หลังทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว เฟิงปู๋จื้อกู้เชียนโหรว ซุนอี้ชิวสามคนก็ค้นหามือกระบี่เงาผีต่อ ส่วนเสวียนเทียนกลับสำนักกระบี่์ต่างบอกลากัน
ค้นหาบริเวณรอบหมู่บ้านเหยียหม่ารอบหนึ่งแล้ว ทั้งสามคนกลับไม่พบร่องรอยของมือกระบี่เงาผีเลย
“เป็ไปได้อย่างไร? พวกเราไล่ตามมาตลอดทาง ตามร่องรอยที่มีอยู่มือกระบี่เงาผีควรจะมาถึงหมู่บ้านเหยียหม่า แต่กลับไม่มีรอยม้าแม้แต่รอยเดียว?”
การค้นหาของทั้งสามไร้ผล พวกเขาจึงกลับมาในหมู่บ้านเหยียหม่าอีกครั้งซุนอี้ชิวงุนงงเป็อย่างมาก
กู้เชียนโหรวมองไปที่เฟิงปู๋จื้อเฟิงปู๋จื้อเป็หัวหน้าของกลุ่มสามคน หากมีเื่อะไร ปกติล้วนต้องให้เขาตัดสินใจ
เฟิงปู๋จื้อขมวดคิ้ว ทันใดนั้นคิ้วก็คลายออกบอกว่า “พวกเราเอาแต่มุ่งค้นหาอย่างเดียวกลับลืมไปว่าหมู่บ้านเหยียหม่าถึงจะเล็กแต่ก็มีคนอยู่ไม่น้อยบางทีพวกเขาอาจเห็นเื่อะไรบางอย่างที่พวกเราไม่รู้ก็เป็ได้”
ซุนอี้ชิวโพล่งถามขึ้นว่า “คนที่นี่ไม่รู้จักมือกระบี่เงาผีต่อให้เจอเข้าก็ไม่รู้จักเสียหน่อยนี่นา?”
เฟิงปู๋จื้อตอบว่า “หมู่บ้านเหยียหม่าเงียบเหงาคนมาน้อย พวกเขาควรจะรู้ว่าคนที่มาไปทางไหนกันบ้าง”
ทั้งสามคนสอบถามผู้ฝึกยุทธ์หลายคนในหมู่บ้านคำตอบของคนเ่าั้เหมือนกันทั้งหมด ผู้ที่มายังหมู่บ้านเหยียหม่าวันนี้ทั้งหมดล้วนมุ่งลงใต้ ไม่มีสักคนไปทางเหนือ
สายตาของเฟิงปู๋จื้อพลันสว่างวาบ เอ่ยขึ้น “ไปไล่ไปตามถนนใหญ่ที่มุ่งไปทางสำนัก มือกระบี่เงาผีขวัญกล้าเทียมฟ้าต่อให้เป็ถนนใหญ่เขาก็คงกล้าลงมือกับศิษย์น้องหวงเทียน”
ในดวงตาของกู้เชียนโหรวกับซุนอี้ชิวทอประกายร้อนรนออกมาซุนอี้ชิวพูด “มันรู้ว่าพวกเราไล่ตามมาติดๆยังใจกล้าถึงเพียงนี้ ดูถูกพวกเราสำนักกระบี่์ว่าไร้ฝีมือหรือ? พวกเรารีบตาม อย่าให้ศิษย์น้องหวงต้องพบภัย”
ทั้สามขึ้นม้า มุ่งออกไปทางใต้ของหมู่บ้านเหยียหม่ารีบเร่งไล่ตามสุดกำลังไปตามถนนใหญ่
เสวียนเทียนเดินทางไปตามปกติ ไม่รีบร้อนส่วนเฟิงปู๋จื้อสามคนควบม้าห้อตะบึง เร่งทะยานเต็มฝีเท้าความเร็วเทียบกับเสวียนเทียนแล้วเร็วกว่ากันมาก
ที่เสวียนเทียนขี่อยู่คือม้ากิเลนดำบนถนนใหญ่ทิ้งร่องรอยไว้ พวกเฟิงปู๋จื้อมุ่งลงใต้ตามมาได้ประมาณยี่สิบกว่าลี้รอยเท้าม้าที่ถนนใหญ่เบื้องหน้าก็หายไป แต่เลี้ยวไปทางถนนเส้นเล็กด้านข้างสายหนึ่งนั่นเป็ทางลัดเส้นหนึ่ง
ถนนใหญ่มุ่งผ่านอำเภอหนานเหย่ถ้าใช้ถนนเล็กจะอ้อมตัวอำเภอไปได้ถ้าผ่านอำเภอหนานเหย่อย่างน้อยก็ต้องเดินทางเพิ่มขึ้นสองร้อยกว่าลี้
เมื่อเห็นรอยเท้าม้าเลี้ยวไปยังถนนเล็กเฟิงปู๋จื้อยิ่งมีลางสังหรณ์ เสวียนเทียนอาจพบเข้ากับมือกระบี่เงาผีเขาผู้ไม่เคยรีบร้อนก็ร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว
หากมือกระบี่เงาผีสังหารศิษย์สำนักกระบี่์คนหนึ่งใต้จมูกของพวกเขาพวกเขาไม่รู้จะแจ้งแก่สำนักอย่างไรดี ในใจก็ยากจะทำใจได้ นอกจากนี้ ในสายตาพวกเขาเสวียนเทียนมีศักยภาพอยู่พอสมควร เป็เสาหลักในภายภาคหน้าของสำนักกระบี่์ยิ่งต้องปกป้องให้ปลอดภัย
“ไปเร็ว!”
ทั้งสามคนะโออกมาอย่างร้อนใจเพิ่มความเร็วมากขึ้น ห้อตะบึงมุ่งไปตามถนนเส้นเล็ก
.......
เสวียนเทียนขี่ม้ากิเลนดำอย่างไม่รีบร้อนคำเตือนของเฟิงปู๋จื้อ เสวียนเทียนไม่ได้ใส่ใจมือกระบี่เงาผีก็แค่พลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสองขนาดนักดาบอสนีบาตมหาโจรชื่อเสียงกระฉ่อน ยอดฝีมือขั้นสุดยอดในหมู่ชั้นเบิกนภาขั้นสามเสวียนเทียนยังฆ่ามาแล้วทำไมต้องกลัวมือกระบี่เงาผีอีก?
ดังนั้น ควรใช้ทางลัดเสวียนเทียนก็ยังคงใช้ทางลัด
เข้าถนนเส้นเล็กเดินทางมาได้ประมาณหนึ่งร้อยกว่าลี้ถนนเส้นเล็กจากหมู่บ้านก็ค่อยๆเข้าไปในเขตูเาที่ร้างไร้ผู้คน
“ฮี่ๆๆๆ!”
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะเสียดแก้วหูเสียงหนึ่งก็ดังมาจากป่าด้านข้างนกหลายตัวถูกเสียงหัวเราะนั้นทำให้ใจนขยับปีกบินออกมาจากป่า
ป่าอยู่ห่างจากถนนเส้นเล็กราวสามร้อยเมตรนับว่าไม่ใกล้ แต่สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาก็ไม่นับว่าไกล
เสวียนเทียนรั้งเชือกไว้ ม้ากิเลนดำหยุดลง
หมุนตัวมองไปทางป่า เสียงหัวเราะหยุดไปแล้ว ทั้งผืนป่าเงียบสงัด
ผ่านไปครู่หนึ่งก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน
สีหน้าของเสวียนเทียนราบเรียบ เชือกในมือคลายออกสองขาออกแรงกระตุ้น ม้ากิเลนดำก็วิ่งไปข้างหน้าต่อ ไม่ได้ทะยานรวดเร็วเสวียนเทียนบังคับม้ากิเลนดำให้วิ่งไปช้าๆ ตามปกติ
เมื่อเห็นเสวียนเทียนไม่ใ ควบม้าห้อตะบึงต่อทั้งสีหน้าก็ดูนิ่งสงบ ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อยคนที่อยู่ในป่าก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมาอยู่บ้าง แล้วส่งเสียงหัวเราะประหลาด ‘ฮี่ๆๆๆ’ ดังออกมาอีก
“แกล้งทำตัวเป็ผี!”
เสียนเทียนแค่นเสียงเย้ยหยันทีหนึ่งสายตากวาดมองไปตามแนวป่า คุมความเร็วของม้ากิเลนดำ ไม่หยุดชะงักสักนิดไม่มีทีท่าใแม้แต่น้อย ม้ากิเลนดำได้ยินเสียงหัวเราะนั่นสายตาเหมือนใอยู่บ้าง แต่เสวียนเทียนควบคุมอยู่ จึงไม่ตื่นตระหนกยังคงวิ่งช้าๆ ไปอย่างเดิม
“ไอ้หนู ใจกล้าไม่เลว!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นคนผู้หนึ่งที่ห่อกายในชุดสีดำทั้งร่างเดินออกมาจากป่า
คนผู้นี้ เดิมทีคิดอยากเล่นแมวจับหนูแต่เสวียนเทียนไม่ใช่หนู ไม่ได้สะทกสะท้านกับเขาเลยสักนิด
ความนิ่งของเสวียนเทียนทำให้คนผู้นี้รู้สึกว่าตนเองคล้ายตัวตลกเสวียนเทียนไม่มีทีท่าตอบสนองแม้แต่น้อย ในเมื่อแกล้งไม่สำเร็จ คนผู้นี้ก็ได้แต่ต้องปรากฏตัว
เขาทะยานออกมาหนึ่งก้าว ร่างก็เคลื่อนมาข้างหน้ายี่สิบสามสิบเมตรคนราวกับกำลังเดินเรื่อยเปื่อยในบ้าน ผ่อนคลายสบายอารมณ์ แต่ความเร็วว่องไวนักเทียบกับม้ากิเลนดำที่วิ่งห้อเต็มฝีเท้าแล้วยังเร็วกว่าอยู่ไม่น้อย
นี่ยังเป็แค่การเคลื่อนไหวธรรมดาๆ หากทะยานเต็มกำลังความเร็วไม่รู้ว่าจะถึงระดับใด
“วิชาตัวเบาสูงส่งนักความสำเร็จในวิชาตัวเบาของอีกฝ่ายคงไม่เป็รองข้าอย่างน้อยวิชาตัวเบาชั้นนิลขั้นต้นก็คงฝึกลุถึงชั้นบรรลุส่วนใหญ่หรืออาจถึงขั้นสำเร็จวิชาแล้ว” สายตาของเสวียนเทียนเผยความประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย
คนชุดดำปิดหน้า ไม่เห็นหน้าตาแต่ดูจากกลิ่นไอชั้นเบิกนภาที่แผ่ออกมา คงมีพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสอง
ในใจเสวียนเทียนฉับพลันก็ผุดชื่อของคนผู้หนึ่งออกมามองแขกผู้มาเยือนเอ่ยขึ้นว่า “มือกระบี่เงาผี?”
“ฮี่ๆๆๆ ไอ้หนูรู้ชื่อของข้าเป็เื่โชคร้ายอย่างมากเื่หนึ่ง!”
มือกระบี่เงาผีเดินไปพลาง พูดไปพลาง “พบเจอข้าเป็โชคร้ายใหญ่ยิ่งกว่าของเ้า!”
เสวียนเทียนหัวเราะขึ้นเบาๆ แล้วพูดว่า “นี่นับเป็อะไรได้มีเื่ที่โชคร้ายกว่านี้นับร้อยเท่า”
“โอ้ อะไรหรือ?” มือกระบี่เงาผีมาถึงเบื้องหน้าเสวียนเทียน ห่างไปร้อยกว่าเมตร ถามกลับอย่างสนอกสนใจ
เสวียนเทียนตอบเสียงเรียบ “ก็คือเ้าพบเข้ากับข้า”
เงาร่างของมือกระบี่เงาผีหยุดลงมองเสวียนเทียนครู่หนึ่งก็พลันหัวเราะลั่นออกมา เสียงหัวเราะบาดหูเป็ที่สุดหัวเราะจบก็พูดว่า “น่าสนใจดีไอ้หนู เ้าโอหังกว่าข้าเสียอีก แต่ในสายตาข้า เ้าก็เป็แค่คนบ้า ความตายมาเยือนแล้วกลับยังไม่รู้”
เสวียนเทียนตอบกลับด้วยท่าทางสงบนิ่ง “ความตายมาเยือนแล้วกลับยังไม่รู้ประโยคนี้ที่พูดถึงทำไมจะไม่ใช่เ้า เ้ามั่นใจเกินไปแล้ว”
“ฮี่ๆๆๆ!”
มือกระบี่เงาผีหัวเราะ “ต้องยอมรับเลยว่าเ้าเป็ผู้ฝึกยุทธ์ที่จิตใจนิ่งที่สุดในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์ที่ข้าได้พบหลังมายังอาณาจักรเสินเตาใช่ ก็เป็อย่างที่เ้าพูดนั่นแล มั่นใจ มั่นใจเกินไป ฮ่าๆๆๆ...น่าสนใจเกินไปแล้วพวกเรามองว่าเป็ความตายมาเยือนอีกฝ่าย มั่นใจเกินไป น่าสนใจเกินไปแล้วจริงๆข้าสงสัยนัก ความมั่นใจของเ้ามาจากไหนกัน?”
พูดจบมือกระบี่เงาผีก็ไม่สนว่าเสวียนเทียนจะตอบไม่ตอบ เขาพูดต่อ “ศิษย์สำนักกระบี่์สามคนนั้นที่ไล่สังหารข้าหรือ? เป็ศิษย์พี่ของเ้าสินะ เ้าคิดว่าพวกเขาจะมาช่วยเ้าได้หรือ? ข้าไปมาได้ดังใจ ไร้ร่องรอยดุจภูตผี ก็แค่ไม่คิดอยู่เล่นกับพวกเขาเท่านั้นจะบอกเ้าให้ชัดเจน ต่อให้ศิษย์พี่ของเ้ามา ข้ามือกระบี่เงาผีจะสังหารเ้า เ้าก็ต้องตายไม่มีทางเป็อื่นใครก็ขัดขวางไม่ได้ เ้าคิดพึ่งพวกเขาก็พึ่งไม่ได้ นอกจากนี้ ตอนนี้พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ข้างกายเ้าเ้าคิดจะพึ่งก็ไม่มีให้พึ่ง ฮี่ๆๆๆ!”
เสวียนเทียนตอบเสียงเรียบ “ทำให้เ้าผิดหวังแล้ว คนที่ข้าพึ่งพา แต่ไหนแต่ไรมาก็มีแต่ตัวเองเท่านั้น!”
มองเห็นเสวียนเทียนยังคงมีสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนสีหน้าของมือกระบี่เงาผีก็เคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย ราวกับกำลังขบคิด ครู่หนึ่งผ่านไปเสียงหัวเราะ ‘ฮี่ๆๆๆ’ ก็ดังขึ้นมาอีก เอ่ยว่า “ข้าเดาไม่ออกเลยทำไมเ้าถึงมั่นใจในตัวเองเช่นนี้ แต่ว่า ข้าจะให้เ้าได้รู้อะไรเรียกว่าความสิ้นหวัง มั่นใจในตัวเองนัก ถึงจะเป็เพียงคำพูดหนึ่ง แต่ต้องมีความสามารถมารองรับยามที่ข้าทำลายศักดิ์ศรีของเ้าไปทีละน้อย ดูสิว่าเ้าจะยังนิ่งเช่นนี้ได้หรือไม่!”
พูดมาถึงส่วนท้ายเสียงของมือกระบี่เงาผีก็โกรธขึ้นมาอยู่บ้าง เขาชอบเห็นคนอื่นที่อยู่เบื้องหน้าเขาหวาดกลัวและสิ้นหวังเพราะเขาไม่ใช่มั่นใจและนิ่งสงบ มองเขาราวกับสิ่งไร้ตัวตน
“ข้าก็อยากรู้นัก!”
สองตาเสวียนเทียนจับจ้องมือกระบี่เงาผี เอ่ยว่า “ข้าไม่มีความแค้นกับเ้าเรียกได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกันโดยสิ้นเชิง เหตุใดเ้าถึงติดตามจากหมู่บ้านเหยียหม่าจนมาถึงที่นี่หรือเพื่อสังหารข้า?”
ดวงตาของมือกระบี่เงาผีฉายแววประหลาดใจ เอ่ยว่า “เ้ารู้ว่าข้าตามมาั้แ่หมู่บ้านเหยียหม่า?”
เสวียนเทียนยักไหล่พลางตอบ “ข้าเชื่อที่ศิษย์พี่เฟิงพูดเ้าต้องมาถึงหมู่บ้านเหยียหม่าแล้วแน่ ข้ามาจากหมู่บ้านเหยียหม่าเ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะผ่านมาทางนี้? เห็นอยู่ชัดๆว่าตามมาตลอดทาง”
“ฮี่ๆๆๆ ไม่เพียงจิตใจนิ่งความคิดยังละเอียด รู้จักใช้สมอง ต้องบอกเลยว่าข้าชื่นชมเ้าขึ้นมานิดหน่อยเห็นแก่จุดนี้ของเ้า ข้าจะให้เ้าตายอย่างกระจ่างใจ”
มือกระบี่เงาผีหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “พวกเราไม่เกี่ยวข้องกันแน่นอนไม่เคยข้องเกี่ยวมาก่อน แต่เ้าดันเป็ศิษย์สำนักกระบี่์สำนักกระบี่์ทำข้าเสียเื่ ยังส่งศิษย์สำนักในมาไล่สังหารข้าอีกสามคนนั่นร่วมมือกัน จะฆ่าลำบากอยู่นิดหน่อย แต่ไล่ตามจนข้าชักรำคาญในเมื่อเ้าเป็ศิษย์สำนักกระบี่์ ฆ่าเ้าเสีย พอดีให้ข้าระบายความอัดอั้นสังหารศิษย์ในสำนักกระบี่์คนหนึ่งใต้จมูกของพวกเขา ฮึๆก็นับว่าข้ามอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้พวกเขาสามคนแล้ว”
“เป็เช่นนี้นี่เอง!”
เสวียนเทียนหัวเราะเบาๆจากนั้นสีหน้าก็พลันนิ่งเรียบ เอ่ยว่า “ใช้สี่คำมานิยามเ้าได้”
มือกระบี่เงาผีเอ่ยถาม “อะไร?”
“รนหาที่ตาย!” เสวียนเทียนพูดทีละคำ ปล่อยจิตสังหารออกมา
“ไอ้หนู เ้าโอหังเกินไปแล้วเดิมทีข้ายังชื่นชมเ้าอยู่บ้าง อาจจะเหลือศพเ้าไว้ครบชิ้น ตอนนี้เ้าจุดไฟโทสะของข้าขึ้นมาแล้วข้าจะให้เ้าเป็ไม่สู้ตาย อยากอยู่ก็ไม่ได้ อยากตายก็ไม่ได้!”
มือกระบี่เงาผีโกรธจัด คนทั้งร่างกลายเป็เงาเลือนรางฉับพลันพุ่งมาข้างหน้า
เร็ว!
เร็วจนถึงขีดสุด!
เงารวดเร็วสายหนึ่งในอากาศชั่วลมหายใจก็พุ่งข้ามมาข้างหน้าหกเจ็ดสิบเมตร ความเร็วแทบจะเท่ากับสัตว์อสูรลูกพยัคฆ์ดำที่เสวียนเทียนพบในเทือกเขาดงอสูรเทียบกับ ‘ก้าวย่างัพยัคฆ์’ ชั้นบรรลุส่วนใหญ่ของเสวียนเทียนแล้วเร็วกว่าอยู่ไม่น้อยวิชาตัวเบาของอีกฝ่ายถ้าไม่ใช่ชั้นนิลขั้นกลางก็ต้องเป็วิชาตัวเบาขั้นต้นที่ฝึกฝนจนถึงขั้นบรรลุสมบูรณ์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้