สายตาที่แปลกไปจากเดิมของฝานหรูเยว่ทำให้ซูฉางอันรู้สึกอึดอัดเป็อย่างมาก
เขาก้มหน้าลงต่ำเพื่อเลี่ยงสายตาของฝานหรูเยว่จากนั้นก็ทำท่าราวนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งแล้วมองไปที่ฝานหรูเยว่
“จริงสิ หรูเยว่มีเื่หนึ่งที่ข้าอยากจะถามเ้ามาโดยตลอด แต่ก็ลืมถามไปทุกครั้ง”
“หืม?” ฝานหรูเยว่ได้สติกลับมาในที่สุด จู่ๆ ใบหน้าของนางก็มีสีแดงระเรื่อราวเพิ่งตระหนักได้ว่าการกระทำของตนเป็การเสียมารยาทจนเกินไป
“ข้าจำได้ว่าเคยได้ยินมาว่าพี่ชายของศิษย์พี่ หรือก็คือองค์ชายห้าชอบเ้าไม่เบาเลย” ซูฉางอันถามด้วยท่าทางสบายๆ
ทว่าฝานหรูเยว่ที่ได้ฟังกลับเด้งตัวขึ้นไปยืนไม่ต่างไปจากกระต่ายที่ถูกใครมากระทืบเท้าเลยนางไปยืนอยู่อีกข้างด้วยท่าทางตื่นตระหนก เอาแต่อ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
“เป็อะไรไป?” ซูฉางอันะเิความประหลาดใจขึ้นอย่างอดไม่ได้เขากำลังคิดว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า และในตอนที่เขากำลังจะกล่าวขอโทษ จู่ๆฝานหรูเยว่ก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
“เ้าค่ะ” นางพูดเสียงเบาหวิวพอพูดจบก็ปรายตามองซูฉางอันอย่างระมัดระวังอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเขายังคงมีสีหน้าปกติ ไม่ได้มีท่าทีประหลาดไป จึงรู้สึกวางใจมากขึ้น “ข้าเคยพบกับองค์ชายห้ามาก่อน”
“เขาเคย... เคยเผยว่ารู้สึกชอบข้า”
“เอ๋?” ซูฉางอันตาเป็ประกายราวได้พบกับเื่ที่สุดแสนจะน่าสนใจเข้าเช่นนั้น เขาถามขึ้นอีกครั้งอย่างสนอกสนใจ “แล้วเ้าชอบเขาไหม? ข้าได้ยินมาว่าองค์ชายห้ามีเสน่ห์ล้นเหลือทั้งยังมีรูปร่างหล่อเหลา จึงมีผู้หญิงมากมายแอบชอบเขาอยู่”
เขาอยากจะหยอกฝานหรูเยว่เท่านั้นแต่คิดไม่ถึงว่าหลังสิ้นประโยค ฝานหรูเยว่กลับมีท่าทางตื่นตระหนกเสียยิ่งกว่าเดิม
นางยกมือขึ้นมาโบกปฏิเสธอย่างต่อเนื่องพลางพูดขึ้นอย่างร้อนรน “เปล่า เปล่าเลยข้าไม่เคยชอบองค์ชายห้าเลยสักนิด เพียงแต่ ในตอนนั้นข้ากำลังจะถูกประมูลแล้วองค์ชายห้าก็เคยบอกว่าจะช่วยไถ่ตัวให้ข้าจึงคิดว่าหากใครช่วยพาข้าออกไปจากความเ็ปที่เป็อยู่ได้ ให้ข้าติดตามเขาอยู่กับเขาก็ยังได้เลย” เมื่อพูดมาจนถึงตรงนี้ฝานหรูเยว่ก็ปรายตามองไปที่ซูฉางอันอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเขายังคงมีสีหน้าเรียบเฉยไม่ต่างไปจากเดิมจึงรู้สึกโมโหขึ้นมาเล็กน้อย นางกัดฟันกรอดจากนั้นก็พูดด้วยเสียงที่ดังยิ่งกว่าเดิม “แต่สุดท้ายแล้วคนที่ช่วยข้ากลับเป็คุณชายซู”
......
จู่ๆ ทั้งห้องก็จมเข้าสู่ความเงียบงัน
หลังรออยู่นานแต่ยังไม่ได้รับการตอบสนองใดๆจากซูฉางอัน ฝานหรูเยว่จึงเงยหน้าขึ้นไปมองชายตรงหน้าอีกครั้งทำให้พบว่าซูฉางอันกำลังจ้องมาที่ตนอย่างเหม่อลอยราวกำลังนึกลังเลกับเื่บางอย่าง
ฝานหรูเยว่หัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันทีและเป็อีกครั้งที่นางก้มหน้าลง พลางดึงชายเสื้อมากำเอาไว้อย่างเขินอาย
ซูฉางอันมีสีหน้าประหลาดไปจากเดิมเล็กน้อยเขาคิดว่าฝานหรูเยว่กำลังกล่าวโทษตน ที่เสนอตัวออกไปช่วยไถ่ตัวให้นางในวันนั้นไม่เช่นนั้น นางก็ไปกับองค์ชายห้าได้อย่างสมเหตุสมผลแล้วแต่เขาก็ยังไม่แน่ใจสักเท่าไรว่าสิ่งที่ตนคิดอยู่เป็เื่จริงหรือไม่จึงถามลองเชิงขึ้น “หรูเยว่เ้าอยากกลับไปอยู่กับองค์ชายห้าสินะ?”
“หืม?” ฝานหรูเยว่ชะงักไปเล็กน้อย นางมองไปยังซูฉางอันอย่างไม่เข้าใจไม่รู้ว่าทำไมซูฉางอันถึงพูดอะไรเช่นนั้นออกมา
ซูฉางอันเองก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อยเขามองดูฝานหรูเยว่ที่นิ่งเงียบไปนาน คิดว่าการคาดเดาของตนถูกต้องยิ่งมานึกขึ้นได้ว่าสตรีในหนังสือมักจะนิ่งเงียบเมื่อพูดถึงเื่ของคนที่ชอบแล้วด้วยซูฉางอันก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาก แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีใจเลยสักนิดเขาเคยชินที่อาหารการกินและกิจวัตรประจำวันของตนอยู่ในการดูแลของหญิงสาวแสนสวยตรงหน้าไปเป็ที่เรียบร้อยแล้วแค่คิดว่าคนตรงหน้ากำลังจะไปอยู่กับคนอื่น เขาก็รู้สึกเศร้าหมองอย่างบอกไม่ถูกแต่เขาก็ไม่อยากบังคับให้ฝานหรูเยว่ทำเื่ที่ฝืนใจอีก
และในตอนนั้นเองฝานหรูเยว่ที่ยืนนิ่งอยู่ด้านข้างเริ่มเดาได้แล้วว่าซูฉางอันเข้าใจความหมายที่ตน้าจะสื่อผิดไปจึงร้อนใจ ้าจะพูดอธิบาย แต่ซูฉางอันก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน
“ความจริงแล้ว หากเ้าคิดถึงเขามากข้าจะรบกวนศิษย์พี่ช่วยนำคำพูดของเ้าไปบอกกับองค์ชายห้าให้เอง” แม้จะพูดเช่นนั้นแต่สีหน้าที่เขาแสดงออกมาในตอนนี้ กลับเผยความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในหัวใจออกมาจนหมด
ฝานหรูเยว่ชะงักอึ้งไปนางมองชายหนุ่มที่ปากไม่ตรงกับใจตรงหน้าด้วยความรู้สึกทั้งโกรธและตลกไปในเวลาเดียวกันทันใดนั้น จู่ๆ ความซาบซึ้งใจก็ปะทุขึ้นอย่างประหลาดท้ายที่สุดฝานหรูเยว่ก็กระทืบเท้าลงบนพื้นดิน ก่อนใบหน้าจะเปลี่ยนไปเป็สีแดงนางมองไปยังซูฉางอันแวบหนึ่ง จากนั้นจึงพูดขึ้น “คุณชายซู ท่านซื่อบื้อไม่ต่างไปจากท่อนไม้เลยจริงๆ!”
จากนั้นนางก็วิ่งออกไปจากห้องของซูฉางอันด้วยความรวดเร็วภายใต้การจับจ้องด้วยแววตาสงสัยของซูฉางอันทิ้งให้เขามองตามแผ่นหลังที่กำลังวิ่งออกไปไกลด้วยความงุนงงเพียงผู้เดียว
สองวันต่อจากนั้นสำนักเทียนหลานเงียบสงบอย่างยากจะได้เห็น
สำนักเทียนหลานในตอนนี้ไร้ซึ่งกู่เซี่ยนจวินกับเซี่ยโหวฟ่งอวี้ไร้ซึ่งเสียงโหวกเหวกโวยวายเหมือนก่อน แต่ก็ไร้ซึ่งความสนุกไปด้วยเช่นกัน
ซูฉางอันไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าตนเคยชินกับการอยู่ร่วมกับเซี่ยโหวฟ่งอวี้ที่มีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆกับกู่เซี่ยนจวินที่มีนิสัยแปลกประหลาดไปแล้ว เมื่อทั้งสองไม่อยู่จึงรู้สึกไม่ชินสักเท่าไรนัก
ดูเหมือนฝานหรูเยว่ยังโกรธซูฉางอันอยู่แม้เขาจะไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด แต่เขาก็คิดว่าการทำให้ผู้หญิงรู้สึกโกรธไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็เป็เื่ที่ไม่สมควรอยู่ดี ดังนั้นเขาจึงพยายามจะหาโอกาสขอโทษนาง ทว่าท้ายที่สุดกลับทำให้เื่แย่ยิ่งไปกว่าเดิมเสียได้ เขาใช้เวลาครึ่งวันไปกับการเขียนเรียบเรียงคำพูดด้วย้าจะนำไปพูดง้อฝานหรูเยว่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าฝานหรูเยว่ที่มีนิสัยอ่อนโยนมาโดยตลอดจะโกรธมากยิ่งขึ้นเสียอย่างนั้นนางไม่ยอมพูดกับซูฉางอันมานานถึงสองวันเต็มๆ แล้ว
ในรุ่งเช้าของวันที่สี่เสียงเคาะประตูที่ดังรัว ปลุกให้ซูฉางอันตื่นนอนในที่สุด
เขาขยี้ตาตัวเองจากนั้นก็มองออกไปนอกหน้าต่าง ฟ้ายังมืดอยู่เลยดวงจันทร์ก็ยังปรากฏให้เห็นได้อย่างเลือนราง นี่ยังไม่เช้าเลยด้วยซ้ำ!ซูฉางอันลุกออกจากเตียงด้วยอารมณ์ไม่สู้ดีนัก จากนั้นก็บ่นพึมพำว่าใครกันหนอที่มาเคาะประตูเรียกตนั้แ่ฟ้ายังไม่สว่างเช่นนี้
เขาเดินไปเปิดประตูอย่างไร้ชีวิตชีวาก่อนจะพบกับฝานหรูเยว่ที่กำลังมองมาด้วยท่าทางร้อนใจซึ่งทำให้ซูฉางอันรู้สึกประหลาดใจเป็อย่างมาก ฝานหรูเยว่ยังโกรธเขาอยู่ไม่ใช่รึ? ทำไมวันนี้ถึงมาหาเขาั้แ่เช้าตรู่เช่นนี้
ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรฝานหรูเยว่ก็เปล่งเสียงออกมาเสียก่อน “แย่แล้วๆ คุณชายซู!”
ซูฉางอันยังจมอยู่ในอาการสะลึมสะลือเขาขยี้ตาตัวเอง แล้วถามขึ้น “อะไรแย่รึ?”
“คุณหนูกู่! คุณหนูกู่เกิดเื่แล้ว!” อาจเป็เพราะซูฉางอันมีท่าทางผ่อนคลายมากจนเกินไปฝานหรูเยว่จึงะเิความร้อนใจขึ้นมามากยิ่งขึ้น คำท้ายประโยคนางแทบจะะโออกมาเลยทีเดียว
ซูฉางอันสะดุ้งใรู้สึกสร่างขึ้นมาทันที ดูจากท่าทางร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาของคนตรงหน้าเขารู้ดี ว่านี่ไม่ใช่แผนกลั่นแกล้งของคนตรงหน้าหรือกู่เซี่ยนจวินซูฉางอันรู้สึกใจหายวาบ จึงรีบถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ดูเหมือนฝานหรูเยว่เองก็ตื่นตระหนกจนสติหลุดลอยไปแล้วนางพูดความในใจออกมาจนหมด “เมื่อหลายวันก่อนคุณหนูกู่กับโกซานหยุนไปที่เมืองหลานหลิง ตามที่ตกลงกันเอาไว้ พวกเขาต้องส่งกากลับมาส่งสารให้จวนเสนาบดีทุกๆสามชั่วยาม ทว่าั้แ่เมื่อวานเป็ต้นมาจวนเสนาบดีไม่ได้รับจดหมายอีกเลยแม้แต่ฉบับเดียวนี่ก็ผ่านมาตั้งแปดชั่วยามแล้วที่พวกเขาไม่มีข่าวคราวจากคุณหนูกู่ตอนนี้ทางราชสำนักส่งเทพนักรบ ตู้เหว่ย กับกองกำลังพยัคฆ์อีกสามร้อยคนไปสืบเื่ที่เมืองหลานหลิงแล้ว”
ขณะที่ฝานหรูเยว่เล่าเื่ซูฉางอันก็แต่งตัวด้วยชุดที่มักจะสวมใส่เมื่อออกไปข้างนอกจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว...เสื้อที่ทำมาจากผ้าเนื้อหยาบสีอ่อนที่แสนธรรมดา กางเกงสีขาวอ่อน และรองเท้าบูตสีดำ
“แล้วท่านอวี้เหิงละ เขาว่ายังไงบ้าง?” ซูฉางอันจัดเสื้อผ้าบนร่างเป็การปิดท้ายจากนั้นก็ยื่นมือเข้าไปในห้อง แล้วกำหมับที่กลางอากาศพลันดาบที่ซ่อนอยู่ในฝักก็พุ่งเข้ามาอยู่ในมืออย่างรวดเร็ว
นี่เป็การดึงดูดสิ่งของที่้าด้วยพลังนั่นเองโดยปกติแล้ว นักพรตสามารถใช้ทักษะนี้ได้เมื่อมีพลังอยู่ในระดับหลอมจิตส่วนนักสู้จะทำเช่นนี้ได้ก็ต่อเมื่อมีพลังอยู่ในระดับไท่ยีแล้วเท่านั้นเมื่อซูฉางอันแสดงทักษะนี้ออกมา ฝานหรูเยว่จึงชะงักไปเล็กน้อยแต่นางก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาชื่นชมเื่พวกนี้
นางพูดต่อ “ท่านอวี้เหิงกับผู้าุโฉู่จะตามไปด้วยตอนนี้พวกเขาอยู่ที่หน้าสำนัก เตรียมจะออกเดินทางแล้ว”
“อืม” ซูฉางอันพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจากนั้นก็ทำท่าว่าจะมุ่งหน้าไปที่หน้าสำนัก แต่เพิ่งจะก้าวเท้าออกไปแค่ก้าวเดียวเขาก็ชะงักฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน
เขาหันกลับไปบอกกับฝานหรูเยว่ที่กำลังจะเดินตามไป “หรูเยว่ เ้ารออยู่ที่บ้านนะให้ข้าไปกับผู้าุโฉู่และท่านอวี้เหิงก็พอ”
ทว่าฝานหรูเยว่กลับพูดขัดขึ้น “คุณชายตอนนี้หรูเยว่มีพลังอยู่ในระดับเก้าดาราแล้ว ให้ข้าไปเถอะ ข้าต้องช่วยอะไรได้แน่”
“ไม่ได้” ซูฉางอันส่ายหน้า “ข้าไม่รู้ว่าคนที่ชื่อโกซานหยุนมีพลังอยู่ในระดับใดแม้กู่เซี่ยนจวินมีพลังอยู่ในระดับไท่ยีแล้วแต่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่านางเป็หรือตายกันแน่ เ้าไปด้วย ก็มีแต่จะลำบากไปด้วยอีกอย่าง คนพวกนั้นกล้าฆ่าคนยกเมืองในเมืองที่ตั้งอยู่ข้างเมืองฉางอันกล้าสร้างเื่สร้างราวต่อหน้าต่อตาองค์จักรพรรดิเช่นนี้ แสดงว่าพวกมันมีที่พึ่งหรืออำนาจที่ไม่ธรรมดาแน่”
“แต่ว่า!” ฝานหรูเยว่ทำท่าราวอยากจะพูดอะไรออกมาอีกแต่ก็ถูกฝ่ามือที่แสนอ่อนโยนปิดปากเอาไว้เสียก่อน
เมื่อมองดูใบหน้าที่จู่ๆก็ขยับเข้ามาใกล้ มองดูดวงตาของซูฉางอันที่อยู่ในระยะประชิดเช่นนี้เป็ครั้งแรกจู่ๆ นางก็รู้สึกสงบลงมาก
“วางใจเถิดข้าจะช่วยกู่เซี่ยนจวินกลับมาให้ได้” เสียงนั้นมีความเป็เด็กผสมอยู่เล็กน้อยทว่าก็เต็มไปด้วยอำนาจทีทำให้ผู้ฟังรู้สึกเชื่อมั่นอย่างไม่อาจหักห้ามได้วินาทีนั้น ในที่สุดฝานหรูเยว่ก็รู้สึกวางใจ และเลิกวิตกกังวลได้ในที่สุด
เมื่อสิ้นประโยคซูฉางอันก็แบกดาบเอาไว้บนหลัง ก้าวยาวๆไปยังประตูสำนักเทียนหลานที่เต็มไปด้วยกลุ่มหมอกยามเช้าทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้