“ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้วเ้ายังมีหน้ามายิ้มให้ข้าอีก ข้าจะตายไหม ขาข้าไม่รู้สึกอะไรเลย”
หลิงอันยังคงยิ้ม เห็นสีหน้ากังวลของเขาแล้วในใจพลันรู้สึกอยากกลั้นแกล้งขึ้นมา
“เห็นทีจะอันตรายแล้ว ขาเ้าอาจจะต้องตัดทิ้ง”
“เ้าพูดจริงหรือ ขะ...ข้าจะกลายเป็คนพิการแล้ว ฮึก”
ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะร้องไห้ออกมาจริง ๆ หลิงอันที่รู้ตัวว่าทำเกินกว่าเหตุรีบเอ่ยอธิบายออกไปใหม่ เป็จังหวะเดียวกับที่ผู้ใหญ่ทั้งสองเดินเข้ามาใกล้
“ข้าล้อเล่นเ้าไม่เป็อะไรมาก แค่เจ็บมากเกินไปเท่านั้น เ้าสิ่งนี้ไม่มีพิษ”
“เ้าพูดจริงใช่ไหม ?”หยงซ่านเปายังมีทีท่าไม่เชื่อ จ้องหน้าหลิงอันเขม็ง
“ข้าพูดจริง ทำใจเย็น ๆ แล้วมุ่งความสนใจไปที่ขาเ้าดี ๆ ความเจ็บเ้าหายไปแล้วใช่ไหม”
เด็กชายที่ใกลัวจนสติเตลิดไปพยายามกลั้นเสียงร้องไห้ ก้มลงมองขา
“จริงด้วยไม่เจ็บแล้ว”เมื่อสติกลับคืนมาแล้วถึงได้เงยหน้ามองคนตรงหน้า
“เ้า ! เ้าหลอกข้า !”
“ใครใช้ให้เ้าน่าแกล้งกันเล่า เผลอเหยียบกองเกาลัดเองแท้ ๆ”
“เกาลัด ? เ้าสิ่งมีหนามนี่เรียกว่าเกาลัดหรือ ?”ดูเหมือนหยงซ่านเปาจะไม่ติดใจเอาความกับหลิงอันแล้ว สายตาอยากรู้อยากเห็นจึงหันไปสนใจผลไม้เปลือกแหลมตรงหน้า
“ใช่ สิ่งนี้เรียกว่าเกาลัดพอทำให้สุกแล้วกินจะได้รสชาติมัน ๆ เคี้ยวเพลินมาก”
“เ้าพูดเหมือนเคยกินมาแล้ว เ้าเคยกินมาแล้วหรือ ?”คำถามของอีกฝ่ายทำคนฟังชะงัก
จริงสิ โลกนี้ยังไม่มีใครนำเกาลัดไปกิน แล้วเช่นนี้...ที่หลิงอันกังวลไม่ใช่หยงซ่านเปาแต่เป็หลิงซุนต่างหาก นางอยู่กับบุตรสาวตลอดไม่มีทางจะไม่รู้ว่าหลิงอันไม่เคยเห็นเกาลัดมาก่อน
แต่เหมือนความกังวลของนางจะสูญเปล่า เมื่อหันหลังไปมองมารดาแล้วได้รับสายตาภาคภูมิใจตอบกลับมา
ตนลืมไปได้อย่างไรนะ เด็กคนนี้เคยศึกษาตำราความรู้จากบิดาคนนั้น หากจะมีความรู้นอกเหนือจากที่เคยเห็นด้วยตาย่อมไม่แปลกเลยสักนิด
เมื่อคิดได้แล้วจึงหันกลับไปเผชิญหน้ากับหยงซ่านเปา
“ข้าเคยอ่านจากตำรามาก่อนจึงมีความรู้อยู่บ้าง”
“เหตุใดข้าไม่เห็นเคยได้อ่านตำราเกี่ยวกับสิ่งนี้”
“ตำรามีเป็ร้อยเป็พัน ไม่แปลกหากจะมีเล่มที่เ้ายังไม่เคยได้อ่าน”
หยงซ่านเปาคิดตาม จริงอย่างที่นางพูด
เด็กชายตัวน้อยพยักหน้าเข้าใจ เอ่ยถามออกมา
“แล้วเ้าสิ่งนี้กินเช่นไร คงไม่ใช่ว่ากินทั้งหมดใช่หรือไม่”พูดมาถึงตรงนี้สีหน้าหยงซ่านเปาถึงกับเหยเก จะไปกินของเ็ปขนาดนี้ได้อย่างไร เขาเพียงแค่เผลอเหยียบลงไปบนกองเกาลัดเพียงนิดก็เจ็บขนาดนี้แล้ว หากต้องเอาหนามแหลม ๆ พวกนั้นเข้าปาก
แค่คิดก็ขนลุกแล้ว !!
“คิดได้เช่นไรว่าจะให้กินไปทั้งเปลือก ส่วนที่กินได้คือของที่อยู่ด้านในต่างหากเล่า”ไม่ว่าเปล่าเด็กสาวขยับไปใช้เท้าเหยียบเปลือกทั้งสองข้างให้อ้าออกแล้วเขี่ยเมล็ดสีน้ำตาลเข้มด้านในออกมา
“ส่วนที่กินได้คือสิ่งนี้ต่างหากเล่า”หลิงอันก้มลงหยิบผลเกาลัดยื่นไปตรงหน้าหยงซ่านเปา อีกฝ่ายยื่นมือออกมารับผลในมือไปถือไว้
“กินได้เลยหรือไม่ ?”
“ยังต้องกระเถาะเปือกสีน้ำตาลออกก่อน ส่วนที่กินได้คือส่วนที่อยู่ด้านใน”
หลังอธิบายให้เด็กชายตรงหน้าเข้าใจแล้ว หลิงอันจึงหยัดตัวลุกขึ้นก้าวเดินไปยังผลไม้ที่ทำให้นางตาลุกวาว
เ้าสิ่งนี้จะต้องช่วยให้ครอบครัวนางมีเงินขึ้นมาอย่างแน่นอน !!
จากความทรงจำเดิมของเ้าของร่าง พบว่าผู้คนในเมืองแห่งนี้ชื่นชอบสุราเป็ย่างมาก พอได้มาเห็นว่ามีผลไม้เหมาะ ๆเกิดขึ้นในป่าความคิดที่จะทำเหล้าจึงปรากฏขึ้นมาในหัว
มือเล็กผอมแห้งยื่นออกไปเด็ดองุ่นสีเขียวออกมาหยิบเข้าปาก
“กินไม่ได้นะ !!”แต่ก่อนจะได้ลิ้มรสชาติดู องุ่นในมือพลันถูกปัดตกไปอีกทาง
เป็มารดาที่วิ่งเข้ามาขวางไม่ให้นางได้กิน
“ท่านแม่ทำอะไรหรือเ้าคะ ?”
“สิ่งนี้อันตรายกินไม่ได้”
องุ่นเนี่ยนะอันตราย !! นี่ตนได้ยินไม่ผิดใช่ไหม
“ท่านแม่ ท่านพูดอะไรสิ่งนี้ไม่อันตรายเ้าค่ะ กินได้”
“หากไม่อันตรายต้องมีคนเก็บไปกินแล้วสิ แต่นี่ไม่มีใครเก็บไปเลย เช่นนั้นจะต้องมีอันตราย”
อ๋อ...เพราะเหตุนี้สินะองุ่นในป่าถึงได้เยอะขนาดนี้
พื้นที่กว่าหนึ่งหมู่จึงเต็มไปด้วยต้นองุ่นมากมาย แถมผลยังดกมาก !
“ท่านแม่เชื่ออันเอ๋อร์สิ่งนี้ไม่อันตรายเ้าค่ะ”
หลิงซุนชั่งใจ ใจหนึ่งก็หวาดกลัวว่าจะเป็อันตราย ใจหนึ่งก็ไม่อยากเอ่ยวาจาทำร้ายความตั้งใจของบุตรสาวที่พึ่งจะกลับมาคุยกันได้ไม่นาน
“หากลูก้ายืนยัน เช่นนั้นแม่จะเป็คนกินให้ก่อน พอรู้แล้วว่าไม่เป็อันตรายจริง ๆ ค่อยกินตกลงหรือไม่”
“ได้เ้าค่ะ”
หลิงอันไม่ถือสาอยู่แล้ว มารดาจะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองว่าองุ่นกินได้จริง ๆ
เด็กสาวผู้มาจากโลกอนาคตมองมารดายื่นมือสั่น ๆ ไปเด็ดองุ่นออกมาลูกหนึ่ง สีหน้ากล้า ๆ กลัว ๆ ของนางจ้องมองผลไม้สีเขียวตรงหน้า ก่อนจะกลั้นใจโยนเข้าไป
แต่เหมือนเหตุการณ์เดิมจะเกิดซ้ำ เมื่อเด็กสาวตัวน้อยเห็นจางเหวินดึงองุ่นในมือมารดาไปกินเอง
“เพื่อนบ้านจาง !”หลิงซุนใมากที่เขาทำเช่นนี้ หากผลไม้เกิดมีอันตรายขึ้นมาตนจะรับผิดชอบอย่างไรไหว
“แม่นางหลิงไม่ต้องกังวล สิ่งนี้อร่อยยิ่งนัก มีรสชาตเปรี้ยวอมหวานกำลังดี”
“ท่านไม่รู้สึกเ็ปที่ใดใช่ไหม ? ไม่ได้รู้สึกไม่ดีตรงส่วนใด”
โถ ท่านแม่กินองุ่นไปลูกเดียวจะให้เป็อะไรไปได้ องุ่นนะไม่ใช่ยาพิษที่พอกินแล้วจะล้มพับลงไป
ถึงหลิงอันจะเข้าใจว่าอีกฝ่ายกังวลเพราะไม่เคยกินและเป็ห่วงความปลอดภัยก็เถอะ แต่ถึงกระนั้นก็อดพูดจาค่อนแคะในใจไม่ได้
“เห็นหรือไม่เ้าคะ ไม่เป็อะไรเลย สิ่งนี้ไม่มีพิษ”
“อันเอ๋อร์ลูกรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งนี้ไม่มีพิษในเมืองนี้ไม่มีใครเคยนำผลไม้ชนิดนี้มากินเลย”
งานเข้าแล้วไหมละ ตอนแรกคิดว่านางไม่สงสัยเสียอีก ดูเหมือนจะไม่ใช่สินะ
“เอ่อ...คือลูก ลูก”
เอาไงดี ต้องหาข้อแก้ตัวที่พอจะเป็ไปได้ และต้องไม่ทำให้อีกฝ่ายสงสัย เพราะต่อจากนี้นางมีสิ่งที่อยากจะทำอีกมากมายเลย
“ลูกฝันเ้าค่ะ ฝันว่ามีผู้หญิงสวย ๆ มาหา ผู้หญิงคนนั้นบอกลูกว่าสิ่งนี้กินได้เ้าค่ะ”
เอาเช่นนี้ไปก่อนแล้วกัน แม้อีกฝ่ายจะสงสัยแต่ไม่มีทางทำร้ายความรู้สึกของบุตรสาวเป็แน่ อีกอย่างในโลกนี้ยังมีความเชื่อเื่ภูตผี เทวดาอยู่ คงจะสามารถช่วยให้นางผ่านสถารการณ์เช่นตอนนี้ไปได้
และทุกอย่างก็เป็จริงดังคิด เมื่อหลิงซุนเอ่ยออกมาว่า
“ลูกได้รับความรักจากเทพธิดามาสินะ ลูกแม่โชคดีมากจริง ๆ”เพราะอย่างนี้บุตรสาวจึงได้ดูโตขึ้น ทั้งยังฉลาดพูดมากขึ้นสินะ
คนภูมิใจก็ภูมิใจ คนใก็ใ หยงซ่านเปาที่ได้ยินคำพูดหลิงอันถึงกับหลุดพูดเสียงดังออกมาว่า
“เ้าได้รับความรักจากเทพธิดาจริงหรือ ? ข้าอิจฉายิ่งนัก มีใครบ้างไม่้าความรักจากพวกท่าน ใคร ๆ ต่างก็พูดว่าหากได้รับความรักจากเทพธิดาชีวิตมีแต่จะดียิ่ง ๆ ขึ้น หรือไม่ก็จะกลายเป็คนฉลาดหลักแหลม จนสามารถสอบข้าราชการแผ่นดินได้ !!”
หลิงอันไม่เคยดีใจกับข้อแก้ตัวใดเท่านี้มาก่อน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าการเล่นกับความเชื่อจะได้ผลดีเช่นนี้
