เด็กหญิงตรงหน้าคือใครกันแน่?
นี่เป็ครั้งแรกที่เขาพบเจอสถานการณ์แบบนี้ ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงเพลงเมฆหมอกเหนือลำน้ำเซียวเซียงขึ้นมา
เขาสงสัยว่าท้ายที่สุดแล้วประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือไม่?
ท่านอ๋องที่อยู่บนสรวง์จะสบายดีหรือเปล่า?
โจวเซียงลุกขึ้นทันที เขาคลำหากู่ฉินท่ามกลางกองฟางสีเหลืองแห้งๆ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงแ่เบาว่า “ในเมื่อเ้ากล้าเข้ามาที่นี่ เหตุใดไม่ฟังชายชราผู้นี้เล่นกู่ฉินสักเพลงล่ะ?”
หลังจากพูดจบเขาก็เริ่มเล่นทันที
เสียงกู่ฉินที่ฟังดูหนักแน่นดังก้องห้องขังที่เต็มไปด้วยกลิ่นอับ นี่เป็ครั้งแรกที่ชิงซีเห็นภาพเช่นนี้
โจวเซียงใจเย็นจริงๆ
ถึงแม้จะอยู่ในห้องขังที่สกปรกเขาก็ยังไม่สนใจ
ช่างน่าะเืใจนัก
บุคคลเช่นนี้ควรค่าแก่การเป็พันธมิตร
เพลงนี้เศร้ามาก ชิงซีจำได้ว่านักบวชชุดขาวของศาลาน้ำแข็งหิมะมักเล่นเพลงนี้อยู่บ่อยครั้ง เนื้อเพลงจึงผุดขึ้นในใจของนางทันที
“น่าเสียดายที่ข้าแก่ลงทุกวัน แก่ลงอย่างกะทันหันไม่อาจย้อนเวลากลับไปได้
ปีนขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงสง่า ผ่านภูผาและดวงอาทิตย์ ไปให้ไกลจากบ้าน
เหม่อมองหวงเหอแยงซี[1]ที่คดเคี้ยวไปมา ห่างไกลจากความเวิ้งว้างของทะเลทั้งสี่
ปีนขึ้นไปบนูเาสูงแล้วสูดอากาศเพื่อเติมเต็มความว่างเปล่า
นกสีแดงชาดบินนำทาง รถม้าวิ่งอย่างมั่นคง
ัอยู่ทางซ้าย เสือขาวอยู่ทางขวา
สุริยันจันทราเป็หลังคา เทพธิดาผู้สง่างามนั่งอยู่บนรถม้า
บินไปในความมืด พักผ่อนในซากปรักหักพังของคุนหลุน[2]
ข้ามีความสุขมากและไม่เคยเบื่อเลย ข้าอยากปราบเหล่าทวยเทพ
ควบม้าผ่านตั้นสุ่ย[3] เฝ้าดูมรดกยิ่งใหญ่ทางขวามือ
หงส์สยายปีกบินสูงเสียดฟ้า มองเห็นขุนเขาและสายน้ำแลดูคดเคี้ยว
เฝ้ามองสรวง์และผืนดิน
มองลงมาเห็นสรรพสัตว์ในที่ราบลุ่มภาคกลาง
เมื่อมาถึงถิ่นทุรกันดาร เขาเห็นต้นสนแดงข้างถ้ำะ
สิ่งมีชีวิตบนท้องฟ้าโอบกอดกัน ข้าชื่นชอบเพลงกลองราชวงศ์ชิงอันไพเราะ
ข้ารู้สึกสงบและมีความสุข ข้าทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
ข้าคิดว่าจะมีชีวิตอยู่ตลอดกาลและเป็ะ ข้าจะไม่มองย้อนกลับไปที่บ้านเกิด
หงส์ไม่สามารถเดินทางไปยังแดน์ได้ทันเวลา มันถูกทำร้ายโดยฝูงนกฮูก
ัอาศัยอยู่บนบกและถูกมดกัดกิน
ในเมื่อหงส์และัยังมีชะตากรรมเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงนักปราชญ์ในกลียุคเลย
แก่ชราและแขนขาอ่อนเปลี้ย เวลาไหลเร็วเหมือนน้ำและไม่เคยหยุดนิ่ง
ผู้คนลอยไปตามกระแสน้ำ ความชั่วร้ายทั้งหมดรวมตัวกันเพื่อรังแกคนมีคุณธรรม
บางคนรวมตัวกันเพื่อหวังอำนาจ บางคนอยู่อย่างสันโดษลึกเข้าไปในูเา
สิ่งที่น่ากังวลคือดวงตาที่มืดบอดและการไม่รู้จักแยกแยะ
บางคนชอบยกยอและประจบสอพลอ ในขณะที่บางคนกลับซื่อตรงและกล้าพูดความจริง
ฮ่องเต้แยกไม่ออกระหว่างความดีและความชั่ว ระหว่างผ้าไหมและผ้าขาดๆ
โง่เขลาและมืดมน ไม่แยกแยะถูกผิด
ทิ้งหยกไว้ในสระน้ำลึกบนูเา แต่กลับยกย่องกรวดว่าเป็สมบัติ
เม่ยป๋อ[4]คอยตำหนิและเตือนสติครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ในที่สุดเขาก็พ่ายแพ้ให้แก่คนที่ชอบยกยอ
น่าเศร้าที่คนมีอุดมการณ์สูงส่งและซื่อสัตย์ต้องถูกป้ายสีอย่างเืเย็น
ปี้ก่าน[5]ชี้แจงด้วยเหตุผล แต่โอรส์แสร้งทำเป็มองไม่เห็น
เมื่อปราศจากต้นน้ำ แม่น้ำย่อมเหือดแห้ง เมื่อปราศจากราก ต้นไม้ย่อมไม่อาจเติบโต
ไม่ใช่หวาดกลัวหายนะ แต่เสียใจที่แม้จะต้องสละชีพก็กลับไม่เกิดผลดีใดๆ
ลืมเื่ราวเ่าั้เสีย!
ข้าไม่เห็นหงส์และห่านโบยบิน เพราะมันรวมตัวกันอยู่ในป่า
เหาะเหินไปทั่วโลก เมื่อเห็นผู้ที่มีคุณงามความดีจึงยอมปรากฏตัว
เหล่านักปราชญ์ล้วนมีความสามารถพิเศษ พวกเขารู้จักเอาตัวรอดจาก่เวลาที่ยากลำบาก
หากกิเลนถูกขังอยู่ในกรง มันจะต่างจากสุนัขและลูกแกะได้อย่างไร?”
ชิงซีจำไม่ได้ว่านานแค่ไหนแล้วที่นางไม่ได้ยินเพลงนี้
ตอนนี้นางใมาก
อันที่จริงคนอย่างโจวเซียงไม่เพียงถูกกักขังโดยฏเท่านั้น เขายังกักขังตัวเองไว้เพราะความภักดีต่อผู้อื่น
ในที่สุดเสียงกู่ฉินก็เงียบลง
ชิงซีกล่าวเบาๆ ว่า “ถ้าข้าบอกเ้าว่าข้า้าให้องค์หญิงเหวินฮวากลับไปยังตำหนักเหวินฮวาหรือแม้กระทั่งพระราชวังจินหลวน เ้าจะร่วมมือกับข้าหรือไม่?”
โจวเซียงคุกเข่าลงอย่างตื่นเต้นและพูดว่า “ถ้าเป็เช่นนั้นชายชราผู้นี้ก็เต็มใจที่จะบุกน้ำลุยไฟ”
ชิงซีพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “เอาล่ะ วันนี้เป็วันที่เ้ากับข้าเป็พันธมิตรกัน จำไว้ว่าข้าคือประมุขตระกูลมู่”
หลังจากกล่าวจบชิงซีก็โยนปิ่นหยกสีเขียวที่ทำจากหยกเนื้อดีให้โจวเซียง
โจวเซียงหยิบปิ่นหยกขึ้นมาและถามว่า “นี่คือ…”
ชิงซีกล่าวว่า “คนของข้าจะหาทางพาเ้าออกจากที่นี่ ถ้าเ้าออกไปได้แล้วให้นำปิ่นหยกนี้ไปยังร้านค้าใดก็ได้ของตระกูลมู่แล้วเ้าจะได้พบข้า”
โจวเซียงพยักหน้า เขาเก็บปิ่นหยกไว้ในอกเสื้อและกล่าวขอบคุณ
ชิงซียิ้มเล็กน้อย “เ้าไม่จำเป็ต้องขอบคุณข้าตอนนี้ ไว้ขอบคุณในภายหลังก็ยังไม่สาย”
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าของผู้คุมก็ใกล้เข้ามา
ชิงซีหายตัวไปในพริบตา
เมื่อผู้คุมเดินมาถึงและเห็นโจวเซียงกำลังยืนเหม่อลอยด้วยท่าทีงุนงง เขาก็บ่นพึมพำว่าชายผู้นี้ทำตัวไม่มีชีวิตชีวาอีกแล้ว
หลังจากนั้นผู้คุมก็นำอาหารมาให้
โจวเซียงไม่พูดอะไร
ตอนนี้เขาปราศจากความกังขาโดยสิ้นเชิง
เขาทานอาหารช้าๆ และทำตัวแทบไม่ต่างจากปกติ
แต่ในความเป็จริงมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าตอนนี้ตนเองแตกต่างจากก่อนหน้านี้มาก
ในที่สุดสิ่งที่ท่านอ๋องได้วางแผนมาหลายปีก็สำเร็จแล้ว
------------------------
[1] หวงเหอแยงซี หมายถึง แม่น้ำหวงเหอและแม่น้ำแยงซี
[2] คุนหลุน หรือเทือกเขาคุนหลุน มักถูกกล่าวถึงบ่อยครั้งในตำนานปรัมปราของจีน เชื่อกันว่าเป็แดน์ของนักบวชในลัทธิเต๋า
[3] ตั้นสุ่ย คือชื่อแม่น้ำในสมัยจีนโบราณ ตั้งชื่อตามปลาสีแดงที่แหวกว่ายในแม่น้ำดังกล่าว มีต้นกำเนิดอยู่ที่ซ่างหลัว ปัจจุบันกลายเป็ูเาเฟิ่งหวงในเขตซางโจวเมืองซ่างหลัว
[4] เม่ยป๋อหรือจื่อเม่ยป๋อ เป็ขุนนางตงฉินในรัชสมัยของโจวฮ่องเต้ เขาเป็คนซื่อตรงและกล้าพูดความจริง เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้ไม่อยู่ในกรอบศีลธรรม เขาก็กล่าวตำหนิออกไปตามตรง ขุนนางคนอื่นมักเตือนให้เขาปฏิบัติตัวดีๆ เพราะการิ่เบื้องสูงจะทำให้เขาอายุสั้น แต่เม่ยป๋อกลับกล่าวว่า “ถ้าขุนนางทุกคนไม่กล้าพูด แล้วราชสำนัก้าให้พวกเราทำสิ่งใด?” ฮ่องเต้หมดความอดทนจึงสั่งฆ่าเม่ยป๋อและหั่นร่างของเขาโยนลงในหม้อน้ำแกง
[5] ปี้ก่านหรือโจวปี้ก่าน เป็ขุนนางคนสำคัญของราชวงศ์ซาง มีผลงานโดดเด่นด้านส่งเสริมการพัฒนาผลผลิตทางการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ การถลุงแร่และการหล่อโลหะ รวมถึงการเสริมกำลังกองทัพ ในยุคนั้นดินแดนได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ต่อมาในยุคจักรพรรดิซินเกิดาครั้งใหญ่ แต่กองทัพกลับอ่อนแอลงมาก ปี้ก่านสั่งให้กองทัพเดินทางช้าลงเพื่อฟื้นฟูอาการาเ็ของทหาร แต่เมื่อจักรพรรดิซินทราบข่าวก็โกรธมากและสั่งลงโทษปี้ก่าน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้