‘หลานสาว’ ถ้อยคำนี้ ทำให้ในใจของทุกคนล้วนอึ้งงันไปชั่วขณะหนึ่ง
คุณหนูรองสกุลเหนียน ฮ่องเต้เห็นค่านางมากถึงเพียงนี้เลยหรือ?
เหนียนยวี่ผู้นี้ช่างไม่ธรรมดาเสียจริง!
เหนียนยวี่รู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาของฮ่องเต้หยวนเต๋อ ทว่านางกลับไม่ตื่นตระหนก ความสนใจของนางกลับจดจ้องอยู่ที่คนสองสามคนด้านหลังฮ่องเต้หยวนเต๋อ แม่ทัพเอกฉู่เพ่ย ฮูหยินแม่ทัพเอกที่มักจะไม่ค่อยปรากฏตัวและยังมีฉู่เซียงจวิน คุณหนูจวนแม่ทัพเอกผู้อ่อนน้อมถ่อมตน พวกเขาล้วนมากันหมด!
และคนที่สะดุดตาที่สุดคือ ชายหนุ่มหลังหน้ากากสีเงิน
ฉู่ชิง...
เขาไปเชิญฮ่องเต้หยวนเต๋อให้เสด็จมาที่นี่หรือ?
ยามที่เหนียนยวี่หันไปชำเลืองมองและสบตากับั์ตาสีดำขลับราวสระน้ำลึกคู่นั้นของฉู่ชิง สองสายตาสบประสาน เหนียนยวี่รู้สึกราวกับโดนไฟร้อนลวก นางรีบเบนสายตาหนีอย่างรวดเร็ว ทว่าพริบตาต่อมา ใบหน้านั้นที่สายตาหันไปเห็น...
เหนียนยวี่ตกตะลึงเล็กน้อย หนึ่งในสตรีที่ยืนอยู่เื้ัฮ่องเต้หยวนเต๋อ...ชุดนางกำนัลที่ดูไม่เป็จุดสนใจ ทว่านางจดจำใบหน้านั้นได้อย่างแม่นยำ
ชิงหร่าน!
นางมากับฮ่องเต้หยวนเต๋อ นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
นางติดตามข้างกายฮ่องเต้หยวนเต๋ออย่างใกล้ชิดถึงเพียงนี้แล้วหรือ?
ครั้นนึกถึงฝีมือของชิงหร่านผู้นี้ในชาติก่อน เหนียนยวี่พลันรู้สึกตื่นตัวขึ้นทันใด สตรีผู้อ่อนโยนและไร้พิษภัยในยามนี้ หากนางได้ไต่เต้าขึ้นไปเป็กุ้ยเฟยเยี่ยงชาติที่แล้ว หากเป็เช่นนั้นจริง ถึงเวลานั้นเกรงว่านางจะนำพาภัยเข้ามานับไม่ถ้วน!
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว ระหว่างที่กำลังครุ่นคิด จิตใจของเหนียนเย่ากลับจดจ่ออยู่กับฮ่องเต้หยวนเต๋อ เขารีบเอ่ยประจบประแจงเอาใจฮ่องเต้อย่างกระตือรือร้น “ฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมสมควรตาย เดิมทีกระหม่อมควรเป็ผู้เชิญฝ่าามา ทว่ากลับกังวลว่าฝ่าาจะยุ่งกับกิจการบ้านเมือง...”
“ไม่สำคัญ แม้กิจบ้านเมืองจะยุ่งมากเท่าใด ทว่าวันนี้มีงาน อย่างไรก็ควรต้องมาเยือนบ้าง” ฮ่องเต้หยวนเต๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก้าวฝีเท้ายาวขึ้นไปนั่งบนที่นั่งสูงสุด ครั้นของฮ่องเต้นั่งลงแล้ว ยกเว้นแต่ฮองเฮาอวี่เหวินและองค์หญิงใหญ่ชิงเหอที่นั่งลงตามไป ส่วนคนอื่นๆ ในงานยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างเคารพ ไม่ว่าผู้ใดล้วนไม่กล้าละเมิดธรรมเนียม
“เมื่อครู่นี้ พวกเ้ากำลังสนทนาอะไรกันอยู่หรือ คึกคักกันยิ่งนัก เล่าให้เจิ้นฟังบ้างสิ” ฮ่องเต้หยวนเต๋อตรัสอย่างยิ้มแย้มเบิกบาน อารมณ์ดี
ครั้นฮ่องเต้ตรัสจบ ชั่วขณะหนึ่ง สีหน้าของทุกคนพลันเปลี่ยนไปทันที
ในใจของฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนและหนานกงเยวี่ยมีร่องรอยของความวิตกกังวลผุดขึ้นเสี้ยวหนึ่ง
เมื่อครู่นี้ฮ่องเต้ตรัสอย่างชัดเจนว่าเหนียนยวี่คือ ‘หลานสาว’ ของพระองค์ หากพระองค์รู้ว่า เหนียนยวี่กำลังจะแต่งงานกับคนขายเนื้อ...
ในเวลานี้ หนานกงเยวี่ยคิดแล้วรู้สึกเสียใจขึ้นมา เมื่อครู่นี้นางไม่ควรเปิดเผยตัวตนของคนขายเนื้อแซ่จู เพียงเพื่อ้าทำให้เหนียนยวี่อับอายต่อหน้าผู้คนเลย หากเป็เช่นนี้ กลับกันก็คงหลอกล่อให้ผ่านพ้นไปได้ ทว่าตอนนี้...
“เสด็จพี่ เสด็จพี่มาทันเวลาพอดี เมื่อครู่นี้กำลังสนทนากันว่า วันนี้ยวี่เอ๋อร์อายุครบสิบห้าปีเต็มแล้ว ตามธรรมเนียมเป่ยฉีของพวกเรา หากอายุเกินสิบห้า สตรีจะสามารถออกเรือนได้ใช่หรือไม่ ดังนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนกับฮูหยินเหนียน จึงเอ่ยถึงเื่การหมั้นหมายของยวี่เอ๋อร์พอดี ฝ่ายตรงข้ามนั่นชื่ออะไรนะ...อ้อ ใช่แล้ว จูฟู่กุ้ย ได้ยินว่าเป็คนค้าหมูที่ตลาดสดเฉิงตง ตอนนี้อายุห้าสิบเหลือได้ พอจะเป็บิดาของยวี่เอ๋อร์ได้เชียว ทั้งยังเป็คนที่ทำให้ภรรยาตัวเองต้องสิ้นชีวิตไปหลายคน งานแต่งครานี้หมั้นหมายกันไว้แล้ว เสด็จพี่ เกรงว่า ‘หลานสาว’ ของเสด็จพี่จะอับโชคเสียแล้วเพคะ”
ทั้งหนานกงเยวี่ยและฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนต่างกำลังคิดว่าจะรับมือกับการปรากฏตัวของฮ่องเต้หยวนเต๋ออย่างกะทันหันนี้อย่างไร ทว่าพวกนางกลับนึกไม่ถึงว่า องค์หญิงใหญ่ชิงเหอจะเอ่ยขึ้นก่อน ทั้งในน้ำเสียงนั้น ยังแฝงความไม่พอใจ เจือการตำหนิอย่างไม่ปิดบังแม้แต่น้อย
เป็ไปตามคาด ครั้นฮ่องเต้หยวนเต๋อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเขาพลันมืดมนลงทันใด จิตใจของฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนสะอึกไปครู่หนึ่ง นางรีบคุกเข่าลงกับพื้นอย่างรวดเร็วทันที
“ฝ่าาเพคะ เื่การแต่งงานของยวี่เอ๋อร์ มิใช่หม่อมฉันที่เป็คนตัดสินใจเพคะ ทว่าเป็การแต่งงานที่มารดาของเหนียนยวี่เป็คนตัดสินใจ หม่อมฉันเพียงแค่…”
ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนตื่นตระหนกขลาดกลัว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฮ่องเต้ในเวลานี้ ในที่สุดนางก็มิอาจทำตัวให้สุขุมสงบนิ่งได้เหมือนเมื่อครู่ที่ผ่านมา
“ฮูหยินผู้เฒ่า เ้ากำลังทำอะไร? เหนียนเย่า รีบมาประคองมารดาเ้าให้ลุกขึ้นเสีย” ฮ่องเต้หยวนเต๋อขมวดคิ้ว ส่งสายตาให้เหนียนเย่า
เหนียนเย่ากลับมารู้สึกตัว เขารีบเข้าไปพยุงฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนให้ลุกยืนขึ้นทันที ทว่าทันทีที่ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนยืนขึ้น เสียงของฮ่องเต้หยวนเต๋อพลันดังขึ้นอีกครั้ง...
“มารดาผู้ให้กำเนิดเป็ที่เคารพ ผู้ล่วงลับไปแล้วเป็ผู้ยิ่งใหญ่ ในเมื่อการแต่งงาน มารดาผู้ให้กำเนิดยวี่เอ๋อร์เป็คนหมั้นหมายให้ เช่นนั้นเป็สิ่งที่ควรค่าแก่การเคารพทำตาม ทว่า...” ฮ่องเต้หยวนเต๋อตรัสถึงตรงนี้ ทันใดนั้นพลันชะงักถ้อยคำ ผู้คนบางกลุ่มเริ่มโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว ทว่าทันใดกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง
ทว่า...อันใด?
ในลานเรือน ทุกคนที่นั่นต่างกลั้นหายใจ เฝ้ารอถ้อยคำหลังจากนี้ของฮ่องเต้หยวนเต๋อ
ทว่าฮ่องเต้หยวนเต๋อกลับเงียบไปนาน ทำเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับติดใจปัญหาบางอย่าง ชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศก็ยิ่งกดดันอย่างแปลกประหลาด
"แย่แล้ว แย่แล้ว..."
ประจวบเหมาะกับในเวลานี้ ทันใดนั้นมีเสียงร้องอย่างหวาดกลัวดังขึ้นมากะทันหัน จากที่ไกลๆ ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ความสนใจของทุกคนเบนออกจากฮ่องเต้หยวนเต๋อไปยังเสียงนั้น ทุกคนในเหตุการณ์หันไปมองทิศทางของเสียง เห็นเพียงสาวใช้นางหนึ่งกำลังวิ่งมาทางนี้อย่างรีบร้อน
สีหน้าของสาวใช้ดูตื่นตระหนก ครั้นเห็นสถานการณ์ในลานเรือน นางพลันตื่นใจนฝีเท้าหยุดชะงักลงทันที นางไม่เคยเห็นฮ่องเต้มาก่อน ทว่านางกลับรู้ได้ทันทีเมื่อเห็นชุดสีทองอร่าม ซึ่งเป็สีเฉพาะของฮ่องเต้เท่านั้นที่สวมใส่ได้
ฝ่าา...
ทันใดนั้น ร่างของสาวใช้พลันอ่อนยวบ นางรีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที
เหนียนเย่าเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาเกิดกลัวว่าจะมีเื่อะไรไม่ดีเกิดขึ้น จึงรีบก้าวเข้าไปเอ่ยตำหนิดุด่าตรงหน้าสาวใช้ทันที “บังอาจมาก เ้ามาทำอะไรที่นี่ กล้าเข้ามารบกวนฝ่าา ข้าจะถลกหนังเ้า!”
"มีเื่อะไรเกิดขึ้นหรือ?"
อย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้หยวนเต๋อไม่ได้ตำหนิสาวใช้ที่เข้ามารบกวน ทว่ากลับเอ่ยถามออกไปด้วยสุรเสียงก้องกังวานชัดเจน เผยให้เห็นถึงความสง่างามน่าเกรงขาม
เหนียนเย่ายังไม่ทันจัดการเรียบร้อย คำถามนี้ของฮ่องเต้ขัดเจตนาของเหนียนเย่าอย่างสิ้นเชิง
ยามนี้แม้แต่ในใจของเหนียนเย่ายังลอบสั่นเทา แม้ไม่รู้ว่าเกิดเื่อะไรขึ้น ทว่าเขาก็ทำได้แค่หาญกล้า กัดฟันเอ่ยกับสาวใช้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นว่า “ยังไม่รีบเอ่ยออกมาอีกว่าเกิดอะไรขึ้น ต่อหน้าฝ่าาจะมารบกวนให้พระองค์ตื่นใและเสียเวลาไม่ได้!”
เหนียนเย่าไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ดูเหมือนว่าเขากำลังเอ่ยเตือนสาวใช้ว่า ยามที่เอ่ยให้ระวังคำพูด ให้มองรอบข้างด้วย
ทว่าครั้นสาวใช้คนนั้นฉุกนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเห็นเมื่อครู่นี้ ดวงตาพลันเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกหวาดกลัว ไหนเลยจะสนใจสถานการณ์ตรงหน้า เอ่ยพึมพำๆ ในลำคอว่า "คนตาย...มีคนตายในจวนเ้าค่ะ!"
มีคนตายในจวนหรือ?
นี่...่เวลาหนึ่ง ทุกคนในเหตุการณ์ล้วนตื่นใ บรรดาข้าราชบริพารที่ติดตามมาต่างตื่นตัวขึ้นทันใด รีบเข้ามารายล้อมปกป้องฮ่องเต้หยวนเต๋อ เตรียมคุ้มกันเขา
สีหน้าของเหนียนเย่าเปลี่ยนไปทันที รีบะโออกมาอย่างเฉียบขาด "เ้าสาวใช้ใจกล้าผู้นี้พูดจาเหลวไหลอะไรออกมา?"
คนตายหรือ?
ฮ่องเต้กับฮองเฮาล้วนมาที่นี่กันหมด นางกล้าพูดว่ามีคนตายในจวน นี่...ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็เช่นไร ก็คงไม่ใช่เื่ง่ายแล้ว!
“บ่าว...บ่าวไม่ได้พูดจาเหลวไหลนะเพคะ บ่าวเห็นกับตา มีคนตาย...มีคนตายเพคะ...” ดูเหมือนสาวใช้คนนั้นจะนึกถึงสภาพหดหู่น่าเวทนาของคนที่ตายไปคนนั้น นางจึงกลืนน้ำลายไม่หยุด
ท่ามกลางผู้คนมากมาย มุมปากของเหนียนยวี่ค่อยๆ ยกยิ้มเล็กน้อย ตายแล้วหรือ?
นางลอบชำเลืองมองสาวใช้ของหนานกงเยวี่ย งิ้วสนุกๆ ครานี้ ช่างออกโรงได้ประจวบเหมาะพอดี!
ก่อนหน้านี้ นางไม่คิดว่าฮ่องเต้หยวนเต๋อจะมา ทว่าในเมื่อยามนี้ ฮ่องเต้หยวนเต๋อมาแล้ว เื่ราวครานี้ก็ยิ่งดูน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ
การที่มีคนตาย ไม่ว่าเมื่อใดล้วนไม่ใช่เื่เล็กทั้งนั้น จากความเข้มงวดของฮ่องเต้หยวนเต๋อ ในเมื่อเขาพบเจอเื่พวกนี้เข้าแล้วก็ยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะเพิกเฉย
เป็อย่างที่คิด ฮ่องเต้หยวนเต๋อเลิกคิ้ว พรวดลุกยืนขึ้นทันที “ดูท่าทีแล้ว เกรงว่าคงจะมีคนตายเช่นนั้นจริง ในเมื่อเป็เช่นนี้แล้ว เ้าก็นำทางเถิด ลองไปดูกันว่าแท้จริงมันเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่!”