ท่านขันทีมักจะพูดคุยกับขุนนางและบุคคลใหญ่โตอยู่เสมอ เขาเก่งกาจในการสังเกตสีหน้าและน้ำเสียงของผู้คน หรงซิวเป็ผู้มีชื่อเสียงที่อยู่รอบข้างฮ่องเต้อวี่ซวน ปกติแล้วเขาจะมีสีหน้าไม่แยแส เขารู้ว่าท่านผู้นี้เป็บุคคลสำคัญจึงปรนนิบัติอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
ไม่คิดเลยว่าในวันนี้พระอาทิตย์กลับขึ้นทางประจิม
เขาเห็นหรงซิวยิ้มไม่เพียงแค่หนึ่งหรือสองครา
หรงซิวยิ้มออกเป็เื่ที่แปลกตาเสียจริง
ขันทีใกลัวมาก เกรงว่าตนเองจะทำกระไรผิดไป เขาไม่กล้ามีปากเสียงตลอดทาง จนเมื่อไปถึงพระราชวังจึงได้ลองถามว่า “ฝ่าาอารมณ์ดีหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ใช่” หรงซิวพยักหน้า มุมปากอดยกขึ้นมิได้ “อารมณ์ไม่เลว”
“น่าจะมีเื่ดีๆ นะพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีรีบเอ่ยเยินยอ “เช่นนั้นข้าน้อยขอแสดงความยินดีกับฝ่าาก่อนแล้วกันพ่ะย่ะค่ะ”
หรงซิวพูดกับขันทีหลายประโยคอย่างที่มิเคยเป็มาก่อน ท่าทีอ่อนโยน “ขอให้สมพรปากเ้า จริงสิ ท่านลุงเรียกข้ามา มีกระไรหรือ?”
ขันทียิ้มแย้มส่ายหน้า น้ำเสียงประจบสอพลอ “ขออภัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าา เื่ส่วนพระองค์ ข้าน้อยจะกล้าคาดเดาได้อย่างไร ในเมื่อฝ่าามาถึงแล้วก็ลองสอบถามเองดูเถิดพ่ะย่ะค่ะ ทว่าก่อนที่ข้าน้อยจะออกไป ได้เห็นว่าเ้าชายสององค์ของเป่ยิถูกเชิญเข้าวังมาด้วยเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”
“โอ้?” หรงซิวอ้อเสียงยาว เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เหมือนว่าเขาจะรู้แล้วว่าเกิดกระไรขึ้น
เ้าชายเป่ยิเป็ประเภทที่มิมีธุระไม่มาอย่างแน่นอน เว้นแต่การมาเยี่ยมเยียนตอนปลายปี มาหาทันใดในเวลาอื่น เขาย่อมต้องมีเื่ขอเป็แน่ๆ
ฮ่องเต้อวี่ซวนเรียกเขามา เกรงว่าจะเอามันร้อนโยนใส่มือเขาอีกแล้วสินะ [1] ?
ใช้คนอื่นมิได้เลยหรือไร?
เพลานี้เขา้าแค่อยู่กับอวิ๋นอี้ กกกอดกันอย่างอบอุ่นเพียงเท่านั้น
หรงซิวครุ่นคิดวุ่นวายในใจ ทว่าบนใบหน้ากลับมิแสดงอารมณ์กระไรออกมา เดินตามหลังขันทีไป ไม่นานก็ถึงวังในเวลาอันสั้น
กระเบื้องเคลือบอันวิจิตรที่มีเสาทองด้านซ้ายขวาระยิบระยับเมื่อแสงแดดส่องลงมาทำให้ดูหรูหรา
ขันทีหยุดฝีเท้าและทำความเคารพเขา “องค์ชายเจ็ด ถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ เชิญพ่ะย่ะค่ะ”
“รบกวนเ้าแล้ว”
หรงซิวพยักหน้าอย่างเกียจคร้าน จับชายเสื้อผ้าแล้วเดินก้าวขาเข้าไป
แผ่นหลังของเขาในแสงและเงา ทอดเป็แนวยาว ขันทีเฝ้าดูอย่างเงียบๆ เป็เวลานานราวกับคิดกระไร
มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับองค์ชายเจ็ดองค์นี้ สาเหตุหลักมาจากท่านผู้นี้ มีประวัติชีวิตที่ตรากตรำ ทำให้เป็ที่น่าพูดถึงอย่างมาก
เื่ของบิดามารดาของเขาไม่ต้องพูดถึง ต่างถูกเล่าต่อกันราวกับนิทานมาตั้งนมนาน ถูกพูดกันในทั่วทุกตรอกซอกซอย
เมื่อพูดถึงหรงซิว เื่ที่พูดถึงเยอะคือเขาเป็องค์ชายได้อย่างไร และกลายเป็องค์ชายเจ็ดของราชวงศ์ได้อย่างไร
เื่มันเริ่มต้นหลังจากการตายของบิดาของเขา
เดิมหรงอี้เจินเป็องค์ชาย หลังจากที่เขาเสียชีวิต ลูกชายต้องสืบทอดตำแหน่งของเขาไปโดยปริยาย ตำแหน่งที่เขาได้รับเป็เพียงองค์ชายสายย่อยได้เท่านั้น มิได้นับว่าเป็ครอบครัวแท้ๆ ของราชวงศ์
แต่ที่น่าแปลกคือ ไม่นานหลังจากที่มารดาของเขาหายตัวไป ฮ่องเต้อวี่ซวนก็รับสั่งให้เพิ่มเขาเข้าไปในลำดับวงศ์ตระกูล ให้เหตุผลว่าเขาจะดูแลหรงซิวแทนเพื่อนของพระองค์ เขาสมควรได้รับตำแหน่งนี้
ทันทีที่โองการออกมา ก็พากันตกตะลึงกันทั่วหล้า
ทุกคนต่างพูดถึงสิ่งที่ฮ่องเต้อวี่ซวนทำ
บ้างก็ชื่นชมเห็นด้วย บอกว่าเขาเป็จักรพรรดิที่ใจดีและชอบธรรม จึงได้มีการป่าวประกาศคุณธรรมและความเมตตาของเขา
บ้างก็ไม่เห็นด้วย บอกว่าเขากระทำการอย่างมิมีเหตุผล มีที่ใดกันที่ใส่คนที่มิได้มีความสัมพันธ์ทางสายเืเข้าไปในลำดับวงศ์ตระกูล นั่นเป็ครอบครัวราชวงศ์เชียวนะ ดังนั้นจึงคิดกันว่าไม่แน่ว่าหรงซิวอาจจะเป็โอรสขององค์ฮ่องเต้
คำที่ว่านี้ค่อยๆ เผยแพร่ออกไปเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนเกินจริง
หรงซิวเป็โอรสของฮ่องเต้อวี่ซวนหรือ?
ขันทียิ้มแต่ไม่พูดกระไร หลายสิ่งหลายอย่างดูไร้สาระ แต่จริงๆ แล้วมันมิได้ไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง
เขามิรู้กระไรเลย และแม้ว่าจะรู้ ทว่าเพื่อความอยู่รอดแล้วคงไม่พูดกระไร
ความลับต่างๆ เกี่ยวกับหรงซิว คงจะถูกเปิดเผยให้โลกเห็นในสักวันหนึ่ง
เมื่อถึงเวลานั้น หรงซิวจะจัดการอย่างไร มิใช่เื่ที่ผู้อื่นต้องกังวลแทน
หรงซิวที่ขันทีคิดถึงอยู่ ในขณะนี้ได้มาถึงที่โถงแล้ว
เขาเดาไว้แล้วว่าต้องมิใช่เื่ดี แล้วก็เป็เช่นนั้น ฮ่องเต้อวี่ซวนบอกเขาว่าเ้าชายเป่ยิทั้งสองคน้าเที่ยวเล่นที่ต้าอวี่สักพัก จึงให้พวกเขาไปอยู่กับหรงซิว
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ราชวังจะรับผิดชอบ เพียงขอให้เขาอยู่ด้วย
หรงซิวหน้ามุ่ยลง ไม่เต็มใจที่จะยอมรับมัน
กว่าจะตกลงกำหนดความสัมพันธ์กับสตรีตัวน้อยของเขาได้ไม่ง่ายเลย ในตอนที่ทั้งสองกำลังข้าวใหม่ปลามันกะหนุงกะหนิง เขามิอยากจะทำกระไร แค่อยากจะตัวติดกันตลอดเวลาเพียงเท่านั้น
ฮ่องเต้อวี่ซวนไม่สนหรอกว่าเขากำลังคิดกระไรอยู่ พอเห็นเขาไม่พูดกระไร ก็ยิ้มแล้วตกลงตามนั้น
“เช่นนี้แล้วกัน!” เขาดีใจมาก ชี้ไปที่หรงซิวพลันพูดกับเ้าชายทั้งสองว่า “มีเื่กระไรก็บอกเขา ข้าวางใจเขามาก พวกเ้าคงเคยได้ยินชื่อเสียงของเขาแล้วใช่หรือไม่?”
เผยยวนอี้เ้าชายคนโตจากเป่ยิสง่างาม เขาก้าวไปข้างหน้าและตอบด้วยความเคารพว่า "ต้องเคยได้ยินสิพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายเจ็ดผู้ครบเครื่องบู๊บุ๋น กล่าวได้ว่าเป็เสาหลักต้นใหญ่ของราชวงศ์ เป็เกียรติที่ได้อยู่ร่วมกับองค์ชายเจ็ด การเดินทางครานี้ต้องเพลิดเพลินมากเป็แน่พ่ะย่ะค่ะ"
"ฮ่าๆๆ ต้องเป็เช่นนั้นอย่างแน่นอน ข้าได้ยินพระนามขององค์ชายเจ็ดมาช้านาน มิเคยได้มีโอกาสรู้จักเขาเลย เพลานี้ถือว่าโชคดี องค์ชายเจ็ดพ่ะย่ะค่ะ ่เพลาต่อจากนี้ขอฝากตัวด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” คนพูดเป็บุรุษที่ยืนอยู่ข้างเผยยวนอี้ เ้าชายคนที่สามของเป่ยิ ชื่อว่าเผยหลางเย่ เขาเป็คนตรงไปตรงมา ช่างพูด เป็ผู้ที่หากไม่เข้าใกล้เขา เขาก็จะเข้ามาหาเอง
ฮ่องเต้อวี่ซวนค่อนข้างพอใจกับคำตอบของเ้าชายทั้งสอง “ในเมื่อรู้จักกันแล้ว น่าจะเข้ากันได้ดีนะ นี่ก็สายแล้ว ข้ายังมีเื่ต้องจัดการ พวกเ้ากลับไปเถิด”
สิ่งที่ควรสั่งเสียพูดไปหมดแล้ว ฮ่องเต้อวี่ซวนเริ่มไล่พวกเขาออกไป
หรงซิวมิได้แสดงความคิดเห็นใดๆ ตลอดการสนทนา เื่กลับมาลงที่เขา
เขาจะทำกระไรได้ หมดหวังเช่นกัน เมื่อก่อนเขารักงานมาก นอกจากอาหารกับการนอนแล้ว เขาก็ทำแต่งาน ทำให้ไม่ว่าฮ่องเต้อวี่ซวนจะมีเื่ใด ก็รับสั่งให้เขาไปจัดการเสมอ
แม้ว่าเพลานี้จะมีความรักอยู่ในใจ ทว่าเขาจะถอนตัวปุบปับมิได้
ฮ่องเต้อวี่ซวนได้รับสั่งไว้หมดแล้ว เขาทำได้เพียงต้องทำเท่านั้น
หลังจากออกมาจากห้องโถงแล้ว ทั้งสามคนก็เดินออกจากวังด้วยกัน
เ้าชายสามเผยหลางเย่พูดเยอะและเป็มิตร เขาถามเขาถึงขนบธรรมเนียมของราชวงศ์ต้าอวี่ตลอด หรงซิวตอบบ้างไม่ตอบบ้าง จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เ้าชายคนโตเผยยวนอี้สังเกตเห็นสีหน้าของเขา จึงพูดแทรกเข้ามาอย่างเป็ธรรมชาติ ถามเบาๆ ว่า “องค์ชายนอนหลับไม่สบายหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
หรงซิวพยักหน้า "มิได้พักผ่อนให้ดีน่ะพ่ะย่ะค่ะ"
เผยยวนอี้ยิ้มเล็กน้อย “พอจะดูออกพ่ะย่ะค่ะ ขอบตาของท่านคล้ำหนักเลย”
หรงซิวแปลกใจเล็กน้อย เขายักไหล่และเปลี่ยนเื่ “องค์ชายมาที่นี่เพื่อตั้งใจจะไปเที่ยวหรือพ่ะย่ะค่ะ?” หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เขาค่อยๆ พูดต่อ "เท่าที่ข้ารู้ ท่านมิใช่คนที่จะใช้เวลาว่างเพื่อความเพลิดเพลิน”
เผยยวนอี้หัวเราะตอบ ไม่แปลกใจเลยสักนิด ที่หรงซิวเข้าใจเขาดี
หรงซิวเป็ผู้ที่มีพร์ในการคาดการณ์ของราชวงศ์นี้ ความสามารถและเส้นสายของเขามีมากเพียงใด เกรงว่าจะไม่สามารถจินตนาการได้
ต่อหน้าเขา เผยยวนอี้มิได้ปิดบัง ยิ่งกว่านั้นเขายังอาจจะช่วยได้ จึงได้แต่พูดเสียงเบา “เที่ยวเล่นน่ะแค่เื่บังหน้าพ่ะย่ะค่ะ สุดที่รักของพวกข้าหายไป ข้าตั้งใจจะมาหาพ่ะย่ะค่ะ”
เชิงอรรถ
[1] มันร้อน 烫手山芋 หมายถึง เื่หรือปัญหาที่รับมือยาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้