เมื่อเข้ามาจากประตูหลักของเมืองแซมบอร์ด ก็จะพบกับถนนสายหลักที่กว้างขวางพอให้เกวียนหกคันวิ่งสวนกันได้ ชาวเมืองแซมบอร์ดชอบเรียกถนนสายนี้ว่า ‘ถนนสีทอง’
เพราะถนนสายนี้สร้างด้วยหินสีเหลือง แต่เนื่องจากที่มันอยู่มานานมากแล้ว จะเห็นว่าระหว่างรอยแยกจะมีพืชมอสสีเขียวๆ ติดอยู่ในนั้น มองไกลๆ เหมือนเส้นไหมมรกตที่สวยงามฝังอยู่ในทองคำบริสุทธิ์
ถนนหนทางของเมืองแซมบอร์ดได้ขยายออกไปจนถึงลานกว้างหน้าพระราชวัง
มองลงมาจากฟ้า ‘ถนนสีทอง’ ดูเหมือนดาบสีทองที่ห่อหุ้มด้วยระรอกคลื่นเวทมนตร์สีเขียว แล้วถูกพระเ้าซ่อนมันไว้ในพื้นดินของเมืองแซมบอร์ดโดยไม่มีใครรู้
ในตอนเย็น พระอาทิตย์ตกสีทองโรยตัวลงในถนนกว้าง
เป็เวลาที่ ‘ถนนสีทอง’ เส้นนี้งดงามที่สุด ชาวบ้านเมืองแซมบอร์ดชอบมาเดินเล่นบนถนนเส้นนี้ มาพบปะกับเพื่อนบ้านหรือมิตรสหายแล้วพากันสนทนาเื่สนุกหรือสิ่งที่พบเจอในแต่ละวัน
ภายใต้แสงพระอาทิตย์ตกดิน มันเป็่เวลาที่สงบและอบอุ่นที่สุด
แม้แต่ซุนเฟยที่เป็องค์าา ในเวลาตอนเย็น หลายครั้งจะแอบสวมชุดคลุมเดินปะปนเข้ากับฝูงชน ซึมซับบรรยากาศสนิทสนมใกล้ชิดแบบนี้ เมื่อยู่ท่ามกลางบรรยากาศนี้ อารมณ์ที่หุนหันใจร้อนของซุนเฟยก็กลายเป็สุขสงบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ลืมภาระหนักหนาที่แบกไว้ คิดว่าความจริงแล้วตัวเองเป็จอมยุทธ์หนุ่มพเนจรเหมือนสมัยจีนโบราณที่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ
แต่บรรยากาศที่เงียบสงบของ ‘ถนนสีทอง’ วันนี้ ก็ถูกเปลี่ยนแปลงโดยการบุกรุกของคนบางคน
ชาวบ้านเมืองแซมบอร์ดยังคงเดินเล่นทักทายปราศรัยกันบนถนนอยู่เหมือนเดิม แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงกีบม้าดังขึ้นมาจากไกลๆ และพื้นดินก็สั่นะเื มองไกลๆ ก็เห็นเพียงเสื้อคลุมสีแดงอัศวินและชุดเกราะสดใสหกนายปรากฏขึ้นจากขอบฟ้า ประหนึ่งพายุที่พัดเข้ามาชนกับประตูเมือง เหมือนลมพัดกวาดเข้ามา เฆี่ยนม้าให้ยกเท้าขึ้นตั้งตัวตรงบนถนนก่อนจะทะยานไป
พวกอัศวินที่เหมือนที่เหมือนสายลมชั่วร้ายที่พัดมาเพื่อสร้างหายนะ พวกเขาไม่ลังเลที่จะพุ่งเข้าไปท่ามกลางฝูงชนที่คึกคัก
แส้ม้าในมือพวกเขาส่งเสียงดังจู่โจมมั่วซั่ว แม้กระทั่งจงใจฟาดไปที่พวกเด็กและคนชราที่หนีไม่ทัน ทันใดนั้นมีชายชราผมขาวที่หลบไม่ทันก็ถูกเหยียบจนหัวแตกเืไหลนอง บางคนก็หันหลังปกป้องพวกผู้หญิงและลูกๆ ของตัวเองจนถูกแส้ม้าของอัศวินโบยไปที่หลังจนเสื้อผ้าพวกเขาขาดเป็รอยพร้อมเืซึมตามรอยแผล...
ชั่วพริบตา บรรยากาศที่เงียบสงบของ ‘ถนนสีทอง’ ก็หายไป เหมือนพระอาทิตย์ที่สะท้อนอยู่บนแม่น้ำ ราวกับกระจกเงาถูกเด็กนิสัยไม่ดีโยกก้อนหินลงไป สร้างระรอกคลื่นทำลายภาพที่งดงามและหยดน้ำที่สาดกระเซ็นไปทั่ว เสียงหัวเราะเยาะของพวกอัศวินดังขึ้น เสียงเด็กร้องไห้หาพ่อแม่ เสียงร้องเ็ปของคนแก่และหญิงสาวที่โดนทำร้าย...เสียงร้องพวกนี้พริบตาก็ดังระงมไปทั่ว
ความสงบเหมือนภาพวาดของเมืองแซมบอร์ดได้แตกกระเจิง ยุ่งเหยิงขึ้นทันที
“ไอ้พวกมดแมลงชั้นต่ำ ยังไม่รีบเปิดทางอีก...ผู้รับใช้ที่จงรักภักดีที่สุดต่อท่านพระสันตะปาปาปลาตีนีแห่งโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่สูงส่ง ท่านนักบวชแมซโซลา ท่านได้รับการแต่งตั้งจากท่านบิชอปลำดับที่สามสิบสี่ของราชอาณาจักรเซนิท ราชอาณาจักรลำดับหนึ่งมาที่เมืองแซมบอร์ดเพื่อเข้าร่วมพิธีาาภิเษก ตอนนี้รถม้าของท่านนักบวชแมซโซลากำลังจะมาแล้ว ทหารเมืองแซมบอร์ด พวกเ้าได้ยินแล้วก็รีบไปเรียกองค์าาอเล็กซานเดอร์มาคารวะเสีย...ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องรีบหลีกทางออกไปให้หมด หากยังมีไอ้โง่ตัวไหนกล้ามายืนอยู่บนถนนขวางรถม้าของท่านจะต้องถูกปะา”
ตำแหน่งที่จำได้ยากถูกพ่นออกมาจากปากของผู้นำอัศวินที่กำลังโอ้อวดศักดา
ชายรูปร่างสูงใหญ่ สูงประมาณสองเมตร สวมชุดเกราะสีเงิน สัญลักษณ์รูปพระอาทิตย์ที่เป็สัญลักษณ์ของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์สลักอยู่บนชุดเกราะสีเงินบริเวณอก เสื้อคลุมสีแดงด้านหลังโบกสะบัดไปตามแรงลม เผยให้เห็นเสื้อผ้าฝ้ายสีแดงที่อยู่ใต้ชุดเกราะ คนพวกนี้เหมือนกลุ่มเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครา แสดงสีหน้าสูงส่งโดยไม่ปิดบังสักนิด แส้ม้าในมือเขาที่ห้อยอยู่กับรองเท้าเหล็ก บนแส้ยังคงเปื้อนเืของหญิงสาวที่น่าสงสารที่ใช้หลังตัวเองปกป้องลูกชายจนถูกเฆี่ยนตีเนื้อแตก เืหยดลงสู่พื้นทีละหยด
“ปิดถนน คุมถนนทั้งสองฝั่ง รักษาความปลอดภัยรถม้าของท่านนักบวช”
“เร็วๆๆ ตรวจสอบบุคคลที่น่าสงสัย!”
“มีคนที่น่าสงสัยก็รีบจับมัน ใครกล้าต่อต้าน สังหารมันทันที!”
พวกอัศวินที่ขี่ม้าออกคำสั่งเสียงดังก้อง ไม่ช้าก็มีอัศวินข้าราชบริพารสวมชุดเกราะร้อยกว่านายวิ่งเข้ามาจากประตูใหญ่ของเมืองแซมบอร์ด พวกอัศวินที่เป็ข้าราชบริพารต่างสวมหมวกเกราะลักษณะวงกลม พวกอัศวินที่เป็ข้าราชบริพารต่างมีท่าทางดุร้าย ในมือต่างถือดาบและหอก มีอัศวินบางส่วนแบกสัมภาระพวกของใช้ประจำวันของเ้านายและโล่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกอัศวิน...พวกเขาแต่ละคนเหมือนหมาป่าที่ดุร้ายขับไล่ฝูงชนที่อยู่ขอบถนน เสียงะโโหวกเหวกดังขึ้น ไม่ช้าบนถนนก็เปิดวงล้อมออก
จากนั้นทางเดินของประตูั์เมืองแซมบอร์ดที่อยู่ไกลๆ
ก็ปรากฏขบวนยาวขบวนหนึ่งค่อยๆ เข้ามาในเมืองอย่างช้าๆ
เป็ครั้งแรกที่ทุกคนถูกรถม้าั์ดึงดูดความสนใจอย่างง่ายดาย รถม้าคันนี้เต็มไปด้วยรูปภาพพระอาทิตย์สีทองอร่ามทั้งคัน นอกจากรถม้าจะดูหรูหราแล้ว สิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องใคือ มันไม่มีล้อ ตำแหน่งที่เดิมทีควรจะเป็ล้อกลับแทนที่ด้วยลมสีเทาๆ ที่หมุนไม่หยุดทั้งสองข้าง ค่อยๆ ลากรถม้าหนักอึ้งอย่างเบาๆ จนเหมือนขนนกที่กำลังลอยอยู่ในอากาศ ใน่ที่ม้ากำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ตัวรถม้าไม่มีการสั่นะเืเลยสักนิด
นี่คือรถม้าเวทมนตร์ของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ ฐานของรถถูกจารึกสัญลักษณ์เวทมนตร์ธาตุลมระดับกลางโดยนักบวชระดับสูง สัญลักษณ์เวทมนตร์ขับเคลื่อนด้วยหินเวทมนตร์ มองไกลๆ ดูหรูหราอย่างมาก รถม้าเวทมนตร์นี้เป็สัญลักษณ์บ่งบอกฐานะ มีแค่นักบวชระดับสูงเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ได้
และทั้งสองด้านของรถม้าเวทมนตร์หรูหรา มีนักบวชชุดสีดำจำนวนสี่สิบกว่าคน คอเสื้อปักสัญลักษณ์บาทหลวงโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์สีแดง สวมเสื้อคลุมนักบวชฝึกหัดเดินตามมาอย่างใกล้ชิด คอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ อย่างนอบน้อม
นักบวชฝึกหัดจะถูกเรียกอีกชื่อว่าบาทหลวง และมีความสัมพันธ์กับนักบวชแบบครูผู้สอนและข้ารับใช้ แม้ในขณะที่เดินก็จะมีเสียงแกว่งของโซ่ดังกังวาน ทำให้เกิดเสียงดังกริ๊งพร้อมกันขึ้นมา ทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก ทั้งทำให้รู้สึกหนาวสะท้านจนตัวสั่นและยังอยากทำให้พวกเขาถอยห่างจากขบวน
นักบวชและอัศวิน เป็เสาหลักที่ทรงอำนาจของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินอาเซรอท
พวกเขาเป็พันธมิตรที่ดีที่สุด ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายมีความคล้ายคลึงกับนักรบและนักเวท หนึ่งมีความชำนาญการต่อสู้ระยะประชิด พละกำลังมหาศาล และอีกหนึ่งมีความชำนาญด้านเวทมนต์และคาถา มีพลังที่มหัศจรรย์ ในการต่อสู้สามารถส่งเสริมกันและกันได้ ดังนั้น เมื่อไรที่โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์จะเปิดโบสถ์ใหม่ขึ้นมา เวลาที่จะคัดเลือกคนส่งไปให้ดำรงตำแหน่ง ก็มักจะแต่งตั้งอัศวินและนักบวชพร้อมกัน
ไม่ช้าบนถนนก็ถูกเคลียร์พื้นที่ให้ว่าง ชาวบ้านเมืองแซมบอร์ดถูกสั่งให้ยืนตรงๆ อยู่ริมถนน ไม่ว่าอย่างไร หากพบการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติเพียงเล็กน้อย จะถูกพวกอัศวินข้าราชบริพารคิดว่าไม่เคารพต่อท่านนักบวชแมซโซลาและจะถูกสังหารทันที ไม่มีเหตุผลที่จะต้องพูดคุยกัน
รถม้าเวทมนตร์สีทองค่อยๆ เคลื่อนที่ไปบน ‘ถนนสีทอง’ อย่างช้าๆ เหมือนกำลังตรวจสอบชาวเมืองของตัวเอง
สองข้างทาง ในสายตาของทุกคนต่างมองไปที่กลุ่มอัศวินด้วยสายตาเคารพยำเกรงลึกๆ
แน่นอนว่า นอกจากนี้ยังมีร่องรอยของความขยะแขยงและความเกลียดชังลึกซึ้งด้วย
ในตอนที่เมืองแซมบอร์ดกำลังตกอยู่ในอันตราย ถูกล้อมด้วยทหารเกราะดำ ในยามปกติ พวกอัศวินและนักบวชมักจะเพลิดเพลินไปกับสิทธิพิเศษต่างๆ ในเมืองแซมบอร์ดโดยที่พวกเขาก็ไม่ได้ต่อต้านอะไร แต่เมื่อถึงคราววิกฤติ ไอ้พวกโลภพวกนี้ก็ทำตัวเหมือนหมาข้างถนนละทิ้งเมืองไป พอเมืองปลอดภัย ไอ้พวกสารเลวที่เหมือนหมาป่าชั่วร้ายก็กลับมาอวดดี...โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์หน้าด้านทุกตัวไหม?
ดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายจะรับรู้ถึงสายตาที่ไม่เป็มิตร รถม้าเวทมนตร์สีทองจู่ๆ ก็หยุด ประตูเปิดออก ม่านสีดำก็ถูกเลิกขึ้น ชายชราหัวโล้นเล็กน้อยเอนตัวมาข้างหน้า จากนั้นก็เดินออกมายืนอยู่บนคันเหยียบที่หน้าประตูรถม้า
นี่คือนักบวชแมซโซลา
ไอ้คนโลภ แสนรู้ ไอ้สารเลว คนคนนี้ไม่ค่อยสูง เขาสูงเพียงหนึ่งร้อยหกสิบห้าเิเ ร่างผอม ในดวงตาประกายแสงเย็นะเืที่น่ากลัว มีคนเคยพูดถึงรูปร่างของแมซโซลาว่า “คนคนนี้เป็ตาแก่ตัวเล็ก จังหวะที่เขากำลังเลิกคิ้วก็สามารถวางแผนชั่วๆ ออกมาได้นับพันแผนเพียงเสี้ยววินาที” ลับหลัง ชาวบ้านเมืองแซมบอร์ดแอบเรียกชื่อเขาอีกชื่อว่า ‘งูหางกระดิ่งสองขา’
งูหางกระดิ่งตัวนี้และหัวหน้าอัศวินลูเซียโนที่ไว้หนวดไว้เคราและใช้แส้ม้าฟาดหญิงที่น่าสงสารก่อนหน้านี้ ทั้งสองคนต่างเป็ ‘จูโหว’ ที่ทางโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ส่งมาประจำที่เมืองแซมบอร์ด สองคนนี้ร่วมมือกันยึดกิจธุระที่เกี่ยวกับศาสนาภายในเมืองแซมบอร์ดทั้งหมด เนื่องจากสถานะโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์บนแผ่นดินอาเซรอทค่อนข้างสำคัญมาก ดังนั้น แม้ว่าทั้งสองคนจะมีบทบาทเล็กๆ ที่ไม่มีสำคัญในโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่สำหรับเมืองแซมบอร์ดแล้ว พวกเขากลับเป็คนที่มีอำนาจมากจนสามารถงัดข้อกับราชวงศ์ได้
แมซโซลาลูบคทาของเขาอย่างทะนุถนอม ดวงตาทอประกายเคร่งขรึม
เขากวาดสายตามองไปที่ฝูงชนที่แออัดทั้งสองฝั่ง ฝูงชนปั่นป่วนขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่มีใครอยากสบตากับเ้างูหางกระดิ่งนั่น
วินาทีต่อมา แมซโซลาชี้นิ้วไปที่ฝูงชนไม่กี่ครั้ง
คนที่ถูกชี้เหมือนกำลังโดนเชื้อเชิญจากเทพแห่งความตาย ทันใดนั้นใบหน้าพลันถอดสี เสียงร้องไห้ดิ้นรนดังขึ้น...แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ บาทหลวงที่อยู่ทั้งสองฝั่งของรถม้าก็จ้องมองตามทิศทางที่แมซโซลาชี้ จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปเหมือนหมาที่จงรักภักดีที่เมื่อได้รับคำสั่งจากเ้าของ ไม่ง่ายเลยที่จะแยกแยะออก โซ่ในมือคล้องไปที่คอของคนที่ถูกเลือก เหมือนจับไก่ไม่ปาน พวกเขากระชากคนผู้โชคร้ายออกมาจากเมืองอย่างรุนแรง
เสียงร้องไห้ดังขึ้น แต่บางคนก็กล้าเข้าไปช่วย แล้วก็ถูกพวกอัศวินที่ดุร้ายกระโจนเข้าไปทุบตี หญิงสาวที่อุ้มบุตรอยู่ก็ถูกดึงออกมา มีเด็กสาวที่อายุน้อยกว่า ยังมีชายหนุ่มที่สวมเสื้อผ้าสะอาดสะอ้านอีกหนึ่งคน...
ทันใดนั้น บนท้องถนนก็มีเสียงร้องไห้เหมือนกำลังอยู่ในนรกบนดิน
--------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้