บทที่ 36 เสี่ยวไป๋ สุนัขที่โดนคัดออก
เชิญเข้าร่วมทีม
เย่จื่อเฉินยกน้ำมะนาวขึ้นดื่มไปหนึ่งอึก แต่ไม่ได้จับมือกับจิงหว่าน
"น้องจิงหว่าน เธอไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นก็ได้ เรายังไม่เคยคุยอะไรกันเลย เธอก็มาชวนฉันเข้าร่วมทีมของเธอแล้ว มันไม่ดูรีบร้อนไปหน่อยเหรอ?"
"นาย้าอะไร?"
"เธอจะให้อะไรฉันล่ะ?"
เย่จื่อเฉินเม้มปากยิ้ม
"เดือนละแสน"
จิงหว่านยกกำปั้นขึ้น เย่จื่อเฉินยักไหล่อย่างไม่สนใจ
เงินเดือนหนึ่งแสนสำหรับนักศึกษาที่ยังเรียนไม่จบแน่นอนว่ามันเป็เงินก้อนโตจำนวนมหาศาล
ต่อให้เป็รุ่นพี่ที่เรียนจบออกไปแล้ว ถ้าเจอเงินเดือนเดือนละหนึ่งแสนก็ต้องทุ่มเทสุดชีวิตเพื่อที่คว้ามันเหมือนกัน
แต่ว่า...
เย่จื่อเฉินชี้ไปทางปอร์เช่918 ที่จอดอยู่ข้างนอก
"น้องจิงหว่าน เธอคิดว่าฉันขาดเงินเหรอ?"
นี่...
เมื่อเห็นรถสปอร์ตคันนั้นหัวใจของจิงหว่านก็ชาไปครึ่งดวง คนที่ขับรถแบบนี้ได้ไม่มีทางยอมก้มหัวให้เพื่อเงินแสนเดียวแน่นอน
กลับกลายเป็เซี่ยเขอเข่อข้างกายเสียเองที่มองรถสปอร์ตด้านนอกหน้าต่างด้วยดวงตาแวววาว
"อาเสี่ย นั่นรถนายเหรอ?"
"ใช่ไง"
อาเสี่ย...
หน้าของจิงหว่านเหวอไปอีกรอบ ถ้ารู้มาก่อนว่าเขาคืออาเสี่ย จะไม่เอาเงินเดือนมาโน้มน้าวเขาเด็ดขาดเลย
"ดูจากทักษะของนายแล้ว นายจะต้องเปล่งประกายแน่นอน แล้วก็จะมีแฟนคลับติดตามหลายพันคน"
จิงหว่านเอ่ยข้อเสนอทางด้านชื่อเสียงออกมาอีก เธอคิดว่าคำพูดแบบนี้เย่จื่อเฉินน่าจะรู้สึกลังเลบ้าง
แต่ว่า...
แปะๆๆ
จู่ๆ เย่จื่อเฉินก็ปรบมือ แล้วพูด
"คนในร้านเครื่องดื่มนี้มีใครรู้จักผมบ้างไหมครับ?"
"อาเสี่ย ฉันเป็แฟนคลับของคุณค่ะ"
"อาเสี่ย เย็นนี้ว่างไหมคะ ฉันอยากเลี้ยงข้าวคุณ"
"อาเสี่ย..."
จากนั้นเย่จื่อเฉินก็หันมาแบมือแล้วยิ้มให้จิงหว่าน
"เธอคิดว่าฉันไม่มีชื่อเสียงเหรอ?"
ใบหน้ารูปไข่เรียวสวยของจิงหว่านบึ้งตึงขึ้นทันที สิ่งที่เธอสามารถเอามาต่อรองได้ก็ดูเหมือนว่าจะมีแค่เงื่อนไขสองอย่างนี้เท่านั้น
แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธมันกลับมาทั้งหมด
เซี่ยเขอเข่อสังเกตเห็นความไม่พอใจบนใบหน้าของจิงหว่าน ก็อยากให้เย่จื่อเฉินพิจารณาดูอีกสักหน่อย
แต่เย่จื่อเฉินกลับเงยหน้าขึ้นส่ายหัวแล้วพูดกลั้วหัวเราะเบาๆ
"ที่จริงจากคำพูดไม่กี่คำฉันก็รู้สึกได้ถึงความตั้งใจในการที่จะตั้งทีมของน้องจิงหว่านแล้ว แต่มันก็เป็ความตั้งใจแค่ชั่ววูบเท่านั้น"
"ฉันเปล่านะ ฉันคิดเื่นี้ด้วยความตั้งใจมากจริงๆ"
จิงหว่านเอ่ยแย้ง
เย่จื่อเฉินผายมือโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะเอื้อมมือไปเคาะโต๊ะและพูดกลั้วหัวเราะ
"งั้นฉันจะพูดแบบนี้ก็แล้วกัน การตั้งทีมต้องใช้เงินจำนวนมาก เธอมีเหรอ?"
"สองสามปีที่ฉันไลฟ์มาก็พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง..."
"เท่าไร?"
"ต่ำกว่าสิบล้าน"
เย่จื่อเฉินหลุดขำออกมา
"ต่ำกว่าสิบล้าน แล้วเธออยากตั้งทีมเนี่ยนะ เธอไม่รู้สึกว่ามันเด็กไปเหรอ? หรือว่าเธอไม่ได้ไปเช็คดูทีมที่เข้าแข่งขันพวกนั้นเลย เื้ัพวกเขามีทีมไหนบ้างที่ไม่มีสปอนเซอร์กระเป๋าหนักคอยสนับสนุน เงินแค่นี้ของเธอมันไม่พอที่จะดึงเอาตัวสมาชิกดีๆ มาได้หรอกนะ"
"สปอนเซอร์จำเป็ต่อการตั้งทีมในครั้งแรกมากที่สุด เธอจะต้องจ่ายเงินให้กับผู้เล่น เธอจะต้องเลือกฐานที่เหมาะสมสำหรับผู้เล่น เธอ้าสมาชิก...คืออย่างนี้นะ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเธอหาตัวสำรองไว้แล้วหรือยัง เอาแค่สมาชิกหลักทั้งห้าคนก่อน เธอหาได้หรือยัง?"
"ฉัน..." น้ำเสียงของจิงหว่านนิ่งไป เื่พวกนี้เธอยังไม่ได้คิดไว้จริงๆ แต่เธอที่ไม่อยากยอมรับก็ยังพยายามแย้งสุดชีวิต "เื่สมาชิกในทีมฉันจะพยายามหาให้ครบ ส่วนเื่เงินฉันก็จะรีบหาคนมาลงทุน"
"นั่นก็แค่ตัวแทน ความจริงทุกอย่างที่เธอพูดมามันก็แค่การพูดปากเปล่า นับประสาอะไรกับเื่ทีม?"
เย่จื่อเฉินดื่มน้ำมะนาวในแก้วจนหมด จากนั้นจึงลุกขึ้นโบกมือลาจิงหว่านและเซี่ยเขอเข่อ แล้วพูด
"ขอโทษนะ ฉันไม่สามารถข้าร่วมทีมของเธอได้"
พูดจากใจเย่จื่อเฉินไม่อยากเข้าร่วมกิจกรรมแบบนี้เลย ถ้าเข้าร่วมทีมจริงๆ ชีวิตของเขาก็จะโดนผูกมัดไว้กับที่ไปตลอด
มีวีแชทกลุ่มเทพเซียนที่สามารถเปล่งประกายได้ในทุกที่แล้ว เขาไม่จำเป็ต้องเลือกเส้นทางที่ดูแล้วเหมือนจะล้มเหลว
อีกอย่าง เมื่อครู่นี้ที่เขาพูดไปแบบนั้นก็เพราะหวังดีกับจิงหว่าน
มีความกระตือรือร้นนั้นเป็เื่ที่ดี ถ้าอาศัยความกระตือรือร้นเพียงอย่างเดียวในการตั้งทีม
มันก็มีความเป็ไปได้มากกว่าจะเสียไปโดยไม่ได้รับอะไรกลับมา
เย่จื่อเฉินไม่้าให้ผู้หญิงคนนี้เอาเงินที่หามาอย่างยากลำบากมาลงกับสิ่งนี้จนหมด บางทีการที่คิดเื่เงินอยู่ตลอดเวลา มันก็ค่อนข้างที่หยาบคายไปหน่อย
แต่เย่จื่อเฉินก็เป็คนหยาบคายแบบนี้แหละ
เมื่อขับรถออกไปแล้ว จิงหว่านและเซี่ยเขอเข่อที่อยู่ในร้านก็มองรถของเย่จื่อเฉินขับหายไปจากสายตาของพวกเธอด้วยอาการนิ่งอึ้ง
ความเสียใจจางๆ ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้ารูปไข่เรียวสวยนั้นของจิงหว่าน เซี่ยเขอเข่อที่อยู่ข้างๆ พูดปลอบเบาๆ
"จิงหว่าน เธอไม่ต้องไม่สนใจกับคำพูดของเย่จื่อเฉินมากนักหรอก ที่จริงปกติเขาก็นิสัยโอเคเลยนะ ไม่รู้ว่าวันนี้ไปกินยาอะไรผิดมา"
จิงหว่านยิ้ม ความหม่นหมองในใจถูกกวาดออกไปจนว่างเปล่า
ในหูของเธอยังคงมีคำพูดจี้ใจดำอย่างไร้ความปรานีของเย่จื่อเฉินเมื่อครู่นี้วนเวียนไปมาอยู่อย่างนั้น แต่เธอก็ไม่ได้เอามาใส่ใจ
"ที่เขาพูดมามันก็จริง ฉันอาจจะวู่วามมากเกินไป ฉันต้องกลับไปคิดดูดีๆ ก่อน"
"อื้อๆ แต่ถ้าเธอยัง้าสมาชิกอยู่ เธอมาหาฉันได้ตลอดเวลาเลยนะ"
"ขอบใจนะ"
เมื่อสวมหมวกแก๊ปไว้บนหัวแล้ว จิงหว่านก็เดินออกจากร้านกาแฟไป
เธอยืนอยู่ข้างถนนมองจุดที่เย่จื่อเฉินเพิ่งจะจากไปอยู่นาน กำปั้นของจิงหว่านบีบเข้าหากันจนแน่น
สักวัน ฉันจะทำให้นายตอบตกลงให้ได้
เมื่อขับรถกลับมาที่บ้าน
เย่หรงกำลังยืนเหม่อลอยอยู่ที่ลานกว้างหน้าบ้าน ลูกมีอนาคตนั้นเป็เื่ดี แต่ไม่รู้ว่าทำไมในใจเธอถึงได้รู้สึกไม่สบายใจเลย
"แม่ครับ ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ"
เย่หรงเงยหน้าขึ้น ความกังวลบนใบหน้าของเธอฉายชัดมากยิ่งขึ้น หลังจากได้เห็นรถสปอร์ตที่อยู่ข้างหลังเย่จื่อเฉิน
"จื่อเฉิน ลูกทำอะไรอยู่กันแน่ แม่ไม่สบายใจเลย"
"แม่ ผมเป็ยังไงแม่ยังไม่รู้จักอีกเหรอครับ? อะไรที่ไม่สะอาดพวกนั้นผมไม่มีทางแตะต้องมันแน่" เย่จื่อเฉินจับไหล่เย่หรงแล้วเดินไปที่ศาลาในลานบ้าน แล้วพูด "อยู่ที่นี่โอเคไหมครับ?"
"ที่นี่สภาพแวดล้อมดีเลย แต่แค่ไม่ค่อยชิน"
"ยังไงครับ?"
"ในใจมันรู้สึกเคว้งคว้างน่ะ แต่ก่อนตอนอยู่ที่หมู่บ้านก็ยังได้คุยเล่นกับพวกคุณป้าเขา แต่ตอนนี้..."
เย่หรงจะพูดแต่ก็หยุดไป เย่จื่อเฉินก็รู้สึกจุกอยู่ในใจ
ลูกชายอย่างเขาทำให้แม่มีชีวิตที่ดีได้ก็จริงๆ แต่กลับไม่มีเวลามากพอที่จะอยู่กับท่าน
ทันใดนั้น เย่จื่อเฉินก็นึกถึงสุนัข์ที่แย่งมาได้
"แม่ รอผมเดี๋ยวนะ ผมมีของขวัญจะให้แม่"
เย่จื่อเฉินวิ่งเข้าไปในรถแล้วกดเปิดหีบสมบัติในวีแชท
สุนัขของนักรบ์ที่โดนคัดออก
กดรับ
หมาพุดเดิ้ลสีขาวขนฟูตัวหนึ่งปรากฏขึ้นมาในอ้อมแขนของเย่จื่อเฉิน
วินาทีแรกที่หมาพุดเดิ้ลปรากฏออกมา มันก็สำรวจดูพื้นที่ตามสัญชาตญาณ แต่เมื่อเห็นเย่จื่อเฉินมันก็แสดงสีหน้าไม่สนใจเหมือนกับเขาเป็อากาศ
"เ้าตัวเล็ก ต่อไปนี้แกอยู่กับฉันแล้วนะ"
ไม่สนใจ ยังไม่สนใจอีก!
"แกมันก็น่าสนใจอยู่นะเนี่ย" เย่จื่อเฉินอยากลูบขนของหมาพุดเดิ้ลดูสักเล็กน้อย แต่อีกฝ่ายกลับแสดงท่าทางดุร้ายออกมา โดยการเงยหน้าขึ้นมาแยกเขี้ยวใส่เขา
แต่สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลแบบนี้ ต่อให้ทำเป็ดุ มันก็ยังน่ารักอยู่ดี
"น่าสนใจดีนี่ ต่อไปนี้ฉันจะเรียกแกว่าเสี่ยวไป๋ก็แล้วกัน"