ประตูหินโบราณมีรอยด่างดำตามกาลเวลา ซึ่งไม่อาจทราบได้ว่ามันเก็บซ่อนความโชคดีหรือความโชคร้ายเอาไว้
สถานที่แห่งนี้เรียกว่าประตูสู่์ ซึ่งหนิงเทียนไม่แน่ใจว่า “์” ในที่นี้หมายถึงแดน์หรือมีความหมายอื่นกันแน่ แต่เขาก็ไม่กล้าคิดมาก เพราะรู้ว่าเมื่อคิดมากเกินไปย่อมเกิดความลังเลและไม่มั่นคง
“ยันต์เต๋าอนันต์ วาโยพิโรธ แปดเส้นลมปราณรวมเป็หนึ่ง หลอมรวมแผนที่จิติญญา!” หนิงเทียนเต็มไปด้วยจิติญญาแห่งการต่อสู้และความกล้าหาญ ร่างกายของเขาราวกับดวงอาทิตย์ดวงน้อยที่กำลังแผดเผา เืเนื้อ กระดูก อวัยวะ และิัทั้งหมดล้วนลุกเป็ไฟจนเปล่งแสงออกมา จากนั้นเขาจึงเริ่มก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว ชีวิตและความตายอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
หนิงเทียนปีนบันไดหินได้สำเร็จและเดินหน้าต่อไปราวกับอสูรร้าย
เขาก้าวผ่านขั้นสอง สาม และสี่ในครั้งเดียว ทว่าเขากลับหยุดลงเมื่อถึงขั้นที่ห้า
เขายืนอยู่ตรงกลางบันไดหินเก้าขั้นและรู้สึกถึงภัยคุกคาม เพราะยิ่งขึ้นไปสูง ความกดดันก็ยิ่งมากขึ้น อีกทั้งยามนี้กายาสุวรรณะนิรันดร์ของเขาก็กำลังจะพังทลายแล้ว
นี่เป็เพียงขั้นห้าเท่านั้น แล้วเช่นนี้เขาจะไปต่ออีกสี่ขั้นที่เหลือได้อย่างไร?
“วาโยพิโรธเผาผลาญ!” หนิงเทียนคำรามอย่างบ้าคลั่ง ์อยู่เหนือศีรษะแล้ว จากนั้นเขาก็ก้าวเข้าสู่ขั้นที่หกอย่างเข้มแข็ง
พลันเืแดงฉานทะลักออกมาจากมุมปาก อวัยวะภายในเริ่มปริแตก เขาได้รับาเ็สาหัสเสียแล้ว “หากเส้นลมปราณทั้งแปดรวมเป็หนึ่งยังไม่พอ เช่นนั้นเส้นลมปราณทั้งเก้าก็ควรรวมเป็หนึ่งและส่งพลังเพื่อข้า!”
หนิงเทียนหมุนวนยุทธศาสตร์ครอง์ สั่นะเืเส้นลมปราณทั้งเก้าในร่าง ซ้อนทับแผนที่จิติญญา เผาชีวิตและจิติญญาเพื่อแลกกับพลังอันแข็งแกร่ง ก่อนจะผลักดันตนเองให้ผ่านไปยังขั้นที่เจ็ด
เืพลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่งจนต้องร้องลั่น หนิงเทียนประสบความสำเร็จในขั้นที่เจ็ดแล้ว แต่เขาก็แทบหมดสิ้นเรี่ยวแรง “ยะ...ยังเหลืออีกสองขั้น สองขั้นสุดท้าย ข้าต้องทำได้!”
หนิงเทียนหยิบหินิญญาจำนวนมากออกมาดูดซับพลังอย่างสิ้นหวัง และอนุมานในใจว่าตนสามารถใช้พลังและกลอุบายแบบใดได้บ้าง
“วิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่น ทะลวงพันชั้น ยันต์เต๋าอนันต์ วาโยพิโรธ!” หนิงเทียนรวบรวมแรงพลังโดยใช้ทักษะและวิชาทั้งหมดที่เขาได้เรียนรู้หลอมรวมและกระตุ้นศักยภาพให้ถึงขีดสุด
กระแสลมคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ิญญาปรากฏตัว หนิงเทียนผสานเส้นทางเต๋าพฤกษา เส้นทางแห่งจิติญญา และเส้นทางิญญาเป็หนึ่งเดียว ก่อนจะรีบเร่งขึ้นไปเสี่ยงชีวิต
เสียงที่ดังก้องอยู่ในใจของหนิงเทียนเกือบทำให้เขาแหลกสลาย ยามนี้ิญญาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
หนิงเทียนขึ้นสู่ขั้นที่แปดได้สำเร็จ แต่เขาก็ล้มลงตรงนั้น หยาดโลหิตย้อมขั้นบันไดหินจนกลายเป็สีแดงฉาน และอักขระจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นในรอยเืราวกับมารร้ายที่พยายามกลืนกินเขาเข้าไป
ยามนี้หนิงเทียนอ่อนแอมาก ดวงตาที่เต็มไปด้วยเืยังคงแฝงด้วยจิติญญาแห่งการต่อสู้และความพากเพียร เขาดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง แม้ล้มลงก็ลุกขึ้นยืนครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากพยายามนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดเขาก็ยืนหยัดได้อย่างมั่นคง
ยามนี้หนิงเทียนอยู่ห่างจากประตูสู่์เพียงก้าวเดียว แต่บันไดขั้นสุดท้ายนี้อาจเป็ขั้นที่เขาไม่มีทางก้าวข้ามได้
หินิญญาถูกใช้ไปทีละก้อน แต่หนิงเทียนก็ไม่ได้บุ่มบ่าม ยิ่งล่าช้านานเท่าใดก็ยิ่งเลวร้ายมากเท่านั้น ด้วยสถานการณ์ในยามนี้ก็เกรงว่าขั้นที่เก้าจะประสบความสำเร็จได้ยาก
หนิงเทียนยังคงครุ่นคิดโดยปล่อยให้แรงกดดันอันหนักหน่วงทำลายร่างกายและจิตใจต่อไป แต่ความตั้งใจของเขาไม่เคยหวั่นไหว
เขาพยายามผ่อนคลายและปล่อยให้กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตในร่างััถึงความผันผวนของประตูสู่์เพื่อหาแนวทางตอบโต้
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังสนั่น ฉากแปลกประหลาดของการสร้างโลกปรากฏขึ้นในใจของหนิงเทียน กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตปลดปล่อยพลังลึกลับออกมา แล้วร่างหลายร่างก็ปรากฏบนขั้นบันไดหินต่อหน้าต่อตาหนิงเทียน
ร่างเ่าั้ล้วนเป็ยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทานซึ่งเสียชีวิตนอกประตูสู่์ พวกเขามีพลังที่จะก้าวข้ามยุคสมัย แต่สุดท้ายพวกเขาก็ล้มเหลว
ทำไมกัน?
หนิงเทียนไม่ได้นึกถึงเื่นี้ แต่เขาเห็นคนจำนวนมากนอนเกลื่อนกลาดอยู่ที่นี่ อีกทั้งบันไดหินแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยเื เืทุกหยดประกอบด้วยความเข้าใจและการรับรู้ของเต๋าโดยเหล่าอัจฉริยะนับไม่ถ้วน แม้กระทั่งิญญาบางส่วนก็ยังคงติดอยู่ที่นี่
ขณะนั้นหนิงเทียนได้นึกถึงวิชาแปลงิญญาและทักษะสังเวยดวงจิตที่ต้นไม้โบราณสอนเขา
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตสามารถบันทึกการเปลี่ยนแปลงในใจของหนิงเทียนทั้งยังเข้าใจความคิดของเขา มันจึงช่วยให้คำแนะนำอย่างทันท่วงที
ประตูสู่์นี้เกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งิญญาจริงหรือ?
ต้นไม้โบราณเคยกล่าวว่าการสังเวยิญญาย่อมมีคำสาปแช่งอยู่เสมอ ซึ่งสิ่งนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แล้วประตูสู่์แสนลึกลับและคาดเดาไม่ได้นี้มีอะไรซ่อนอยู่ที่นี่กันแน่?
“ครอง์กลืนิญญา เืเป็ตัวกลาง!” เืของหนิงเทียนย้อมบันไดหินจนแดงฉาน บงกชสีมรกต ต้นไม้แห้งเหี่ยว หญ้าต้นน้อย เถาวัลย์เขียว ลำธารวงแหวน เปลวเพลิง เนินเขา และเสาลมที่อยู่รอบเขาล้วนมีรากฐานมาจากเื ซึ่งเป็วิถีแห่งจิติญญาที่ยิ่งใหญ่และผสมผสานการรุกรานของยุทธศาสตร์ครอง์ เขาสามารถดูดซับพลังอันน่าสะพรึงกลัวในขั้นบันไดหินได้อย่างแท้จริง
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็แก่นที่หลงเหลือไว้โดยบรรดาอัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ก่อนเสียชีวิต ซึ่งรวบรวมไว้ั้แ่โบราณจนถึงปัจจุบัน และในนั้นก็มีจิติญญาบางดวงที่ยังมีความคับข้องใจอยู่
หนิงเทียนใช้ศาสตร์คุมิญญาและใช้เืของตนเองแทนสี เขาวาดแท่นบูชาขึ้นในความว่างเปล่าแล้วรวบิญญาเ่าั้ก่อนจะเผาพวกมันเป็การสังเวย โดยหวังว่าจะสามารถเจาะผ่านมิติเวลาและเปิดเส้นทางไปข้างหน้าขึ้นมาได้
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนหนิงเทียนจะพบวิธีแก้ปัญหาแล้ว ยามนี้เขาอยู่ห่างจากความสำเร็จเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
ใบหน้านับไม่ถ้วนที่เปี่ยมด้วยความไม่เต็มใจซ้อนทับกันบนแท่นบูชา ทั้งยังมีส่วนที่ยึดมั่นในความแค้นและความปรารถนาที่จะทำลายสถานที่แห่งนี้
หนิงเทียนใช้การสังเวยดวงจิตในความว่างเปล่าที่ต้นไม้โบราณสอน ิญญาเ่าั้ประสานและหลอมรวมกันกลายเป็ลูกศรแสงที่สว่างจ้าก่อนจะพุ่งยิงใส่ประตูหิน
ทันใดนั้นลูกศริญญาก็สั่นะเืเศษฝุ่นตามขั้นบันไดหิน และเสียงคำรามโบราณก็พุ่งผ่านมิติเวลามาปรากฏยังที่แห่งนี้
ใบหน้าหลากหลายลอยออกมาเหนือลูกศรแสง ดวงิญญาทุกดวงกรีดร้องลั่น พวกเขาเป็อัจฉริยะจากยุคต่างๆ ที่มีความสมบูรณ์แบบในทุกด้าน ยามนี้ทั้งหมดได้รวมเป็หนึ่งเดียว พร้อมขจัดคราบสกปรกและคงแก่นแท้ไว้ ในที่สุดก็หนิงเทียนก็เข้าไปในขั้นบันไดหินที่เก้าได้สำเร็จ
ทันทีที่หนิงเทียนก้าวออกไป เสียงกรีดร้องอันแหลมคมก็ดังออกมา พลังอันน่าสะพรึงกลัวเกือบจะบดขยี้เขาออกเป็ชิ้นๆ แล้ว
นี่เป็กลอุบาย แม้หนิงเทียนจะประสบความสำเร็จ แต่เขาก็ยังต้องจ่ายด้วยราคาแสนหนักหน่วง ความกดดันของขั้นที่เก้านั้นเป็สิ่งที่ไม่อาจทานทนได้อย่างแท้จริง
หากไม่มีิญญาที่สังเวยดวงจิตในความว่างเปล่าก็คงเป็เื่ยากสำหรับหนิงเทียนที่จะฝ่าฟันขึ้นมาได้
ยามนี้หนิงเทียนยืนอยู่บนบันไดหินขั้นเก้า และดวงตาของเขาก็ถูกลูกศริญญาดึงดูด
เมื่อมันยิงเข้าไปในประตูสู่์ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด
ก่อนหน้านี้ประตูหินนั้นดูธรรมดาและไม่มีสิ่งใดพิเศษ แต่เมื่อลูกศริญญาพุ่งใส่ประตู แสงศักดิ์สิทธิ์อันสุกใสก็พลุ่งพล่านไปทั่ว ประตูหินทั้งบานสว่างไสวดุจท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ประกอบด้วยลวดลายศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วน แล้วลูกศริญญานั้นก็สลายหายไปในพริบตา
ขณะนี้ประตูสู่์ได้ปรากฏอย่างแท้จริงแล้ว แต่หนิงเทียนก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตกำลังสั่นไหวและควบคุมทักษะเก้าเนตร์ผ่านสายตาของหนิงเทียน พร้อมทั้งคอยจับการเปลี่ยนแปลงในประตูสู่์อย่างระมัดระวัง
แสงศักดิ์สิทธิ์อันเดือดพล่านไม่อาจคาดเดาได้ ภายในมีดวงดาวทุกประเภท สัตว์ในตำนานทุกชนิด พฤกษาต่างๆ รวมถึงพลังวิเศษทุกรูปแบบ หนิงเทียนรู้สึกตื่นตากับภาพที่ได้เห็นและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรเพ่งความสนใจไปยังสิ่งใด
อาวุธและอาวุธิญญาจำนวนนับไม่ถ้วนสลับสับเปลี่ยนไปมา รูปแบบการก่อตัวที่ไร้จุดสิ้นสุดแผ่กระจายไปทั่วเวหาแห่งดวงดาว นอกจากนี้ยังมีฉากาอีกมากมาย ผู้แข็งแกร่งหลายคนกำลังต่อสู้กัน ซึ่งทั้งหมดนี้ฉายออกมาภายใต้แสงศักดิ์สิทธิ์
สิ่งเหล่านี้เป็เพียงน้ำหยดหนึ่งในมหาสมุทรแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น จากูเาสู่แม่น้ำ ทะเลสาบ ทะเล ไปจนถึงดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว อาวุธ อาวุธิญญา นกมงคล และอสูรนอกโลก ราวกับประตูสู่์จะบรรจุทุกสรรพสิ่งในจักรวาลเอาไว้ภายใน
ยิ่งหนิงเทียนจ้องมองมากเท่าใด เขาก็ยิ่งปวดหัวมากเท่านั้น ด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาลและภาพมากมาย ยามนี้เขาควรมองอะไรกันแน่?
หนิงเทียนทุ่มเทความรู้ทั้งหมดลงไป ทว่าเขาก็ยังไม่เข้าใจประตูสู่์แม้แต่น้อย
แม้เขาจะยืนอยู่บนบันไดหินขั้นสุดท้าย แต่ประตูหินนี้มีความพิเศษและน่ากลัวเกินไป มันเหมือนกับว่าทุกสิ่งถูกหลอมรวมเป็หนึ่งเดียว
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง และยุทธศาสตร์ครอง์ก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ยามที่หนิงเทียนตกอยู่ในความสับสนจนทำอะไรไม่ถูก เส้นลมปราณสุดท้ายในร่างของเขาก็ส่องสว่างขึ้น ก่อนที่อักขระลึกลับจะประสานกันและอัดแน่นอยู่ในแผนที่จิติญญา
หนิงเทียนใมาก เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
การควบแน่นแผนที่จิติญญาก่อนหน้านี้ล้วนมาจากการสังเกตและการอนุมานของหนิงเทียนทั้งสิ้น เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสิ่งเ่าั้
ทว่าคราวนี้หนิงเทียนได้แต่ตกตะลึง เนื่องจากมีภาพในแสงศักดิ์สิทธิ์มากเกินไป และภาพเ่าั้ยังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนจิตใจของเขาสับสนวุ่นวาย และจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
เห็นได้ชัดว่าคราวนี้กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตช่วยย่อแผนที่จิติญญา และด้วยความช่วยเหลือจากดวงตาของหนิงเทียน มันจึงเข้าใจความลับของประตูสู่์แล้วสลักมันลงในเส้นลมปราณ โดยรวบรวมไว้ในยันต์ลึกลับเพื่อควบแน่นแผนที่จิติญญา
อักขระรวมเข้าด้วยกันทีละตัวและดึงความสนใจของหนิงเทียนเอาไว้
สัญลักษณ์ลึกลับที่เกี่ยวพันกันในเส้นลมปราณดูคล้ายประตูมิติ ซึ่งในขณะนี้มีมากถึงห้าแห่งแล้ว
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตยังคงพยายามจับตามองอย่างบ้าคลั่ง แต่หนิงเทียนมองอยู่นานก็ยังไม่เห็นประตูมิติใดๆ ภายในแสงศักดิ์สิทธิ์เลย นี่มันเื่อะไรกัน?
นิมิตของประตูสู่์ถูกกระตุ้นโดยลูกศริญญาและมันคงอยู่ไม่นานนัก ขณะที่แสงศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ จางลง ประตูหินโบราณก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของหนิงเทียนอีกครั้ง
ยามนี้ดูเหมือนกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตจะตื่นเต้นอย่างมาก เมื่อมันปล่อยความคิดออกมา หนิงเทียนก็ก้าวเข้าประตูสู่์ทันที
หนิงเทียนใมาก ประตูหินนี้ลึกลับอย่างยิ่ง หากเขาเดินเข้าไปเช่นนี้ร่างจะถูกแยกออกจากกันในทันทีหรือไม่?
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตปลดปล่อยพลังเร่งเร้ารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนหนิงเทียนรู้สึกงุนงง เขาให้ความสนใจกับสถานการณ์ในเส้นลมปราณที่เก้าก่อนจะพบว่าภายในมีประตูมิติถึงแปดแห่งแล้ว และดูเหมือนจะขาดประตูมิติแห่งสุดท้ายไป
หนิงเทียนตระหนักรู้บางอย่างขึ้นทันที เขาจึงรีบก้าวออกไปโดยไม่ได้สนใจอะไรอีก
พลันประตูสู่์กลับมาสงบเงียบดังเดิม แต่หนิงเทียนที่ก้าวเข้าไปในประตูหินกลับปรากฏตัวในห้วงเวลาและสถานที่ที่ไม่สามารถระบุได้
มีนิมิตอยู่มากมายรอบด้าน ภาพในแสงศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้ายังคงดำเนินต่อไปราวกับไม่มีที่สิ้นสุด
หนิงเทียนอยากจะหันหลังกลับแต่กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตก็หยุดความคิดของเขาไว้ มันไม่ยอมให้เขากลับไปและบอกให้เขาต้องเดินหน้าเท่านั้น
ไม่นานหนิงเทียนก็มองเห็นประตูมิติและเดินผ่านเข้าไป ทันใดนั้นเวลาและสถานที่ก็แปรเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตา ก่อนที่ภาพแปลกประหลาดจะปรากฏขึ้นทีละฉาก
ในไม่ช้าประตูมิติแห่งที่สองก็ปรากฏขึ้นและหนิงเทียนก็เดินตรงเข้าไปทันที เขายังคงเดินต่อไปผ่านประตูมิติที่สาม สี่ ห้า...
หนิงเทียนไม่เคยมองย้อนกลับ เขาเดินผ่านประตูนับร้อยนับพันราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด และเขาไม่รู้เลยว่าตนเองเดินมานานเพียงใดแล้ว
เวลาและพื้นที่สำหรับหนิงเทียนในยามนี้เป็สิ่งที่จะมีหรือไม่มีก็ได้ เพราะเขามีเพียงความคิดเดียวในใจนั่นคือการก้าวไปข้างหน้าเท่านั้น
ราวกับว่าเวลายาวนานหลายพันปีเคลื่อนผ่านไปในชั่วพริบตา เมื่อหนิงเทียนเดินผ่านประตูศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีขนาดใหญ่ ภาพโดยรอบก็อันตรธานหายไป และผืนนภาก็เต็มไปด้วยดวงดาวนับอนันต์ที่ส่องแสงกะพริบแล้วแตกสลาย พร้อมกับหนิงเทียนที่ฟื้นคืนสติกลับมาอีกครั้ง
ยามนี้หนิงเทียนอยู่ในหุบเขาที่ซึ่งมีต้นหญ้าสีเขียวและเงียบสงบ ดอกไม้ป่าบานสะพรั่งก่อนจะมีสายฟ้าฟาดลงมาอย่างเดือดดาล แล้วพุ่งใส่หว่างคิ้วของหนิงเทียนโดยพลัน
