เช้าวันต่อมาหลังกินข้าวเช้าเสร็จ หลินหวั่นชิวพาแม่นางทั้งสองมาทำดอกไม้ประดับผม ตอนอยู่ในหมู่บ้านก่อนหน้านี้นางเคยถามจ้าวหงฮวาว่าอยากทำหรือไม่ ตอนนั้นอีกฝ่ายปฏิเสธ แต่ตอนนี้จ้าวหงฮวาไม่พูดถึงเื่นั้นแม้แต่นิดเดียว หลินหวั่นชิวก็ยอมไว้หน้านาง ไม่ได้เอ่ยปากถามสิ่งใด
เพราะถามไปอย่างไรก็ต้องให้นางทำอยู่ดี
วัสดุสำหรับทำดอกไม้ประดับผมล้วนซื้อจากเสียนอวี๋อยู่แล้ว
หลินหวั่นชิวใช้เวลาเดินหาซื้อวัสดุในอำเภอไปหนึ่งวัน ซื้อดอกไม้ประดับผมสองสามดอกกลับมาชำแหละศึกษา จากนั้นนำของที่มีในยุคต้าโจวไปค้นหาบนเสียนอวี๋ ทั้งหมดเป็ของมีตำหนิเล็กน้อย ซื้อลูกปัดหยก ไข่มุกและไข่มุกหมาเหน่ามากองโต กิ๊บติดผมสีดำมีตำหนิซื้อมากองโตเช่นกัน
นางเองก็อยากซื้ออัญมณีเทียม แต่คิดดูแล้วคงสะดุดตาเกินไป คริสตัลกับอัญมณีเทียมสีต่างๆ สวยมาก หากนางนำออกมาปุบปับคงได้ทำให้สาวน้อยจากชนบทสองคนใเป็แน่ หลินหวั่นชิวตัดสินใจว่าจะทำส่วนนั้นด้วยตัวเอง ทำเสร็จแล้วนำไปขายเป็สินค้าชั้นเยี่ยมที่ร้านหนังสือของตัวเอง
หลินหวั่นชิวซื้อเศษผ้าที่ใช้ทำเป็ดอกไม้มาจากเสียนอวี๋เช่นกัน เลือกแต่เศษผ้าที่เป็ผ้าแพรกับผ้าโปร่ง ทั้งถูกทั้งได้เยอะ
“ของพวกนี้คือตัวอย่าง ข้าจะสอนให้ว่าทำอย่างไร อันที่จริงก็ง่ายมาก ดอกไม้ลูกปัดเช่นนี้ข้าให้ค่าแรงดอกละสามเหวิน ส่วนดอกไม้ผ้าจะได้ค่าแรงดอกละสองเหวิน”
ตัวอย่างวางอยู่ในตะกร้าไม้ไผ่ และภายในตะกร้าไม้ไผ่ก็มีผ้ากำมะหยี่รองอยู่หนึ่งชั้น
“สวยมาก!” หวางกุ้ยเซียงหยิบออกมาดูทีละชิ้น นางชื่นชอบมาก
จ้าวหงฮวาตาเป็ประกายเช่นกัน รู้สึกว่าดอกไม้ลูกปัดพวกนี้สวยกว่าที่พ่อค้าหาบเร่นำมาขายมาก
หลินหวั่นชิวนำตะกร้าไม้ไผ่อีกสองใบออกมาวางบนโต๊ะ ใบหนึ่งใส่เศษผ้าแพร อีกใบใส่ถุงผ้าใบเล็ก แกนด้าย ขดลวด และกรรไกรต่างๆ เมื่อเปิดถุงผ้าออกดูแล้วเต็มไปด้วยลูกปัดหยก ไข่มุกและไข่มุกหมาเหน่าทุกขนาด
หวางกุ้ยเซียงกับจ้าวหงฮวาต่างใผงะ ลูกปัดพวกนี้ราคาเท่าไรกัน?
หลินหวั่นชิวเห็นสีหน้าพวกนางผิดปกติก็รีบอธิบาย “ข้ารับของพวกนี้มาจากร้านเถ้าแก่ แค่ต้องจ่ายเงินค้ำประกันเล็กน้อย ไว้ส่งของได้ครบหนึ่งพันดอก เถ้าแก่จะคืนเงินค้ำประกันให้ หากวันหน้า้าวัสดุแค่นิดเดียว เถ้าแก่ก็จะไม่เก็บค่าค้ำประกัน”
“พี่สะใภ้มีความสามารถยิ่งนัก งานเช่นนี้ก็ยังรับมาได้!” ที่โรงปักเย็บมีงานระดับสูงเช่นกัน ทางโรงปักเย็บจะเป็คนออกวัสดุให้นำกลับไปทำ แต่กว่าจะทำเช่นนั้นได้ต้องร่วมงานกับโรงปักเย็บมาหลายปีเสียก่อน ต้องเป็ช่างปักที่มีฝีมือดีและคุณสมบัติดีเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์
หลินหวั่นชิวพูดด้วยรอยยิ้ม “จ่ายค่าค้ำประกัน เถ้าแก่จะได้ไม่ต้องกลัวว่าข้าจะขโมยของ เหตุใดจะรับมาทำไม่ได้ เอาเถิด ข้าจะสอนพวกเ้าก่อนว่าดอกไม้ลูกปัดทำอย่างไร…”
เมื่อก่อนนางเคยทำงานประดิษฐ์บ่อยๆ ตอนนี้ต้องมาสอนจึงชำนาญคล่องแคล่วเช่นกัน นางอธิบายอย่างละเอียด บวกกับไม่ได้หวังว่าพวกนางทั้งสองต้องมีแิกระไรใหม่ แค่ให้พวกนางหัดตามแบบที่มี ด้วยเหตุนี้จึงทำเป็เร็วมาก
แต่เมื่อจ้าวหงฮวาลงมือทำดอกไม้ผ้า เนื่องจากมือนางหยาบกร้านเกินไป คอยเกี่ยวโดนผ้าโปร่งกับผ้าแพรอยู่เรื่อย ทำเอานางร้อนใจเป็อย่างมาก
หลินหวั่นชิวจึงแนะนำให้นางทำเพียงดอกไม้ลูกปัด
จ้าวหงฮวาไม่ค่อยพอใจ แต่ความเป็จริงอยู่ตรงหน้า อีกทั้งดอกไม้ลูกปัดก็ได้ค่าแรงมากกว่าหนึ่งเหวินนางจึงไม่ได้คัดค้านกระไร
ทั้งสามนั่งทำดอกไม้ประดับผมอยู่ภายในห้องโถงตลอดทั้งบ่าย หลินหวั่นชิวพูดกับทั้งคู่ตอนเก็บของว่า “อันที่จริงหลังจากพวกเ้าทำคล่องแล้ว หากมีความคิดกระไรดีๆ ก็ลองทำออกมาดูได้ อย่างไรผ้าพวกนี้ก็เป็เศษผ้าอยู่แล้ว ราคาไม่ได้แพง ส่วนลูกปัดก็แกะออกมาใช้ซ้ำได้”
“อื้ม ข้าว่าจะทำให้คล่องก่อนค่อยว่ากันใหม่” หวางกุ้ยเซียงพูด จ้าวหงฮวาพยักหน้าเช่นกัน
หลินหวั่นชิวแบ่งวัสดุกับอุปกรณ์ให้ทั้งคู่ หวางกุ้ยเซียงรับมาแล้วถามว่า “พี่สะใภ้ ข้าจะจ่ายค่ามัดจำท่านด้วย! ท่านจะให้จ่ายเท่าไรดี หากไม่พอ ข้ากลับบ้านแล้วจะให้ที่บ้านช่วยออก”
จ้าวหงฮวาได้ยินหวางกุ้ยเซียงพูดเช่นนี้ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็สีแดงทันที ภายในใจกล่าวโทษหวางกุ้ยเซียง หลินหวั่นชิวไม่ได้บอกว่าจะเก็บค่าค้ำประกันเสียหน่อย เหตุใดเ้าถึงได้พูดออกมา!
“พี่สะใภ้…ข้า…ข้าไม่มีเงิน” จ้าวหงฮวาเสียดายแต่ก็ยอมวางห่อผ้ากลับลงบนโต๊ะ
หลินหวั่นชิวรีบพูด “ข้าจะเก็บเงินค้ำประกันพวกเ้าเพราะเหตุใด ที่เถ้าแก่ร้านเก็บเงินข้าก็เพราะไม่รู้จักข้า ไม่รู้ว่าข้ามาจากที่ใด แต่พวกเรามาจากหมู่บ้านเดียวกัน ทั้งสามครอบครัวก็สนิทกันถึงเพียงนี้ ข้าเชื่อใจพวกเ้าไม่ได้หรือ? ไม่ต้องพูดเช่นนี้แล้ว ไว้พวกเ้าหาเงินได้เสียก่อน หรือวันหน้ามีวัสดุราคาแพงกระไร ข้าค่อยเก็บค่าค้ำประกันก็ยังไม่สาย”
จ้าวหงฮวากลัวว่าหวางกุ้ยเซียงจะพูดจาโง่เขลาอีก รีบกอดห่อผ้าไว้ในมือแน่น “ขอบคุณพี่สะใภ้เ้าค่ะ พี่สะใภ้วางใจได้ ข้าจะไม่ทำลูกปัดหายแม้แต่เม็ดเดียว”
หวางกุ้ยเซียงมองว่ายังไงตัวเองก็ไม่ขโมยของหลินหวั่นชิวอยู่แล้วจึงไม่ดึงดันต่อ
“พี่สะใภ้…ข้ากลับมาแล้ว ข้ามีเื่จะคุยกับท่านด้วยขอรับ!”
ตอนที่พวกหวางกุ้ยเซียงออกมาจากห้อง เจียงหงหนิงเลิกเรียนกลับมาบ้านพอดี เจียงหงป๋อออกจากห้องมายิ้มให้น้องชาย “ไปล้างมือเสียก่อน พี่สะใภ้อยู่ในครัว”
เด็กหนุ่มยืนอยู่ใต้แสงแดด สวมเสื้อหนาตัวยาวสีเทาอ่อน รูปร่างผอมบางราวกับไม้ไผ่ ประหนึ่งแค่ถูกลมพัดก็ส่ายไปมา
ผิวเขาขาวมาก แม้จะมีสีหน้าของคนป่วยเล็กน้อยแต่รายละเอียดบนใบหน้ากลับเข้ากันดีมาก
หวางกุ้ยเซียงไม่อาจมองเด็กหนุ่มคนข้างหน้าเป็คนที่เคยหน้าซีดเหลือง เบ้าตาลึกโบ๋ หายใจรวยรินเสมือนจะขาดใจตายได้ทุกเมื่อได้อีกต่อไป
ความเปลี่ยนแปลงของเขาจะมากเกินไปแล้ว!
สีหน้าดีกว่าตอนที่เจอกันวันก่อน
หวางกุ้ยเซียงอดที่จะมองเพิ่มอีกหน่อยไม่ได้ จังหวะที่สายตาเจียงหงป๋อเหลือบมองมา นางรีบหันหน้าหนีไปทางอื่นราวกับเป็ขโมย
หัวใจเต้นตึกตัก
เต้นระรัวมาก
เจียงหงป๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย หันตัวกลับเข้าห้องไป
“พี่สะใภ้ เพื่อนที่สถานศึกษาถามข้าว่าท่านซื้อหนังสือที่มอบให้ข้ามาจากที่ใด หนังสือที่ข้ามอบให้ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์ชอบมากเช่นกัน”
หลินหวั่นชิวคีบซี่โครงผัดเปรี้ยวหวานที่เพิ่งทำเสร็จใส่ปากเจียงหงหนิง “บอกพวกเขาไปว่าซื้อที่ร้านจี๋ฮุ่ย”
แต่เจียงหงหนิงกลับดึงหลินหวั่นชิวไปด้านข้าง ยายสวีเห็นว่าทั้งคู่มีเื่จะคุยกันก็ยกถังน้ำออกไปอย่างรู้งาน
