังไม่คิดจะผละลิ้นออกมา หญิงอัปลักษณ์ตายแล้ว แต่ไฟของมันยังไม่ดับลง
เสี่ยวไตกูยังคงโอบรอบคอลวี่จู๋ที่ถูกพิษกัดกร่อนอย่างน่ากลัวไว้ ราวกับพยายามจะบีบคอนาง
เมื่อเห็นท่าทางไม่ยอมลดละของเสี่ยวไตกู มู่จื่อหลิงก็ส่ายหัวโดยไม่พูดอะไร นางวางเสี่ยวไตกูลง ปล่อยให้มันระบายความโกรธต่อไป
หลังจากนั้น มู่จื่อหลิงก็พันแผลที่คอของตน เตรียมทำลายศพและร่องรอย
อย่างไรก็ตาม เมื่อมู่จื่อหลิงเดินเข้าไปข้างกายลวี่จู๋ เตรียมทำลายศพ นางกลับพบว่าบนต้นไม้เก่าแก่ มีคนอีกคนที่ไม่รู้ว่ามาถึงั้แ่เมื่อใด
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ไก่ที่ตกน้ำจนตัวเปียกโชก (落水的鸡) เป็คำอุปมา มีความหมายว่า ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอาย หรือเลวร้าย
[2] ตอบแทนเ้าด้วยวิธีของเ้าเอง (以彼之道还施彼身) เป็วลี มีความหมายว่า ลอกวิธีผู้นั้นมาข่มเหงคนผู้นั้นเอง หรือจัดการกับคุณแบบเดียวกับที่คุณจัดการกับฉัน ส่วนใหญ่ใช้ในด้านการทหารและการเมือง