เมื่อศูนย์การแสดงสินค้ามีชายร่างกำยำชุดดำถือท่อนเหล็กบุกเข้ามา ผู้คนต่างใแตกกระเจิงกันทันที
ชั้นล่างของศูนย์การแสดงสินค้าเป็เพียงบูธเครื่องประดับราคาต่ำ ส่วนใหญ่ดึงดูดได้แต่คนทั่วไป เครื่องประดับของไดมอนด์กรุ๊ปที่คาดหวังไม่ได้เข้าร่วมด้วย ทำให้พวกเขาดูผิดหวังเล็กน้อย แล้วตอนนี้ยังจะมีพวกอันธพาลมาก่อความวุ่นวายอีก ผู้ร่วมงานจึงอยากรีบจากไปโดยเร็วที่สุด แต่เหตุการณ์นี้ทำให้พวกเขาอยู่ต่อ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ในปัจจุบันชมชอบดูเื่ราวสนุกสนาน หลังจากกลุ่มคนร่างกำยำชุดดำบุกเข้าศูนย์การแสดงสินค้า ทันใดนั้นชายฉกรรจ์ร่างใหญ่สองคนก็ปรากฏตัวขึ้น
ชายร่างใหญ่ใส่ชุดเ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ท่าทางแข็งกร้าว ในมือไม่มีอาวุธใดๆ เคลื่อนที่ไปยังกลุ่มชายชุดดำด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
เมื่อเห็นว่าทั้งสองฝ่ายต้องปะทะกันแน่ คนทั้งหมดต่างถอยออกไปไกล เสียงวิจารณ์ดังเซ็งแซ่
“สองคนนี้เป็ยามของงานแสดงสินค้าเหรอ? ท่าทางป่าเถื่อนมาก แต่ทำไมมีแค่สองคน?”
“จำนวนคนยังไม่ใช่ปัญหา แต่พวกเขากลับไม่ยอมพกอาวุธมาเลย โดนเละแน่”
“เหอะ ช่างไม่รู้จักประมาณตน ได้ยินว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยงานแสดงสินค้านี้มีปัญหา เห็นตอนนี้แล้วท่าจะจริง”
บางคนที่แอบดูพวกเขา เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ก็ได้แต่ปรบมือยกย่อง
สองคนนั้นจะสู้กับอันธพาลเจ็ดแปดคนที่มีอาวุธด้วยมือเปล่าหรือ? ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว ถ้าทำเช่นนั้นรับรองได้เลยว่าจะต้องถูกฆ่าแน่!
จูอี้ฉวินไม่เดินจากไป ยิ้มอย่างพอใจขณะมองศึกที่จะปะทะกันในศูนย์การแสดงสินค้า เขาคิดว่าเย่เฟิงจะมีความสามารถอะไรเสียอีก ตอนนี้กลับส่งสองคนนี้มาหาที่ตาย ดูเหมือนจะเป็เช่นนี้จริงๆ คุณหนูใหญ่หลินตาบอดแล้วดันหาคนประเภทไข่นิ่มมาเป็คู่หมั้น ซ้ำยังให้มันเป็ผู้รับผิดชอบความปลอดภัยในงานแสดงสินค้านี้อีก
หน่วยรักษาความปลอดภัยในงานแสดงสินค้ามาจากบริษัทที่ไม่เป็ที่รู้จัก ซึ่งก็คือบริษัทของเย่เฟิงที่ก่อตั้งเพื่อใช้อำนวยความสะดวกในอนาคตในนาม บริษัทรักษาความปลอดภัยเตาเฟิง
เนื่องจากไร้ชื่อเสียงจึงไม่มีใครเชื่อถือ แต่ผู้ร่วมงานรู้ว่าเป็บริษัทของเย่เฟิง และสอบถามมาแล้วว่ามันไม่มีความมั่นคงใดๆ มีเพียงเ้าหน้าที่ไม่ถึงสิบคนที่ลงบันทึกซึ่งก็คือเตาปาและลูกน้องทั้งแปดคนของเขา
แน่นอนว่าชายร่างใหญ่ทั้งสองคนคือลูกน้องของเตาปาซึ่งได้ฝึกเคล็ดวิชาซิวหลัว และเย่เฟิงยังมอบผลหมื่นซานจาให้ไปอีกด้วย พวกเขามีวรยุทธ์ครึ่งปี!
หลังจากเย่เฟิงมายังโลกนี้ เพียงเริ่มฝึกวรยุทธ์ได้นิดเดียวก็ชกพวกอันธพาลกระเด็น แต่ตอนนี้ลูกน้องของเตาปามีวรยุทธ์ครึ่งปี มันก็น่ากลัวเกินว่าปกติแล้ว
ขณะที่คนทั้งหมดคิดว่าชายร่างใหญ่ทั้งสองช่างกล้าออกมาจัดการกลับกลุ่มคนชุดดำ จู่ๆ พวกเขาก็พุ่งไปข้างหน้าทันที ระยะห่างประมาณสิบเมตรจากชายชุดดำ แต่พวกเขาไปถึงหน้าอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
เร็วมาก!
ทั้งสองคนใช้ย่างก้าวไร้เงาประชิดตัวฝ่ายตรงข้ามอย่างรวดเร็ว และแกว่งหมัดต่อยออกไปอย่างหนักหน่วง
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง
เกิดเสียงดังหลายครั้ง กลุ่มชายชุดดำถูกต่อยกระเด็นลอยไปทีละคนโดยไม่ทันตอบสนอง แล้วตกกระแทกพื้นอย่างแรง ทั้งเจ็ดคนต่างถูกต่อยกระเด็นเหมือนกันหมด
ฉากเบื้องหน้านี้ทำให้ฝูงชนตกอยู่ในอาการตะลึง นี่มันเกิดอะไรขึ้น? พวกเขาเป็ยอดมนุษย์หรืออย่างไร?
ชายร่างใหญ่ทั้งสองวิ่งไปด้านข้างกลุ่มคนชุดดำที่ถูกต่อยกระเด็น ก่อนหิ้วไปโยนออกจากศูนย์ราวกับไก่ทีละคน
จนถึงเวลานี้ คนรอบๆ เพิ่งฟื้นสติกลับมาและพลันตระหนักได้ว่า ชายมือเปล่าสองคนต่อยอันธพาลเจ็ดแปดคนกระเด็นอย่างนั้นหรือ?
ว้าว!
มันจะน่ากลัวเกินไปหรือเปล่า?
ไม่ว่าอย่างไรคนทั้งหมดต่างไม่เข้าใจเื่ที่เกิดขึ้น และจูอี้ฉวินก็เป็เช่นเดียวกัน เขาอ้าปากกว้างจนแทบยัดไข่เข้าไปได้ทั้งใบ
แข็งแกร่ง แข็งแกร่ง แข็งแกร่ง พวกเขาไม่สามารถสรรหาคำอื่นใดมาบรรยายชายร่างใหญ่ทั้งสองคนได้เลย แม้แต่เสียงร้องใยังต้องหุบเอาไว้
บัดซบ! ใครบอกว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยของงานแสดงนี้กระจอก? ต้องตีขาสุนัขของมันทิ้งแล้ว!
“เสี่ยวชี จัดการตักเตือนพวกมันซะ” เสียงเตาปาดังมาจากด้านหนึ่ง “ทุกท่านไม่ต้องใ เหตุการณ์นี้เป็เพียงอุบัติเหตุ ผู้จัดงานกำลังสืบสวนต้นตอและจะมาขออภัยทุกท่านโดยเร็วที่สุด ขอให้ทุกท่านเชื่อกำลังของพวกเราหน่วยเตาเฟิง”
หลังจากคำพูดนี้กระจายออกไป บางคนพลันถอนหายใจอย่างเข้าใจทันที ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงต้องตั้งชื่อเช่นนั้น จากการกระทำของชายทั้งสองคนนั้น แน่นอนว่าคนที่เหลือของหน่วยนี้จะต้องเป็อาวุธที่คมกริบเหมือนกันแน่ ช่างน่าหวาดหวั่นนัก
เสี่ยวปาก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมหิ้วชายชุดดำอย่างเฉยชาราวกับหิ้วไก่เช่นเดียวกับที่ทำในศูนย์การแสดงสินค้า
เขาได้รับคำสั่งจากเย่เฟิงให้นำตัวอีกฝ่ายมาให้ เนื่องจากชายหนุ่ม้าสอบสวนว่าผู้บงการให้มาก่อกวนที่งานแสดงสินค้าคือใคร
ส่วนพวกที่เหลือ เตาปาออกคำสั่งกับเสี่ยวลิ่วให้แยกย้ายกันไปโยนพวกเขาไว้ใกล้กับรถบรรทุก จากนั้นชายหน้าบากก็กดโทรศัพท์โทรออกราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อเหตุการณ์เป็เช่นนี้ จูอี้ฉวินก็กลับโรงแรมฝั่งตรงข้ามที่เปิดห้องไว้ เขาใมากเหมือนเห็นเื่ตลก
พวกเขาทั้งหมดเป็ใครกัน?
ช่างน่าสงสัยนัก หน่วยเตาเฟิงคือหน่วยอะไรกันแน่?
เขาทำพลาดไปแล้ว จูอี้ฉวินหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาหลินเหรินเทียนอย่างรวดเร็ว เื่ในวันนี้ทั้งหมดเป็การตัดสินใจของอีกฝ่ายหลังจากพวกเขาหารือกันแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะหลินเหรินเทียน คนเป็ประธานบริษัทเช่นเขามีหรือจะกล้าส่งคนไปก่อกวนในที่สาธารณะอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้?
เมื่อเขากดโทรออกแล้วก็พบว่าเบอร์โทรของหลินเหรินเทียนไม่สามารถติดต่อได้ เื่นี้ทำให้เขาสับสน แทบไม่เสียเวลาเก็บของอะไรเลยแล้วรีบลงข้างล่างเพื่อหลบหนี
เย่เฟิงกับจื่อเจี้ยนหลานอยู่ข้างหน้าต่างชั้นสอง ดูราวกับเป็คู่รัก ไกลจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงทางเข้าศูนย์การแสดงสินค้า
ผู้ร่วมงานต่างรีบออกไปเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกด้านหนึ่ง แต่สายตาของผู้ชายหลายคนกลับจ้องจื่อเจี้ยนหลาน ภาพการต่อสู้รุนแรงไม่สามารถเทียบได้กับความน่าดึงดูดของจื่อเจี้ยนหลาน
“ถึงเวลาที่พวกเขาต้องเปิดเผยตัวตนแล้ว ถือว่าเป็ผลดี”
ในใจเย่เฟิงกำลังคิดอย่างรวดเร็ว เตาปาและเสี่ยวปานำคนชุดดำมาให้เย่เฟิง
“ตื่นขึ้นเดี๋ยวนี้”
เสียงหยาบกระด้างของเสี่ยวปาดังขึ้นพลางตบใบหน้าของคนชุดดำ
“อ๊าก”
หลังจากชายชุดดำซึ่งน้ำลายฟูมปากถูกตบสองครั้ง ในที่สุดก็ฟื้นคืนสติ
“ใครส่งพวกแกมา?”
เย่เฟิงจ้องตาของอีกฝ่ายและสะกดจิตทันที
“จูอี้ฉวิน ประธานจู เขาส่งพวกเรามา”
ชายชุดดำตกอยู่ภายใต้การสะกดจิตจึงคลายความลับในทันที
“อัดเสียงไว้แล้วใช่ไหม? เอามันไปให้พี่หลินด้วย”
มุมปากเย่เฟิงยกยิ้ม คือไอ้แก่นั่นจริงๆ ในเมื่อตอนนี้มีเทปอัดเสียงไว้แล้ว มันไม่เท่ากับตายทั้งเป็เลยหรือ?
ฝ่ายตรงข้ามตกอยู่ในกำมือของเย่เฟิงแล้ว!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้