เมื่อเท้าของเย่ชิงหานเหยียบย่างเข้าไปภายใน สภาพแวดล้อมโดยรอบพลันเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างใหญ่หลวงจากหน้ามือเป็หลังมือ
“ฮู่ววว...!” ลมพัดกรรโชกอย่างบ้าคลั่ง เม็ดทรายลอยปลิวว่อนขึ้นเต็มท้องฟ้า ที่นี่คือโลกแห่งทะเลทรายที่รกร้างเปล่าเปลี่ยว ลมที่หอบพัดเอาเม็ดทรายปลิวว่อนขึ้นสู่ท้องฟ้าทำให้ทั่วทั้งทะเลทรายดูมืดฟ้ามัวดินไปหมดจนมองไม่เห็นสิ่งใดๆ กระแสลมร้อนยิ่งทำให้อากาศของที่แห่งนี้แปรปรวนมากยิ่งขึ้น
เย่ชิงหานไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด เนื่องจากเย่รั่วสุ่ยเคยบอกกับเขาแล้วว่าเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเานี้มีถ้ำอยู่สิบสองแห่งซึ่งเทพผู้ยิ่งใหญ่ผู้สร้างูเาสุสานทวยเทพใช้พลังเทพที่สูงส่งสร้างขึ้นมา ถ้ำแต่ละแห่งเป็มิติคู่ขนานขนาดเล็กซึ่งเป็มิติที่เป็จริง ภายในมิติเ่าั้จะมีลักษณะภูมิประเทศที่แปลกพิสดารแตกต่างกันออกไป รวมไปถึงสัตว์ประหลาดชนิดต่างๆ มากมายที่พิลึกกึกกือเหนือจินตนาการที่อยู่ภายใน
หากอยากที่จะออกไปจากมิติเ่าั้จำเป็จะต้องหาปากทางเชื่อมต่อของมิติให้พบ ภายในมิตินั้นมีอันตรายอยู่อย่างมากมายนับไม่ถ้วน ดังนั้นสถานที่เพียงหนึ่งเดียวที่ปลอดภัยที่สุดคือรัศมีสิบเมตรรอบๆ ปากทางเชื่อม
“ที่นั่นมีมารอสูรอยู่” เย่ชิงหานมองเห็นมารอสูรตัวหนึ่งที่อยู่ห่างไกลออกไป รูปร่างขนาดของมันสูงราวร้อยเมตรมีเขาสามเขาตอนนี้มันกำลังส่งเสียงร้องคำรามออกมาอย่างดุร้าย ทั่วร่างของมันปกคลุมไปด้วยเกล็ดที่เปล่งประกายแสงสีทองแวววาวออกมา บนฟันเขี้ยวที่แหลมคมของมันมีของเหลวที่เหนียวข้นเคลือบอยู่ “เ้ามารอสูรตัวนี้ดูจากลักษณะแล้วน่าจะร้ายกาจมากอย่างแน่นอน”
เย่ชิงหานไม่กล้าประมาทรีบจับกริชัเขียวมาถือไว้ในมือพร้อมกับโคจรพลังปราณรบโอบล้อมทั่วร่างเตรียมตัวสู้ศึก เพียงแต่ชั่วครู่เขากลับพบว่ากลุ่มทรายที่ถูกลมพัดม้วนขึ้นมานั้นพัดทะลุผ่านร่างของเ้ามารอสูรท่าทางดุร้ายตัวนั้นไป จากนั้นเ้ามารอสูรร้ายพลันเลือนหายไปในทันที
“หืม? ภาพลวงตา?” เย่ชิงหานเข้าใจได้ในทันที ที่แห่งนี้มีลักษณะภูมิประเทศเป็ทะเลทราย ทรายถูกพัดปลิวขึ้นสู่ท้องฟ้าอยู่ตลอด ความแปรปรวนของอากาศทำให้เกิดภาพลวงตาขึ้นมาได้ง่าย แยกไม่ออกอันไหนจริงอันไหนเท็จป้องกันรับมือได้ยาก
“ไปต่อ!”
เขาไม่กล้าหยุดพักเนิ่นนานเกินไป สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือรีบหาปากทางเชื่อมมิติให้เจอโดยเร็ว เพราะที่แห่งนี้มีอันตรายซุ่มซ่อนอยู่แทบจะทุกตารางนิ้วเขาอาจจะพบเจอเข้าเมื่อไหร่ก็ได้
ตัวกริชปรากฏคลื่นพลังคมกริบผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ไม่ขาดเพื่อป้องกันเหตุการณ์อันตรายที่จะเกิดขึ้นมาโดยไม่คาดฝัน เย่ชิงหานโคจรพลังปราณรบและเดินทอดน่องเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ
กระแสอากาศที่ร้อนราวกับจะแผดเผาทำให้อากาศโดยรอบแทบจะลุกไหม้ขึ้นมา เพียงแต่อุณหภูมิที่ร้อนแรงเช่นนี้กลับไม่ได้มีผลต่อเย่ชิงหานแม้แต่น้อย เย่รั่วสุ่ยบอกกับเขาว่าถ้าหากเขากินผลไม้ทั้งเจ็ดอารมณ์ลงไปจะได้รับพลังงานมหาศาลและได้รับความสามารถพิเศษมหัศจรรย์ ภายในระยะเวลาสามปีเขาไม่จำเป็ต้องกินหรือดื่มสิ่งใดๆ เลยก็อยู่ได้โดยไม่รู้สึกหิว อีกทั้งยังจะไม่ได้รับผลกระทบที่เกิดจากสภาพอากาศและลักษณะภูมิประเทศภายในเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเาอีกด้วย ดังเช่นอุณหภูมิของอากาศในตอนนี้ที่สูงถึงสี่ห้าสิบองศาเซลเซียสเขากลับไม่รู้สึกใดๆ
พลังเหล่านี้ทำให้เย่ชิงหานรู้สึกมหัศจรรย์ เขาคิดว่าคนธรรมดาไม่สามารถที่จะมีได้ มีเพียงเทพเท่านั้นถึงจะมีพลังเช่นนี้
สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในูเาสุสานทวยเทพ ม่านพลังป่องกันที่แปลกประหลาด หมอกสีขาวลึกลับ พฤกษาเจ็ดอารมณ์ที่ลึกล้ำน่าอัศจรรย์...ทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นเดิมทีก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทำขึ้นมาั้แ่แรกอยู่แล้ว
แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาสามารถสร้างขึ้นมา หากถือเอาตามคำของเย่รั่วสุ่ยที่พูดมา ูเาสุสานทวยเทพเป็สถานที่ที่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งใช้พลังเทพที่สูงส่งสร้างขึ้นมา เย่ชิงหานคิดว่าในเมื่อเป็สิ่งที่เทพท่านนั้นสร้างขึ้นมาสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในูเาสุสานทวยเทพก็คงไม่ใช่เื่แปลกแต่อย่างใด เป็เื่ที่สามารถเข้าใจได้แม้ว่าความจริงแล้วจะดูแปลกมหัศจรรย์สำหรับปุถุชนทั่วไปอยู่มาก
ฟิ้ว!
ในเวลานั้นเอง แสงสีเหลืองสายหนึ่งพวยพุ่งออกมาจากชั้นผืนทรายที่อยู่เบื้องหน้าของเย่ชิงหาน จากนั้นเงาสีเหลืองสองสายโผล่ออกมาพร้อมกับพุ่งโจมตีเข้ามาทางเขา
เย่ชิงหานที่เตรียมพร้อมไม่เคยประมาทแม้แต่วินาทีเดียวั้แ่ย่างกรายเข้ามาในที่แห่งนี้ ทำการระวังภัยอันตรายโดยรอบทั้งสี่ทิศอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นดังนั้นจึงใช้ท่าเท้าเคลื่อนย้ายไร้รูปลักษณ์ขึ้น ร่างกายเบี่ยงหลบออกไปด้านข้างหลายก้าวในเวลาเดียวกันกริชที่อยู่ในมือคมมีดด้านหน้าพลันพวยพุ่งกระแสพลังคมกริบเส้นยาวออกมาปะทะเข้าไปยังเงาร่างสีเหลืองที่พุ่งเข้ามานั้นอย่างหนักหน่วง
ปัง!
เงาร่างสีเหลืองถูกกระแสพลังที่คมกริบฟันเข้าใส่อย่างจังกระเด็นลอยออกไป เมื่อมันตกถึงพื้นก็เลือนหายไปในทันที เมื่อเย่ชิงหานหันไปดู มองเห็นได้แค่เพียงส่วนหางที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดกำลังมุดดำลงสู่พื้นเบื้องล่างไปอย่างรวดเร็ว
“ตัวบ้าอะไร? ตัวนิ่มรึ?”
เย่ชิงหานคิ้วขมวดขึ้นในทันที เ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้พลังป้องกันแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังสามารถมุดดินได้อีก ต่อไปคงต้องระวังให้มากกว่านี้ทั้งใต้ดินด้วย
ยืนรอดูอยู่อีกสักพักจนแน่ใจว่าเ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่ได้โผล่ขึ้นมาอีกเย่ชิงหานถึงค่อยถอนหายใจออกมาแล้วเดินหน้าต่อไป
ผืนทรายกว้างใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตามองหาขอบเขตไม่เจอ ราวกับว่าเดินเท่าไรก็เดินไปไม่สุดและแยกทิศทางไม่ออก เดินไปเดินมาเย่ชิงหานเองก็ไม่รู้ว่าตนเองเดินไปในทิศทางใด สุดท้ายจึงตัดสินใจเปลี่ยนเป็เดินมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวเพียงเท่านั้น...
เดินไปได้สักพักเขาหยุดฝีเท้าลงแล้วนั่งขัดสมาธิแบ่งสมาธิออกมาครึ่งทำการฝึกฝนพลังปราณรบเพื่อฟื้นฟูพลังปราณรบที่ใช้ไปเมื่อสักครู่ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเฝ้าระวังตรวจสอบสถานการณ์โดยรอบทั้งสี่ทิศเอาไว้ หลังจากฝึกฝนฟื้นฟูและได้พักผ่อนเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงก้มหน้าก้มตาออกเดินต่อไปอีก
หืม?
เดินมาหลายชั่วโมงเย่ชิงหานพลันรู้สึกตื่นเต้นยินดีออกมาเมื่อพบเข้ากับขั้นบันไดสีดำ ้าขั้นบันไดมีปากทางออกสีดำมืดสนิทอยู่ ทั้งบันไดและปากทางออกสีดำภายใต้ทรายสีเหลืองที่ลอยปลิวอยู่ทั่วท้องฟ้านั้นทำให้ทั้งสองแห่งดูเด่นชัดขึ้นมา เพียงชั่วครู่ที่มองเห็นเขาก็รู้ได้ทันที
จิตใจฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้งรีบวิ่งออกไปยังทิศทางนั้นอย่างรวดเร็ว เพียงแต่...ผ่านไปไม่นานบันไดสีดำพลันเลือนหายไปแล้วถูกแทนที่ด้วยลมพายุทราย
“เฮ้อออ...ภาพลวงตาอีกแล้ว!”
เย่ชิงหานถอนหายใจออกมาอีกครั้งนั่งลงบนพื้นทรายที่ร้อนระอุนั้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ลักษณะภูมิประเทศทะเลทรายที่น่ารังเกียจเช่นนี้ไม่เพียงทำให้คนแยกแยะทิศทางไม่ออก มิหนำซ้ำยังมีภาพลวงตาเกิดขึ้นมาอยู่บ่อยๆ อีกด้วย
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ในขณะที่เย่ชิงหานกำลังเริ่มสาปแช่งคนที่สร้างูเาสุสานทวยเทพอยู่ภายในใจนั้น ทันใดนั้นพื้นทรายรอบๆ กายของเขาทั้งสี่ทิศปรากฏเงาสีดำนับไม่ถ้วนโผล่ขึ้นมา จากนั้นเสียงดังแหวกอากาศจำนวนมากลอยพุ่งเข้ามาหาเขา
“ซวยแล้ว! ทำไมถึงได้มากมายถึงเพียงนี้? ท่าตัดแยกล่องนภาสังหาร!”
เย่ชิงหานสะดุ้งใรีบเอามือฟาดลงไปบนพื้นเพื่อดีดตัวขึ้นไปกลางอากาศ ในเวลาเดียวกันกริชที่อยู่ในมือข้างซ้ายพวยพุ่งกระแสพลังคมกริบออกมาลอยคว้างขึ้นไปกลางอากาศใช้ท่าตัดแยกล่องนภาสังหารหนึ่งในกระบวนท่าของวิชา “เจ็ดกระบวนท่าเย่หวง” ทำการฟันออกไปใส่เงาสีดำที่พุ่งโจมตีเข้ามาจากทั่วทั้งสี่ทิศ
ในขณะเดียวกันก็ปล่อยพลังปราณรบออกมาเปลี่ยนเป็โล่ป้องกันต้านทานการโจมตีของเงาดำที่พุ่งเข้ามา
ปัง! “อึก!”
แสงคมมีดและเงาสีเหลืองปะทะชนเข้าด้วยกันจนทำให้สัตว์ประหลาดโดยรอบทั้งสี่ทิศแตกกระเจิงกันออกไป ส่วนเย่ชิงหานรู้สึกได้ว่าโล่ป้องกันพลังปราณรบที่อยู่ด้านข้างและด้านหลังของเขาถูกกรงเล็บที่แหลมคมขย้ำทำลายลง กรงเล็บทะลุเข้ามาถึงผิวเนื้อของเขาจนเกิดเป็าแหลายแห่งเืไหลออกมา เขาอดไม่ได้ที่ส่งเสียงสะอึกด้วยความจุกเสียดออกมา
เขาไม่ได้สนใจาแแต่จ้องมองไปที่สัตว์ประหลาดทั้งสี่ตัวอย่างตาไม่กะพริบ าแเดี๋ยวแหวนทองเหลืองจะทำการรักษาเยี่ยวยาเองโดยอัตโนมัติจึงไม่ต้องเป็กังวล แต่เ้าสัตว์ประหลาดทั้งสี่ตัวนี้ทำให้เขาตื่นตระหนกอยู่ภายในใจ
สัตว์ประหลาดทั้งสี่ตัวลักษณะรูปร่างของพวกมันดูเหมือนจระเข้ในชีวิตชาติที่แล้ว มีหางที่สั้นกว่ามากแต่ขาทั้งสี่กลับยาวกว่าสักหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรงเล็บด้านหน้ามีความแหลมคมเป็อย่างมากราวกับทำขึ้นมาจากมีดเหล็กกล้าฉันนั้น ส่วนหัวของมันแหลมเล็กดวงตาแดงก่ำไปด้วยสีเื ทั่วทั้งตัวปกคลุมไปด้วยเกราะเกล็ดสีเหลืองที่มีสีเข้มกว่าสีของเม็ดทรายอยู่หลายส่วน
“พลังหลอนสั่นคลอนิญญา ท่าตัดแยกปฐี!” เย่ชิงหานไม่กล้าที่จะหยุดอยู่ที่นี่นาน เขากลัวว่าการต่อสู้ของที่นี่จะดึงดูดเ้าสัตว์ประหลาดจระเข้ชนิดนี้เข้ามาอีกเรื่อยๆ ดังนั้นร่างกายจึงเริ่มปรากฏแสงสีม่วงลึกลับขึ้นมา มือถือกริชแน่นพร้อมกับกระแสพลังคมกริบที่เคลือบอยู่ฟันลงไปยังเ้าสัตว์ประหลาดจระเข้ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้