ทังหงเอินซ่อนอยู่ในจุดย้อนแสงไฟเกือบทั้งตัว
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ว่าเขาท้องไส้ไม่ดี จึงรีบเข้าไปประคองเขาทันที
กายของทังหงเอินกำลังสั่นเทิ้มเบาๆ อยู่จริงด้วย ดูเหมือนเขาจะปวดเกร็ง เซี่ยเสี่ยวหลานััความรู้สึกนั้นได้แม้จะเพียงประคองเขาก็ตาม
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกตระหนกเป็อย่างมาก เป็เพราะทานมื้อเย็นสายเกินไป หรือของที่รับประทานเมื่อครู่มีปัญหากันแน่ โรคกระเพาะของทังหงเอินท่าทางจะรุนแรงไม่ใช่น้อย!
“เซี่ยเสี่ยวหลาน คุณอาเธอไม่เป็ไรใช่ไหม?”
จี้เจียงหยวนทิ้งลูกบาสเกตบอล ส่วนพวกสยฺงไป่เหยียนไม่หยอกล้อเจี๊ยวจ๊าวอีกต่อไป ทุกคนพากันเข้ามาเพื่อจะให้ความช่วยเหลือ
ทังหงเอินถอยหลังหนึ่งก้าว ทั้งร่างจึงเร้นหายไปในเงามืด กระเพาะอาหารของเขากำลังปวดจริงๆ อาการกระเพาะอาหารหดเกร็งฉับพลันนั้นสาหัสมาก ถึงกระนั้นเขาก็เป็คนประเภทมีความอดทนหนักแน่นเหลือเกิน—เขาก้าวถอยหลัง พยายามไม่ให้แขนของตนสั่นเทิ้ม น้ำเสียงที่เปล่งออกไปก็สงบนิ่งยิ่งนัก
“ฉันไม่เป็ไร แค่จู่ๆ ก็นึกได้ว่ามีธุระสำคัญที่ยังไม่ได้ทำ พอร้อนใจก็เลยตระหนกขึ้นมา ขอบคุณความห่วงใยของนักศึกษาทุกคนด้วยนะ”
แม้เขากำลังหันหลังให้แสงไฟ แต่น้ำเสียงกลับซื่อตรงและสุขุมมาก พอเข้าหูก็รู้สึกว่าเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการโน้มน้าว คุณอาท่านนี้ของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่คนทั่วไปอย่างแน่นอน แม้เห็นรูปร่างหน้าตาไม่ชัดเจน ทว่ามีความองอาจผ่าเผยมากเหลือเกิน!
เซี่ยเสี่ยวหลานผู้นี้มีปริศนามากมายจริงๆ
ไม่รู้ว่าตนคิดไปเองหรือเปล่า จี้เจียงหยวนรู้สึกว่าสายตาคุณอาของเซี่ยเสี่ยวหลานหยุดอยู่ที่ใบหน้าเขานานเหลือเกิน
โถ จะมองเขามากหน่อยก็เป็เื่ปกตินั่นแล ใครใช้ให้เมื่อครู่เขาล้อเลียนเซี่ยเสี่ยวหลานเล่า พวกคนรุ่นก่อนชาวจีนเข้มงวดไม่เบา จี้เจียงหยวนค่อนข้างรู้สึกลำบากใจ
ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าผิดปกติ
ทังหงเอินจะเป็คนที่ลืมเื่สำคัญได้หรือ?
แต่เธอพูดต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้ไม่ได้ ทังหงเอินไม่ยอมให้จี้เจียงหยวนและพวกสยฺงไป่เหยียนช่วย ดังนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานจึงทำได้เพียงประคองทังหงเอินเดินออกนอกมหาวิทยาลัย ทังหงเอินเกิดอาการปวดท้องขึ้นมาอย่างฉับพลัน โชคดีที่เขาพกยาติดตัวไว้ เซี่ยเสี่ยวหลานไปขอน้ำมาเล็กน้อยเพื่อให้ได้เขากินยาเสีย
ทีนี้ย่อมไม่อาจปล่อยทังหงเอินเดินทางคนเดียวได้อีกแล้ว ต้องโทร. เรียกเสี่ยวหวังมารับ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เสี่ยวหวังก็ขับรถมาถึงอย่างกระวีกระวาด
ตอนมาก็สบายดีไม่ใช่หรือ?
ทำไมจู่ๆ โรคกระเพาะถึงกำเริบได้เล่า
เสี่ยวหวังสงสัยว่าเซี่ยเสี่ยวหลานให้ทังหงเอินรับประทานของมั่วซั่ว ทว่าทังหงเอินกลับโบกมือไหวๆ เมื่อยาค่อยๆ ออกฤทธิ์ ความรู้สึกทรมานนั้นของเขาก็ลดลงเช่นกัน อันที่จริงเป็เพราะอารมณ์ของเขาไม่ได้ปั่นป่วนมากขนาดนั้นแล้ว ทังหงเอินจึงฟื้นตัวได้มากกว่าครึ่งเป็ธรรมดา
“ไม่เกี่ยวกับเสี่ยวหลานหรอก มื้อเย็นไม่มีปัญหาอะไร เสี่ยวหวัง นายไปรอในรถก่อน ฉันมีเื่จะคุยกับเสี่ยวหลานสักหน่อย”
เสี่ยวหวังยอมจากไปแต่โดยดี ส่วนเซี่ยเสี่ยวหลานก็รอรับฟังอย่างใจจดใจจ่อ
เธอนึกว่าทังหงเอินจะกำชับบางอย่างอีกนิดหน่อยเสียอีก เธอยังคิดอยู่เลยว่าเวลานี้ทังหงเอินควรพูดน้อยๆ ใครจะรู้ว่าพอทังหงเอินเอ่ยปาก กลับเป็คำถามที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง
“นักศึกษาที่คุยกับเธอเมื่อครู่น่ะ พวกเธอสนิทกันมากไหม?”
นี่มันคือคำถามอะไรกัน?
ทังหงเอินจะตักเตือนเธอให้ตั้งใจเล่าเรียน อย่ามีความรักหรือ
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกกระอักกระอ่วนยิ่งนัก ถึงกระนั้นก็คิดว่าไม่ใช่อย่างที่เธอจินตนาการไว้
“คุณหมายถึงนักศึกษาชายที่ถือลูกบาสเกตบอลในมือ? ก็พอคุ้นเคยนะคะ เขาชื่อจี้เจียงหยวน ฉันรู้แค่เขาเพิ่งกลับมาจากอเมริกา เป็นักศึกษาใหม่คณะเศรษฐศาสตร์และการจัดการของปีนี้ งานอดิเรกคือยิงปืน นิสัยเปิดเผย”
ทังหงเอินตั้งใจฟังอย่างมากมาก น่าเสียดายว่าเดิมทีสิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานรู้นั้นมีจำกัด
“ถ้าคุณอยากรู้จักเขามากขึ้นอีก ฉันลองถามหนิงเสวี่ยให้ได้นะคะ ครอบครัวจี้เจียงหยวนกับหนิงเสวี่ยเป็มิตรสหายเก่าแก่กัน... แต่คุณถามถึงจี้เจียงหยวนเพื่ออะไรหรือ? ”
แซ่จี้ อีกทั้งยังเป็มิตรสหายดั้งเดิมกับตระกูลหนิง นั่นแสดงว่าเขาไม่ได้จำผิดสินะ
ทังหงเอินเผยรอยยิ้มแสนขมขื่น “ไม่จำเป็ต้องถามหนิงเสวี่ยหรอก เขาคือคนที่ฉันตามหา เธอไม่รู้หรอก ที่วันนี้ฉันมาหาถึงมหาวิทยาลัยหัวชิง หนึ่งคืออยากเยี่ยมเยียนเธอ สองคืออยากมาเสี่ยงดวง ลองดูว่าฉันจะเห็นนักศึกษาจี้เจียงหยวนคนนี้ด้วยตาตัวเองได้หรือเปล่า”
คาดไม่ถึงว่าจะโชคดีจริงๆ แค่เดินเที่ยวมหาวิทยาลัย ก็พบกับจี้เจียงหยวนได้โดยบังเอิญ
เซี่ยเสี่ยวหลานจะรู้จักจี้เจียงหยวนก็ไม่แปลก อย่างไรเสียพวกเขาก็เข้าร่วมเดินขบวนเกียรติยศเดียวกัน ตอนฝึกซ้อมคงยากที่จะเลี่ยงการสนทนากันบ้างสินะ?
ตอนแรกทังหงเอินก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดเื่ราวของตัวเอง แต่หลิวเฟินนั้นซื่อบื้อเกินไป ดังนั้นเขาจึงกลัวว่าเธอจะคิดมาก
ส่วนเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นก็ฉลาดเกินไป ต้องคิดมากอย่างแน่นอน!
แทนที่จะปล่อยให้เซี่ยเสี่ยวหลานทายซี้ซั้ว ทังหงเอินยอมพูดเองคงจะดีกว่า
“ฉันดูงานเฉลิมฉลองเทียนอันเหมินจากเทปที่เสี่ยวหวังอัดไว้ มองเห็นเธอ และเห็นจี้เจียงหยวนด้วย เขาเหมือนแม่ของเขามาก ฉันจึงเกิดความสงสัยเกี่ยวกับสถานะของเขาั้แ่แรกเห็น ที่มาปักกิ่งเพราะอยากยืนยันให้แน่ใจ และเมื่อครู่พอเจอตัวจริงของเขา ฉันก็แน่ใจแล้วแปดส่วน”
คงเป็ความรู้สึกจากสายเืที่ผูกพันกัน กอปรกับการใช้แซ่จี้ รวมถึงสนิทกับตระกูลหนิงมานาน ตอนนี้ทังหงเอินจึงแน่ใจเต็มร้อย!
ทังหงเอินธิบายถึงครึ่งหนึ่ง เซี่ยเสี่ยวหลานก็รู้สึกว่าใกล้จะสาดเืสุนัข [1] แล้ว
“ถ้าอย่างนั้นแล้ว เขาคือ...”
“เขาเป็ลูกชายฉันเอง หลังจากฉันกับแม่เขาหย่ากัน เขาก็ถูกพาตัวไปจากฉัน ผ่านมา 12 ปี ฉันเพิ่งเจอเขาครั้งนี้เป็ครั้งแรก”
เืสุนัขรดลงกลางศีรษะ กะละมังเบ้อเริ้มอย่างที่คาด!
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้เลยว่าเธอควรจะพูดอะไรดี
ปริศนาทุกอย่างถูกไขกระจ่างแล้ว ทำไมข้าราชการตำแหน่งใหญ่คนหนึ่งถึงอยู่ตัวคนเดียว ยามเจ็บป่วยก็ไม่มีใครคอยดูแล นั่นเป็เพราะภรรยาไม่้าเขาแล้ว อีกทั้งยังพาลูกไปด้วย เขาจึงจำต้องรับตำแหน่งงานในเผิงเฉิงเดียวดายตามลำพังไม่ใช่หรือ! ที่เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าทังหงเอินยังไม่แต่งงานเพราะที่พักอาศัยในเผิงเฉิงของทังหงเอินไร้ซึ่งร่องรอยการดำรงอยู่อันบ่งบอกว่าเป็ของเพศหญิง
ไม่ได้พบลูกชายแท้ๆ 12 ปี ยังอุตส่าห์จำได้จากภาพในโทรทัศน์ที่ผ่านไปในชั่วพริบตา ทังหงเอินคงคิดถึงจี้เจียงหยวนมากอย่างแน่นอน
และอาจเป็ไปได้ว่าคิดถึงสุดหัวใจ แค่เจอคนคล้ายกันก็ไม่ยอมทิ้งโอกาส จนต้องมาพิสูจน์ด้วยตนเองเช่นนี้!
ไม่ว่ามาจากกรณีไหน เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เข้าใจทั้งนั้น “ถ้าอย่างนั้นทำไมเมื่อครู่คุณไม่บอกเขาล่ะคะ?”
ทังหงเอินนั่งบนเก้าอี้ยาวข้างทาง แสงไฟถนนสลัวอาบทั่งทั้งร่าง เขาคือบุคคลสำคัญที่แม้แต่เ้าของกิจการใหญ่จากฮ่องกงยังไม่มีหนทางขอเข้าพบ เมื่อเผชิญหน้ากับเื่แบบนี้กลับอ่อนปวกเปียกเสียนี่
“เขาอาจไม่อยากเจอฉัน ฉันห่างหายจากชีวิตของเขานานเกินไปแล้ว เธอเองก็เห็น ฉันกับเขาแทบจะยืนตรงข้ามกัน ทว่าเขากลับจำฉันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ สำหรับเขา ฉันเป็พ่อที่ไม่ได้เื่ พวกเราไม่เจอหน้ากัน 12 ปีเต็ม ตอนนี้ฉันยังไม่สามารถก้าวไปขั้นนั้นได้”
อันที่จริงเขาเตรียมใจพร้อมแล้วที่จะไม่เจอจี้เจียงหยวนอีกตลอดชีวิต
อดีตภรรยาของเขาพาลูกไปต่างประเทศอย่างไม่ลังเล นั่นก็แปลว่า้าจะอยู่ให้ห่างไกลจากเขา ไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้
ทำไมตอนนี้ถึงยอมให้จี้เจียงหยวนกลับประเทศ?
ทังหงเอินยังคงไม่เข้าใจปัญหานี้อย่างแจ่มแจ้ง
แต่จี้เจียงหยวนเรียนหนังสือที่หัวชิง น่าจะไม่มีแผนกลับไปในเร็วๆ นี้ นี่คือเื่ที่ทำให้ทังหงเอินสบายใจและยินดีมากที่สุด
เซี่ยเสี่ยวหลานถือกุ้งแห้งถุงโตนั่นอยู่ เธอรู้สึกว่ามันช่างหนักเหลือเกิน เธอไม่อยากมีส่วนร่วมกับความขัดแย้งภายในครอบครัวอันซับซ้อนประเภทนี้เลยจริงๆ ทำไมถึงหย่า ทำไมอดีตภรรยาต้องพาลูกชายหนีไป เื่แบบนี้คือสิ่งที่ภรรยาในอนาคตของทังหงเอินควรจะเป็ผู้ถาม!
เซี่ยเสี่ยวหลานจึงทำได้แค่ในส่วนที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเท่านั้น
“...คุณ้าให้ฉันเป็สายให้ไหมคะ?”
เชิงอรรถ
[1]撒狗血 สาดเืสุนัข หมายถึง ฉากที่ซ้ำซากน้ำเน่าในละคร มีที่มาจากภาพยนตร์แนวจับภูติผีปีศาจของฮ่องกงซึ่งได้รับความนิยมมากในยุคหนึ่ง ทุกเื่จะต้องมีฉากนักพรตใช้เืสุนัขดำสาดเพื่อปัดเป่าิญญาชั่วร้าย พอภาพยนตร์หรือละครแนวนี้เป็ที่นิยม ก็สร้างฉากเช่นนี้ออกมาแทบทุกเื่ กลายเป็ความจำเจ เดาทางได้ง่าย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้