บุรุษผู้นั้นคว้าข้อมือถังชิงหรูก่อนดึงเข้ามาสู่อ้อมแขนของตนเอง
ดวงเนตรเ็าจดจ้องนางอย่างพินิจ หลังจากกวาดมองดวงหน้าเมินเฉยของนาง เขาก็ยิ้มมุมปาก กล่าวเสียงเรียบ "คิดจะหนี?"
ถังชิงหรูแค่นเสียงเยาะ "ท่านจะปล่อยข้าหรือ"
"ไม่" ชายผู้นั้นเชยคางของนางขึ้นมา พลางใช้ปลายนิ้วไล้ผ่านพวงแก้ม
นิ้วมือเย็นเฉียบที่วนเวียนอยู่บนผิวทำให้นางตัวสั่นอย่างอดไม่ได้
"แล้วท่านมาถามข้าทำไม ตอนนี้ข้าตกอยู่ในมือท่าน อยากฆ่าก็ฆ่า อยากตีก็ตี ข้ายังมีทางขัดขืนอีกหรือ" ถังชิงหรูเอ่ยประชดประชัน
ชายผู้นั้นยิ้มอ่อน กล่าวว่า "ถึงจะเป็เช่นนี้ แต่เ้ายังมีทางเลือกอื่น แค่เ้า...มาเป็ผู้หญิงของข้า"
"หา?" ถังชิงหรูเลิกคิ้วพลางหัวเราะเสียงดัง "ที่แท้เสน่ห์ของแม่นางเยี่ยงข้าก็ไม่เบา ถึงขนาดทำให้คุณชายหลงรักั้แ่แรกพบ แต่น่าเสียดาย ข้าเป็สตรีช่างเลือก หากรูปโฉมไม่หล่อเหลาจริงคงไม่เข้าตา ดังนั้นท่านตัดใจเสียดีกว่า"
"อยากดูรึ" ชายหนุ่มคว้ามือซุกซนของนางที่กำลังจะฉวยโอกาสจับหน้ากากของตนเอง พลางยิ้มร้ายเอ่ยว่า "หากเ้าอยากดู คุณชายเยี่ยงข้าก็จะสงเคราะห์ให้ เพียงแต่... หลังถอดหน้ากากนี้แล้ว เ้าต้องเป็คนของข้าเท่านั้น"
ถังชิงหรูรั้งมือกลับไป สายตาบ่งบอกถึงการปฏิเสธ นางผลักเขาออกไป กล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า "ขอบคุณคุณชายที่เมตตา แต่ข้าเกรงว่าจะถูกทำให้ใตาย"
"ช่างเป็สตรีที่ไม่น่ารักเอาเสียเลย เฉินิสายตาย่ำแย่นัก ถึงมาชอบหญิงชาวบ้านอย่างเ้าได้ เป็สาวเป็แส้เทียวออกไปเฉิดฉายตามร้านตลาด ไม่รู้จักรักษาจรรยาสตรี" บุรุษสวมหน้ากากกล่าวเสียงเยาะ "ยามนี้ก็ยิ่งไม่รู้จักยางอาย"
"ฟังจากคำกล่าวของท่าน คนที่ไม่ทราบอาจนึกว่าข้าเป็อะไรกับท่าน" ถังชิงหรูกล่าวกระทบกระเทียบ "เคราะห์ดีที่เฉินิไม่ใช่ท่าน หากเขาคิดแบบนี้ล่ะก็ พวกเราคงเป็ไม่ได้แม้แต่สหาย"
"เมื่อเ้าพบคุณชายเยี่ยงข้าแล้ว ก็ไม่อาจไปจากที่นี่ได้อีกต่อไป ข้ามีทางเลือกให้เ้าสองทาง หนึ่งรั้งอยู่เป็สาวใช้ข้างกายข้า ส่วนสองก็คือ...ตาย" สายตาของบุรุษผู้นั้นเต็มไปด้วยรังสีสังหาร เพียงแค่นางเอ่ยคำว่าไม่ มือที่ไม่รู้ว่าเคยสังหารผู้ใดมาบ้างก็พร้อมยื่นเข้าหานางทันที
ถังชิงหรูเป็คนรู้จักกาลเทศะ อีกอย่างถึงรั้งอยู่ก็ยังมีโอกาสหนี แต่ถ้าตายย่อมมิอาจคืนชีพขึ้นมาใหม่ นางไม่คิดว่า์จะให้โอกาสตนเองเป็ครั้งที่สอง
"คุณชายอยากกินอะไรหรือเ้าคะ บ่าวจะไปมาให้ แต่คุณชายคงไม่กล้ากินของที่บ่าวทำกระมัง เอ๊ะ... หรือว่าคุณชายอยากดื่มน้ำ บ่าวเป็หมอ ทางที่ดีท่านอย่าดื่มน้ำที่บ่าวรินให้จะดีกว่า หากบ่าวเกิดพลั้งใส่อะไรลงไป ท้องไส้ของคุณชายจะทรมานเปล่าๆ เช่นนั้นบ่าวควรจะทำอันใดดีเล่า" ถังชิงหรูทอยิ้มหวานเชื่อม ทว่ายิ้มแต่หนัง เนื้อไม่ยิ้ม ดูออกว่าเป็การเสแสร้งแต่งจริต
บุรุษสวมหน้ากากเห็นนางทำเช่นนี้ ดวงตาก็ฉายแววเดียดฉันท์ พูดตัดบทเสียงแข็ง "ช่างเถอะ ไปฝนหมึกให้ข้า"
ถังชิงหรูเห็นอักษรตัวใหญ่ที่เขาเขียนก็พูดแกมประชดประชัน "คุณชายเขียนอักษรได้ดียิ่ง เด็กสามขวบยังเขียนได้ไม่ดีเท่าอักษรของท่านเลย อย่างน้อยต้องห้าขวบถึงจะเขียนได้ดีขนาดนี้"
"เ้าผู้หญิงคนนี้เสียงดังหนวกหูยิ่งนัก เชื่อหรือไม่ว่าข้าวางยาพิษให้เ้าเป็ใบ้ได้" บุรุษสวมหน้ากากทนเสียงของนางไม่ไหว ลั่นวาจาอย่างหงุดหงิด "ไสหัวไป"
"บ่าวจะไสหัวไปเดี๋ยวนี้ คุณชายค่อยๆ เพลิดเพลินกับการเขียนอักษรนะเ้าคะ มิต้องวิตก สิบขวบเมื่อไรจะต้องเขียนออกมาได้งดงามอย่างแน่นอน" ถังชิงหรูกำมือชูขึ้นทำท่าให้กำลังใจ
บุรุษผู้นั้นสีหน้าดำทะมึน มองถังชิงหรูเดินออกไปจากห้องก่อนยกมือขึ้นนวดคลึงหน้าผาก "อยากทำให้นางเป็ใบ้ไปเสียจริงๆ "
ถังชิงหรูออกมาจากห้องได้ก็กวาดตามองเรือนที่โอ่อ่าแห่งนั้นด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ถูกจับได้ ครานี้ก็เข้าถ้ำเสือของแท้ หากต้องติดตามพยัคฆ์ร้ายตัวนั้นทุกวันก็ไม่มีโอกาสหลบหนี นางคงต้องรอวันถูกพยัคฆ์ร้ายกลืนกินเสียแล้วกระมัง
เฉินิ ท่านเป็อย่างไรบ้าง?
คนสมองทึบอย่างท่านจะสู้วายร้ายอย่างเมิ่งหลิงได้อย่างไร ตอนนี้คงต้องอดทนสักหน่อย อย่าหาเื่ใส่ตัวทีเดียว
าแเพิ่งจะหายดี ด้วยความมุทะลุของเขา เกรงว่าคงจะได้แผลใหม่มาเพิ่ม ชอบทำให้เป็ห่วงอยู่เรื่อยเชียว!
'ตำหนักสังหาร' เป็ชื่อองค์กรนักฆ่าที่บุรุษสวมหน้ากากผู้นี้ก่อตั้งขึ้น นางอยู่ในห้องกับเขาทุกวัน บางครั้งก็ได้ยินเื่ราวภายในมาบ้าง ถึงรู้สถานะของคนเ่าั้ ทว่ารู้แล้วอย่างไร ในเมื่อไม่อาจคาดเดาวัตถุประสงค์ของพวกเขาได้ ถึงเพลานี้สิ่งที่สามารถแน่ใจได้มีเพียงอย่างเดียวคือองค์กรนี้เป็องค์กรขนาดใหญ่ มีสมาชิกกระจายอยู่ทั่วหล้า แม้แต่ในวังก็ยังมีคนที่พวกเขาจัดเตรียมไว้
"มานี่" บุรุษสวมหน้ากากนั่งอยู่บนหลังอาชา หันมาพูดกับถังชิงหรู
นางเดินไปหาเขาอย่างเชื่องช้า ดวงหน้าน้อยเงยขึ้นถาม "คุณชายมีสิ่งใดจะบัญชา"
บุรุษสวมหน้ากากคว้าข้อมือของนางแล้วฉุดขึ้นมานั่งในอ้อมแขน ก่อนตะบึงอาชาออกไป
ถังชิงหรูรีบคว้าเสื้อของบุรุษตรงหน้าไว้แน่น เขาควบอาชาไปอย่างเร่งด่วน เพียงพริบตาเดียวก็ออกมาจากคฤหาสน์ นางอยากหันกลับไปดูสถานที่ตั้งสักหน่อย แต่ยังไม่ทันสังเกตเห็นสิ่งใด พวกเขาก็ออกมาจากที่นั่นไกลแล้ว
ยามนี้มีเพียงเขาและนางสองคน ไม่มีลูกสมุนอื่นๆ ถังชิงหรูจึงอดคิดในใจไม่ได้ ยามนี้คงจะเป็โอกาสเหมาะที่สุดสำหรับการลงมือ
ระหว่างที่ถังชิงหรูกำลังเตรียมลงมือ บุรุษสวมหน้ากากก็คว้าข้อมือนางไว้พลางกระซิบข้างหู "เ้าอย่าหุนหันพลันแล่นดีกว่า มิเช่นนั้น... ข้ามิรับประกันว่าจะทำอะไรลงไปบ้าง"
ถังชิงหรูเห็นอาชาวิ่งเร็วมากจนนางเกือบร่วงลงไป จึงไม่เคลื่อนไหวอีก พลางเอ่ยปฏิเสธ "ข้าไม่ทราบว่าท่านพูดถึงสิ่งใด"
"ไม่รู้ก็ดี" บุรุษสวมหน้ากากหัวเราะเสียงเย็น
"ท่านจะพาข้าไปไหน" ถังชิงหรูนิ่วหน้า
"รอประเดี๋ยวเ้าจะรู้เอง" ชายผู้นั้นหยักมุมปาก "เ้าต้องสนใจอย่างแน่นอน"
ถังชิงหรูจับยึดอาภรณ์ของเขาไว้แน่น ไม่ช้าเขาก็หยุดพัก พอมองไปโดยรอบก็พบว่ากลับมาถึงเมืองชิ่งแล้ว ที่แท้่นี้นางก็อยู่ไกลจากเมืองชิ่งพอสมควร แสดงว่าฐานบัญชาการหลักของตำหนักสังหารหาได้อยู่ที่เมืองชิ่ง แต่เป็เมืองอื่น
เมืองชิ่งยังคงสงบสุขเช่นวันวาน หากถามว่ามีสิ่งใดแปลกไป ก็อาจเป็ประชาชนที่แลดูขวัญอ่อนประหนึ่งเห็นต้นไม้ใบหญ้าก็ไพล่นึกว่าเป็ศัตรู
"ได้ยินข่าวหรือยัง ชิ่งอ๋องของพวกเราถูกรับกลับมาจวนอ๋องแล้วนะ" มีเสียงคนกระซิบกระซาบดังมาจากฝูงชน
"มีเื่เช่นนี้ด้วยหรือ ไฉนข้าถึงไม่ได้ยินเสียงลมผ่านยอดหญ้าสักนิดเลยเล่า ชิ่งอ๋องทรงเป็อย่างไรบ้าง" คนด้านข้างถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"ได้ยินว่ามีคนเห็นเขาสุขสบายดีไม่ได้ คิดจะคุมตัวกลับไปเมืองหลวง" ผู้ที่เป็ฝ่ายเริ่มสนทนากล่าวต่อ "ท่านลุงของข้าทำงานอยู่จวนอัครเสนาบดี ข่าวนี้ไม่ผิดพลาดแน่"
"จะมีใคร ก็ท่านอัครเสนาบดีผู้นั้นเองล่ะกระมัง ไหนๆ ก็เล่ามาแล้ว พูดครึ่งหนึ่งอมพะนำไว้ครึ่งหนึ่งมันสนุกนักหรือไง" คนด้านข้างพูดเสียดสี
"ทุกคนต่างรู้กันอยู่เต็มอก ไยต้องพูดให้ชัดแจ้งขนาดนั้น หากถูกใครได้ยินเข้า พวกเราก็ซวยกันพอดี" คนผู้นั้นมองไปรอบด้าน ก่อนพูดให้แลดูลึกลับ
ถังชิงหรูหันไปมองบุรุษสวมหน้ากาก เขาบังคับม้าเดินไปอย่างช้าๆ บนถนนใหญ่ นางถูกเขากอดไว้ในอ้อมแขน คนรอบข้างเห็นแล้วกลับทำหน้าตาเฉย ราวกับไม่ใช่เื่แปลกอันใด นางยกมือขึ้นลูบพวงแก้มของตนเอง หรือว่าใบหน้าของนางจะเปลี่ยนเป็อัปลักษณ์ไปเสียแล้ว ถึงไม่มีใครจำได้
บุรุษสวมหน้ากากพาถังชิงหรูเข้าไปยังหอนางโลมแห่งหนึ่ง แต่ไรมาสถานอโคจรเช่นนั้นมักจะเปิด่ค่ำ ดังนั้นยามนี้จึงสงบเงียบเป็พิเศษ แต่แม่เล้าเมื่อเห็นบุรุษสวมหน้ากาก ก็คุกเข่าลงกับพื้นทำความเคารพอย่างนอบน้อม "นายท่านมาเองเลยหรือเ้าคะ"
"หากคุณชายเยี่ยงข้าไม่มาด้วยตนเอง พวกเ้าจะรับมือกับคนผู้นั้นได้รึ" บุรุษสวมหน้ากากกล่าวเสียงเย็น "คนผู้นั้นถึงไหนแล้วล่ะ"
"เรียนนายท่าน ใกล้จะถึงเมืองชิ่งแล้วเ้าค่ะ" แม่เล้าก้มหน้ารายงาน "ครานี้ก่อนออกมา เขาส่งตัวปลอมแยกกันเดินทางไปคนละทิศถึงสามคน เพื่อตรวจสอบเื่นี้ให้กระจ่าง ฝ่ายเราต้องสูญเสียกำลังคนไปไม่น้อย เพิ่งจะทราบทิศทางแท้จริงของเขาเมื่อไม่นานมานี้เอง คนผู้นี้เปลี่ยนสถานะหลากรูปแบบตลอดการเดินทาง กล่าวได้ว่าเ้าเล่ห์ยิ่งนัก"
"เขาสามารถทำเื่ต่างๆ ภายใต้เงื้อมมือของจิ้งจอกเฒ่าอัครเสนาบดีได้ จะไม่เ้าเล่ห์ได้อย่างไร" บุรุษสวมหน้ากากกล่าวเสียงเรียบ "เตรียมการให้พร้อม ถึงเวลาก็รวบแหเสียทีเดียว"
"แล้วทางชิ่งอ๋อง..." แม่เล้าเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
"ชิ่งอ๋องยังมีประโยชน์ เก็บชีวิตของเขาไว้ก่อน" ขณะเอ่ยวาจาประโยคนั้นก็หันมามองถังชิงหรูด้วยแววตาล้ำลึก "ออกไปเตรียมการเถอะ"
"เ้าค่ะ" แม่เล้ามองถังชิงหรูปราดหนึ่งก่อนถอยออกไป
ในห้องเหลือเพียงพวกเขาสองคน ถังชิงหรูมองบุรุษตรงหน้า ไม่ถามอันใดสักคำ นางดื่มน้ำชา กินขนมของพวกเขาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
บุรุษสวมหน้ากากนอนลงบนเตียง พักแขนทั้งสองข้างบนหมอนแล้วหลับตาลง ในห้องมีเพียงเสียงกินขนมของถังชิงหรู
"เ้าไม่ถามรึ" เสียงของบุรุษดังมาจากบนเตียง
"ไม่มีสิ่งใดน่าถาม" ถังชิงหรูกล่าวเสียงเรียบ "ถามแล้วท่านจะบอกหรือ แทนที่จะถามคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบ มิสู้ท่านบอกมาเลยดีกว่าว่าพาข้ามาทำไม ไม่ว่าท่านจะสังหารชิ่งอ๋องหรือไม่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกับข้า"
"ถ้าข้าบอกว่าที่รั้งเ้าไว้ข้างกายเพื่อป้องกันสิ่งไม่คาดคิดเล่า" ชายผู้นั้นหัวเราะเบาๆ
"ป้องกันสิ่งไม่คาดคิด?" ถังชิงหรูอึ้งงัน "หมายความว่าอย่างไร?"
"ข้ายังไม่สังหารชิ่งอ๋องตอนนี้ แต่คนที่ข้าต้องรับมือด้วยหาใช่คนธรรมดา แม้แต่ข้าเองก็ยังไม่มั่นใจว่าจะถอยมาตั้งหลักได้ เ้าเป็หมอเทวดามิใช่หรือ หากมีเ้าอยู่ข้างกาย ยามได้รับาเ็ ก็ยังรักษาชีวิตของตนเองไว้ได้" เขาอ้าปากหาวในท่วงท่าเอ้อระเหย พลางเอ่ยอย่างอ่อนเพลีย
"อะไรทำให้ท่านคิดว่าข้าจะช่วยชีวิตท่าน" ถังชิงหรูหยิบขนมมาถือเล่น "ข้าไม่รู้สึกว่าตนเองจะมีเมตตาขนาดนั้น"
"พูดมาไม่ผิด แม้ว่าเ้าจะเป็หมอเทวดาของที่นี่ ขึ้นชื่อในเื่ของความใจดีมีเมตตา แต่ข้าปฏิบัติต่อเ้าเช่นนี้ เ้าย่อมไม่ช่วยชีวิตข้าอยู่แล้ว" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "แต่ทว่า หากข้าตาย เ้าก็ต้องตายตามไปด้วย ดังนั้น เ้าควรดีใจที่ได้ช่วยชีวิตข้าด้วยมือของเ้าเอง"
ถังชิงหรูหยุดชะงักการกินไว้ชั่วขณะ มองบุรุษบนเตียงด้วยสายตาแข็งกระด้าง "ท่านทำอะไรกับข้า"
นางจับชีพจรตัวเอง ชีพจรปรกติดี ไม่เห็นว่ามีสิ่งใดผิดประหลาด แต่คนผู้นี้ไม่มีทางหลอกนาง เขากล้าเอ่ยมาแบบนี้ ก็ต้องมีบางอย่างที่อ้างอิงได้
นางไม่กล้าสบประมาทภูมิปัญญาของคนโบราณ พวกเขาสามารถเขียนกลศึกออกมามากมายขนาดนั้น เห็นได้ชัดว่ามีความคิดลุ่มลึกและซับซ้อนกว่าคนในยุคปัจจุบันมากนัก
"วางใจเถอะ ไม่ใช่อะไรใหญ่โต ก็แค่ฝังหนอนกู่ที่ข้าเพียรอุตส่าห์เลี้ยงมันอย่างยากลำบากถึงสิบปีใส่ในร่างกายของเ้า ยามปรกติก็เหมือนคนทั่วไป แต่ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน หากหนอนกู่ตัวแม่ตาย ตัวลูกก็จะตายตาม เ้าเลิกคิดที่จะขับมันออกมาได้เลย ถึงแม้วิชาแพทย์ของเ้าจะไร้ผู้เทียมทาน แต่ไม่มีทางขับเ้าตัวเล็กที่ข้าเลี้ยงมาอย่างยากลำบากถึงสิบปีตัวนั้นออกมาได้แน่" บุรุษสวมหน้ากากหัวเราะเบาๆ "น่าสนใจมากใช่ไหมเล่า"