หลังจากกินไก่ย่างและแจ้งเวรยามกันแล้วว่าใครอยู่รอบไหนต่างก็ทยอยกันพักผ่อน ซิงเยียนนำธนูออกมาเช็ดเื ทำความสะอาด นางยังไม่ง่วง
“ แปลกจังทำไมถึงได้รู้สึกผูกพันกับธนูหลังจากที่เช็ดเืออกจากด้ามของวันกันนะ อืม! แถมมันยังดู มีพลังขึ้นมา อย่างประหลาด เราก็จับอยู่ทุกวันนี้นาหรือว่าไม่ได้สังเกต”ซิงเยียนได้แต่นั่งคิดและเผลอนอนหลับไป
จนแสงแดดจ้าที่ส่องอยู่หน้าถ้ำทั้งสี่คนจึงงัวเงียตื่นขึ้นมา นั่งมองหน้ากันโดยอาการมึนงง“ นี่มันกี่โมงกี่ยามกัน ทำไมถึงได้หลับไม่รู้เื่แบบนี้”มู่เฉินพูดพร้อมกับมองไปรอบๆถ้ำ
“ พวกเราอยู่กันในถ้ำสี่คนแล้วิเจือละหายไปไหน หรือว่าตื่นแล้วออกไปสำรวจนอกถ้ำกัน ทำไมถึงไม่ปลุกพวกเรากันปล่อยให้นอนจนสายโด่งแบบนี้ เขาอยู่เวรยามกะสุดท้าย”เฉิงกวงมองหาิเจืออยู่เหมือนกัน
“ เอ๊ะ! พี่ชายดูเหมือนถุงเสบียงทำไมมีแค่สี่ถุง แถมถุงที่เป็เนื้อแห้งก็หายไปด้วย กระบอกน้ำที่ตั้งไว้หายไปสองกระบอกหรือว่าพี่ชายิเจือจะเอาไปตักน้ำกัน”
“ ม้าก็หายไปด้วย หน้าถ้ำไม่มีม้าอยู่”หวังเหว่ยที่เดินสำรวจะโมาจากหน้าถ้ำ
“ พี่ชายไม่ต้องหาแล้วข้ารู้แล้วว่าทำไมพวกเราถึงได้หลับไม่รู้เื่จนสายแบบนี้ เมื่อวานนี้ข้าเก็บสมุนไพรมาตัวหนึ่ง ที่ใส่เข้าไปในกองไฟแล้วคนที่สูดดมนอนหลับเป็ตาย พี่ชายิเจือคงโยนสมุนไพรตัวนั้นเข้ากองไฟ พอพวกเราหลับสนิทเขาก็เลยหนีไป พร้อมกับม้าและถุงเสบียงของเขา”
“ อยากจะไปทำไมไม่บอกชาวบ้านที่ไล่สังหารไก่ ก็บอกแล้วถ้าอยากไปก็เดินทางไปได้ทำไมไม่บอกให้พวกเรารู้สักคำ ต่อไปถ้าใครไม่อยากเดินทางต่อก็บอกกันดีๆก็ได้จะได้ไม่ต้องเสียความรู้สึกแบบนี้”มู่เฉินพูดด้วยเสียงอันดังและโมโห
“ แถมสมุนไพรตัวนี้ ยังไม่รู้ว่าต้องใช้มากหรือน้อยขนาดไหนเขากลับกล้าใช้มันกับพวกเรา คนเราอยู่ด้วยกันทุกวันรู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ”ซิงเยียนพูดไปสำรวจถุงเสบียงของตัวเอง
“ ยังดีที่ไม่เอาเสบียงทั้งหมดไปไม่งั้นพวกเราต้องกินอาหารแบบจืดๆกันแล้ว”ซิงเยียนเก็บถุงเสบียงเตรียมออกเดินทางต่อ
“ พวกเราก็ออกเดินทางกันเถอะ ถ้าเจอหมู่บ้านข้างหน้าถ้าใครไปต่อไม่ไหวก็ให้หยุดอยู่เท่านั้น ก็แล้วกันอย่าฝืนทรมานตัวเอง เพราะในป่ามันอันตรายจริงๆสำหรับพวกเรา”มู่เฉินพี่ใหญ่สุดก็รู้ถึงปัญหาที่ิเจือขโมยม้าหนีไป
ทั้งสี่คนแบกถุงเสบียงของตัวเองคนละถุงเดินออกจากถ้ำ มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกซึ่งเป็ทิศทางที่อยู่ของหุบเขาหมื่นเมฆา
“ พี่ชายทั้งสามถ้าเกิดพวกท่านคิดว่าถึงหมู่บ้านข้างหน้า อาจจะแวะอาศัยอยู่ที่นั่นก็ช่วยข้าเก็บสมุนไพรเพราะถ้าพวกท่านไปอยู่ต่างเมืองที่ไม่รู้จัก อาจจะลำบากแต่ถ้ามีตำลึงก็จะทำให้มีชีวิตความเป็อยู่ที่ดีขึ้น”
“ ตำลึงข้าคิดออกแล้วตำลึงทองที่เราเก็บไว้หายไปด้วย ตอนนั้นมันอยู่กับข้าที่แบ่งกันไปซื้อตำราและอาวุธ ช่างเถอะคิดเสียว่าให้เขาเอาไปใช้ประทังชีวิต”
“ไม่เป็ไรหลอกพี่ชาย หาเอาใหม่ลุงซางบอกสมุนไพรในหนังสือหายากและราคาดี พวกเราช่วยกันหาไปขายน่าได้ตำลึงเยอะเป็แน่”
เมื่อตั้งเป้าที่จะหาสมุนไพรพวกเขาก็เดินช้าลง ช่วยกันมองหาสมุนไพรหายาก ยิ่งเดินลึกสมุนไพรก็เยอะตามไปด้วย บางต้นก็ต้องตากแดดให้แห้ง ไม่งั้นจะเสียหายเสียก่อนที่จะไปถึงร้านรับซื้อสมุนไพร
ทั้งสี่คนเดินหาสมุนไพร อยู่กลางป่าจนพบร่องรอยของมนุษย์ที่เข้ามาหาของป่า
“ แสดงว่าไม่ไกลจากที่นี่มีเมืองตั้งอยู่ พวกเราแค่ตามเท้าไปก็น่าจะเจอแล้ว”เฉิงกวงเดินตามรอยเท้าที่หายไปตามพื้น เลยเดินแยกตัวออกมาจากกลุ่ม
“ ช่วยข้าด้วย!เหมือนขาข้าติดและกำลังถูกโดดลงไปข้างล่าง”เฉิงกวงร้องขึ้น เมื่อเจอพื้นที่เขาเหยียบลงไปเป็ดินร่วนปนทรายมันกำลังดูดเขาลงไปข้างล่าง
ซิงเยียนรีบวิ่งไปหากิ่งไม้ที่อยู่ใกล้ๆไม่มี“ พี่ชายเฉิงกวง อย่าพึ่งดิ้นยืนตั้งสติอยู่นิ่งๆ แล้วโยนถุงย่ามขึ้นมาทำให้ตัวเองเบาที่สุด พวกท่านก็ห้ามลงไปช่วยไม่งั้นจะโดนดูดไปด้วยหาเถาวัลย์หรือกิ่งไม้ให้จับแล้วดึงขึ้นมา
กว่าซิงเยียนจะตัดเถาวัลย์กลับมาเฉิงกวงก็ถูกดูดไปหน้าอกแล้ว
“พี่ชายจับเถาวัลย์นี้ไว้ให้แน่นพวกเราจะลากพี่ชายขึ้นมา”ซิงเยียนโยนเถาวัลย์ที่ผูกเป็บ่วงลงไปให้
เฉิงกวงจับเถาวัลย์ มู่เฉินและหวังเหว่ยช่วยกันดึง เฉิงกวงขึ้นมา แต่… พื้นดินที่พวกเขายืนอยู่กับยุบตัวลงไปด้วย ข้างล่างพื้นเท้าคือบ่อทรายดูดขนาดใหญ่
ซิงเยียนที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ถึงกับในาง ยังมัดเถาวัลย์กับต้นไม้ไม่เสร็จ
“ พี่ชายพวกท่านใจเย็นๆอย่าพึ่งตื่นตระหนก เถาวัลย์ที่อยู่ในมือใช้ดึงตัวพวกท่านขึ้นมาจากหลุมทรายดูด”
ซิงเยียนมัดเถาวัลย์ แล้วรีบวิ่งมาดูแต่ไม่กล้าเข้าไปไกลกลัวว่าจะโดนดูดลงไปอีกคน โยนสัมภาระที่อยู่ใกล้กับปากบ่อทรายดูดเข้าไปยังใต้ต้นไม้
และออกแรงดึงเถาวัลย์ที่อยู่ใกล้กับต้นไม้ เพราะว่าดูเหมือนเฉิงกวงจมลงไปถึงคอแล้ว “ อื้ดด!”ซิงเยียนใช้สองขาเหยียบต้นไม้ตัวเล็กและดึงเถาวัลย์
“ พรึบ!”มีชายชุดสีน้ำเงินเข้ม ปรากฏตัวอยู่ข้างๆซิงเยียน เขาออกแรงช่วยดึงเถาวัลย์ลากทั้งสามออกมาจากบ่อทรายดูดอย่างง่ายดาย
“ ขอบคุณมากพี่ชายที่ยื่นมือมาช่วยเหลือไม่งั้นคงแย่แน่ ”
“ ไม่ไกลจากที่นี่มีลำธารอยู่พาพวกเขาไปล้างตัวที่นั่นได้”พูดจบเขาก็เดินจากไป
“ ยังไม่ได้ถามชื่อเลยรีบไปซะแล้ว ถ้าไม่มีเขามาช่วยไม่รู้ว่าพี่ชายทั้งสามจะเป็ยังไงบ้าง”ซิงเยียนมองตามชายชุดสีน้ำเงิน
มู่เฉินและหวังเหว่ยช่วยกัน พยุงเฉิงกวงมายัง ลำธารล้างเนื้อตัวที่มีแต่โคลน
“ วันนี้พวกเราก็พักกันอยู่ที่นี่เถอะพี่ชาย ดูเหมือนว่าพวกท่านจะโดนสูบพลังไปหมดแล้ว พี่ชายเฉิงกวงนั่งพักก่อน”
ซิงเยียนถือคันธนู เดินออกมามองรอบๆ เพื่อจะเจอถ้ำ “ เอ๊ะ! นั่นพี่ชายชุดสีน้ำเงินนี่ข้างหลังเขาดูเหมือนจะเป็ถ้ำ”นางรีบเดินเข้าไปหา
“ พี่ชายเจอกันอีกแล้ว ข้ากำลังเดินหาถ้ำเพื่อที่จะใช้นอนพักผ่อนคืนนี้”
“ พวกเ้าก็มาพักถ้ำที่อยู่ด้านหลังข้าได้ เดี๋ยวข้าก็ออกเดินทางแล้ว”
“ พี่ชายจะไปแล้วหรือเ้าคะ ท่านกำลังเดินทางไปที่ไหนคงจะไม่ได้ไปที่หุบเขาหมื่นเมฆาใช่หรือไม่”พอชายหนุ่มได้ยินชื่อเขาก็มอง สำรวจซิงเยียนทันที
“ ใช่แล้วข้ากลับกำลังเดินทางไปที่นั่น แต่เ้าเป็แค่เด็กหญิงผู้หนึ่งเท่านั้น ขนาดป่าด้านนอกยังจะเอาชีวิตกันไม่รอด ยังกล้าเสี่ยงที่จะไปหุบเขาหมื่นเมฆาอีกรึ”
“ พวกเราเป็ความหวังและตัวแทนของเมืองตงหยางอี้ ที่ถูกส่งตัวออกมา ก็ต้องทำภารกิจให้เสร็จ ไม่ว่าปลายทางมันจะไปถึงไหน”
“ ลูกธนูด้านหลังเ้ารู้สึกคุ้นตา เ้าหยิบลูกธนูมาให้ข้าดูลูกหน่อย”ซิงเยียนหยิบลูกธนูยื่นให้กับชายหนุ่มดูเขาพลิกลูกธนู กลับไปมา“ เมื่อไม่นานมานี้เ้าได้ใช้ธนูยิงใส่นกอสูรหรือไม่ลูกธนูช่างเหมือนกันมาก”
“ มี!พวกเราต่อสู้กับนกตัวใหญ่ ข้ายิงธนูไปหลายดอก มีติดตัวมันไปด้วย ท่านเจอนกที่ไหนหรือเ้าคะ”
“อืม! นับว่าเ้ายังมีประโยชน์อยู่บ้าง ที่สังหารนกตัวั์ มันรังควานชาวบ้านมานานแล้ว ตามล่าหาตัวมันไม่เจอ พอมันได้รับาเ็ทำให้มันบินช้าลงจึงทำให้สังหารมันได้”
“ แถมเนื้อมันก็เลี้ยงชาวบ้านได้ทั้งหมู่บ้านที่เคยถูกมันโจมตี ลูกธนูของเ้า พวกเขาน่าจะเก็บไว้ที่หมู่บ้าน”
“ พี่ชายหมู่บ้านอยู่ไกลจากที่นี่ไหมเป็เมืองอะไรรึ เพราะว่าพี่ชายที่มากับข้าคุยกันไว้ถ้าเจอหมู่บ้าน หรือเมืองข้างหน้าจะพากันพักอาศัยอยู่ที่นั่น”
“ มีเมืองชื่อเจาจง พวกเ้าสามารถเข้าไปอยู่ได้ มีคนหลายกลุ่มที่เดินทางมาถึงเมืองนี้ ต่างแวะเข้าไปอาศัยอยู่เพราะไม่สามารถเดินทางต่อไปได้อีก”
“ ไกลจากที่นี่มากไหมเ้าคะ ข้าจะพาพี่ชายทั้งสามเข้าไปอาศัยอยู่ในเมืองนั้น ส่วนตัวข้าจะเดินทางต่อไปยังหุบเขาหมื่นเมฆา”
“ ไม่ไกลหรอกออกจากป่าไปทางทิศเหนือประมาณหาสิบลี้ก็ถึงแล้ว เ้าเป็เด็กผู้หญิงวิชาก็ไม่มีจะเดินทางเข้าป่าคนเดียวไม่เท่ากับเอาชีวิตไปทิ้งหรอกหรือ”
“ คนเราถ้าถึงที่ตายอยู่ที่ไหนก็ตายเ้าค่ะ อย่างน้อยก็แค่ให้รู้ว่าได้เดินทางจนถึงปลายทางชีวิตของข้าแล้ว แม้จะไม่ถึงหุบเขาเมฆาก็ตาม”
“ พี่ชายท่านคือผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือข้าและพี่ชายทั้งสาม ข้ามีชื่อว่าซิงเยียน พี่ชายมีชื่อว่ากระไรหรือเ้าคะ”
ชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินมองเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่มี ความคิดใหญ่เกินตัว “เ้าเรียกข้าว่า ห่าวรันก็พอ”เขาเองก็อายุสิบสี่แล้วมีบางครั้งยังท้อใจกับการเดินทาง
“พี่ชายห่าวรันเดินทางผู้เดียวหรือ ข้าก็คงไม่ต่างจากท่านหลังจากไปส่งพี่ชายทั้งสามแล้ว ข้าก็คงจะเดินทางคนเดียวเหมือนกัน”ซิงเยียนพูดด้วยเสียงอันเศร้าสร้อยเรียกความสงสาร
“ข้าว่าเ้าเข้าไปอยู่ในเมืองเจาจง ฝึกวิชาหาประสบการณ์อยู่ที่นั่นให้เก่งก่อน แล้วค่อยออกเดินทางจะดีกว่า”
“ พี่ชายคิดดูถ้าข้าเสียเวลาฝึกฝนอยู่ในเมืองสองปี ถ้าภายในสองปีนั้นข้าเดินทางอยู่ในป่าไม่แน่ว่าอาจจะโชคดีผ่านไปได้ ท่านคิดว่ามันจะเสียเวลามากไหม”
“ เ้าไม่ต้องคิดหรอก เ้าน่าจะเสียชีวิตั้แ่ปีแรกไม่น่าจะผ่านพ้นไปถึงสองปี”ห่าวรันตอบแบบไม่ต้องคิด
“ ท่านอย่าพูดทำให้ข้าเลิกล้มความตั้งใจเลย ข้าจะเดินทางตราบใดที่ยังมีแรงและมีชีวิตอยู่แม้มันจะยาวนานสักกี่ปีก็ตาม”
“ซิงเยียน! เ้าอยู่ตรงนี้เองข้าเห็นว่าเ้าเดินหายมานานเลยมาตาม เจอที่พักแล้วรึ”
“พี่ชายมู่เฉิงเราจะพักอยู่ถ้ำนี้ต่อจากพี่ชายห่าวรัน ท่านพาทั้งสองคนมาได้เลย”
ห่าวรันเดินหายไปเมื่อซิงเยียนหันกลับมาก็ไม่เจอแล้ว“ หายไปเร็วจริงไม่บอกกล่าวกันเลย”
ซิงเยียนเดินกลับไปขนของมาที่ถ้ำ เฉิงกวงยังรู้สึกเหนื่อยอยู่จึงให้เดินตัวเปล่ากลับมา หวังเหว่ยรีบหากิ่งไม้แห้งมาทำฟืนก่อนจะมืดเสียก่อน
“ พี่ชายทั้งสามจากที่ข้าคุยกับพี่ชายห่าวรัน คนที่ช่วยดึงพวกท่านขึ้นมาจากบ่อทรายดู เขาบอกว่าจากนี่ไปทางทิศเหนือห้าสิบลี้จะมีเมืองชื่อเจาจงอยู่ พวกเราเดินทางไปที่นั่นเถอะข้าจะไปส่งพวกท่านแล้วจะเดินทางต่อ”
“ ซิงเยียนเ้าก็อยู่กับพวกเราเถอะมันอันตรายเกินไป เ้าอย่าลืมว่าชีวิตเราสำคัญที่สุดนะ”มู่เฉินพูดขึ้น อยู่กันมาหลายเดือนทำให้มีความรู้สึกผูกพันเหมือนนางคือคนในครอบครัว
“ ข้า้าจะเดินทางต่อ เพื่อวันข้างหน้าเมืองตงหยางอี้จะได้ไม่ส่งใครมาอีก ท่านอย่าลืมว่าอีกไม่กี่เดือน ก็จะมีอีกแปดคนถูกส่งตามหลังเรามาอีก ข้าจะหยุดไม่ได้”
“ พรุ่งนี้เราจะเดินทางเข้าไปที่เมืองเจาจง เพื่อขายสมุนไพรเอาตำลึงบางส่วนให้พวกท่านไปตั้งตัว ส่วนข้าจะซื้อเสบียงและเสื้อผ้าสักหน่อยที่มีอยู่รู้สึกมันจะสั้น”
ทั้งสามหนุ่มแม้จะรู้สึกเป็ห่วงซิงเยียนที่ต้องเดินทางคนเดียว จากอันตรายที่เจอมาหลายอย่างแค่ป่าด้านนอกก็เพียงพอที่จะทำให้ทั้งสามคนตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่เดินทางต่อ
