เอ๋ โจทย์ข้อที่สามของการแข่งขันทักษะการพูดของคนอื่นล้วนเป็เื่เกี่ยวกับการรักษาสภาพแวดล้อม ยาฆ่าแมลง หรือไม่ก็เป็การใช้น้ำอย่างประหยัด เป็ต้น
ทำไมพอถึงตาเธอ กลับบอกให้พูดความเห็นที่มีต่อสถาปัตยกรรมศาสตร์เล่า?
เธอเป็แค่นักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง วิชาเฉพาะของสาขามีแต่วิชาฝึกร่างภาพ การออกแบบเบื้องต้นเท่านั้น หาก้าให้พูดถึงชีวิตในอุดมคติย่อมไม่ใช่เื่ยาก ถึงอย่างไรก็เป็แค่การแข่งขันทักษะการพูด อนาคตกรรมการพวกนี้คงไม่รอดูต่อและพูดว่า ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน ทำไมคุณถึงทำไม่ได้อย่างที่พูด’ หรอกนะ?!
ไม่รู้ทำไม พอมองไปยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของศาสตราจารย์สวีกั๋วจาง และกรรมการอีกสองคนที่สวมเสื้อคอจีนตัวเก่า เซี่ยเสี่ยวหลานถึงได้รู้สึกเหมือนมีบางอย่างจุกอยู่ในลำคอ
ไม่รู้ั้แ่เมื่อไรที่ความรู้ต้องหลีกทางให้กับเศรษฐกิจ สิ่งที่นักศึกษาทุกคนต้องพิจารณาเป็อย่างแรกในการเลือกสาขาเรียนกลับกลายเป็อนาคตของสายอาชีพ
รวมถึงเซี่ยเสี่ยวหลานที่เลือกเรียนสถาปัตยกรรมก็เช่นกัน เพราะเธอคิดว่าอนาคตจะต้องทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์นี้ และ่นั้นเธอกับกงหยางก็ได้ร่วมกันออกแบบตกแต่งภายในถึงสองครั้ง จึงทำให้เธอเกิดความสนใจในด้านสถาปัตยกรรมขึ้นมา
เธอเพียงสนใจมันมากกว่าศาสตร์แขนงอื่น แต่ไม่ใช่เพราะชื่นชอบในศาสตร์นี้อย่างแท้จริง
ตอนนั้นเธอกำลังอยู่ใน่เพลิดเพลินกับการได้เกิดใหม่ คิดว่าการที่ตนรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าแล้วจะทำให้ได้เปรียบในทุกด้าน สามารถทำได้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับเธอ... หากไม่ใช่เพราะ้าตบหน้าคนที่ดูถูกเธอ ทำให้คนชั่วอย่างเซี่ยจื่ออวี้กับหวังเจี้ยนหัวรู้สึกเกรงกลัว เธออาจจะไม่สอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ
ระยะเวลาหลายปีที่ต้องเรียนอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย เธอสามารถนำ่เวลาเหล่านี้ไปขยายธุรกิจได้มากมายขนาดไหน?
“ตอนแรกดิฉันแค่อยากเรียนมหาวิทยาลัยเท่านั้น”
“ไม่ว่าจะเป็มหาวิทยาลัยไหน ไม่ว่าสาขาไหนก็ตาม”
“เพราะการเรียนมหาวิทยาลัยสามารถเปลี่ยนทัศนคติที่คนรอบข้างมีต่อดิฉันได้ ทำให้ดิฉันสามารถย้ายทะเบียนบ้านจากชนบทมาสู่ตัวเมือง และสถานภาพการเป็ ‘นักศึกษา’ ก็ทำให้ดิฉันรู้สึกภาคภูมิใจ”
“ที่ดิฉันเลือกเรียนสาขาสถาปัตยกรรมศาสตร์ เพราะอนาคตดิฉันอยากใช้ทักษะด้านนี้สร้างผลประโยชน์ในแง่ของการเงิน ประจวบเหมาะกับที่มีคนในครอบครัวทำธุรกิจเล็กๆ เกี่ยวกับด้านการตกแต่งภายในพอดี แต่ว่า...”
ผู้เข้าแข่งขันคนนี้มีพร์ด้านการกล่าวสุนทรพจน์เป็อย่างมาก
โจทย์ถูกเปลี่ยนอย่างกะทันหัน ดังนั้นความเป็ธรรมชาติเหล่านี้ไม่มีทางเป็บทที่ถูกเตรียมมาก่อนล่วงหน้าแน่นอน
รูปประโยคที่ไหลลื่น ทักษะการสื่อสารไร้ที่ติ ราวกับธารน้ำใสที่ไหลมาจากยอดเขาลงสู่แม่น้ำ แค่คำว่า ‘But’ คำเดียว ผู้ชมก็เหมือนกับสายน้ำเชี่ยวที่เลี้ยวเปลี่ยนทิศทาง ทำให้กระแสน้ำไหลเร็วและแรงยิ่งขึ้น!
แคทเธอรีนสนใจในตัวเซี่ยเสี่ยวหลานเป็อย่างมาก ความคิดความอ่านที่นักศึกษาคนนี้แสดงให้เห็นไม่เหมาะสมกับประวัติของเธอเลยแม้แต่น้อย
ประเทศจีนมีคนเก่งอยู่มากมาย หลังแคทเธอรีนมาทำงานที่จีนเธอก็ััถึงสิ่งนี้ได้อย่างชัดเจน แม้ประเทศนี้จะยังไม่ร่ำรวย แต่ทุกคนมีพลังที่พร้อมพุ่งไปข้างหน้า ทำงานหนักเงินเดือนก็น้อย ทว่าทุกคนไม่เคยหยุดงานเพื่อประท้วงหรือมีเหตุการณ์อื่นๆ เกิดขึ้น
คืออะไรกันที่ทำให้ชาวจีนเป็น้ำหนึ่งใจเดียวกันเช่นนี้?
นักศึกษายากจนจากชนบทเช่นเซี่ยเสี่ยวหลานมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน
ประชากรของประเทศจีนมีปริมาณมากเกินไป ประเทศมหาอำนาจฝั่งตะวันตกต่างพากันปรามาสประเทศจีนว่ายากจนและล้าหลัง แต่ในขณะเดียวกันก็หวาดระแวงในประเทศนี้ รวมถึงพยายามกีดกันในทุกๆ ด้าน!
แคทเธอรีนใจลอยไปเล็กน้อย เซี่ยเสี่ยวหลานหยุดพูดสองสามวินาทีเพื่อกระตุ้นความอยากรู้ของคณะกรรมการและผู้ชม
“...แต่ว่าหลังดิฉันเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยก็พบว่า ความคิดที่ผ่านมาของตัวเองนั้นไม่ถูกต้อง”
เป้าหมายแรกเริ่มของเธอคือแค่อยากเปลี่ยนสถานภาพของตนเอง
สถานภาพนักศึกษามีประโยชน์มากมาย อีกทั้งยังได้ทำความรู้จักและสร้างเครือข่ายกับคนในสถาบัน แน่นอนว่าตอนแรกเซี่ยเสี่ยวหลานมีความคิดเช่นนี้
ดังนั้นทังหงเอินจึงตำหนิเธอว่า จะเอาวิธีการทำธุรกิจไปใช้ในรั้วมหาวิทยาลัยไม่ได้!
ตอนหลังเธอไม่มีเวลาว่างมาสร้างเครือข่ายกับใคร มิหนำซ้ำยังถูกบรรยากาศภายในหัวชิงหล่อหลอมโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย
“สถาปัตยกรรมเรียนเื่อะไร? มนุษย์สมัยโบราณเลือกถ้ำตามธรรมชาติเป็ที่อยู่อาศัย จุดประสงค์เพื่อใช้หลบแดดหลบฝน หลบเลี่ยงการจู่โจมของสัตย์ร้าย ภายหลังโลกของเรามีการพัฒนา คนโบราณย้ายออกจากถ้ำ ใช้ดินมาทำเป็อิฐ ใช้หญ้าแห้งมุงหลังคา และอาศัยอยู่ในสิ่งที่เรียกว่า ‘บ้าน’ พวกเขาใช้บ้านเป็ศูนย์กลางในการอยู่ร่วมกัน ทำงานร่วมกัน จนกระทั่งพัฒนากลายเป็หมู่บ้าน หลังจากนั้นมนุษย์ก็เริ่มรู้จักการหลอมโลหะ การสร้างเครื่องปั้นดินเผา และทักษะอื่นๆ อีกมากมาย จากบ้านดินพัฒนามาเป็บ้านอิฐ จากเดิมที่สร้างเพียงเพื่อใช้เป็ที่อยู่อาศัย ก็ได้ทำการพัฒนาจนนำไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ มนุษย์ไม่ได้แค่สร้างที่อยู่อาศัยเท่านั้น มนุษย์ยังได้สร้างกำแพงเมืองจีนเพื่อป้องกันศัตรู ใช้กำแพงเมืองอันสูงลิ่วเป็ดั่งเกราะกำบัง สถาปัตยกรรมศาสตร์มิได้มีไว้เพื่อแค่สร้างที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่ศาสตร์นี้ยังสามารถทำประโยชน์ให้กับสังคมได้อย่างมหาศาล!”
“จนกระทั่งมาถึงสังคมยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็บ้านชั้นเดียว บ้านตึก โรงแรม ห้องสมุด หอประชุม โรงพยาบาบาล สาธารณูปโภคต่างๆ ล้วนเป็ผลงานของสถาปัตยกรรมศาสตร์ทั้งสิ้น... สถาปัตยกรรมไม่ใช่แค่คำศัพท์ที่มีเพียงความหมายเดียว และไม่ได้มีประโยชน์แค่อย่างเดียวเท่านั้น ศาสตร์นี้เกี่ยวข้องกับชีวิตของมนุษย์เราทุกคน แต่คุณประโยชน์ที่เป็แกนหลักของมันยังคงเป็ ‘การสรรสร้างเพื่อมวลมนุษย์’ ดิฉันวางแผนเส้นทางอาชีพของตัวเองไว้ว่า หลังใช้เวลา 5 ปีในการเรียนระดับปริญญาตรี ดิฉันจะกลายเป็หนึ่งในฟันเฟืองของแวดวงสถาปัตยกรรม การพัฒนาด้านสถาปัตยกรรมนั้นเป็การแสดงให้เห็นถึงความเจริญของเศรษฐกิจ การปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศดำเนินไปได้อย่างราบรื่นมากเท่าไร ธุรกิจด้านสถาปัตยกรรมก็จะพัฒนารวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น และตัวดิฉันย่อมเติบโตไปพร้อมกับสถาปัตยกรรมค่ะ”
สถาปัตยกรรมศาสตร์มิได้มีไว้แค่ตกแต่งบ้านเท่านั้น
ความเข้าใจที่เซี่ยเสี่ยวหลานมีต่อ ‘งานสถาปัตยกรรม’ ยังไม่ลึกซึ้งมากพอ แต่คำพูดที่เธอกล่าวนั้นทำให้หลายคนที่ไม่ได้เรียนด้านนี้เข้าใจได้เป็อย่างดี
ไม่จำเป็ต้องใช้คำศัพท์เฉพาะทางที่เลิศหรู เพราะในฐานะนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง สิ่งที่เธอพูดเมื่อสักครู่คู่ควรกับเสียงปรบมือยิ่งนัก
ใช่ และเธอก็ได้รับเสียงปรบมือจริงๆ
แคทเธอรีนเป็คนแรกที่ปรบมือให้เธอ ต่อมาผู้ชมด้านล่างเวทีก็ปรบมือตาม
สวีกั๋วจงยกมือขึ้นเพื่อคุมบรรยากาศในงาน “คุณคิดว่าตัวเองจะประสบความสำเร็จแบบไหนในสายอาชีพสถาปัตยกรรม คุณ้าเป็เพียงหนึ่งในฟันเฟืองอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ค่ะ อาจารย์สวี ดิฉันคิดว่าฟันเฟืองแต่ละชิ้นก็มีขนาดที่แตกต่างกันออกไป อย่างที่อาจารย์เห็น เพศสภาพของดิฉันเป็เช่นนี้ ก่อนหน้านี้ไม่นานดิฉันเพิ่งถูกคนตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมถึงเลือกเรียนสถาปัตยกรรมศาสตร์ อนาคตคงถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องทำงานอย่างเหนื่อยยาก อีกทั้งเขายังถามฉันว่าอยากไปเป็ดาราที่ฮ่องกงหรือไม่”
ทุกคนเงียบกริบ
ไปเป็ดาราที่ฮ่องกง?
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีทางคุยโว เพราะหน้าตาของเธอนั้นสวยเหลือเกิน ในบรรดาแผ่นซีดีเถื่อนและโปสเตอร์ของดาราสาวจากฝั่งฮ่องกงที่แพร่หลายมาถึงแผ่นดินใหญ่ ถ้าอยากหาใครสักคนที่สวยกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานคงมีไม่มากนัก
หากใช้เงื่อนไขที่มีมาั้แ่เกิด แล้วไปเป็ดาราที่ฮ่องกงย่อมสบายกว่ามากอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้เซี่ยเสี่ยวหลานพูดแล้วว่า เลือกเรียนสถาปัตยกรรมศาสตร์เพื่อสร้างผลประโยชน์ทางด้านการเงินในอนาคต ถ้าอย่างนั้นไปเป็ดาราฮ่องกงไม่รวยกว่าหรือ!
“แต่คุณปฏิเสธไปแล้ว?” สวีกั๋วจางถามต่อ
เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้า “ดิฉันปฏิเสธไปแล้วค่ะ ปฏิเสธด้วยความโมโห เพราะอีกฝ่ายไม่ได้พูดเพียงว่าดิฉันเรียนสถาปัตยกรรมศาสตร์ไปก็ไม่มีอนาคต อีกทั้งเขายังบอกด้วยว่า ในแวดวงสถาปัตยกรรมมีผู้หญิงเพียงไม่กี่คนที่จะประสบความสำเร็จ มีสถาปนิกชายที่โด่งดังอยู่มากมาย แต่สถาปนิกหญิงกลับมีแค่เศษเสี้ยว... ดิฉันเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าดิฉันจะสามารถเป็สถาปนิกหญิงผู้โด่งดังได้หรือไม่ ทว่าดิฉันจะพยายามโดยมีสิ่งนี้เป็เป้าหมาย ดิฉันอยากร่วมพิสูจน์ไปพร้อมกับนักศึกษาหญิงทุกคนที่เลือกเรียนด้านสถาปัตยกรรม ว่าเพศสภาพหาใช่อุปสรรคในการประสบความสำเร็จในวงการนี้ สิ่งที่เป็อุปสรรคขัดขวางพวกเรามีเพียงความพยายามที่ยังไม่มากพอเท่านั้น!”
เสียงปรบมือที่ถูกยกมือห้ามไว้เมื่อครู่ ตอนนี้ห้ามไม่อยู่อีกต่อไป เป้าหมายที่เซี่ยเสี่ยวหลานตั้งไว้ช่างกินใจผู้ฟังเหลือเกิน!
ระยะเวลาการสอบพูดของเซี่ยเสี่ยวหลานเกิน 15 นาทีอย่างแน่นอน พิธีกรรู้สึกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกระตุ้นบรรยากาศเก่งเสียจนแทบแย่งงานของเขาไปจนหมด คิดได้ดังนั้นเขาจึงรีบหาจังหวะพูดตัดจบ
“เรียนเชิญกรรมการทั้งห้าท่านให้คะแนนหมายเลข 17 นักศึกษาเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยครับ!”