เจิ้งซูอี้มองตามชายที่เดินชนนางด้วยสายตามครุ่นคิด จากนั้นนางจึงคลำไปที่ถุงเงินที่นางเก็บเอาไว้ในแขนเสื้อจึงพบว่ามันหายไปแล้ว
“ท่านพ่อรออยู่ที่นี่ก่อนนะเ้าคะ”
พูดเพียงเท่านั้นเจิ้งซูอี้ก็วิ่งตามชายผู้นั้นไปทันที
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
นางะโตามหลัง ชายผู้นั้นหันกลับมามองเจิ้งซูอี้เล็กน้อยจากนั้นจึงเริ่มออกวิ่ง เจิ้งซูอี้วิ่งตามไปไม่นานเขาก็เลี้ยวเข้าไปในตรอก เมื่อนางตามไปจึงเห็นว่าที่นั่นมีชายฉกรรจ์อีกสามคนคอยอยู่
“โอ๊ะ!! ดูซิว่ามีใครตามมาด้วย ทำงานของเ้าอย่างไรถึงได้ทำให้เหยื่อรู้ตัว”
ชายหน้าบากท่าทางกักขฬะมองมาที่เจิ้งซูอี้ไม่วางตา ถึงนางจะอายุเพียงสิบสี่สิบห้าแต่ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มที่ได้มาจากมารดาก็ทำให้นางดูงดงามั้แ่ยังไม่ทันได้ปักปิ่น ชายหน้าบากย่างสามขุมมาที่เจิ้งซูอี้ด้วยความย่ามใจ
“แม่นางน้อยเ้าไล่ตามสิ่งนี้มาหรือ”
ชายหน้าบากโยนถุงเงินในมือขึ้นลงแสดงท่าทางยียวน เจิ้งซูอี้จำได้ว่ามันเป็ถุงเงินของท่านแม่ที่ทำให้หลิวอันอันบนนั้นยังมีชื่อของนางปักอยู่
“คืนถุงเงินนั่นมาซะแล้วข้าจะปล่อยพวกเ้าไป”
เจิ้งซูอี้เอ่ยเสียงเย็นอย่างอดทน นางไม่อยากต้องมาเสียเวลาวุ่นวายกับเื่ไร้สาระ ตอนนี้น้องชายของนางรอทานถังหูลู่อยู่
“อยากได้ถุงเงินอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นเ้าก็ต้องยอมเป็เมียพวกข้าซะก่อน ต่อให้เงินมากกว่านี้ข้าก็หาให้เ้าได้”
ชายหน้าบากเลียริมฝีปากแสดงท่าทางกักขฬะออกมา เพราะคิดว่าเจิ้งซูอี้เป็เพียงแม่นางน้อยที่ไร้พิษสงเท่านั้น จึงไม่กลัวว่านางจะสามารถทำอะไรพวกเขาได้ เจิ้งซูอี้ถอนหายใจออกมาอย่างรำคาญ นางสะกิดก้อนหินที่อยู่ใต้เท้าพุ่งเข้าใส่หัวของชายหน้าบาก เขาใจนปล่อยถุงเงินนางจึงรีบคว้ามันเอาไว้
“โอ๊ย!!นางบ้า”
ชายหน้าบากยกมือกุมหัวของเขาที่โดนก้อนหินกระแทกลูกน้องอีกสามคนของชายหน้าบากเมื่อเห็นดังนั้นก็รีบพุ่งมาที่เจิ้งซูอี้ทันที นางะโถีบยอดอกพวกเขาทีละคนอย่างรวดเร็วจากนั้นทั้งมือและเท้าของนางก็ประเคนหมัดใส่พวกเขาสามคนจนสลบไป ก่อนจากมานางยังหักแขนของชายหน้าบากที่จับถุงเงินที่แม่นางหวังท่านแม่ของหลิวอันอันทำให้นาง
“เฮอะ!!คิดขโมยเงินของข้ามันยังเร็วไปร้อยปี”
เมื่อได้ถุงเงินกลับมาแล้วเจิ้งซูอี้ก็เดินย้อนกลับมาหาหลิวตงจวิ้นและหลิวซีฮันที่รอนางอยู่ใกล้กับตลาด
“กลับมาแล้วหรือเหตุใดถึงได้หุนหันวิ่งออกไปเช่นนี้”
หลิวตงจวิ้นไม่รู้ว่าถุงเงินของเจิ้งซูอี้ถูกนักล้วงกระเป๋าฉกไป เขาคิดว่านางเพียง้าจะเข้าห้องน้ำอย่างเร่งด่วนเพียงเท่านั้น
“ไม่มีอะไรเ้าค่ะ ท่านอยากซื้ออะไรอีกหรือไม่”
เจิ้งซูอี้หันไปถามหลิวตงจวิ้นหลังจากซื้อถังหูลู่อีกสองไม้คืนให้หลิวซีฮัน หลิวตงจวิ้นพยักหน้าจากนั้นพวกเขาก็แวะร้านธัญพืชเพื่อซื้อแป้งข้าวสารกับเครื่องปรุงบางอย่างแล้วกลับหมู่บ้านไป
ใกล้เที่ยงสามพ่อลูกก็เข็นรถลากมาถึงหมู่บ้านตระกูลสือ จางซานเหนียงที่ชอบมายืนจับกลุ่มคุยกับพวกสตรีที่ว่างงานใต้ต้นไม้ใหญ่กลางหมู่บ้านเห็นรถลากของหลิวตงจวิ้นขนของมากมายนางจึงรีบเดินเข้าไปดู
“เ้ารองซื้ออะไรมาจากอำเภอหรือเยอะแยะเชียว”
จางซานเหนียงกำลังยื่นมือไปเพื่อจะเปิดดู แต่เจอสายตาของเจิ้งซูอี้ที่จ้องเขม็งมาที่นางนางจึงต้องหดมือกลับ เจิ้งซูอี้ละความสนใจจากจางซานเหนียงนางรีบเดินตามให้ทันหลิวตงจวิ้นที่เข็นรถลากไปไกลแล้ว จางซานเหนียงถุยน้ำลายลงพื้นตามหลังเจิงซูอี้ด้วยท่าทางดูถูกหลังจากที่นางเดินผ่านไป
“คิดว่าข้าอยากรู้มากนักหรือ ก็คงเป็แค่พวกสิ่งของไม่มีราคาคอยดูเถอะข้าจะฟ้องท่านแม่ให้มาจัดการกับพวกเ้าทีหลัง”
จางซานเหนียงรีบวิ่งกลับไปที่เรือนตระกูลหลิวทันที เพื่อรายงานสิ่งที่นางเห็นกับแม่เฒ่าจาง
“ท่านแม่รู้หรือไม่ว่าบ้านเ้ารองเดี๋ยวนี้ไม่เห็นหัวพวกเราแล้ว ข้าแค่ขอดูของในรถลากพวกเขาเท่านั้นถึงกับจ้องข้าอย่างจะกินเืกินเนื้อ ไม่รู้ว่าเข้าเมืองไปครานี้พวกเขาซื้ออะไรกลับมาบ้างขนกลับมาเต็มคันรถเชียว หากเป็เมื่อก่อนของพวกนั้นต้องเป็ของบ้านเราแต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว พวกเขาไม่เห็นหัวท่านที่เป็คนเลี้ยงดูแม้แต่น้อย แค่เนื้อหมูไม่กี่ชั่งก็ยังไม่ให้ ช่างอกตัญญูยิ่งนัก”
แม่เฒ่าจางเมื่อได้ยินเช่นนั้นนางก็ถลึงตาใส่สะใภ้ใหญ่ที่ปากไม่มีหูรูด
“พวกมันผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว”
แม่เฒ่าจางถามจางซานเหนียง
“ไม่นานเ้าค่ะ น่าจะยังเก็บของไม่เสร็จ”
แม่เฒ่าจางลุกเดินออกจากเรือนไปทันที จางซานเหนียงที่คิดว่าของในรถลากทั้งหมดอาจจะเป็ของตนนางก็รีบวิ่งตามแม่เฒ่าจางที่เดินนำลิ่วไปไกลแล้ว เมื่อมาถึงเรือนของหลิวตงจวิ้นก็เป็เวลาที่พวกเขาขนของเสร็จพอดี สายตาของนางแสดงความโลภออกมาเมื่อมองไปที่ของที่ซื้อพวกเจิ้งซูอี้ซื้อมา
“อาจวิ้นวันนี้เข้าเมืองไปขายของป่าหรือซื้ออะไรมาเยอะแยะเชียว พอออกมาอยู่เองก็เป็อย่างนี้ไม่รู้จักอดออมเอาอย่างนี้ดีหรือไม่ เ้าให้แม่เก็บเงินเอาไว้ให้เ้าก่อน เ้า้าใช้เมื่อใดก็ค่อยมาเอาที่แม่”
เจิ้งซูอี้หัวเราะออกมาด้วยความโมโห นางไม่นึกว่ายายเฒ่าผู้นี้นอกจากจะหน้าไม่อายแล้วยังโลภมากอีก เจิ้งซูอี้หรี่ตามองแม่เฒ่าจางจากนั้นจึงหยิบถุงเงินที่ท่านแม่ทำให้นางออกมาโยนขึ้นลงต่อหน้านาง ถุงเงินที่มีก้อนเงินสี่ตำลึงอัดแน่นอยู่ด้านใน สายตาของแม่เฒ่าจางกับจางซานเหนียงจ้องมาที่ถุงเงินในมือของเจิ้งซูอี้ไม่วางตาพวกเขากลืนน้ำลายลงคอแสดงความโลภออกมาอย่างไม่ปิดบัง เจิ้งซูอี้หยุดโยนถุงเงินจากนั้นจึงนำมันไปวางที่มือหวังเจียอี๋
“เ้า!!ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรนางเด็กปีศาจ”
แม่เฒ่าจางะโออกมาด้วยความโมโห
“ข้าอุตส่าห์หวังดีแต่พวกเ้ากลับทำเช่นนี้ระวัง์จะลงโทษโดนนรกสูบ”
แม่เฒ่าจางก่นด่าเจิ้งซูอี้ที่ไม่นำถุงเงินมาให้ตน
“นี่ยายเฒ่า ถ้าเ้าหวังดีมากเหตุใดไม่ไปช่วยหัวหน้าหมู่บ้านเก็บเงินเล่า เขามีเยอะกว่าพวกข้าเสียอีก”
แม่เฒ่าจางถึงกับอึ้งไปเพราะไม่รู้จะตอบโต้นางกลับไปอย่างไร
“หัวหน้าหมู่บ้านไม่ได้เป็อันใดกับข้าเหตุใดข้าต้องไปดูแลเก็บเงินให้เขา”
แม่เฒ่าจางเถียงคอเป็เอ็น เจิ้งซูอี้เลิกคิ้วมองแม่สามีลูกสะใภ้ที่แสนจะหน้าไม่อายคู่นี้
“แล้วเ้าเป็อะไรกับพวกข้าถึงต้องมาเก็บเงินให้บ้านข้า รีบไสหัวไปซะยายเฒ่าก่อนที่์จะลงโทษในความโลภของเ้าอีก”
พูดจบเจิ้งซูอี้ก็สะกิดก้อนหินพุ่งไปที่หน้าผากของจางซานเหนียง
“โอ๊ย!!ท่านแม่หัวข้าโดนอะไรก็ไม่รู้”
จางซานเหนียงยกมือขึ้นปิดหน้าผากที่บวมปูดของตน แม่เฒ่าจางตัวแข็งไปทันทีนางกลอกตามองไปรอบๆ ท่าทางหวาดกลัว
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”
แม่เฒ่าจางพูดเพียงเท่านั้นก็วิ่งหนีไปทิ้งเอาไว้เพียงจางซานเหนียงที่ยังอยากดูของที่พวกเขาซื้อมา
“เอ่อ..คือ”
เจิ้งซูอี้สะกิดหินก้อนใหญ่กว่าเดิมครั้งนี้โดนจมูกของนางจนเืไหลออกมา
“โอ๊ย!!เื...จมูกของข้าท่านแม่ช่วยข้าด้วย”
จางซานเหนียงกุมจมูกของตนวิ่งตามหลังแม่เฒ่าจางไป หลิวตงจวิ้นถอนหายใจออกมาอย่างรำคาญเมื่อไหร่พวกเขาจะเลิกมาราวีพวกตนสักทีนะ เจิ้งซูอี้เหมือนจะรู้ความคิดของหลิวตงจวิ้น นางจึงวางแผนบางอย่างเอาไว้ในใจคนเดียว
ที่อำเภอหลิงจือ มีคนแจ้งว่าพบโจรล้วงกระเป๋าที่เคยย่องเบาเรือนเศรษฐีที่ติดในใบประกาศจับ มือปราบประจำที่ว่าการอำเภอหลิง จื่อจึงรีบรุดตามไปดู ในตรอกพบชายฉกรรจ์สี่คนนอนสลบอยู่ไม่ไกลจากตลาด หนึ่งในนั้นได้รับาเ็สาหัสแขนหักทั้งสองข้าง มือปราบจึงนำพวกเขาไปขังเอาไว้ที่ห้องขังของอำเภอรอการไต่สวน
“เหตุใดต้องทำถึงเพียงนี้ด้วยเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์คนสนิทถามผู้เป็นายด้วยความไม่เข้าใจ ก็แค่โจรกระจอกปล่อยเอาไว้อย่างนั้นอีกไม่นานก็คงมีคนมาพบ เหตุใดองค์ชายห้าแห่งราชวงศ์ซีหยวนต้องลงไปสั่งการด้วยตนเอง
“จื่อรุ่ยเ้าไม่เห็นวิธีที่นางทำกับโจรพวกนั้นหรือ”
จื่อรุ่ยองค์รักคนสนิทที่เติบโตมาข้างกายองค์ชายห้าซีหยวนไห่หนานยังคงไม่เข้าใจในสิ่งที่นายของตนพยายามจะสื่อ
“เด็กสาวคนนั้น ท่าทางการต่อสู้ของนางเหมือนใครบางคนที่ข้ารู้จัก”
จื่อรุ่ยเข้าใจทันทีหลังจากที่เ้านายของเขาบอกว่าเหมือนคนที่รู้จัก นั่นหมายความว่ามีเพียงไม่กี่คนที่องค์ชายห้าผู้ที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานมากกว่าองค์รัชทายาทให้ความสนใจ หนึ่งในนั้นคือเจิ้งซูอี้ บุตรสาวเพียงคนเดียวของแม่ทัพเจิ้ง นางเป็ดั่งไข่มุกที่ตระกูลเจิ้งให้ความสำคัญที่สุด นางมีพี่ชายและน้องชายมากมายแต่ตระกูลเจิ้งกลับมีบุตรสาวเพียงคนเดียว นางเติบโตมาใต้ปีกของแม่ทัพใหญ่เจิ้งเหวินซงท่านปู่ของนางและได้ร่ำเรียนวิทยายุทธมาจากอาจารย์คนเดียวกันกับเขาคือผู้บัญชาการด่านหน้าของแคว้นซีหยวนโจวเลี่ยงเหว่ย
“ตอนนี้นางได้รับาเ็นี่พ่ะย่ะค่ะกระหม่อมได้ยินว่านางกลับมาที่หนานหยางแล้ว”
ซีหยวนไห่หนานหมุนจอกชาในมือด้วยความเคยชิน
“อืม”
เขาตอบเสียงเนือยๆ เหมือนไม่ได้กระตือรือร้นที่จะไปพบนาง หลังจากที่เจิ้งซูอี้ตามแม่ทัพใหญ่ไปที่ชายแดนทั้งเขาและนางก็ไม่ได้เจอกันมาสามปีแล้ว แต่เมื่อได้เห็นลีลาการต่อสู้ของเด็กสาวผู้นั้น เขากลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
“จื่อรุ่ยให้คนไปตรวจสอบประวัติของนาง ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดเด็กสาวชาวบ้านถึงได้มีวิชาการต่อสู้ที่ข้าคุ้นเคยนัก”
จื่อรุ่ยทำความเคารพจากนั้นจึงออกจากห้องไป ซีหยวนไห่หนานมองออกไปนอกหน้าต่างโรงเตี๊ยมด้วยสายตาเหม่อลอย ไม่มีใครสามารถเดาได้ว่าในหัวของเขากำลังคิดสิ่งใด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้