ถังชิงหรูปัดๆ คราบสกปรกบนฝ่ามือ พลางสนทนากับน่าหลันหลิง "ตอนออกไปบ้านยังดีๆ พอกลับมาถึงก็กลายสภาพเป็เช่นนี้ไปเสียแล้ว ซ้ำร้ายหยกประดับยังตกไปอยู่ในมือผู้อื่น ดูท่าต้องมีคนเล่นไม่ซื่อเป็แน่ เดี๋ยวข้าจะลองไปดูที่บ้านสกุลฉิน ท่านจะรออยู่ที่นี่ หรือตามไปด้วยกัน?"
น่าหลันหลิงวางมาดเ็า ใบหน้าหล่อเหลาอาบย้อมด้วยโทสะ คุณชายสูงศักดิ์ผู้อ่อนโยนเป็นิจคนนี้เสียคนทั้งครอบครัว ยามนี้ก็ยังมีคนขโมยหยกประดับซึ่งใช้ดูต่างหน้าแทนความคิดถึง แม้แต่ของที่ระลึกชิ้นสุดท้ายยังมาถูกพรากไป แม้หัวใจจะละมุนดุจสายน้ำอย่างไร ก็ย่อมแปรเปลี่ยนเป็น้ำแข็งที่เยียบเย็นและแข็งกระด้าง
กลิ่นอายแห่งความทระนงเยี่ยงผู้เป็เ้านายแผ่กำจายออกมาทั่วร่าง นี่คือความสูงศักดิ์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ยามปรกติจะไม่ปรากฏให้เห็น แต่พอวางสีหน้าเ็า บุคลิกภายนอกก็ดูเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
"ของของข้า ย่อมต้องไปทวงคืนมาด้วยตนเอง" น่าหลันหลิงกล่าวเสียงห้วน "หรูเอ๋อร์ ไปกันเถอะ! เราสองคนควรไปพบพี่น้องที่ไม่เพียงเผาบ้านของผู้อื่น ยังขโมยของของเราไปอีกด้วย ตามกฎหมายบ้านเมือง การกระทำเช่นนี้สมควรถูกตัดมือทิ้ง ถ้าเขายอมคืนของให้เราโดยดี ข้าก็จะถือว่าเื่นี้ไม่เคยเกิดขึ้น แต่หากว่าไม่... เช่นนั้นก็พบกันที่ศาลาว่าการอำเภอ"
นอกจากพวกเขาสองคน ยังมีชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่งมาแอบดูสถานการณ์ พอคนเ่าั้ได้ยินคำกล่าวของน่าหลันหลิง แต่ละคนล้วนมีสีหน้าหวาดผวา หนึ่งในนั้นยังหนีไปแล้วด้วย
"พวกเ้าระวังตัวหน่อยเล่า ฉินหวาผู้นั้นเป็นักเลงหัวไม้ พวกอันธพาลในหมู่บ้านส่วนใหญ่ก็ไปสุมหัวอยู่กับเขาทั้งนั้น" ฉินลี่ะโตามหลังพวกเขาไป
ถังชิงหรูกับน่าหลันหลิงไปที่บ้านของคนที่ชื่อฉินหวาผู้นั้น ถังชิงหรูจำคนผู้นี้ไม่ได้ เขาเป็แค่คนหลักลอย วันๆ เอาแต่ออกไปวางอำนาจบาตรใหญ่นอกบ้าน นางจึงไม่ค่อยมีโอกาสพบเห็นเท่าไร แต่ฉินเหยามาหาเื่นางหลายครั้ง นางย่อมรู้ว่ารังหนูของอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน
หลังจากพวกเขาไปกันแล้ว พวกชาวบ้านที่แอบมาสอดส่องสถานการณ์ก็พากันซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์ มีคนพูดว่า "เด็กสาวผู้นั้นเป็วรยุทธ์ เ้าหนุ่มฉินหวานั่นวอนหาเื่ตายซะแล้ว"
"หลายปีมานี้เ้าเด็กนั่นชอบออกไปทำกร่างข้างนอก ก่อเื่ชั่วช้าไว้มากนัก หากถูกคนที่มาจากนอกหมู่บ้านจัดการเสียได้ก็ดี พวกเ้ารู้หรือไม่ เ้าหนุ่มฉินหวานั่นไปต้องตาหลานสาวของสะใภ้เมิ่ง จะบังคับแต่งงานให้ได้ ่นี้สองบ้านนั้นก็เลยบาดหมางกันยกใหญ่ คนทางบ้านมารดา[1]ของสะใภ้เมิ่งถึงกับขับไล่บุตรสาวตนเองออกมา สะใภ้เมิ่งกำลังท้องกำลังไส้ เดินร้องไห้มาตลอดทาง กว่าจะถึงบ้านสกุลฉินก็ใช้เวลาหลายชั่วยาม ตอนกลับมาถึงได้ยินว่าเกือบจะแท้งบุตรเลยนะ" พวกชาวบ้านต่างคุยกันถึงอันธพาลที่ชื่อฉินหวา ส่วนใหญ่ต่างเฝ้ารอให้ถังชิงหรูจัดการกับเขา
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น ข้าไม่เห็นเข้าใจเลย" เสียงชาวบ้านคนหนึ่งถามขึ้นมา "เ้าหนุ่มฉินหวาผู้นั้นเผาเรือนผู้อื่นหรือไง"
"ยังต้องพูดอีกหรือ เมื่อเช้ายามฉินหวากลับเข้ามาในบ้าน ได้ยินลูกผู้น้องของตนเองร้องไห้ ก็รู้ว่าแม่หนูฉินเหยากับเด็กสาวที่มาจากต่างหมู่บ้านคนนั้นมีเื่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ไหนเลยจะไม่มาหาถึงบ้าน" พ่อเฒ่าคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ กระซิบบอก "บ้านข้าอยู่ติดกัน มีอะไรก็ได้ยินหมด เมื่อก่อนหลงคิดว่าแม่หนูเหยาเป็คนซื่อตรง ไม่นึกว่าแทนที่นางจะสำนึกผิด กลับคิดเล่นงานผู้อื่นเสียอย่างนั้น"
"เด็กสาวคนนั้นหน้าตาดี แต่หัวสูงเสียยิ่งกว่าท้องฟ้า วันๆ คนในบ้านของพวกเขาคิดแต่จะให้นางแต่งไปเป็อนุเศรษฐี ทุกคนต่างก็รู้กันดี อนุภรรยาไม่ต่างอันใดกับบ่าวที่ขายชีวิตตนเอง จะฆ่าจะแกงกันก็อาศัยแค่วาจาประโยคเดียวของฮูหยินในบ้านมิใช่หรือ หากได้รับความโปรดปรานก็ดีไป อย่างน้อยก็มีบุรุษช่วยปกป้อง แต่หากไม่เป็ที่โปรดปรานเล่า ตายอยู่ในเรือนด้านหลังก็ไม่มีใครรู้เห็น"
บุรุษคนหนึ่งซึ่งเข้าเมืองอยู่บ่อยๆ กล่าวพลางส่ายหน้า "แต่งเป็เมียชาวนาไม่ดีตรงไหน ทุกคนต่างรู้จักกันหมด ย่อมไม่มีใครสร้างความลำบากใจให้แก่นาง"
"เมื่อปีก่อนบุตรสาวบ้านต้าิก็ตบแต่งเป็อนุเศรษฐีมิใช่หรือ ได้ยินว่าฮูหยินของบ้านนั้นให้กำเนิดบุตรไม่ได้ นางคลอดบุตรชายให้นายท่านผู้เฒ่าคนหนึ่ง ตอนนี้ก็เลยกลายเป็คนพิเศษของสกุลนั้นไปแล้ว" หญิงวัยกลางคนหูตาแพรวพราวผู้หนึ่งเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ "เด็กสาวบ้านต้าิคนนั้นยังสะสวยสู้แม่หนูเหยาไม่ได้เลย นางออกเรือนไปแล้วได้ดิบได้ดีขนาดนั้น ก็ไม่มีเหตุผลที่แม่หนูเหยาต้องน้อยหน้า"
ชาวบ้านแต่ละคนต่างใช้สายตาเหยียดหยันมองหญิงวัยกลางคนผู้นั้น แค่ดูจากสายตาและคำพูดคำจาของนางก็รู้ได้แล้วว่าถูกเงินทองลาภยศสรรเสริญครอบงำจนหน้ามืดตามัว
อีกด้านหนึ่ง ถังชิงหรูกับน่าหลันหลิงมาถึงบ้านของฉินเหยา ที่นั่นเป็บ้านก่ออิฐมุงกระเื้ัใหญ่อยู่กันสิบกว่าคน ในหมู่บ้านอันแร้นแค้น มีบ้านแบบนี้ได้ถือว่าไม่เลวแล้ว ต้องรู้ก่อนว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ล้วนอยู่กระท่อมมุงจาก หากเงื่อนไขเอื้ออำนวยก็สามารถรื้อซ่อมแซมบ้านใหม่ได้ทุกปี แต่ถ้าเงื่อนไขไม่อำนวย แม้แต่กระท่อมมุงจากก็ยังไม่อาจซ่อมแซม
ในลานหน้าบ้าน สะใภ้คนหนึ่งกำลังให้อาหารไก่อยู่ตรงนั้น นางโปรยเมล็ดข้าวโพดอ่อน ปากก็ร้องกุ๊กๆๆ
ไก่ทั้งใหญ่น้อยจำนวนมากต่างวิ่งกรูกันเข้ามา แย่งกันกินข้าวโพดอ่อนที่ถูกหนอนแทะเ่าั้
ที่นี่ ข้าวโพดอ่อนเป็อาหารที่สามารถยาไส้ให้อิ่มท้องได้ ในปีที่อาหารขาดแคลน อย่าว่าแต่ข้าวโพดอ่อน แม้แต่เปลือกไม้ข้างนอกก็ยังกินกันเรียบ ทั้งหมู่บ้านมีแต่คนสกุลฉินที่สามารถนำข้าวโพดอ่อนมาเลี้ยงไก่ แม้ว่าจะเป็ของที่ถูกหนอนแทะ แต่สำหรับคนบ้านอื่นก็เป็อาหารหลักที่ไม่เลว
สะใภ้ผู้นั้นหาใช่ใครอื่น แต่เป็อวี๋ซื่อที่เคยทะเลาะเบาะแว้งกับถังชิงหรูมาก่อน ถังชิงหรูเห็นนาง ก็รู้ว่ามาไม่ผิดที่ เดินไปผลักประตูแล้วเข้าไปด้านในโดยตรง น่าหลันหลิงยังลังเลอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ตามนางเข้าไป
อวี๋ซื่อได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้นมองไป พอเห็นพวกเขาสองคนเดินดุ่มๆ เข้ามาไม่ส่งเสียงทักทาย สีหน้าของนางพลันบูดบึ้ง ยกมือเท้าสะเอว ลั่นวาจาอย่างร้ายกาจ "พวกเ้าเป็โจรกันหรือไง นี่คือบ้านข้า พวกเ้าบุกรุกเข้ามาแบบนี้ เดี๋ยวแม่ก็ฟ้องร้องทางการเสียเลยนี่" อวี๋ซื่อหัวเราะเย้ยหยันด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม
น่าหลันหลิงมองอวี๋ซื่อด้วยแววตาเยียบเย็น ก่อนย้อนกลับไปด้วยวาจาเฉียบคม "ขืนพูดจากไร้แก่นสารอีก เดี๋ยวก็วางยาพิษให้เป็ใบ้ไปเสียเลย ไปเรียกฉินหวาออกมา เขาขโมยของบ้านข้า มิหนำซ้ำยังเผาเรือนของพวกเรา หากวันนี้พวกเราไม่ได้ของคืน และไม่ได้รับคำอธิบาย พวกเราจะไปตามเ้าหน้าที่ให้มาจัดการ โจรลักเล็กขโมยน้อย ตามกฎหมายแล้วสมควรถูกตัดมือทิ้ง"
อวี๋ซื่ออึ้งงันไปชั่วขณะ ก่อนหัวเราะเสียงดังกลบเกลื่อน "ขู่ใครรึ? เ้าหนุ่มนั่นขโมยของมาไม่น้อย หากจะตัดก็ถูกตัดไปนานแล้ว"
"นั่นเป็เพราะว่าผู้อื่นกลัวว่าเขาจะมาแก้แค้น แต่พวกเราหากลัวไม่ ด้วยฝีมือของข้า จัดการกับเขาง่ายยิ่งกว่ากระดิกนิ้ว" ถังชิงหรูหัวเราะเยาะพลางเอ่ยเสียงเย็น
"ท่านป้า ข้างนอกเสียงเอะอะอันใดกัน" ฉินเหยาขยี้ตาเดินออกมา ยามเห็นถังชิงหรู สีหน้าพลันเปลี่ยนไป ลั่นวาจาตะคอกใส่อย่างเกรี้ยวกราด "เ้ามาบ้านข้าทำไม"
ถังชิงหรูคร้านจะเสียเวลาไร้สาระกับพวกนาง จึงสาวเท้าก้าวใหญ่ ผลักฉินเหยาไปให้พ้นทาง ก่อนเดินผลักประตูเข้าไปในเรือนของพวกเขา
ในบ้านมีเพียงไม่กี่ห้อง แต่ละห้องล้วนคับแคบ ถังชิงหรูเดินสำรวจโดยรอบ เปิดค้นทั้งในตู้และหีบเ่าั้ ก่อนเดินออกมา พูดกับน่าหลันหลิง "ไม่อยู่"
ใบหน้าของน่าหลันหลิงพลันเปลี่ยนสี ฉินลี่เพิ่งเห็นฉินหวาเมื่อครู่ ทั้งเห็นกับตาว่าเขาถือหยกประดับในมือ หากตัวไม่อยู่ ก็อาจเอาหยกประดับเข้าไปในเมืองแล้ว หากเขาเอามันไปขายโรงจำนำเล่า... การสูญเสียของรักอาจสร้างความทุกข์ใจให้น่าหลันหลิงได้ชั่วขณะหนึ่ง ทว่าหากหยกประดับชิ้นนั้นหลุดออกไปย่อมนำพาความวุ่นวายมาให้พวกเขาในภายภาคหน้า นี่ถึงเป็หายนะที่แท้จริง
น่าหลันหลิงเป็ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว ในฐานะต้นกล้าที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวของตระกูล การดำรงอยู่ของเขาจึงสำคัญอย่างมาก ศัตรูคู่แค้นย่อมไม่ปล่อยเขาไปแน่ หากหยกประดับหลุดออกไป สถานะของเขาย่อมถูกเปิดโปง
"หรูเอ๋อร์ พวกเราไปตามหาคนผู้นั้นกันเถอะ" น่าหลันหลิงเอ่ยกับถังชิงหรู
ถังชิงหรูดูจากสีหน้าของชายหนุ่มก็ตระหนักได้ว่าต้องเกิดปัญหายุ่งยากเข้าแล้ว แม้ว่านางจะไม่เข้าใจเื่ราวของยุคสมัยนี้เท่าไร แต่เ้าของร่างเดิมทิ้งความทรงจำส่วนหนึ่งเหลือไว้ให้แก่นาง หลังจากวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับความทรงจำเ่าั้ ก็เอ่ยขึ้นว่า "เดี๋ยวข้าไปหาเขาเอง เจอตัวเมื่อไร เดี๋ยวสวยแน่"
"พวกเ้ามีเื่อะไรกัน" ครั้นอวี๋ซื่อได้ยินเช่นนั้นก็เกิดความกังวลใจ "เ้าหนุ่มนั่นขโมยสิ่งใดมาจากพวกเ้า? อย่างมากพวกเราก็แค่คืนให้"
ถังชิงหรูน่ากลัวแค่ไหน พวกนางล้วนเปิดหูเปิดตากันมาแล้ว พออีกฝ่ายเอ่ยปากมาแบบนี้ อวี๋ซื่อเป็เพียงแค่หญิงชาวบ้านธรรมดา นอกจากปากกล้าก็ไม่มีความสามารถอย่างอื่น คนในครอบครัวยังต้องพึ่งพาความช่วยเหลือของฉินหวาจากการที่เขาไปลักขโมยหรือขูดรีดมา ดังนั้นจะให้เกิดเื่กับเขาไม่ได้เป็อันขาด
"หากเขาเอาของไปขายแล้วหรือว่าทำเสียหาย ชาตินี้พวกเ้าก็คืนให้ไม่ได้ ถึงเวลาข้าจะไปฟ้องทางการ ให้นายอำเภอจับพวกเ้าทั้งบ้านเข้าคุกให้หมด" ถังชิงหรูมองหน้าฉินเหยาอย่างเหยียดหยัน "ไม่ต้องคลางแคลงในความสามารถของข้า คนที่กล้ายั่วโทสะข้าทุกคน จะต้องเสียใจภายหลัง"
ขณะที่ถังชิงหรูเตรียมจะเข้าเมืองไปขวางทางฉินหวาไว้ ก็มีชายหนุ่มท่าทางเอ้อระเหยคนหนึ่งหิ้วไหสุรา ฮัมเพลงเดินเข้ามา
ถังชิงหรูเอี้ยวศีรษะกลับไปมอง พลันรู้สึกว่าคนผู้นี้แลดูคุ้นหน้า แต่ยังนึกไม่ออกว่าเขาเป็ใคร
อวี๋ซื่อกับฉินเหยาพอเห็นคนผู้นี้ คนหนึ่งลนลาน อีกคนก็ตื่นตระหนก อวี๋ซื่อรีบเอ่ยปากขึ้นก่อน "ฉินไห่ ข้าให้เ้าซื้อเต้าหู้มาด้วย ไฉนไม่เห็นซื้อกลับมาเลยเล่า"
บุรุษผู้นั้นหยุดอยู่ที่หน้าประตู พอได้ยินอวี๋ซื่อกล่าวเช่นนั้น ฉินหวาซึ่งดื่มจนสมองเลอะเลือนไปบ้างแล้ว ก็มองไปที่คนแปลกหน้าสองคนในเรือน อวี๋ซื่อพยายามขยิบตาให้ไม่หยุดหย่อน เพื่อบอกให้เขารู้
แต่่นี้ฉินหวามักออกไปเฉิดฉายนอกบ้าน ใช้ชีวิตอย่างบันเทิงใจ จึงไม่รู้ว่าอะไรเป็อะไร เขาเดินโซซัดโซเซเข้ามา พลางกล่าวว่า "ฉินไห่อะไรกัน ข้าคือฉินหวาต่างหาก"
ถังชิงหรูมองออกั้แ่เห็นสีหน้าของอวี๋ซื่อและฉินเหยาแล้ว ไม่นึกว่าเ้างั่งคนนี้จะเอ่ยปากยอมรับออกมาเสียเอง อุตส่าห์ส่งตัวมาถึงที่ นอกจากช่วยลดปัญหาให้นาง ยังช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย
น่าหลันหลิงเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าฉินหวา กล่าวด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น "เอาป้ายหยกคืนมาให้ข้า"
ฉินหวากระดกสุราขึ้นดื่ม แล้วพ่นใส่น่าหลันหลิงคำหนึ่ง พลางด่าสาดเสียเทเสีย "เ้าเป็ใคร? บิดาไม่รู้จักเ้าเสียหน่อย หยกบ้าหยกบออะไรกัน บิดาไม่รู้เื่"
"เ้าเพิ่งเผาเรือนของพวกเราไปหยกๆ มิหนำซ้ำยังขโมยหยกประดับของญาติผู้พี่ข้าไปอีก ตอนนี้มาบอกว่าไม่รู้" ถังชิงหรูกระชากแขนของฉินหวา ก่อนกล่าวเสียงเหี้ยม "จะพูดไม่พูด? หรือจะให้ข้าหักแขนเ้าทิ้งข้างหนึ่งก่อน"
"เ้ากล้าแตะต้องบิดารึ ตอนนี้น้องชายภรรยาของนายอำเภอเป็พรรคพวกเดียวกันกับบิดา หากเ้ากล้าแตะต้องข้า ข้าจะให้เขาขังพวกเ้าไว้ในคุกชั่วชีวิต" ฉินหวาถลึงตาใส่ถังชิงหรู พลางเอ่ยวาจาอวดเบ่ง
"มิน่าเล่าถึงได้โอหังไม่หวั่นเกรงผู้ใดเช่นนี้ ที่แท้ก็มีคนหนุนหลัง น้องชายภรรยาของนายอำเภอรึ... ช่างยิ่งใหญ่คับฟ้าเหลือเกิน แล้วเ้าเชื่อหรือไม่ ว่าข้ามีหนทางทำให้พี่เขยของลิ่วล้อเ้าผู้นั้นหลุดจากตำแหน่งขุนนาง แค่นายอำเภอเล็กๆ คนเดียว ให้ข้าหาวิธีไสหัวเขาออกไปจากอำเภอก็ยังได้ หากเ้าอยากจะลองดู พวกเราก็มาวัดกันสักตา" ถังชิงหรูแค่นเสียงเยาะ
--------------------------------------------------------------------------------
[1] บ้านมารดา ในที่นี้หมายถึงตระกูลของฝ่ายหญิง บ้านมารดาของสะใภ้เมิ่ง ก็คือบ้านบิดามารดาของสะใภ้แซ่เมิ่งนั่นเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้