“พี่เหมิ่ง ถ้าพวกพี่จู้จื่อบรรลุไม่ได้ล่ะพี่ว่าพวกนายทหารจะจัดการพี่ยังไงเหรอ” กัวไฮว่มองหนิวเหมิ่งที่มีสีหน้าพออกพอใจพร้อมกับถามด้วยความยิ้มแย้ม
“ไอ้น้อง ล้อเล่นแบบนี้ไม่ตลกนะ ถ้าพวกเขาไม่บรรลุ ฉันไม่ตายอยู่ที่นี่ก็คงถูกฉีกขา” หนิวเหมิ่งนิ่งอึ้งไปก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ
“ฮ่าๆ วางใจเถอะพี่ สิบนาที จะจัดการพวกเขาให้เสร็จแล้วพี่ไปที่กลุ่มเป้าหลงกับผมส่วนเื่ค่ายทหารห้าสามหนึ่งรอไว้กลับมาจากกลุ่มเป้าหลงแล้วค่อยว่ากัน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ หนิวเหมิ่งผงกศีรษะเบาๆ
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงพวกหานต้าจู้ทั้งสามคนยังไม่มีของเหลวสีดำซึมออกมาจากร่างกายกัวไฮว่วาดมือไปในอากาศ แล้วเข็มทั้งยี่สิบเจ็ดเล่มก็กลับมาอยู่ในมืออีกครั้งจากนั้นทั้งสามก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา
“จำไว้นะ อย่าไปทำร้ายผู้อื่นโดยไร้เหตุผล อย่างมากก็ครึ่งเดือน อย่างน้อยก็สิบวันผมจะกลับมาที่ห้าสามหนึ่งอีกครั้ง ไว้ตอนนั้นผมจะช่วยพวกพี่รักษาร่างกายเองตอนนี้พวกพี่ไปล้างตัวที่สระน้ำให้สะอาดเถอะ สำหรับสระน้ำนั่นหลังจากที่พวกพี่ล้างเสร็จแล้วก็พักผ่อนเถอะ” เมื่อกัวไฮว่พูดเสร็จเขาก็นั่งอยู่บนรถกระบะที่หนิวเหมิ่งขับมาเรียบร้อยแล้วจากนั้นรถก็ขับมุ่งไปชายแดนเขตทหารทางทิศตะวันออกอย่างรวดเร็วราวกับบินไป
“ต้าจู้ ฉันบรรลุเขตแดนโฮ่วเทียนแล้วจริงๆ ด้วยในที่สุดตอนนี้ฉันก็บอกได้ว่าฉันเป็ผู้บำเพ็ญเพียรจริงๆ แล้วล่ะ” เฮยซานขยับกำลังภายในร่างกายตนเองอย่างยากจะเชื่อได้ จากนั้นก็มีความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อนระลอกหนึ่งก็สะพัดออกมาจากในร่างกายนี่มันไม่ใช่เขตแดนเซียนเทียนที่ท่านอาจารย์เคยบอกตอนที่เรียนกับท่านอาจารย์เมื่อก่อนหรอกเหรอ
“ไปเถอะ เราไปล้างตัวให้สะอาด เปลี่ยนชุดก่อนค่อยคุยกัน เฮยซานเหมือนว่าปู่แกมีบางอย่างจะถามพวกเรานะ เราต้องช่วยกันพูดหน่อยแล้ว ฮ่าๆ” เมื่อหานต้าจู้พูดเสร็จทั้งสามคนก็ใช้เวลาไม่ถึงเจ็ดวินาทีก็ะโลงสระน้ำไปในเวลาเดียวกันระยะห่างสองร้อยเมตร เจ็ดวินาที ทำเอาตาแก่ที่อยู่ข้างสระต่างก็เบิกตาโพล่งบรรลุแล้วจริงๆ ด้วย ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่ทั้งสามคน
“ไอ้น้อง ข้างหน้าก็เขตแดนของกลุ่มเป้าหลงแล้วล่ะ พวกเราขับรถต่อไม่ได้แล้วเดินไปกันเถอะ” หนิวเหมิ่งจอดรถไว้ด้านข้างพร้อมกับพูดเบาๆ
“เขตแดนของพวกเขาก็เขตแดนของพวกเขาไปสิทำไมผมรู้สึกว่าพี่มาถึงที่นี่แล้วจู่ๆ ก็ขี้ขลาดขึ้นมาล่ะ” กัวไฮว่เห็นว่าหนิวเหมิ่งมีสีหน้าท่าทางตื่นตระหนกก็ถามขึ้นยิ้มๆ
“สามปีก่อนฉันมาที่กลุ่มเป้าหลงเป็ครั้งแรกตอนนั้นเป็ตอนหลังจากการแข่งขันทหารทั่วทั้งหมดฉันกับทหารใหม่สี่นายมาที่นี่ด้วยกันที่ฉันหมายความก็คือขอแค่มีใครคนใดคนหนึ่งเอาชนะกลุ่มเป้าหลงได้พวกเราห้าคนก็จะถือว่าสำเร็จภารกิจและหลังจากที่กลับมาเขตทหารทั้งหมดก็ตามใจพวกเราว่าไม่ว่าจะไปวุ่นวายที่ไหนก็ตาม” หนิวเหมิ่งมองไปบนท้องฟ้าพร้อมกับพูดเบาๆ
“จากนั้นล่ะ” กัวไฮว่ถามยิ้มๆมีเื่ราวด้วยแฮะ ดูทรงแล้วสามปีก่อนหนิวเหมิ่งาเ็มากจากที่นี่ไม่เบาเลยทีเดียว
“ก็ไม่มีหลังจากนั้นพวกเราห้าคนถูกคนในกลุ่มเป้าหลงพาไปยังค่ายของพวกเขาด้วยความสุภาพตอนนั้นพวกเขามีทั้งหมดสามร้อยคนฉันยังจำประโยคแรกที่หัวหน้าค่ายบอกกับพวกเราได้อยู่เลย และเหมือนว่าจะพูดแค่ประโยคเดียวด้วย” หนิวเิพูดด้วยสีหน้าแดงเล็กน้อย
“ฉันชื่อ สิงเทียน เป็หัวหน้าค่ายเป้าหลงฉันรู้จุดประสงค์ที่พวกแกมาในครั้งนี้ ลุยมาทีเดียวห้าคนเลยเถอะเลือกคนในเป้าหลงมาต่อสู้กับพวกแกตามใจเลย ห้าต่อหนึ่งต่อสู้ชนะแล้วพวกแกพักอยู่ที่นี่ระยะหนึ่งก็ได้ แต่ถ้าแพ้ก็ไสหัวออกไป” สิงเทียนหัวหน้าค่ายเป้าหลงในขณะนั้นมองพวกหนิวเหมิ่งทั้งห้าคนพร้อมกับพูดขึ้น
“พวกพี่ห้าคนสู้กับคนเดียวไม่ชนะเหรอ” กัวไฮว่มองหนิวเหมิ่งที่มีสีหน้าจนใจพร้อมกับถามขึ้นยิ้มๆ
“อืม พวกเราห้าคนสู้กับคนเดียว ตอนนั้นฉันจำได้ว่าเลือกคู่ต่อสู้คนที่สูงไม่ถึงร้อยแปดสิบเิเน้ำหนักไม่เกินเจ็ดสิบกิโลกรัมพวกเราััได้ว่าเขากับพวกเราเป็โฮ่วเทียนระยะกลางเหมือนกันแต่ใช้เวลาไม่ถึงนาที พวกเขาทั้งห้าคนก็พ่ายแพ้ไปแผลที่แขนขวาของฉันก็เกิดจากตอนนั้นนั่นแหละ” หนิวเหมิ่งพูดเบาๆ
“คำสั่ง!” ในขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั้นก็มีน้ำเสียงอันเยียบเย็นดังลอยออกมาจากบนเนินเขากัวไฮว่และหนิวเหมิ่งเงยหน้าขึ้นไปมองพร้อมๆ กันทว่าไม่เห็นใครสักคน
“หยุดนะ นี่คือคำสั่ง!” กัวไฮว่เดินไปข้างต่ออีกสามร้อยเมตรก็มีเสียงดังขึ้นอีกครั้งกัวไฮว่วาดมือในอากาศจากนั้นก็แทงเข็มเล่มหนึ่งไปจากนั้นชายหนุ่มใส่เสื้อผ้าสีพรางตาคนหนึ่งก็เดินออกมา
“หนิวเหมิ่งห้าสามหนึ่ง?” ชายหนุ่มมองกัวไฮว่แวบหนึ่งจากนั้นก็มองหนิวเหมิ่งแล้วถามขึ้น
“ฉันคือหนิวเหมิ่ง นี่เป็ป้ายห้อยเอวที่ปู่เซวียนหยวนซยงเฟิงให้พวกเรามานี่เป็หนังสือรับรองจากปู่ฉัน พวกเราอยากเจอาาั” หนิวเหมิ่งพูดพลางโยนของทั้งสองอย่างไปให้ชายหนุ่มคนนั้น
“ทั้งสองคนรอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวผมจะกลับไปรายงาน” ชายหนุ่มหายตัวไปกัวไฮว่คิดจะเดินไปข้างหน้าแต่ก็ถูกหนิวเหมิ่งห้ามไว้
“ผมไม่ได้จะมาขอร้องพวกเขาสักหน่อย ถ้าพวกเขาทำแบบนี้งั้นผมไม่ดูอาการป่วยของาาัแล้วล่ะ ผมต่อกรกับตระกูลกู่เองก็ได้” กัวไฮว่เก็บหญ้าใบเล็กมาจากพื้น เคี้ยวไว้ในปากพร้อมกับพูดขึ้น
“เสี่ยวเหมิ่งจื่อ ไม่เจอกันสามปีกล้าขึ้นมากเลยนะจะมาโค่นกลุ่มเป้าหลงเป็การส่วนตัวซะแล้ว” สิงเทียนยืนพูดเสียงดังลั่นอยู่บนเนินเขา
“เขานี่แหละสิงเทียน” หนิวเหมิ่งพูดเบาๆกับกัวไฮว่ด้วยความตระหนก
“ในจดหมายของคุณปู่น่าจะบอกไว้ชัดแล้วนะ ในเมื่อกลุ่มเป้าหลงต้อนรับแขกแบบนี้พวกเราก็จะกลับล่ะ แต่ถ้าพวกแกอยากรักษาอาการป่วยของาาัก็ไปต่อคิวที่อู่เฉิงซะโดยดีส่วนาาัจะจองคิวได้หรือเปล่านั้นก็ต้องดูที่โชคของเขาแล้วล่ะ” กัวไฮว่ไม่ทันรอให้หนิวเหมิ่งพูดอะไรก็พูดไปด้วยเสียงดังอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ
“เด็กดี แค่ความกล้าของแกฉันก็ชอบแล้ว เมื่อกี้ขอโทษด้วยนะกรุณาตามฉันไปที่เป้าหลง” เมื่อสิงเทียนได้ยินคำพูดของกัวไฮว่ตอนแรกก็ขมวดคิ้วบินไปอยู่ตรงหน้ากัวไฮว่แม้จะไม่มีกลิ่นัับำเพ็ญเพียรแม้แต่นิดเดียวทว่าดวงตาของกัวไฮว่บ่งบอกเขาว่าไม่ควรหาเื่คนคนนี้
“พาฉันไปหาซย่าอู๋ตี๋” คำพูดต่อมาของกัวไฮว่ทำให้สิงเทียนเบิกตาโพล่งอีกครั้ง ซย่าอู๋ตี้ในหัวซย่ามีคนกล้าเรียกซย่าอู๋จี้ชื่อนี้ตรงๆ เสียด้วย
“าาัไม่ได้ชื่อซย่าอู๋ตี้หรอกเหรอ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าผมได้ยินมาว่าพวกคุณรักษาอาการป่วยของาาัไม่ได้ แล้วก็รอไม่ได้แล้วด้วยสิงเทียนใช่ไหมเรา อยากลงมือก็ลองดู ผมรับประกันว่าจะไม่ต่อยคุณจนถึงตาย” กัวไฮว่พูดพลางหรี่ดวงตา ส่วนหนิวเหมิ่งห้ามกัวไฮว่เอาไว้ที่เขาเตือนกัวไฮว่มาตลอดทั้งทาง เด็กนี่ลืมไปเสียหมดเกลี้ยงเลย
“หวังว่าความสามารถการแพทย์ของนายจะเก่งเหมือนกับปากนะ” สิงเทียนคิดอยู่ตั้งนานก็พูดออกมาประโยคหนึ่ง
“สิงเทียนอย่าบอกนะว่าคนที่จะมารักษาพ่อบุญธรรมคือไอ้คนที่มาที่เป้าหลงเมื่อสามปีก่อนน่ะสามปีแล้วก็ไม่เห็นจะเก่งขึ้นอะไรนี่” เสียงของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้นข้างหูทั้งสามคนกัวไฮว่มองไปบนต้นไม้ที่สูงที่สุดบนยอดเขาเด็กสาวใส่ชุดสีดำทั้งตัวพูดเสียงดังอยู่บนกิ่งไม้กิ่งหนึ่งที่เดิมทีไม่อาจรับน้ำหนักของเธอได้
“ความคิดของฉันที่มีต่อผู้หญิงได้เปลี่ยนไปแล้วล่ะไม่คิดเลยว่าการปรากฏตัวของเธอในครั้งนี้จะทำให้ฉันเชื่อประโยคที่ว่า ผมยาวแล้วโง่” กัวไฮว่เห็นเด็กสาวที่อยู่บนต้นไม้ก็พูดกลับไปด้วยเสียงดัง
“อยากตายหรือไง” เด็กสาวะโลงมาจากบนต้นไม้กำลังภายในอันน่าหวาดกลัวระลอกหนึ่งก็พุ่งมาทางกัวไฮว่
“ซย่าเฟยเยี่ยน เขามารักษาาาั อย่าเสียมารยาท” สิงเทียนตะคอกเสียงดัง ทว่าช้าไปแล้วหมัดของเด็กสาวห่างจากกัวไฮว่ไปไม่ถึงหนึ่งเมตร