“รีบหนีเร็ว เสี่ยวหยู...” ฉินหลันร้อนใจยิ่ง ตะเกียกตะกายลุกจากเก้าอี้นอนขึ้นมา ปากแผลบนร่างเปิดออกอีกครั้ง เืไหลทะลักเป็สาย
เ่ิูรีบเอามือประคองด้านหลังนางไว้ ส่งพลังภายในผ่านเข้าไปห้ามเืและทำให้าแนางแข็งตัวลง
เขาหันหน้ามองไปนอกห้องโถง สายตาไปตกทีู่เาจำลองกลางสวน ฉับพลันก็ถามไถ่อย่างไร้สาเหตุ “น้าหลัน ข้าจำได้ว่าตอนนั้นในบ้านไม่มีูเาจำลองนี่?”
ฉินหลันไม่เข้าใจเอาเสียเลย นางชะงักนิ่งไปแล้วตอบในยามถัดมา “เป็ของที่ตระกูลติงจัดสร้างขึ้นภายหลังน่ะ...”
“เฮอะๆ ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง...ถ้างั้นก็ควรหักทิ้งได้แล้ว” เ่ิูหัวเราะ “น้าหลัน ท่านรอข้าสักครู่นะ”
พูดไปก็หยัดยืนขึ้นในพลัน
“จะทำลายูเาปลอมนี่อย่างไรดีนะ?” เด็กหนุ่มครุ่นคิดอย่างจริงจัง
“ไอ้ขยะ เ้ามาทำวางมาดอะไรที่นี่ ทำลิงหลอกเ้า ไม่รู้สี่รู้แปด!” เหลยหงย่างเข้ามาใกล้ทีละก้าวๆ เขาเหยียดยิ้มโฉด “มาร้องขอชีวิตข้าเร็ว...ฮ่าๆ อ้อนวอนก็ไม่มีประโยชน์แล้วโว้ย ข้าจะฉีกแกให้แหลก!”
เ่ิูพึ่งเงยหน้ามองเอาตอนนี้ ราวกับว่าเพิ่งรู้สึกถึงการมีอยู่ของข้ารับใช้ตระกูลติงผู้แผ่รังสีอาฆาต
เด็กหนุ่มพยักหน้าทีหนึ่ง “อื้ม มีวิธีแล้ว”
สุรเสียงเงียบงัน
เ่ิูกระโจนเข้าหา
เหลยหงยังคงตรงเข้ามาแต่กลับรู้สึกถึงภาพเบลอวาบเข้ามา ยังไม่ทันได้ตอบโต้ มือหนึ่งก็ตรงมาจะจู่โจมเขาแล้ว ใต้ความตระหนกนั้น พลังภายในของเหลยหงพลันถูกกระตุ้น ทุ่มมือทั้งสองออกไปหวังจะต่อยมือนั้นให้กระเด็นออกไป...
ใครจะนึกเล่าว่ามือคู่นี้ที่เรี่ยวแรงมากพอจะสับหินให้แตกเป็สองเสี่ยง เมื่อเจอกับมือของเ่ิูมันมิได้ต่อยมือนั้นออกไป แต่เป็มือที่เขาภาคภูมิใจนักหนาว่าแข็งแกร่งต่างหาก ที่รวดร้าวจนแล่นปลาบไปทั่วร่างเหมือนกระดูกหักโค่น...
“อ๊าก” เหลยหงเปิดปากกว้างโหยหวนลั่น อ้าปากเหมือนอยากพูดอะไรสักคำ
ทว่าพริบตาต่อมา มือนั้นก็ตรงเข้าตะครุบลำคอของเขาเรียบร้อยแล้ว เหลยหงรู้สึกเหมือนการมองเห็นหลุดลอยไปด้านหลัง ลมกรรโชกเป่าผ่านแก้วหู
ทุกคนเบิกตากว้าง
รวมทั้งติงข่ายเสวียนด้วย
นายท่านสูงศักดิ์ผู้คิดว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุม ยามนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงความรู้สึกเหมือนสูดดมอากาศเย็นๆ เข้าปอด ดวงตาเบิกโตมองไพ่ตายของตัวเอง เหลยหงที่เขาคิดว่าพลังสูงส่งในทุกด้าน ตอนนี้กลับเหมือนหมาตัวหนึ่ง เหมือนกระสอบทรายที่ถูกซ้อมจนอ่วม ถูกเ่ิูบีบคออย่างแ่า
“อ๊าก” เหลยหงดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ทว่ามือข้างนั้นราวกับมือเหล็ก แข็งแรงทานทนนัก ยึดลำคอเขาไว้แน่นิ่ง ไม่อาจขัดขืนหรือดิ้นรนได้
เหลยหงเพิ่งค้นพบความจริงอันน่าตะลึง พลังภายในระดับอาณาน้ำพุิญญาหนึ่งตาของตนนั้น ถูกพลังภายในด้านนอกกดทับเข้าอยู่หมัดแล้ว ทุกอย่างถูกพลังกดั้แ่แขนขาเข้าไปยันจุดตันเถียน เหมือนถูกปิดผนึกไว้สนิท
“ขอร้องเ้าหรือ?”
ตาคมกริบของเ่ิูเหมือนเสียบทะลุบุรุษอวดดี เขายิ้มจางๆ เต็มเปี่ยมด้วยเย้ยหยัน
“เ้า...เฮอะๆ...กะจ้อยร่อย...รีบปล่อยข้า...เ้า...” เหลยหงสีหน้าดุร้าย เขายังคงคุกคามไม่หยุด
“รอครู่หนึ่งนะ ใช้เสร็จแล้วข้าก็จะปล่อยเ้า”
เ่ิูยิ้ม
ร่างของเขาลอยเหนือพื้นหนึ่งเมตร หิ้วร่างใหญ่โตของเหลยหงมาจนถึงหน้าูเาจำลองช้าๆ แม้แต่ประโยคเดียวก็ไม่เอ่ย เขายกเหลยหงขึ้นสูง ควงเหมือนเป็เครื่องกระทุ้ง ขว้างเข้าชนูเาปลอมเข้าอย่างจัง!
ตู้ม!
สั่นะเืเหมือนแผ่นดินไหว
ภูผาจำลองพังทลาย ฝุ่นผงกระจายในอากาศ
“อ๊าก!!!” เหลยหงร้องครวญคราง เหมือนแม่ไก่ถูกเชือดคอหอยก็ไม่ปาน เขาไม่เหลือเสียงให้ร้องอีกต่อไป
ตู้มๆๆ!
เ่ิูระดมยิงต่อไปอย่างไม่ปรานี
ูเาปลอมพังยับ หินผาก้อนใหญ่ๆ ถล่มร่วงลงมา ชนเข้ากับพื้นคฤหาสน์ คฤหาสน์ทั้งหลังประหนึ่งถูกสั่นคลอนราวกับแผ่นดินไหว
เหล่าองครักษ์คุ้มครองตระกูลติง กลัวจนหน้าซีดเป็ไก่ต้ม
เืสาดกระเซ็นพวยพุ่งเป็สาย
รูปกายทรหดไร้แผลแต่เริ่มของเหลยหง บัดนี้เนื้อหนังเริ่มปริแตก ถึงเขาจะอยู่ในระดับสูงสุดของอาณาพิภพ และยังมีพลังภายในคุ้มครองอยู่อีก ทว่าก็ไม่อาจทนรับการโจมตีรุนแรงนี้ได้
ทุกครั้งที่เ่ิูโจมตีใช้พลังไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นจิน
ติงข่ายเสวียนหน้าไร้สี ยกมือขึ้นชี้หน้าเ่ิู นิ้วสั่นระริกเหมือนเป็โรคลมบ้าหมู ทว่าแม้แต่คำเดียวก็พูดไม่ออก เหมือนว่าใจนบ้าไปแล้ว!
ในที่สุด ภูผาจำลองทั้งหมดก็พังถล่มลงมา
เ่ิูหยุดมือแล้ว เขามองูเาปลอมที่ตนทำลายจนสิ้นซาก ทีนี้แลถึงเผยแววตาพึงใจออกมาได้ เขาโยนร่างเหลยหงที่อ่อนเผละไปในกลุ่มฝุ่นฟุ้งตลบนั่น
พริบตาต่อมา เมื่อไม่มีมือเหล็กนั่นกุมลำคออยู่อีกแล้ว เหลยหงก็ร่ำร้องโหยหวน น่าสังเวชเหมือนหมูถูกเชือด
เสียงร้องนั้นกลับทำให้คนอื่นๆ เงียบงันเป็เป่าสาก
เพราะพวกเขาตะลึงลานไปแล้ว
ติงข่ายเสวียนเหมือนสูญเสียประสิทธิภาพสมอง เขารีบเก็บมือตัวเอง ไม่มีความกล้าจะไปแหยมชี้หน้าเ่ิูเป็ครั้งที่สอง
เ่ิูเคลื่อนไหววาบเดียวไปโผล่อยู่หน้าบานทวาร เขายกมือผลักออกเบาๆ
สายลมแรงพัดเข้ามา ทลายฝุ่นควันอบอวลให้แตกซ่าน สายตาของหมู่ชนค่อยเห็นได้ชัดแจ้ง เห็นเพียงูเาจำลองกลายเป็ซากปรักหักพัง และเหลยหงที่เือาบไปทั้งตัว แขนขาไม่รู้ว่าหักเป็กี่ท่อนต่อกี่ท่อน เขานอนครวญครางในกองหินแหลกลาญ เหมือนหมาตายในกองขยะ...
พริบตานี้ คนมากมายพลันเหงื่อเย็นแตกซิก ใจนทำอะไรไม่ถูก
ที่แท้ นี่ก็คือวิธีทำลายภูผาปลอมของเ่ิู
น่ากลัวเหลือเกิน!
ใช้กำลังมากไปแล้ว!
เ่ิูยืนอยู่หน้าประตูห้องโถงอย่างสงบ
ลมโชยพัดอาภรณ์ดำยาวของเขา และยังผมยาวดำหนาให้พัดพลิ้วดั่งเปลวเพลิง
รอบด้านเงียบเชียบราวป่าช้า
“ข้ารำคาญเวลามีคนมาโกหกปลิ้นปล้อนต่อหน้าข้าที่สุด แล้วยังไม่มีปัญญามาสู้กับข้าด้วย เฮอะๆ ข้าอายุสิบสี่ ในป่าเปล่าเปลี่ยวนั่น ข้าฆ่าสัตว์อสูรไปแล้วพันกว่าตัว ในนั้นยังมีตัวหนึ่งที่เป็สัตว์อสูรชั้นสูงที่ถูกข้ากัดจนตายทั้งเป็ แล้วยังมีอีกนะ สถานการณ์ที่ต้องฆ่าคนน่ะ ข้าก็เห็นมานักต่อนักแล้ว ของประเภทข้างนอกกร้าวข้างในกลวงอย่างเ้า ฆ่าสัตว์อสูรมาไม่กี่ตัว มีคุณสมบัติอะไรมาอวดเบ่ง? น้ำพุิญญาครึ่งทาง พลังภายในก็เดี๋ยวหยุดเดี๋ยวแล่น เหมือนลำธารแห้งขอดเลยว่ะ เฮอะๆ เป็แค่ของพรรค์นี้แท้ๆ เพราะไม่รู้ก็เลยไร้ความหมาย ไม่รู้แต่แรกด้วยซ้ำว่าสำนักกวางขาวมีดีอะไร แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าพวกชนชั้นสูงมีศึกอะไรกัน เ้าโง่ ติงข่ายเสวียนยิ่งโง่ดักดานเลย เขาถึงได้ถูกเ้าหลอกให้จ่ายหนักด้วยความเต็มใจให้คนอย่างเ้าได้...”
เ่ิูมองเหลยหง สีหน้าอาบเคลือบความเย้ยหยัน
“ช่วย...ช่วยด้วย...” เหลยหงกระอักเืออกมา ไม่มีความโอ้อวดดุเดือดก่อนหน้าหลงเหลืออีกแล้ว เหมือนหมาถูกเลาะสันหลัง ทั้งกระเสือกกระสนและอ้อนวอน
ขณะนั้นเองที่คนโง่อย่างเหลยหงก็รู้แล้วว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเด็กหนุ่มตรงหน้า ทั้งยังกลัวลนลานจนไตละเอียดไปแล้ว
แม้แต่แรงของเขาเองถ้าโจมตีูเาจำลองยังทำไม่ได้เละเทะถึงขนาดนี้ ทว่าเด็กหนุ่มคนนี้เพียงพริบตาเดียวกลับปิดผนึกพลังภายในของเขาหมด ทำให้เขาหมดหนทางปกป้องตัวเอง...
พลังเช่นนี้ มากมายกว่าเหลยหงไม่รู้กี่เท่า
“ข้าไม่ฆ่าเ้าหรอก ไสหัวไปเถอะ” เ่ิูปัดป่ายมือ
เหลยหงเหมือนได้นิรโทษกรรม ดิ้นรนลุกขึ้นมา เขากลัวจนไม่อาจหน่วงเวลาและอดทนเ็ป ก่อนคลานออกไป...
ติงข่ายเสวียนเหมือนถ้ำน้ำแข็งหล่นทลาย
“นายท่านผู้สูงศักดิ์ ยังไม่ไปอีก? ยังคิดอยู่ที่นี่ อยากให้ข้าชวนท่านกินข้าวหรือ?” เ่ิูถามอย่างจะยิ้มก็ไม่ใช่จะไม่ยิ้มก็ไม่เชิง
ติงข่ายเสวียนไม่กล้าพูดอะไรอีก
เขารู้ว่าตนควรรีบเร่งไสหัวไปได้แล้ว
แต่ปัญหาคือ ในสี่ปีมานี้เขาเอาทรัพย์สินเข้าคฤหาสน์หลังนี้ก็ใช่ว่าจะน้อย สมบัติมากมายยังถูกย้ายมาเก็บตุนไว้ในนี้ หากเดินกลับตอนนี้ เท่ากับว่าของพวกนั้นกลายเป็ของตระกูลเย่...
พอคิดถึงตรงนี้ ติงข่ายเสวียนก็เจ็บร้าวไปยันฟัน
กาสิ้นเพราะอาหาร คนตายเพราะทรัพย์
ดังนั้นเขาจึงลังเล คิดจะใช้ฐานันดรชั้นสูงของตนต่อรองราคา
เ่ิูมองปราดเดียวก็รู้ความคิดติงข่ายเสวียน แต่ก็ไม่สนใจเขา
“ไปตามหมอมารักษาน้าหลัน” เ่ิูประคองฉินหลันให้นั่งดีๆ ส่งผ่านพลังภายในไปกดความเ็ป
ด้านข้างมีเด็กรับใช้วัยรุ่นยืนอยู่ ดูแล้วหูตาสดใสอีกทั้งความคิดปราดเปรียว ได้ฟังคำแล้วลังเลเพียงเล็กน้อยก็รีบหันหลังไปตามหมอแล้ว
เ่ิูปลอบขวัญทั้งแม่นมและลูกสาวของแม่นมไว้ดีแล้วจึงค่อยหันหลังเดินมาถึงส่วนกลางสุดของห้องโถงโอฬาร
ในส่วนลึกที่สุดของโถงนั้นมีภาพวาดทิวทัศน์จากปลายพู่กันแขวนอยู่บนผนัง ใต้ภาพนั้นมีแท่นบูชาจากทองแดงอยู่ ทำขึ้นด้วยความประณีตอย่างยิ่ง สลักเสลาเป็ภาพภูผา แม่น้ำ บุปผาและสกุณา และยังมีภาพคนห้ำหั่นอย่างเอาเป็เอาตาย เรียกได้ว่าเป็งานศิลปะชิ้นหนึ่ง
แท่นบูชาทองแดงแท่งเล็กนี้คือทรัพย์สมบัติชิ้นหนึ่งของตระกูลเย่
เ่ิูมองแท่นบูชาเล็กๆ นั่นแล้วระลึกความทรงจำส่วนลึกที่สุด นึกถึง่เวลาอ่อนโยนและคุ้นเคยกับบิดามารดา รอยยิ้มบางแต่งแต้มบนใบหน้านั้นอย่างไม่รู้ตัว
เขาหยิบตราประทับทองแดงออกมาจากย่ามสารพัดอย่าง กดทับเข้าไปตรงส่วนย่อมุมบนแท่น
พลันเสียงกลไกเครื่องจักรเบาบางก็บรรเลง
ผนังทั้งสี่ด้านปรากฏรอยอักขระอ่อนจางวาวโรจน์วิบวับ ทั้งเคหาสน์มีบรรยากาศประหลาดเอ่อท้นออกมา แสงจากอักขระเดี๋ยวหายเดี๋ยวปรากฏสาดส่องไปทั่วพื้น ผนัง ศาลากลางน้ำ ศาลาริมทางหรือพื้นผิวของสิ่งปลูกสร้างทุกอย่าง
แต่ในบัดดล ทุกอย่างก็เงียบสงัด
ยามนี้คฤหาสน์ตระกูลเย่ราวกับมีอะไรเปลี่ยนแปลงไป แล้วก็เหมือนไม่มีสิ่งใดผิดแปลกเช่นกัน
ติงข่ายเสวียนเห็นภาพนั้นแล้วเนื้อตัวก็สั่นเทิ้ม
ั์ตาเปี่ยมด้วยแววขมขื่นและเสียดายยิ่ง “ที่แท้โฉนดของบ้านนี้ก็อยู่กับเ้ามาโดยตลอด...”
ในโลกที่วรยุทธ์อักขระโด่งดังแพร่หลายนี้ คฤหาสน์ระดับกลางขึ้นไปล้วนแล้วแต่จะมีโฉนดติดตั้งศิลป์แห่งอักขระการเคลื่อนย้ายหรือเปลี่ยนบ้านต้องใช้อักขระเปลี่ยนแปลงเ้าบ้านคนใหม่ มีเพียงหลังจากขั้นตอนนี้เท่านั้นจึงจักสามารถนับเป็เ้าบ้านที่แท้จริง และได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายจากแดนหิมะนี้
หลังติงข่ายเสวียนได้ยึดคฤหาสน์สืบทอดรุ่นสู่รุ่นของตระกูลเย่มา เขาหาโฉนดไม่เจอเลยสักครั้ง ทำได้เพียงจ้างวานคนที่เชี่ยวชาญด้านอักขระจัดการเปลี่ยนข้อมูลในอักขระนั้นเล็กน้อย คนธรรมดามองไม่ออก ทำให้คิดว่าเขาเป็เ้าของโฉนดจริงๆ
บัดนี้ที่เ่ิูได้เปิดโฉนดแท้จริงออกมาสู่อักขระหลัก... ก็คือแท่นบูชาทองแดงนั่นได้ติดตั้งและเปลี่ยนแปลงระบบใหม่ให้สอดคล้องกัน นับเ่ิูเป็เ้าบ้านคนใหม่แล้วเรียบร้อย
ติงข่ายเสวียนรู้ได้ในบัดดล ว่าแผนการชั่วช้าทุกอย่างของเขา ได้ไหลตามกระแสธาราไปหมดแล้ว
ใจของเขา เหน็บหนาวอย่างสุดขั้ว
“ข้า...ข้า้า...้าเก็บของๆ ข้าไปด้วย” ติงข่ายเสวียนเปิดปากที่ลำคอแห้งผาก ใช้คำพูดใกล้เคียงกับการพูดคนเดียว “ข้ามีของมากมายอยู่ในคฤหาสน์นี้ ข้า...”
เ่ิูเพียงแค่ยิ้มเท่านั้น “จากวันนี้เป็ต้นไป ทุกอย่างที่นี่ เป็ของตระกูลเย่ทั้งหมด”