บทที่ 3 ิญญาร้าย
หลังจากที่จวนตระกูลลู่ขยายแล้ว ลู่ไป๋ก็ได้ห้องที่แยกเป็สัดส่วนทางปีกตะวันตก มีลานบ้านเล็ก ๆ อยู่หน้าประตู
เมื่อลู่ไป๋กลับมาถึงห้อง เขาก็ไม่ได้จุดตะเกียง
ยามค่ำคืนเงียบสงัดรอบด้าน ดวงตาของลู่ไป๋กลับสว่างไสวอย่างยิ่ง ไม่มีแม้แต่ความง่วงนอนสักนิด
เมื่อมาถึงที่นี่ครั้งแรกก็เกิดเื่มากมาย ถึงแม้ว่าตอนนี้จะจัดการวิชาอาคม ‘อิฐไว้ทุกข์’ ได้แล้ว แต่ความรู้สึกไม่สบายใจก็ยังคงอยู่ แล้วเขาจะนอนหลับได้อย่างไร
ยิ่งกว่านั้น เมื่อเขาพบ ‘อิฐไว้ทุกข์’ เขาก็นึกถึงยันต์ท้อที่ติดตัวอยู่ มันจึงยิ่งทำให้เขาไม่อาจข่มตาหลับได้
ก่อนที่พ่อของเขา ลู่จื่อเหิงจะเสียชีวิต ได้บอกให้เขาออกไปนอกเมืองเพื่อหลบภัย และบอกว่ามีที่ที่หนึ่งให้เขาไป
เมื่อตอนที่ลู่จื่อเหิงยังเป็หนุ่ม เขาเคยให้คำมั่นสัญญากับหญิงสาวร่วมหมู่บ้านคนหนึ่งที่ชื่อว่าเสิ่นชิวอวิ้น
แต่แล้วต่อมา เสิ่นชิวอวิ้นก็ได้รับความเมตตาจากเซียนคนหนึ่งให้เป็ศิษย์และพาไปยังูเาเซียนเพื่อฝึกตน
ทั้งสองจึงขาดการติดต่อกันั้แ่นั้นมา
สิบกว่าปีที่แล้ว เสิ่นชิวอวิ้นกลับมาที่หมู่บ้านชิงหนิว
ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ลู่จื่อเหิงแต่งงานแล้ว และลู่ไป๋ก็อายุได้สี่ขวบ
เสิ่นชิวอวิ้นคืนถุงหอมที่ลู่จื่อเหิงเคยให้เธอ และทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้เป็การตัดขาดความสัมพันธ์ในโลกมนุษย์ จากนั้นเธอก็จากไปอย่างรวดเร็วและไม่มีข่าวคราวอีกเลยั้แ่นั้นมา
ตระกูลลู่สามารถออกมาจากหมู่บ้านที่ห่างไกลและตั้งรกรากในเมืองหลิ่วซีได้ก็เพราะเงินก้อนนี้
มีคนเพียงไม่กี่คนที่รู้เื่นี้ แม้แต่ลู่จื่อหยวนก็ไม่รู้
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ลู่จื่อเหิงรู้สึกว่าชีวิตของเขาใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว และกังวลว่าตระกูลลู่จะไม่มีผู้สืบทอด เขาจึงนำถุงหอมนี้ออกมาและทิ้งจดหมายไว้ในนั้น ให้ลู่ไป๋ไปหาเพื่อนเก่าคนนี้เพื่อหลบภัย
แต่ลู่จื่อเหิงไม่รู้ว่าเสิ่นชิวอวิ้นอยู่ที่ไหน เขารู้เพียงชื่อของูเาเซียนเท่านั้นและน่าจะอยู่ทางทิศตะวันตก
ส่วนูเาเซียนอยู่ที่ไหน เขาก็ไม่รู้เช่นกัน ลู่ไป๋จึงต้องหาทางด้วยตัวเอง
ได้ยินว่าลู่ไป๋จะออกนอกเมือง ลู่เหยาที่เป็ลูกพี่ลูกน้องจึงมาส่ง และมอบยันต์ท้อให้เขาเป็พิเศษ
เธอบอกว่านางหลี่ได้ยันต์นี้มาจากวัด และผ่านการปลุกเสกมาแล้ว กำชับให้ลู่ไป๋พกติดตัวไว้เพื่อความปลอดภัยตลอดการเดินทาง
ลู่ไป๋ไม่สงสัยในตัวเธอเลย เขาใส่ยันต์ท้อไว้ในถุงหอมและเก็บไว้ติดตัวอย่างดี
ไม่คิดเลยว่าในคืนที่เขาออกจากเมือง ลู่ไป๋ก็ฝันร้าย ใจนเสียสติ และวิ่งหนีไปอย่างบ้าคลั่งจนตกลงไปในหน้าผาเฮยหู่
เ้าของร่างเดิมตายอย่างปริศนา
เมื่อเจอ ‘อิฐไว้ทุกข์’ ลู่ไป๋ก็คิดถึงยันต์ท้อนี้ขึ้นมาทันที
วิชาอาคม ‘อิฐไว้ทุกข์’ นั้นแม้จะแปลกประหลาด แต่มันก็มีขอบเขตจำกัด เ้าของร่างเดิมได้ออกนอกเมืองเพื่อหลบภัย ซึ่งจริง ๆ แล้วเขาก็หลุดพ้นจากขอบเขตของวิชาอาคมนี้แล้ว
แต่เ้าของร่างเดิมก็ยังต้องมาตายอย่างไม่คาดคิด
ลู่ไป๋เอื้อมมือเข้าไปในอกเสื้อ นำถุงหอมเก่า ๆ ออกมา และเอายันต์ท้อออกมาจากข้างใน
เขามองดูมันภายใต้แสงสลัว ๆ
ยันต์ท้อนี้กว้างหนึ่งนิ้วและยาวสองนิ้ว ด้านหน้าและด้านหลังเขียนคำว่า ‘เสินถู’ และ ‘อวี้เหล่ย’ ััแล้วรู้สึกเย็นะเื แต่ก็ไม่มีอะไรแปลกไปจากเดิม
ในขณะนั้นเอง เ้าหมาดำที่หมอบอยู่ข้าง ๆ ก็ดูเหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง มันลุกขึ้นยืนทันที จ้องมองยันต์ท้อในมือของลู่ไป๋ และส่งเสียง ‘หงิง ๆ’ ต่ำ ๆ จากลำคอ สายตาของมันดูดุดัน
ว่ากันว่าหมาดำสามารถขับไล่สิ่งชั่วร้ายได้ และสามารถมองเห็นสิ่งสกปรกมากมายที่มนุษย์ทั่วไปมองไม่เห็น
“ยันต์ท้อมีปัญหาจริง ๆ ด้วย!”
ลู่ไป๋รู้สึกเย็นวาบในใจ
ในขณะนั้นเอง หน้าอกของลู่ไป๋ก็สั่นไหวเล็กน้อย
เขารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงทำจิตใจให้สงบและตั้งสมาธิ ราวกับว่าเขาได้เห็นสิ่งแปลกปลอมที่ฝังอยู่ในหน้าอกของเขาั้แ่ตอนที่ตกลงไปในหน้าผา
สิ่งนี้ดูเหมือนจะเป็กระจกโบราณบานหนึ่ง ซึ่งเข้ามาแทนที่กระดูกหน้าอกที่แตกของลู่ไป๋พอดี
ในตอนนี้ บนกระจกโบราณนี้ก็ค่อย ๆ ปรากฏตัวอักษรหนึ่งบรรทัดออกมา—คัมภีร์กระดูกขาวไท่เสวียน!
ลู่ไป๋เคยได้ยินแค่คัมภีร์ผมขาวไท่เสวียน คัมภีร์กระดูกขาวไท่เสวียนนี่มันอะไรกัน?
ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในสมองของเขา
“บทที่หนึ่ง: ไร้รูปอัตตา ไร้รูปมนุษย์ ไร้รูปสิ่งมีชีวิต ไร้รูปสรรพสัตว์ สิ่งทั้งปวงล้วนเป็ความว่างเปล่า — เนตรมายา”
ขณะที่ลู่ไป๋กำลังงุนงง ความเข้าใจที่อธิบายไม่ได้ก็ไหลเข้ามาในสมองของเขาเหมือนแม่น้ำที่ไหลย้อนกลับ
ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบสนอง แสงหนึ่งก็ส่องวาบในดวงตาของเขา
ในวินาทีต่อมา โลกในสายตาของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
แต่เมื่อเขามองไปรอบ ๆ ก็ไม่พบความผิดปกติใด ๆ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม
“เอ๊ะ?”
ลู่ไป๋เหลือบไปเห็นยันต์ท้อในมือของเขา สีหน้าของเขาก็มืดลง
บนยันต์ท้อนั้นมีเงาที่บิดเบี้ยวแนบติดอยู่ และปล่อยพลังงานหยินออกมาเล็กน้อย มันกำลังจ้องมองลู่ไป๋ด้วยความอาฆาตแค้น
ลู่ไป๋มั่นใจว่าเมื่อครู่เขาไม่ได้เห็นสิ่งนี้
แต่หลังจากที่ตัวอักษรปรากฏขึ้นบนกระจกโบราณ สายตาของเขาก็เปลี่ยนไปในทางที่แปลกประหลาด และสิ่งนี้จึงปรากฏออกมาให้เห็น
“ิญญาชั่วร้าย? ผี?”
ลู่ไป๋รู้สึกตัวถึงอะไรบางอย่าง ดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย
ิญญาชั่วร้ายบนยันต์ท้อดูเหมือนจะรู้สึกถึงอันตราย มันแยกตัวออกจากยันต์ท้อและลอยไปทางประตู
เ้าหมาดำที่เฝ้าอยู่ที่หน้าประตูอยู่แล้ว เมื่อเห็นิญญาชั่วร้ายกำลังจะหนี มันก็พุ่งเข้าไปหามัน
เ้าหมาดำวิ่งทะลุผ่านิญญาชั่วร้ายไป และเงาของิญญาก็จางลงเล็กน้อย
ลู่ไป๋ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของิญญาชั่วร้ายดังขึ้นในหูของเขา
ลู่ไป๋ก้าวไปข้างหน้าและเอื้อมมือไปจับเงาของิญญาชั่วร้ายนั้น
แต่ฝ่ามือของเขากลับทะลุผ่านเงาไปอย่างว่างเปล่า ไม่สามารถจับต้องมันได้
ิญญาชั่วร้ายนี้ไม่มีตัวตนที่แท้จริง
เ้าหมาดำนั้นมีร่างกายที่พิเศษ มันสามารถกำจัดิญญาชั่วร้ายพวกนี้ได้โดยกำเนิด และสามารถทำอันตรายพวกมันได้
แต่คนธรรมดาอย่างลู่ไป๋ไม่สามารถทำอันตรายิญญาชั่วร้ายได้เลย
เห็นิญญาชั่วร้ายกำลังจะหนีออกไปทางหน้าต่าง ลู่ไป๋รู้สึกกังวลและร้อนรนในใจ และหน้าอกของเขาก็พลันรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา
ในวินาทีต่อมา เขารู้สึกได้ถึงเืลมที่พุ่งไปที่กระจกโบราณที่หน้าอกของเขาโดยที่เขาไม่สามารถควบคุมได้เลย
เมื่อกระจกโบราณถูกกระตุ้นด้วยเืลมของลู่ไป๋ มันก็ปล่อยแรงดูดที่ทรงพลังออกมาทันที
ในชั่วพริบตาเดียว ลู่ไป๋ก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็คนละคน ออร่าของเขาก็เปลี่ยนไป สายตาของเขาดูมืดมน และหน้าอกของเขาก็ดูเหมือนจะกลายเป็วังวนสีดำที่ลึกจนมองไม่เห็นก้น กำลังหมุนอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเ้าหมาดำเห็นสภาพของลู่ไป๋ มันก็ก้มหัวลงอย่างไม่รู้ตัว แสดงความเคารพอย่างชัดเจน
ความอาฆาตแค้นบนใบหน้าของิญญาชั่วร้ายได้หายไปแล้ว แทนที่ด้วยความหวาดกลัวที่ไม่มีที่สิ้นสุด
มันพยายามดิ้นรนที่จะหนีไปให้พ้น แต่ก็ไม่สามารถต้านทานการกลืนกินของวังวนสีดำได้
ภายใต้การจ้องมองของลู่ไป๋ เงาของิญญาชั่วร้ายถูกกลืนกินทีละน้อยโดยแรงดูดอันทรงพลังนี้ และหายไปในหน้าอกของเขา
ลู่ไป๋ยืนขาแทบจะสั่นไปหมด เหงื่อท่วมกาย หายใจหอบอย่างหนัก และหน้าซีดเซียว
กระบวนการที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ดูเหมือนจะช้า แต่จริง ๆ แล้วมันเกิดขึ้นในชั่วพริบตาเดียว
ถึงแม้ว่าิญญาชั่วร้ายจะถูกกลืนกินโดยกระจกโบราณแล้ว แต่ลู่ไป๋ก็รู้สึกอ่อนแอมากจนแทบจะยืนไม่ไหว
ในเวลาเพียงชั่วพริบตานี้ เขาก็มีอาการเืลมพร่องไปแล้ว!
เ้าหมาดำเดินเข้ามาหาเขา ก้มหัวลงและเอาหัวดันขาของลู่ไป๋ ราวกับกำลังถามไถ่สภาพของลู่ไป๋
“ข้าไม่เป็ไร ครั้งนี้ต้องขอบคุณเ้ามากนะ”
ลู่ไป๋ยิ้มและลูบหัวของเ้าหมาดำเบา ๆ
เมื่อได้ยินคำชมจากลู่ไป๋ เ้าหมาดำก็กระดิกหางเล็กน้อย
ตอนที่เจอเ้าหมาดำตัวนี้ครั้งแรก ลู่ไป๋ไม่ได้เห็นว่ามันมีอะไรพิเศษ แต่ไม่รู้ทำไม มันถึงตามเขามาตลอด
ลู่ไป๋เพิ่งมาที่นี่ได้ไม่นาน เขายังไม่ทันได้ปรับตัว เมื่อเห็นว่ามันไม่ส่งเสียงรบกวน เขาก็ปล่อยให้มันอยู่ไป ไม่ได้ไล่มันออกไป
ไม่คิดเลยว่าเมื่อกลับมาที่จวนตระกูลลู่แล้ว เ้าหมาดำตัวนี้กลับมีบทบาทสำคัญอยู่หลายครั้ง
ลู่ไป๋หายใจเข้าลึก ๆ และเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้า
การเปลี่ยนแปลงเมื่อสักครู่นี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป เขาจึงยังไม่มีเวลาที่จะศึกษาเื่กระจกโบราณที่หน้าอกของเขา
กระจกโบราณนี้ควรจะมีความสามารถในการกลืนกินิญญาและิญญาชั่วร้ายได้ แต่ต้องใช้เืลมของเขาในการกระตุ้น และมีการใช้พลังงานที่ค่อนข้างมาก
หลังจากยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ลู่ไป๋ก็สงบจิตใจลงได้ และหันมาสนใจที่หน้าอกของเขา หน้ากระจกปรากฏตัวอักษรหลายบรรทัด
【เ้าของกระจก: ลู่ไป๋】
【ระดับ: ขั้นหลอมกระดูกขั้นที่หนึ่ง - หลอมหนัง (ยังไม่สำเร็จ)】
【วิชา: คัมภีร์กระดูกขาวไท่เสวียน (ขั้นเทพ)
ท่าเสาเสือดุร้าย (ขั้นลี้ลับ) (ยังไม่สำเร็จ) (สามารถซ่อมแซมได้)】
【วรยุทธ์: หมัดห้าก้าว (ขั้นเหลือง) (ขั้นเริ่มต้น)
เคล็ดกระบี่แปดวิถี (ขั้นเหลือง) (ขั้นเริ่มต้น)】
【วิชาลับ: เนตรมายา】
ลู่ไป๋ถอนหายใจยาว
ในที่สุดก็มาแล้ว
สิ่งนี้แหละคือรากฐานในการเอาชีวิตรอดของเขา!
ตามความทรงจำของเ้าของร่างเดิม วรยุทธ์โดยทั่วไปแบ่งออกเป็วิชาและวรยุทธ์ และมีหลายระดับ ได้แก่ ระดับเหลือง ระดับลี้ลับ ระดับปฐี และระดับ์
เหนือระดับ์ยังมีวิชาในตำนานอีกด้วย
‘หมัดห้าก้าว’ และ ‘เคล็ดกระบี่แปดวิถี’ เป็วรยุทธ์ระดับเหลืองขั้นพื้นฐานที่สุด
ดังนั้นจึงมีคำว่า ‘เหลือง’ แสดงอยู่ด้านหลัง
ส่วนท่าเสาเสือดุร้ายถือเป็วิชาลับของสำนักบู๊เฉิน ที่ไม่สอนคนนอกง่าย ๆ
แม้จะเป็แค่วิชาฝึกยืน แต่ก็ถือเป็วิชาระดับลี้ลับที่สามารถหลอมเนื้อและฝึกพลังได้ ซึ่งดีกว่าหมัดห้าก้าวหลายเท่า
เหตุผลที่เ้าสำนักเฉินมอบท่าเสาเสือดุร้ายให้เ้าของร่างเดิมก็เพราะการหมั้นหมายของสองครอบครัว
แต่เ้าของร่างเดิมไม่ได้ตั้งใจฝึกฝน ฝึกได้ไม่กี่ครั้งก็ยอมแพ้ไป
ลู่ไป๋จ้องมองตัวอักษร ‘ขั้นเทพ’ ที่อยู่ด้านหลัง ‘คัมภีร์กระดูกขาวไท่เสวียน’ หัวใจของเขาก็เต้นรัว
ดูเหมือนว่าวิชานี้คือวิชาในตำนาน!
“เริ่มต้นได้แย่มาก มีแค่หมาตัวเดียว และเกือบจะเสียพ่อแม่ไปแล้วด้วย…”
ลู่ไป๋อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ตอนนี้ถึงแม้จะยังไม่สามารถพูดได้ว่ามีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่ก็ยังมีวิชาขั้นเทพอยู่ในมือ”
นอกจากนี้ เสียงในสมองของเขาเคยบอกไว้ว่าเนตรมายาเป็แค่บทที่หนึ่งเท่านั้น
เป็ไปได้สูงที่จะมีบทที่สอง บทที่สาม…
ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น
น่าเสียดายที่วิชาในตำนานนี้มีแค่วิชาลับอย่างเดียว ไม่มีวิชาฝึกฝนให้เรียนรู้และฝึกฝน
ไม่รู้ว่าเป็เพราะระดับของเขายังไม่สูงพอ หรือเพราะเหตุผลอื่น
ลู่ไป๋คิดแล้วคิดอีก และยิ่งกระตือรือร้นมากขึ้น เขาจึงเริ่มฝึกท่าเสาเสือดุร้าย
ท้ายที่สุดแล้ว การจะเอาตัวรอดได้ก็ต้องเพิ่มพูนพลังของตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็วิชาเยี่ยนเซิ่ง หรือิญญาชั่วร้ายในยันต์ท้อ ก็ไม่ได้ปรากฏขึ้นมาเองจากอากาศ
คนบงการที่อยู่เื้ัต่างหากคือภัยคุกคามที่แท้จริง!
วรยุทธ์ขั้นพื้นฐานคือขั้นหลอมกระดูก มีสามขั้นย่อย ได้แก่ หลอมหนัง หลอมเอ็น และหลอมกระดูก โดยเน้นการปรับปรุงกระดูกและเพิ่มความสามารถด้านวรยุทธ์
เมื่อกระดูกแข็งแรงถึงระดับหนึ่งแล้ว จึงจะสามารถเข้าสู่เส้นทางแห่งวรยุทธ์ได้อย่างแท้จริง จากภายนอกสู่ภายใน เรียนรู้วิชาภายใน ฝึกฝนอวัยวะภายใน และกระตุ้นช่องพลังทั้งเก้าของร่างกาย
นี่คือวรยุทธ์ขั้นแรก ขั้นกายในแข็งแกร่ง
นักวรยุทธ์ในขั้นนี้จะถูกเรียกว่านักวรยุทธ์ภายใน มีนักวรยุทธ์ภายในอยู่ไม่กี่คนในเมืองหลิ่วซี และเ้าสำนักเฉินก็เป็หนึ่งในนั้น
หลังจากขั้นกายในแข็งแกร่งแล้ว ก็คือวรยุทธ์ขั้นที่สอง ขั้นฟ้าประทาน นักวรยุทธ์ในขั้นนี้จะถูกเรียกว่านักวรยุทธ์ฟ้าประทาน ซึ่งเมืองหลิ่วซีไม่มีปรมาจารย์ในระดับนี้เลย
สำหรับบางคนที่มีกระดูกที่พิเศษและมีพลังกายที่แข็งแรงั้แ่เกิด ก็สามารถข้ามขั้นหลอมกระดูกและเข้าสู่ขั้นกายในแข็งแกร่งได้โดยตรงเพื่อฝึกวิชาภายใน
โดยทั่วไปแล้ว นักวรยุทธ์ในระดับที่แตกต่างกันก็ต้องฝึกวิชาที่แตกต่างกัน
ท่าเสาเสือดุร้าย เป็วิชาการยืนเพื่อปรับปรุงกระดูก
เมื่อถึงขั้นกายในแข็งแกร่ง ก็ต้องฝึกวิชาภายในอื่น ๆ
ขั้นฟ้าประทาน ก็ต้องฝึกวิชาฟ้าประทาน
ความสามารถทางวรยุทธ์ของเ้าของร่างเดิมนั้นธรรมดา ไม่ชอบฝึกฝน แม้แต่ขั้นหลอมกระดูกขั้นแรกก็ยังไม่สำเร็จ
ลู่ไป๋ทำตามคำสอนของท่าเสาเสือดุร้าย เลียนแบบท่าทางของเสือที่กำลังจะกระโจนเข้าใส่ จินตนาการว่าตัวเองกลายเป็เสือดุร้ายในูเาที่พร้อมจะออกล่า
หลังจากยืนอยู่พักหนึ่ง เขาก็ปรับท่าทางหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถหาความรู้สึกที่ถูกต้องได้
เขาฝึกอยู่เกือบหนึ่งชั่วโมง แต่ก็ยังไม่ได้ผล
‘ท่าเสาเสือดุร้าย’ เป็วิชาระดับลี้ลับ
แม้แต่พร์ด้านวรยุทธ์ก็ยังต้องใช้เวลาสามถึงห้าวันในการทำความเข้าใจ
การยืนในวิชานี้ ถ้าหากท่าทางผิดเพี้ยนไปแม้แต่น้อย ผลลัพธ์ก็จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ถ้าฝึกผิด ไม่เพียงแต่จะไม่เพิ่มพลัง แต่ยังจะทำร้ายตัวเองอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น กระดูกของเ้าของร่างเดิมนั้นธรรมดามาก แม้ว่าจะฝึกฝนอย่างหนักภายใต้การแนะนำของครูที่มีชื่อเสียง ก็อาจจะต้องใช้เวลาสามถึงห้าเดือน
“ถ้าฝึกต่อไปแบบนี้เมื่อไหร่จะเข้าใจ? เมื่อไหร่จะถึงขั้นหลอมกระดูกขั้นที่หนึ่ง?”
ลู่ไป๋ขมวดคิ้วในใจ
เมื่อครบกำหนดสี่สิบวันตามที่ตกลงไว้กับครอบครัวของลู่จื่อหยวนแล้ว เขาก็คงต้องหาทางออกอื่น
ลู่ไป๋ตั้งสมาธิไปที่กระจกโบราณ และมองดูตัวอักษร ‘ยังไม่สำเร็จ’ และ ‘ยังไม่สำเร็จ’ เขารู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง
“เอ๊ะ?”
ในขณะนั้นเอง ลู่ไป๋ก็พบว่าที่มุมกระจกมีลูกกลมแสงเพิ่มขึ้นมาหนึ่งลูก
ข้างในนั้นมีเงาที่นิ่งสนิทถูกกักขังอยู่
ลูกกลมแสงทั้งหมดดูเหมือนจะเป็อำพันใสที่เปล่งแสงจาง ๆ
“นี่คือิญญาชั่วร้ายที่เพิ่งถูกเปลี่ยนมาหรือ?”
ลู่ไป๋คาดเดาในใจ
แล้วลูกกลมพลังงานิญญานี้มีประโยชน์อะไร?
ลู่ไป๋คิดในใจ พยายามควบคุมลูกกลมพลังงานิญญานั้น ให้มันบินไปที่บรรทัด 【ระดับ: ขั้นหลอมกระดูกขั้นที่หนึ่ง - หลอมหนัง (ยังไม่สำเร็จ)】