“พี่ไฮว่ พี่หยวนกับพี่เซิงอยู่นี่” กัวไฮว่กับอวี้เอ๋อร์ขับรถมายังที่บ้านก็เห็นว่าหน้าบ้านมีรถจอดอยู่สองคันและไม่มีคนอยู่บนรถแสดงว่าต้าจู้น่าจะกลับมาแล้ว พวกเขารออยู่ในบ้าน เมื่อทั้งสองลงมาจากรถต้าจู้ก็รีบวิ่งออกมา
“พี่สี่ พี่สี่คนดีของผม กลับมาแล้วเหรอ” เจี่ยหยวนรีบวิ่งออกมาพร้อมเตรียมจะกอดกัวไฮว่
“พี่หยวน พี่เรียกแบบนี้ผมรับไม่ได้หรอกนะ เข้าไปคุยในบ้านเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ถ้าจะมองน้องสะใภ้ขนาดนี้เดี๋ยวผมไปเปิดไฟให้” กัวไฮว่เห็นเจี่ยหยวนเหลือบมองอวี้เอ๋อร์ก็พูดขึ้นด้วยเสียงดัง
“ให้ตายสิ เมียสวยชะมัดยาด ถ้าจะไม่ให้มองก็เอาไปขังในห้องเลยไป” เจี่ยหยวนพูดเหน็บแนม ทว่าสุดท้ายเบื้องลึกหัวใจของเขาก็กลับแข็งสะท้านเพราะตอนที่อวี้เอ๋อร์มองมายังตนนั้น ก็มีไอแห่งความน่ากลัวระลอกหนึ่งออกมาด้วย
“พี่หยวน อันที่จริงฉันเก่งเื่เกี่ยวกับไฟมากกว่าพี่ไฮว่อีกนะแล้วพี่อ้วนขนาดนี้เนี่ย ถ้าเอาไขมันที่อยู่บนตัวพี่มาเผานะ ฉันรับรองได้เลยว่าก่อนจะเผาหมดพี่จะยังเป็ๆ อยู่ พี่ลองคิดถึงความรู้สึกแบบนั้นดูสิ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ ทว่าเจี่ยหยวนฟังแล้วแผ่นหลังกลับเปียกชุ่มไปหมด
“น้องสะใภ้ พี่ผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว ยังไม่ได้อีกเหรอ เธอไม่ต้องพูดแล้วในโรงรถพี่มีรถเล็กสำหรับผู้หญิงขับ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะให้คนเอามาให้เธอขับนะ” เจี่ยหยวนพูดเบาๆ ด้วยความกลัวถึงขีดสุด
“เอารถมาให้ฉันแล้วพี่ไม่กลัวแฟนพี่โกรธเหรอ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ
“ธะ...เธอรู้ได้ยังไง” เจี่ยหยวนพูดขึ้นเบาๆในใจเขารู้สึกร้อนรน
“อวี้เอ๋อร์ อย่าทำเขาใสิ ไปต่อในห้องเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆก่อนจะลากอวี้เอ๋อร์เข้าไปในห้อง
“เ้าสี่ นี่เป็ใบประกอบ แต่ว่าเป็ของระดับต้นนะถ้าแกอยากได้ระดับกลางหรือว่าระดับสูง ก็ต้องมีความสามารถจริงๆ” หวังเซิงพูดพลางวางหนังสือเล่มเล็กๆ ไปด้านหน้ากัวไฮว่ “ถ้าเปิดคลินิกแล้วอยากให้พี่ไปจัดการขั้นตอนอื่นๆไว้ให้พี่สองนัดสถานที่มา แล้วแกก็โทรมาหาพี่นะ ถึงตอนเช้าก็เรียบร้อยแล้วล่ะ” หวังเซิงพูดยิ้มๆ
“เ้าสี่ แกมาดูสิ ” เจี่ยหยวนพูดพลางเปิดโน้ตบุ๊กที่พกติดตัวมาทุกคนคิดไม่ถึงเลยว่านิ้วมือที่ดูเหมือนแครอทอันน้อยๆ ของเจี่ยหยวนนั้นจะอยู่บนคอมพิวเตอร์แล้วว่องไวขนาดนี้
“บ้านนี่สามร้อยแปดสิบตารางเมตรอยู่ตรงทางตัดระหว่างถนนเทียนหงกับถนนเจิ้นซิงเมื่อวานตอนบ่ายฉันให้คนรวบรวมมาแล้ว เดี๋ยวฉันให้แกดู” เจี่ยหยวนชี้ไปที่คอมพิวเตอร์แล้วพูดยิ้มๆ
“หลังนี้ห้าร้อยสี่สิบตารางเมตร อยู่ตรงทางแยกอีกที่ดินด้านหน้าก็เป็ที่ของพี่ ถ้าแกอยากใช้พี่ให้แกได้นะ” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ
“หลังนี้แปดร้อยแปดสิบแปดตารางเมตร ที่ตั้งก็ใช้ได้ แต่ว่ารอบๆมีคลินิกอยู่สองสามแห่ง ถ้าแกไปที่นั่นก็ต้องมีความสามารถหน่อยไม่งั้นเดี๋ยวผ่านไปไม่กี่วันก็ถูกคลินิกอื่นทำเละแน่” เจี่ยหยวนพูดขึ้น “เมื่อวานฉันจัดการอยู่ทั้งบ่าย นี่เป็คะแนนรีวิวของทั้งสามห้องได้เก้าสิบคะแนนขึ้นทั้งหมด ถ้าเอาละก็ทำเงินได้แน่นอน” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ
“หลังที่สาม รอบๆ มีคู่แข่งสิถึงจะสนุก ใช่ไหมล่ะพี่ไฮว่” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ
“งั้นก็หลังที่สาม เก็บหลังที่สองไว้ให้ผมด้วยนะตอนบ่ายไม่มีธุระอะไรแล้วเดี๋ยวผมไปจัดการเอกสารที่จำเป็ให้เรียบร้อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ขึ้นว่า “พี่ๆ ทั้งสองคนพวกพี่มีเื่อื่นที่ต้องคุยกับผมใช่ไหมนะ”
“ไม่มีอะไรแล้วนี่ มีแค่เตรียมกินข้าวเที่ยงที่นี่ แล้วก็ดื่มเหล้านิดหน่อย” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ
“โสมพันปีสิบต้น ไท่ซุ่ยห้ากิโลถ้าก่อนผมตกแต่งคลินิกเสร็จพวกพี่ยังไม่ส่งมาล่ะก็เดี๋ยวผมจะให้อวี้เอ๋อร์จุดไฟเผาพวกพี่” กัวไฮว่พูดขึ้นด้วยเสียงดัง
“ให้ตายสิ ยังเป็พี่น้องกันอยู่ไหมเนี่ยเื่เล็กน้อยแค่นี้จะมาเผาพวกพี่แล้วเหรอ” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง
“กินข้าว กินข้าว เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วจะไปเอาไท่ซุ่ยที่คุณปู่ให้วันนี้ให้พี่กินเหล้าหน่อยเถอะ” หวังเซิงพูดยิ้มๆ “กินดื่มกันอิ่มแล้วตอนบ่ายก็จะไปจัดการเอกสารคราวนี้อย่าบอกพวกเราล่ะว่าวันนี้กินเหล้าไม่ได้อีกน่ะ”
“พี่สอง เื่ตกแต่งคลินิกผมให้พี่ไปจัดการนะเดี๋ยวพาผมไปดูสถานที่หน่อยสิ เดี๋ยวผมจะเอาแบบตกแต่งให้พี่ เจ็ดวันให้พี่เวลามากสุดเจ็ดวัน จัดการเื่ตกแต่งให้ผมให้เรียบร้อย ส่วนวัสดุตกแต่งอย่ามาหลอกผมล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ขึ้นอีกว่า “กินข้าวๆ”
“เ้าสี่ ค่าบ้านที่แกดูอยู่เดี๋ยวฉันออกเอง ค่าตกแต่งฉันออกเองฉันจะไม่แตะต้องทรัพย์สินตระกูลฉินแม้แต่นิดเดียว เดี๋ยวฉันจะออกอีกร้อยร้อยล้านแล้วแกให้ฉันร่วมหุ้นคลินิกสักสิบเปอร์เซ็นต์ เป็ไง” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ
“พี่สอง คำนวณมาไม่เลวเลยนะ” กัวไฮว่หรี่ดวงตาพร้อมกับพูดยิ้มๆ “จะร่วมหุ้นก็ใช่ว่าจะไม่ได้พี่หยวนพี่เซิงพวกพี่ร่วมหุ้นคนละสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ว่าพวกพี่คิดให้ดีนะต่อไปจะเกิดเื่ขึ้นที่คลินิกนี่เยอะเลย ถ้าพวกพี่ร่วมหุ้น เื่นี้พวกพี่ก็ต้องร่วมแบกไปกับผมด้วย”
“ให้ตาย นึกว่าจะเื่ใหญ่อะไรในเขตแดนอู่เฉิงเื่ที่แกทำเมื่อก่อนพวกพี่ก็เป็คนแบกแกลงมาไม่ใช่หรือไงพวกเราจะร่วมหุ้นด้วย” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ
“แล้วถ้าไปเมืองหลวงล่ะ ผมไม่ได้คิดจะเปิดคลินิกไม่แค่ที่อู่เฉิงหรอกนะอู่เฉิงเป็แค่ก้าวแรกเท่านั้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ให้ตาย ต่อให้แกไปเปิดที่์ฉันก็จะเอาหุ้นนี้ถ้ามีเื่ที่พวกเราจัดการกันไม่ได้งั้นก็เผาพวกเราได้เลย” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง
อวี้เอ๋อร์มองกัวไฮว่ที่อยู่ตรงหน้า ท่านเซียนคิดจะทำการใหญ่บนแดนมนุษย์จริงเสียด้วย
เมื่อทานอาหารดื่มเหล้ากันอิ่มแล้วรถทั้งสามคันก็แล่นไปยังบ้านที่เจี่ยหยวนบอกเอาไว้ เป็บ้านเดี่ยวสองชั้นการที่อยู่ในพื้นที่แบบนี้ได้ ทั้งยังไม่ถูกรื้อถอนไปอีกแสดงว่าเจี่ยหยวนมีอิทธิพลในเมืองอู่เฉิงไม่น้อยเลยทีเดียว
“พี่หยวน พี่กลับไปก่อนเถอะเดี๋ยวผมไปจัดเื่เอกสารกับพี่เซิงเสร็จเดี๋ยวตอนกลางคืนผมจะเอาแบบแปลนไปให้พี่” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ส่วนอวี้เอ๋อร์ไม่ยอมตามเขาไป ให้ต้าจู้ขับรถพากลับบ้านจากนั้นหวังเซิงกับกัวไฮว่ก็เริ่มจัดการเอกสาร
“เ้าสี่ แกถูกบุคคลชั้นสูงรับเป็ศิษย์จริงๆ เหรอ” หวังเซิงถามยิ้มๆ ในขณะที่ขับรถพากัวไฮว่ไป “ถ้าแกมีความสามารถจริงงั้นเราก็ไปที่สมาคมแพทย์แผนโบราณถ้าแกเอาชนะตาแก่พวกนั้นได้ เื่จัดการเอกสารนี่พวกเราก็ไม่ต้องวิ่งแจ้นไปจัดการถึงตอนนั้นสมาคมแพทย์แผนโบราณก็จะช่วยพวกเราจัดการเอง”
“หืม? มีเื่แบบนั้นด้วยเหรอ สมาคมแพทย์แผนโบราณงั้นพวกเราไปที่นั่นกันหน่อยดีกว่า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆในใจของเขามีแผนอยู่แล้ว
“สถานที่ดีนี่ สถานที่นี่ดีมากเลย ถ้าเปิดคลินิกที่นี่ได้ไม่แย่เลยล่ะ” รถจอดอยู่ด้านหน้าบ้านโบราณหลังหนึ่ง หลังจากลงรถกัวไฮว่ถอนหายใจออกเฮือกใหญ่และเขาก็ได้กลิ่นหอมของยาลอยอบอวลอยู่กลางอากาศ จึงพูดขึ้นเบาๆ
“อะแฮ่มๆๆ เ้าสี่ แกก็กล้าคิดนะ แกอย่าได้คิดหาเื่ที่นี่เลย” หวังเซิงพูดยิ้มๆ “สมาคมแพทย์แผนโบราณเป็สำนักงานใหญ่ของแพทย์แผนโบราณประจำหัวซย่านะฉันเองก็เคยมากับปู่ฉันอยู่สองสามครั้ง ในนั้นมีแต่ยอดฝีมือวงการแพทย์ทั้งนั้น”
“ไปกันเถอะ ข้างในมีสิ่งที่ผมสนใจอยู่ ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดพลางก้าวเดินมุ่งหน้าเข้าไปในสมาคมแพทย์แผนโบราณ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้