เนื้อหาต่อไปนี้เป็เื่ Short story นะคะ เนื้อหาจะไม่ติดต่อกันเพื่อไม่ให้งงแนะนำให้อ่าน #แซคจานิน ก่อนคับ!
วิธีที่ 7
แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจหมาเด็ก
สองวันที่ผ่านมาเบ๊บใช้ชีวิตอยู่บนเตียงเสียส่วนใหญ่ โดยมีหมอนข้างส่วนตัวเป็สิ่งมีชีวิตที่หน้าบู้บี้อีกทั้งยังนอนขดตัวเป็ก้อนและมักจะขู่ฟ่อยามเขารวบตัวเข้ามากอด…
“อื้อ!”
และครั้งนี้ก็เช่นกัน
บัดนี้หมาเปรตได้กลายร่างเป็หมาเด็กหูลู่หางตก เมื่อสังเกตเห็นว่าคนรักดูผวาตัวเองหน่อย ๆ ไม่กลัวสิแปลกเพราะสองวันมานี้เบ๊บฟัดพี่พายอย่างเอาเป็เอาตาย ตะบี้ตะบันทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าไม่โดนตบหน้าเรียกสติอีกฝ่ายคงช้ำคามือไปแล้ว
พรึ่บ!
ทุกครั้งที่ทำผิดต่อคนรักพ่อจะสอนเขาเสมอว่าต่อให้ผิดจริงหรือผิดเท็จคุกเข่าไว้ก่อน—และใช่ ตอนนี้เบ๊บกำลังคุกเข่าทำหน้าอ้อนร้องขอให้พี่พายเห็นใจ ซึ่งดูจากสายตาของเ้าตัวที่ด่าเขาทุกขณะจิตแล้วการทำแบบนี้คงไม่ได้ผลสักเท่าไร
“เธอออ เค้าขอโทษ”
“ขอโทษแล้วมันหายไหม?”
“งั้นตัวเองอึ๊บเค้าคืนไหม” ไม่ได้เป็การประชดประชันแต่อย่างใดเพราะทันทีที่เอ่ยจบเด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะดึงบ็อกเซอร์ลงจนเห็นบางอย่างห้อยต่องแต่งอยู่ตรงหว่างขา
ปึก!
“โอ๊ยเธออออ” หมอนใบใหญ่ถูกปาอัดกลางกายอย่างแรงจนฝ่ายถูกกระทำเอามือกุมไข่ตัวงอด้วยความเจ็บจุก ความจริงมันไม่ได้เจ็บอะไรขนาดนั้นแต่ที่ร้องเสียงดังเพราะแอ็กติ้งล้วน ๆ
“ถ้าใช้งานไม่ได้ขึ้นมาคนที่เดือดร้อนคือเธอนะเว้ย…ครับ” เอาดิ ขนาดคำลงท้ายห้วน ๆ ยังไม่กล้าใช้แล้วคนอย่างเขาจะเอาอะไรไปสู้อะ :- (
“หยิบเสื้อมาให้หน่อย” เอ้า เปลี่ยนเื่ง่าย ๆ แบบนี้เลย?
“ครับ”
เสื้อยืดสีชมพูที่แขวนอย่างดีไว้ในตู้เสื้อผ้าถูกมือหนาดึงออกมาก่อนจะสะบัดด้วยแรงที่ไม่มากนักเพื่อให้ง่ายต่อการใส่ และหน้าที่แฟนหนุ่มที่ดีไม่ได้จบลงเพียงเท่านั้นเพราะเบ๊บยังสวมเสื้อให้คนรักที่กึ่งนั่งกึ่งนอนเป็ผักต้มอยู่บนเตียง
“ไม่อยากใส่เสื้อหมา”
“นี่ผัวเนาะ ไม่ใช่หมา”
“ไอ้เบ๊บ!”
“โอ๋ ขอโทษค่า”
จุ๊บ!
มือหนารั้งต้นคอขาวเข้ามาใกล้ก่อนจะจุมพิตลงบนหน้าผากมนด้วยความมันเขี้ยว พี่พายขัดขืนในทีแรกแต่ทว่าพอเขาฝืนที่จะทำอีกฝ่ายก็ปล่อยเลยตามเลย เลือกที่จะนั่งหน้างอง้ำเหมือนปลาทูแม่กลองแทน
“ง่วงไหมครับ”
“อือ”
“งั้นนอน เดี๋ยวเค้าลูบหลังให้”
“ยิ้มอะไรนัก”
“เอ้า ก็คนมีความสุข” เ้าของใบหน้าเปื้อนยิ้มพาตัวเองขึ้นมาบนเตียงขนาดสามฟุตครึ่งก่อนจะเริ่มจู่โจมหวานใจด้วยการรวบอีกฝ่ายมากอดเอาไว้แนบอกด้วยความรู้สึกหวงแหน
“เบ๊บ”
“ครับ?”
“ทำไมถึงชอบกู”
“ก็พี่น่าอึ๊บ—โอ๊ย!”
“เด็กเวร” ฝ่ามือหนัก ๆ ทุบลงบนอกแกร่งอย่างแรงด้วยความหงุดหงิด ถามดี ๆ ไม่เคยจะได้ความหรอกต้องให้ทุบให้ด่าก่อน :- (
คนขี้แกล้งเมื่อเห็นว่าคนรักหน้าบูดบึ้งยิ่งกว่าเก่า เขาจึงถือวิสาสะรวบข้อมือข้างหนึ่งขึ้นมากดจูบเป็เชิงออดอ้อนโดยระหว่างนั้นก็เอาแต่นึกย้อนกลับไปถึง่เวลาแรกที่เราพบกัน—แน่นอนว่ามันไม่เหมือนหนังรักโรแมนติกที่ตัวละครจะตกหลุมรักกันั้แ่ครั้งแรกที่สบตา
มันไม่ใช่แบบนั้น
ไม่ได้ใกล้เคียงเลยแม้แต่น้อย
“ผมชอบที่พี่ไม่ซับซ้อน…หมายถึงรู้สึกยังไงก็แสดงออกแบบนั้น อย่างการที่พี่แสดงออกว่าไม่ชอบหน้าผมั้แ่แรก” พี่พายทำตัวเหมือนหมาหวงก้างทั้ง ๆ ที่ก้างชิ้นนั้นไม่ใช่ของตัวเองด้วยซ้ำ แม้จะพูดคุยกันเพียงไม่กี่คำ อา เรียกว่าเถียงคงจะเหมาะกว่าแต่กระนั้นเบ๊บก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรกับเพื่อนตัวเอง
แววตาที่ดูวิงวอนแต่กลับไม่ได้ร้องขอความรักอย่างที่ควรจะเป็ ซึ่งมันน่าสนใจ จนเขาเผลอมองมันทุกครั้งที่สบโอกาส
“ก็มึงกวนตีน”
“ส่วนพี่กวนใจ”
“เบียวสัตว์…แล้วยังไงต่อ” แม้ปากจะด่าและนึกรำคาญกับนิสัยพูดไปเรื่อยของคนเด็กกว่า แต่กระนั้นพายก็เลือกที่จะเอ่ยถามในสิ่งที่ตนอยากรู้เพราะคิดจนหัวแทบะเิก็ไม่สามารถหาเหตุผลที่อีกฝ่ายจะหลงกลมาชอบกันได้เลย
เพราะหน้าตาหรือ…ก็แค่กลาง ๆ
นิสัย? ทัศนคติ? …อา ล้วนติดลบทั้งสิ้นอย่าไปพูดถึงมันเลย
“พี่เมินผม”
“ฮะ?”
“ก็เราเจอกันในลิฟต์ตั้งหลายครั้ง กินอาหารร้านเดียวกันออกจะบ่อยแต่พี่ไม่เคยทักผมเลย ไม่สิ ผมไม่อยู่ในสายตาพี่ต่างหาก” เวร นอกจากครั้งนั้นที่ยืนเถียงกันเขากับมันเคยเจอกันด้วยเหรอวะ—พายขมวดคิ้วมุ่นพยายามค้นความทรงจำแสนสั้นของตัวเอง ทว่าสิ่งที่พบมีเพียงความว่างเปล่า
“คือกูมองไม่เห็น ขอโทษ”
“มองเห็นก็บ้าแล้ว พี่เอาแต่ก้มหน้าจนผมอดคิดไม่ได้ว่าพื้นดินมันมีดีกว่าหน้าผมตรงไหน” นี่เป็อีกหนึ่งเหตุผลที่เบ๊บยอมควักเงินค่าขนมรายเดือนที่แม่โอนให้ไปกัดสีผมจนสว่าง เพราะคิดว่าอย่างน้อยมันน่าจะดูสะดุดตาจนอีกฝ่ายหันมาสนใจกันบ้างและแน่นอนว่ามันได้ผลถึงแม้จะเป็เบ๊บเองที่ทักพี่พายก่อนก็เถอะ
“ความจริงกูสายตาสั้น”
“พอเดาได้ครับ แล้วทำไมไม่ใส่แว่นตา”
“มันไม่เท่” คำตอบน่าหอมหัวจังวะ
“ใส่แค่ตอนทำงานก็ได้นี่ครับ ส่วนเวลาปกติเดี๋ยวผมเป็หูเป็ตาให้พี่เอง”
“ปากหวานเนาะ”
“แน่นอนครับ เคยชิมแล้วไม่ใช่เหรอ”
“พานอกเื่อีกละ เล่ามาสักทีทำไมถึงชอบกู” น้ำเสียงเข้มถูกหยิบขึ้นมาใช้เพื่อปกปิดอาการขวยเขิน ครั้งหนึ่งเขาเคยเบ้ปากใส่ไอ้แซคที่มันทำตัวอ้อร้อพูดจาหวานแหววใส่จานินราวกับโลกใบนี้มีพวกมันแค่สองคน และพายสาบานต่อหน้าขี้หมาว่าจะไม่มีวันพูดแบบนี้กับใครเป็อันขาด
ทว่าใครมันจะไปคิดว่าเขาจะโดนพูดใส่แทน อีกทั้งยังเขินแก้มแดงก่ำมิต่างจากเด็กสาวในนิยายตาหวาน—เสียระบบประมาณหนึ่งแต่ช่างแม่ง มันไม่พูด พายไม่พูด คนนอกย่อมไม่มีวันรู้
“อยากรู้ขนาดนั้นเลย”
“เออดิ”
“ถามได้ไหมครับว่าทำไม?”
“ก็…มีแต่คนบอกว่ากูน่าเบื่อ ใช้ชีวิตแบบรูทีนเดิม ๆ ไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้น” มันเป็คำพูดจากปากอดีตคนคุยเมื่อหลายปีก่อน แม้จะไม่ได้รู้สึกพิศวาสอีกฝ่ายเท่าไรนักแต่กระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเสียเซลฟ์จนสุดท้ายต้องกลับห้องมานอนมองเพดานโง่ ๆ แล้วตั้งคำถามกับตัวเองว่า ‘นี่หรือเปล่าเหตุผลที่เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวไม่เคยหันมามองกันเลย’
จะบอกว่าเป็แผลในใจก็อาจจะฟังดูโหดร้ายเกินไปหน่อย…แต่มันก็ใกล้เคียง
“อาจจะฟังดูแปลก ๆ แต่ผมชอบพี่เพราะพี่ชวนผมกินข้าว—ผมขี้เหงาและผมเคยคิดว่าพี่คงเป็เพื่อนแก้เหงาที่ดีมันควรจะมีแค่นั้นแต่ผมดันไม่อยากเป็เพื่อนแล้ว”
“…”
“ไม่ว่าจะเป็เพื่อนกินข้าว เด็กข้างห้องหรืออะไรก็ตามแต่ผมไม่อยากเป็มันแล้ว” อยากเป็แฟนพี่พาย ณ ่เวลานั้นคำคำนี้ผุดขึ้นมาในหัวเช้า กลางวัน เย็น จนเขาเสียสมาธิทำอะไรไม่เป็ชิ้นเป็อันเพราะมัวแต่พะวงถึงหน้าใครอีกคนที่มักจะแสดงสีหน้าบูดบึ้งเสียส่วนใหญ่
“ชอบกูเพราะเหตุผลแค่นี้เนี่ยนะ?”
“ชอบใครสักคนมันต้องใช้เหตุผลมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“ไม่รู้…แล้วมึงไม่เบื่อกูเหรอ ชีวิตกูไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นเลยนะ”
“พาย ฟังเบ๊บนะครับ”
“…”
“เค้ามองหาความรักดี ๆ คนรักดี ๆ ไม่ได้มองหาความท้าทายในชีวิต ถ้าเค้าอยากใช้ชีวิตอยู่บนความตื่นเต้นป่านนี้เค้าไปไต่เขา โหนสลิง ไม่ยอมนอนโง่ ๆ กอดเธอแบบนี้หรอก…”
“…”
“อีกอย่างน่ะนะเธอไม่ได้น่าเบื่อ ไม่เลยสักนิด เค้าชอบที่จะได้นั่งดูเธอทำงาน ชอบเห็นสีหน้าของเธอเวลาไม่ได้ดั่งใจ ทุกอย่างที่เป็เธอเค้าชอบหมดเลย”
หรือกล่าวง่าย ๆ เลยคือ พี่พายเวอร์ชันนี้โดนใจเบ๊บบ๊อกแบ๊กอย่างจัง
“ไม่ต้องกังวลนะ ต่อให้เธอปากดีกว่านี้เค้าก็รัก”
“ไอ้เบ๊บ”
“แฮะ ๆ ล้อเล่นครับ ไม่อยากให้เครียด”
“…”
“…”
“เบ๊บ”
“ครับผม?”
“กูชอบมึงนะ ชอบมากกว่าใครเลย เออ ยอมรับก็ได้ว่ากูใจง่ายแต่ใครใช้ให้มึงใจดีล่ะ—อื้อ!” กลีบปากที่ยังคงบวมช้ำจากบทรักก่อนหน้านี้ ถูกคนตรงหน้าขโมยจูบอีกครั้งซ้ำยังพลิกตัวขึ้นคร่อมกันจนพายที่นอนอยู่ใต้ร่างถึงกับต้องใช้ปลายเล็บจิกบ่าแกร่งด้วยความใ
รสััที่เคยรุนแรงแปรเปลี่ยนเป็นุ่มนวลจนดวงตาที่พยายามปรือไว้ค่อย ๆ ปิดลงอย่างเคลิบเคลิ้มยามโพรงปากถูกเรียวลิ้นตวัดชอนไชจนอดไม่ได้ที่จะกลั่นความรู้สึกอิ่มเอมออกมาเป็เสียงครวญคราง…
“ตัวเอง แฮก”
“อะ…อะไร”
“ยังไหวอยู่ไหม แบบว่ามันแข็งอีกแล้วอะครับ—โอ๊ย!”
พลั่ก!
พายใช้ฝ่าเท้ายันหน้าท้องแกร่งของแฟนหนุ่มอย่างแรง ก่อนจะพ่นสรรพสัตว์แสนหยาบคายทั้งหลายออกมาด้วยความโมโห แม่ง ถามมาได้ว่ายังไหวอยู่ไหม เขานอนเปื่อยเป็ผักแบบนี้คงจะไหวอยู่หรอกมั้ง
“ไม่ต้องมาเบะปาก ใช้มือไป”
“อยากใช้เมียอะ”
“ตีนเหอะเบ๊บ ถ้าขืนทำอีกรอบกูได้ตายจริง ๆ ก็คราวนี้แหละ “
“อู้ยตี้ฮัก บ่มีไผต๋ายปอว่าโดนเอาดอกเน้อ”
“กูฟังออก”
“อ่าม จะว่าไปแล้วฝึกข้อมือหน่อยก็ดีแฮะ”
เนี่ย ก็ทำตัวแบบนี้จะไม่ให้เขาด่ามันว่าเด็กเวรได้ไง :- (
The end
สวัสดีค่ะนกเองนะคะ ก่อนอื่นเลยขอขอบพระคุณทุกท่านที่อยู่ด้วยกันมาั้แ่ตอนแรกจนถึงตอนจบ
เราดีใจมาก ๆ สำคัญเลยคือขอบพระคุณทุกคนที่คอมเมนท์ให้กำลังใจเรานะคะ อ่านทุกคอมเมนท์เลย และจำชื่อแอคเคาท์ได้ด้วย ฮุฮุ
สุดท้ายนี้ไว้เจอกันเื่หน้านะคะ :-)
รักกกก
Eveningdaisy
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้