ในระหว่างที่รอจางหย่งชำแหละเ้าหมูป่าเฉียวลู่กับหญิงชราและลูกสะใภ้ของนาง ก็นั่งคุยกันและเตรียมน้ำเอาไว้เพื่อทำความสะอาด เฉียวลู่ยังได้เล่าให้สตรีทั้งสองฟังเื่ที่นางความจำเสื่อมเพราะอุบัติเหตุที่ผ่านมา หญิงชราถึงกับหลังน้ำตาให้กับเฉียวลู่ด้วยความสงสารในชีวิตที่อาภัพของนาง
เฉียวลู่ที่เห็นหญิงชราร้องไห้นางก็ไม่รู้ว่าจะปลอบใจอย่างไร เด็กเล็กร้องไห้ยังพอหลอกล่อได้ แต่ให้ปลอบใจผู้ใหญ่นางจะพูดอย่างไรดี เฉียวลู่รู้สึกปวดหัวกับความเ้าน้ำตาของหญิงชรา แต่นางก็รู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกนางมาต่างโลกที่ไม่คุ้นเคยแต่ยังคงมีคนห่วงใยนางเช่นเดิมเหมือนกับตอนที่นางอยู่กับพ่อแม่ที่บ้าน
“ท่านยายท่านอย่าได้ร้องไห้ไปเลยเ้าค่ะ ถึงข้าจะจำสิ่งใดไม่ได้เลยในอดีต แต่ข้าก็สามารถรับรู้ได้ว่ายังมีพวกท่านนั้นคอยเป็ห่วงเราแม่ลูกแค่ไหน ข้าไม่ได้รู้สึกกลัวอันใดเลยอาจจะดีกับข้าเสียด้วยซ้ำที่ต้องลืมเื่ราวในอดีต”
เฉียวลู่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางถึงได้พูดเช่นนั้นออกมา มันเหมือนกับว่าจิตใต้สำนึกของนางสั่งให้นางพูดแบบนั้นออกไป
“ท่านเล่าเื่ที่หมู่บ้านนี้ให้ข้าฟังได้หรือไม่เ้าคะ เผื่อว่าข้าจะจำอะไรได้บ้าง”
จากนั้นหญิงชรากับลูกสะใภ้ของนางก็ผลัดกันเล่าเื่ราวตลอดสี่ปีที่เฉียวลู่และท่านพ่อของนางมาอยู่ที่นี่อย่างละเอียด เฉียวลู่ได้รู้ชื่อของหญิงชราสักที่ว่านางมีชื่อว่าหลี่เหมยฮวา บุตรชายของนางที่กำลังชำแหละเนื้อหมูป่าคือจางหย่งและลูกสะใภ้ของนางหลิวหง พวกเขาอาศัยอยู่ด้วยกันสามคนจางหย่งและหลิวหงแต่งงานมาสิบกว่าปีแต่ก็ไม่มีลูกด้วยกัน แม่เฒ่าหลี่ก็ไม่ได้รังเกียจและไม่บังคับให้จางหย่งหย่ากับหลิวหง
ถึงแม้จะมีชาวบ้านมากมายต่อว่าแม่เฒ่าหลี่ก็ตามนางยังคงยืนยันเช่นเดิม สามีของแม่เฒ่าหลี่ป่วยตายจากไปนานแล้วั้แ่จางหย่งยังเล็ก นางต้องอดทนเลี้ยงดูบุตรชายของนางเพียงคนเดียวลำพัง
เมื่อก่อนนางถูกแม่สามีไล่ออกจากเรือนหลังจากสามีของนางตายจากไปแม่เฒ่าหลี่หอบลูกกลับมาที่บ้านเดิมของตน โชคดีที่คนหมู่บ้านมู่โฉวเป็คนจิตใจดีพวกเขาจึงให้ความช่วยเหลือหญิงม่ายอย่างนาง แม่เฒ่าหลี่ไม่อยารบกวนบ้านเดิมของนางจึงสร้างกระท่อมอยู่กับจางหย่งสองคน
นางเข้าใจดีเื่แม่สามีกับลูกสะใภ้เพราะนางเคยถูกกดขี่มาก่อน ถ้าหากว่านางไม่เก่งนางและจางหย่งอาจจะกลายเป็ขี้ข้าหรือถูกใช้งานจนตายที่บ้านสกุลจางไปนานแล้ว เพราะนางยืนหยัดเพื่อบุตรชายคนเดียวของนางยอมตัดขาดบ้านสามีมาใช่ชีวิตกับบุตรชายสองคนจึงได้มีทุกวันนี้
ตอนนี้ถึงคราวที่นางจะต้องได้เป็แม่สามีบ้าง นางจึงไม่คิดที่จะกดขี่หลิวหงเหมือนเช่นที่นางเคยประสบมาก่อน หลิวหงจึงทั้งรักและเคารพแม่สามีคนนี้ของนางมาก
หลิวหงคิดว่าเป็ความผิดของนางเองที่ไม่สามารถมีทายาทให้สามีได้ นางเคยคิดะโน้ำฆ่าตัวตายเพื่อให้จางหย่งแต่งงานใหม่แต่เป็แม่เฒ่าหลี่ที่ช่วยนางเอาไว้ จากนั้นมาหลิวหงจึงคิดว่าแม่เฒ่าหลี่คือแม่แท้ๆ ของตนเพราะนางได้มอบชีวิตใหม่ให้แก่หลิวหงอีกครั้ง
“เื่มีทายาทหรือไม่มีล้วนเป็ลิขิตของ์ไม่มีใครสามารถฝืนได้ ถ้าหาก์ไม่้าให้บุตรชายของข้ามีทายาทสืบสกุลต่อให้เขาแต่งานใหม่อีกกี่ครั้งก็ไร้ผล เช่นนั้นก็อยู่กันแบบนี้แหละ”
หลังจากฟังเื่เล่าของแม่เฒ่าหลี่ เฉียวลู่อยากจะตบมือให้กับนางดังๆ ท่านยายท่านเป็คนยุคโบราณที่หัวสมัยใหม่มากท่านรู้หรือไม่
“ท่านน้าหลิวท่านเคยคิดที่จะรับเด็กมาเลี้ยงหรือไม่เ้าคะ”
เฉียวลู่ลองถามหลิวหงเพราะนางไม่รู้ว่าที่นี่มีการรับลูกบุญธรรมหรือไม่ หากเป็ยุคปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเื่ลูกไม่นับว่าเป็ปัญหาเลย หลิวหงส่ายหน้า
“ข้าคิดว่าอยู่เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน อาจจะเหงาไปบ้างแต่ก็ไม่เป็ไรถ้าหากรับเด็กสักคนมาเลี้ยงดูข้ากลัวว่าจะเกิดปัญหาขึ้นในภายหลัง เหมือนเช่นครอบครัวญาติห่างๆ ของข้า”
เฉียวลู่ฟังอย่างสนใจ เื่ซุบซิบนินทาไม่ว่ายุคไหนผู้หญิงก็ชอบทั้งนั้น หลิวหงเล่าว่าลูกพี่ลูกน้องของบิดานางเคยรับเด็กชายมาเลี้ยงคนหนึ่งเพื่อเอาไว้สืบสกุลเพราะที่บ้านของเขามีแต่ลูกผู้หญิง พวกเขาดูแลเอาใจใส่เด็กคนนั้นเป็อย่างดี แต่เมื่อเขาโตขึ้นกลับเนรคุณหลอกให้บิดายกสมบัติให้ทั้งหมดแล้วเอาโฉนดที่ดินไปขายที่โรงพนัน ทิ้งพ่อแม่บุญธรรมของเขาให้ไร้ที่อยู่ไร่นาก็ไม่มีถูกเ้าคนเนรคุณคนนั้นขายไปจนหมด พวกเขาต้องสร้างกระท่อมอยู่กันสองคนในที่ดินที่ชาวบ้านบริจาคให้ โชคดีที่ยังมีบุตรสาวที่กตัญญูคอยกลับมาดูแลทั้งที่พวกนางเคยถูกบิดาละเลยและกระทำไม่ดีตอนที่ยังไม่แต่งออกไป
จากนั้นไม่นานก็ได้ยินว่าลูกบุญธรรมของเขาถูกจับข้อหาลักทรัพย์และเป็สายให้กลุ่มโจรเข้ามาปล้นบ้านเศรษฐีแต่ถูกจับได้ซะก่อน เฉียวลู่ฟังจนจบแล้วก็พยักหน้าอย่างเข้าใจในความรู้สึกที่พวกเขากลัว ถึงแม้จะบอกว่าคนทุกคนนั้นเกิดมาย่อมไม่เหมือนกัน ก็เหมือนกับนิ้วมือทั้งห้าที่ยาวไม่เท่ากัน แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีสิ่งไหนมาการันตีว่าหากเลี้ยงจนโตแล้วเขาจะไม่เนรคุณ คนที่มีสายเืเดียวกันบางคนยังสามารถขายพ่อแม่เพื่อสนองความ้าของตนเองได้เลย
“แต่ว่านะ ตอนที่ข้าได้เห็นเด็กสองคนนี้ข้าก็คิดได้ว่าถึงจะมีคนเลวคนเนรคุณมากมาย แต่เด็กสองคนนี้ที่ถูกเ้าเลี้ยงดูมานั้นต้องไม่มีทางเป็อย่างนั้นแน่ ข้ามั่นใจ”
เฉียวลู่ยิ้มให้หลิวหง นางไม่กล้ารับความดีพวกนั้นเอาไว้เองคนเดียวหรอก เพราะคนที่เลี้ยงเด็กสองคนนี้คือเฉียวลู่คนก่อนที่ตอนนี้อาจจะขึ้นไปคอยมองดูการเดิบโตของเด็กๆ อยู่บน์กับท่านพ่อของนางแล้ว เฉียวลู่เหม่อมองท้องฟ้าเหมือนกำลังมองหาบางสิ่ง อวี้หลงกับอวี้ชิงแหงนหน้ามองฟ้าเลียนแบบท่าทางของเฉียวลู่แต่พวกเขาไม่รู้ว่าท่านแม่กำลังมองหาสิ่งใด
ท่าทางน่ารักของสามแม่ลูกที่เหมือนแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกันทำเอาแม่เฒ่าหลี่และหลิวหงหัวเราะออกมาพร้อมกันด้วยความเอ็นดู ก็พวกเขาทั้งสามคนน่ารักขนาดนี้จะไม่ให้คนรอบข้างรักและเอ็นดูพวกเขาได้อย่างไร เฉียวลู่ไม่รู้ความคิดของแม่เฒ่าหลี่ ถ้าหากนางรู้นางคงจะตอบว่าท่านยายท่านคิดมากเกินไปแล้ว
หลังจากที่นั่งรออยู่นานจางหย่งก็ชำแหละเนื้อหมูป่าและแยกชิ้นส่วนเนื้อกระดูกหนังและไขมันเรียบร้อย จางหย่งทำได้ดีทีเดียวเขาดูชำนาญมากในความคิดของเฉียวลู่ เนื้อหมูที่กองอยู่ในถังไม้แยกออกเป็ส่วนๆ ทำให้เฉียวลู่ถึงกับตกตะลึง
“ท่านอาจางนี่มันเยอะมากเลยนะเ้าคะ ถ้าหากว่ากินไม่หมดจะไม่เน่าเอาหรือ”
แม่เฒ่าหลี่มองท่าทางตกตะลึงของเฉียวลู่ด้วยความเอ็นดูนางส่ายหัวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ
“ไม่เป็ไรมีเยอะดีกว่าไม่มีให้กินเลย ชาวบ้านที่นี่ก็ไม่ค่อยได้กินเนื้อเท่าไหร่ยากนักที่จะมีให้เห็นเยอะเพียงนี้ข้าว่าแบ่งขายให้พวกเขาสักหน่อยคงได้ที่เหลือก็ตากแห้งเอาไว้กินวันหลัง เ้าจะได้มีทั้งอาหารและรายได้เข้ามาด้วยอย่างไรเล่า”
เฉียวลู่และทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของแม่เฒ่า หลี่ พวกเขาบ้านสกุลจางมาช่วยงานที่บ้านของเฉียวลู่โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงผลตอบแทนเป็เพราะพวกเขาปรารถนาให้นางและลูกทั้งสองของนางกินอิ่มท้องและอยู่ได้อย่างมีความสุข เฉียวลู่พอจะมองความคิดของพวกเขาทั้งสามออกแต่นางไม่สามารถเป็แต่เพียงผู้รับอยู่ฝ่ายเดียวได้ เช่นนั้นคนอื่นก็คงเรียกนางว่าคนเห็นแก่ตัวแล้ว
เฉียวลู่แบ่งเนื้อและมันบางส่วนให้ครอบครัวสกุลจาง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะปฏิเสธแต่เฉียวลู่ที่เป็คนรั้นนั้นมีหรือจะยอม จนกระทั้งแม่เฒ่าหลี่พยักหน้าให้ลูกสะใภ้ของนางรับเอาไว้
จางหย่งเป็ผู้ทำหน้าที่ไปปรึกษาขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าหมู่บ้านให้ไปป่าวประกาศเื่ขายเนื้อหมูป่าให้ชาวบ้านได้รู้ และเฉียวลู่ยังบอกอีกว่าจะขายให้ชาวบ้านในราคาที่ถูกกว่าที่ตลาดในตัวอำเภอสี่เฉียนต่อหนึ่งชั่ง เพียงไม่นานชาวบ้านก็หลั่งไหลมาที่กระท่อมของเฉียวลู่เต็มไปหมด เพราะ่นี้เป็่หลังจากเก็บเกี่ยวพืชผลแล้วจึงทำให้ทุกคนกำลังว่างงาน ชาวบ้านเกือบทั้งหมู่บ้านจึงมาออกันที่หน้ากระท่อมของเฉียวลู่
“คนทั้งหมู่บ้านมีเยอะขนาดนี้เชียว”
เฉียวลู่มองเหล่าชาวบ้านที่มามากมาย แม่เฒ่าหลี่และหลิวหงสะใภ้ทำหน้าที่ช่วยเฉียวลู่ขายเนื้อหมูป่า ชาวบ้านบางคนที่ไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเฉียวลู่เลยสักครั้งั้แ่ที่นางย้ายมาอยู่ที่นี่ วันนี้หลังจากที่ได้เนื้อหมูป่าราคาถูกพวกนางต่างก็ยิ้มแย้มชวนเฉียวลู่พูดคุยอย่างถูกคอ
เฉียวลู่คนก่อนอาจจะมีความเหนียมอายไม่ค่อยกล้าพูดคุยหรือสู้หน้าผู้คนเท่าใดนักหากไม่ได้สนิทกัน แต่ผิดกับเฉียวลู่คนนี้ที่สามารถแสดงออกอย่างเป็ธรรมชาติ เพราะนางเป็ถึงนางเอกแถวหน้าของวงการเื่รับมือคนหมู่มากสำหรับนางแล้วไม่นับว่าเป็อะไร เฉียวลู่ส่งยิ้มแบบฉบับนางเอกไปให้พวกเขาด้วยความเคยชิน
ถึงแม่เฉียวลู่จะยังดูผอมแห้งเพราะร่างกายขาดสารอาหารมาเป็เวลานานแต่เมื่อนางส่งยิ้มให้พวกเขา ทุกคนรู้สึกเหมือนกับว่ารอยยิ้มของนางทำให้โลกใบนี้สว่างสดใสได้อย่างน่าประหลาด
