หลินเยว่ยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางแสงดาวอยู่ชั่วครู่ขณะที่เขาเตรียมหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้านนั้นสายตาของเขาเหลือบไปเห็นก้อนหินที่อยู่ข้างๆ สระเล็กๆ ภายในสวนก้อนหนึ่ง
หินหยก?
หลินเยว่นิ่งอึ้งไปทันทีทำไมเฮียฉินถึงได้ใช้หินหยกตกแต่งสระได้ล่ะ ถึงแม้จะใช้เพียงแสงจันทร์เขาก็สามารถมองเห็นประกายสีเขียวจากทาง้า ดูเหมือนว่าจะเป็สีของหยกเสียด้วย
หลินเยว่ตรงเข้าไปเข้าหาก้อนหินก้อนนั้น แล้วจึงหยิบไฟฉายกำลังสูงขึ้นมาส่องดูทันใดนั้นจึงมีประกายสีเขียวปรากฏขึ้นทันที ราวกับเป็หยดน้ำที่เป็ประกายสีเขียวดูน่าหลงใหลยิ่งนัก
ถึงแม้ว่าจะเป็เวลากลางคืน แต่หลินเยว่ก็ยังคงมองออกว่าหยกตรงหน้านี้ไม่มีทางเป็หยกธรรมดาเพียงสีของหยกและการทะลุของแสงของมันก็สามารถทำให้หยกจำนวนมากทาบไม่ติด
หลังจากนั้น เขาจึงมองภาพรวมลายเส้นของเปลือกผิวหินหยกด้านนอกจึงพบว่าเดิมทีผิวเปลือกนอกของหินหยกก้อนนี้มีความหนามากแต่เนื่องจากมันถูกน้ำเซาะมาเป็เวลานาน ทำให้เปลือกผิวนอกจึงค่อยๆ ถูกกัดกร่อนไปอีกทั้งมันยังดูเกลี้ยงเกลาราวกับก้อนกรวด ตอนนี้ผิวเปลือกนอกของหินหยกก้อนนี้กับตัวหยกด้านในมีเพียงหินชั้นบางๆชั้นหนึ่งกั้นอยู่เท่านั้น หากไม่ได้เป็เพราะหลินเยว่มีสายตาอันเฉียบคมกว่าจะมีคนพบหินหยกก้อนนี้ก็อาจจะต้องรอไปอีกหลายปี
หลินเยว่ลองประเมินมูลค่าภาพรวมของหินหยกเบื้องหน้านี้จากลายเส้นตรงเปลือกผิวทำให้คาดการณ์ได้ว่าหยกก้อนนี้มีขนาดไม่เล็กเท่าไรน่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1 -1.5 ล้านหยวน
นี่ก็ถือว่า์ได้เมตตาต่อครอบครัวที่มีจิตใจดีอย่างหนึ่ง
หลินเยว่คิดอย่างดีใจเขาไม่เคยคิดจะหินหยกก้อนนี้ไว้กับตัว เพราะว่าถึงแม้ว่าเขาจะเป็คนพบมันแต่มันก็ไม่ใช่ของเขาั้แ่แรกอยู่แล้ว อีกทั้งถึงเขาคิดอยากจะแย่งหินหยกจากคนอื่นเขาก็ไม่ควรแย่งจากเฮียฉินของเขาสิ
“เฮียฉิน!เฮียฉิน!”หลินเยว่ะโเข้าไปในบ้านเสียงดังลั่น
“เกิดอะไรขึ้น หลินเยว่”ฉินจงฮั่นวิ่งออกมาอย่างรีบร้อน เขาคิดว่าหลินเยว่เกิดเื่อะไรขึ้นและเพราะความในี้จึงทำให้เขาหายเมาไปไม่น้อย
เพียงเสียงะโของหลินเยว่ก็ทำให้ครอบครัวของฉินจงฮั่นทั้งสามคนวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อพวกเขาทั้งสามเห็นว่าหลินเยว่นั่งอยู่ข้างสระอย่างเรียบร้อยปลอดภัยดีพวกเขาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
“หลินเยว่ พวกเรากลับไปดื่มเหล้ากันต่อเถอะคุณนั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะ” ขณะที่พูดฉินจงฮั่นก็เดินเข้าไปหาหลินเยว่พร้อมกับจะดึงหลินเยว่เข้าไปในบ้านด้วยกัน
“ฮ่าๆ เฮียฉิน เฮียดูสิ นี่คืออะไร?”หลินเยว่ยกมือขึ้นเปิดไฟฉายกำลังสูงพร้อมกับส่องไปยังบนหินหยกก้อนนั้นประกายสีเขียวของหยกด้านในจึงปรากฏขึ้นเต็มสายตาของพวกเขาทั้งสามคน
“เฮ้ย! หยก!”
ฉินจงฮั่นรีบพุ่งตัวเข้าไปหาหินหยก เพราะสำหรับคนขายหินหยกแล้วไม่มีอะไรที่สามารถดึงดูดสายตาของเขาได้ไปมากกว่าก้อนหยก
ส่วนอาซ้อฉินและฉินซือหานกลับมองประกายสีเขียวอย่างตกตะลึงจนหยุดนิ่งอยู่กับที่พวกเขายังไม่มีสติกลับคืนมา เป็ไปได้อย่างไรที่ที่ตรงนั้นจะมีหยกวางอยู่ตรงนั้นมันเป็สระน้ำที่ใช้กองหินหยกที่ไร้ค่าก่อขึ้นมาไม่ใช่หรือ?
แต่ทว่า เมื่อพวกเขาได้สติคืนมาแล้วสายตาที่พวกเขามองหลินเยว่จึงเปลี่ยนไป ราวกับว่าพวกเขากำลังมองดวงดาวนำโชคเลยทีเดียวสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมและศรัทธา
ฉินจงฮั่นหยิบไฟฉายกำลังสูงจากในมือของหลินเยว่มาแล้วก็เริ่มส่องหินหยกอย่างละเอียดทันทีเมื่อมั่นใจว่าหยกด้านในไม่ได้เป็เพียงแผ่นหยกบางๆ แล้ว เขาจึงรีบพูดกับภรรยาของตัวเองทันที“เปิดไฟในสวนทั้งหมดนะ แล้วก็หยิบพลั่วเหล็กและค้อนออกมาด้วย”
หลังจากอาซ้อฉินเดินจากไปฉินจงฮั่นจึงชกหลินเยว่แรงๆ หนึ่งทีทันที แล้วจึงหัวเราะออกมาเสียงดัง“ไอ้หนุ่มนี่เป็ดวงดาวนำโชคของครอบครัวพวกเราจริงๆ นับั้แ่ได้พบคุณธุรกิจของเฮียก็ดีขึ้นทุกวัน ตอนนี้ยังมาพบหยกในบ้านของเฮียอีก ไม่รู้จริงๆว่าไอ้หนุ่มอย่างคุณเป็ดวงดาวนำโชคส่งลงมาถึงพวกเราใช่หรือเปล่า ฮ่าๆ......”
หลินเยว่นวดหน้าอกของตนเองแล้วก็ยิ้มอย่างขัดเขิน ในใจของเขาคิดว่า “ดวงดาวนำโชคที่ไหนกันล่ะก็แค่โชคดีเท่านั้นเอง”
เมื่ออาซ้อฉินหยิบพลั่วเหล็กและค้อนออกมาแล้วฉินจงฮั่นจึงเริ่มลงมือจัดการหินหยกก้อนนั้นทันที มันจึงถูกนำลงมาอย่างรวดเร็วหลังจากนั้นเขายังใช้ไฟฉายกำลังสูงส่องไปยังก้อนหินหยกบริเวณรอบๆ สระน้ำอีกครั้งผลปรากฏว่าเขาไม่พบอะไรเลย แต่ทว่าเมื่อมีหินหยกที่มีมูลค่า 1 ล้านหยวนเช่นนี้ก็ถือว่าเป็เื่ที่น่ายินดีมากแล้ว
ศิลปะการติดต่อสื่อสารกับคนอื่นของฉินจงฮั่นนั้นดีกว่าหลินเยว่มากยิ่งนักแต่ทว่าในด้านการตัดหินหยกและการพนันหินหยกแล้วเขาสู้หลินเยว่ไม่ได้เลย ดังนั้นเขาจึงให้หลินเยว่เป็ผู้ตัดหินหยกก้อนนี้ เพราะไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็สิ่งที่พบโดยบังเอิญเขาจึงไม่กลัวว่าจะตัดแล้วเกิดความเสียหาย
เมื่อมีหยกเช่นนี้ ข้าวก็ไม่ต้องกินกันแล้วหลินเยว่ลากเส้นๆ หนึ่งลงบนหินหยกหลังจากนั้นจึงเริ่มควบคุมการทำงานของเครื่องตัดหินหยกขนาดเล็กที่อยู่ในของบ้านฉินจงฮั่นแล้วจึงเริ่มตัดหินหยกขึ้นมา
เมื่อเห็นท่าทางการกระทำต่างๆในการตัดหินหยกของหลินเยว่แล้ว ครอบครัวฉินจงฮั่นทั้งสามคนต่างมองอย่างตกตะลึงพวกเขาไม่เคยเจอเทคนิควิธีการตัดหินหยกที่เหนือชั้นขนาดนี้มาก่อน มันช่างมีความเชี่ยวชาญไม่เหมือนใครและมีความแม่นยำสูงมากอีกด้วย
เมื่อเสียง “ครืดๆ” หยุดลงหินหยกถูกแบ่งออกเป็สองส่วน
ฉินจงฮั่นจึงรีบยกน้ำ 1 กะละมังเดินเข้ามาแล้วนำหยกก้อนนั้นวางลงในกะละมังแล้วล้างให้สะอาดหยกที่มีความใสกระจ่างบริสุทธิ์จึงปรากฏสู่สายตาของพวกเขาทั้งสี่คน
“เป็หยกที่สวยจริงๆ เลย ตลอดหนึ่งปีมานี้จะหาหยกที่ดีแบบนี้จากถนนหินหยกสายนี้ได้ยากมากแล้ว!” ฉินจงฮั่นได้แต่อุทานออกมามือทั้งคู่ของเขาถึงกับสั่นเพราะความตื่นเต้น
หลินเยว่เหลือบมองหยกก้อนนี้เพียงชั่วครู่ด้วยสีหน้าราบเรียบเพราะสิ่งที่เขาสนใจมากยิ่งกว่าก็คือตำแหน่งที่เขาลงมีดนั่นเองนี่เป็ครั้งแรกที่เขาลากเส้นด้วยตนเองและก็เป็การตัดหยกด้วยตนเองโดยไม่ได้ใช้พลังพิเศษตาทิพย์เป็ตัวช่วยเลยสักนิด
รอยตัดมีความเรียบสม่ำเสมอและก็เป็ตำแหน่งเดียวกับเส้นที่เขาลากไว้พอดี แต่ตัวหยกกลับถูกตัดออกไปบางส่วนเพราะเขาไม่ได้ตัดตรงตำแหน่งขอบของมันได้พอดีซึ่งสิ่งนี้ก็ทำให้หลินเยว่รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง
ดูจากสถานการณ์นี้ก็แสดงว่าฝีมือของเขายังไม่ค่อยดีนัก
หลินเยว่แอบถอนหายใจอย่างเงียบๆแต่ก่อนที่เขาสามารถลงมีดได้อย่างแม่นยำอย่างยิ่งนั้นเป็เพราะเขามีพลังพิเศษตาทิพย์เขาสามารถเห็นสภาพภายในทั้งหมดของหินหยกล่วงหน้าแล้วแต่ทว่าเหตุการณ์ในวันนี้มันเห็นได้ชัดว่ามีหยกส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งกลับถูกตัดออกไปและทำให้เขารู้สึกขายหน้าจริงๆ
ในที่สุดหลินเยว่ก็เข้าใจว่าความสามารถของตนเองและความสามารถของเหล่ายอดฝีมือในการพนันหินหยกนั้นแตกต่างกันอย่างไรตัวเขาสามารถแอบโกงได้ แต่ของคนอื่นนั้นล้วนเกิดจากความสามารถที่แท้จริงการใช้พลังพิเศษตาทิพย์ในการโกงไม่ใช่แผนการระยะยาวที่ดีนัก ดังนั้น เขาต้องเรียนรู้ให้มากขึ้นศึกษาให้มากขึ้น เพราะหากพลังพิเศษหายไปแล้ว เขาก็ยังสามารถอยู่ในวงการนี้ต่อไป
ขณะที่หลินเยว่กำลังปรับสภาพความคิดและจิตใจนั้นฉินจงฮั่นก็ได้เริ่มใช้เครื่องเจียระไนค่อยๆ ตัดหินออกทีละนิดหากคืนนี้ไม่ได้นำหยกด้านในออกมาให้เรียบร้อย เกรงว่าเขาคงจะนอนไม่หลับอย่างแน่นอน
ผ่านไปประมาณ 20 นาที หยกในหินหยกก้อนนี้ก็ถูกฉินจงฮั่นตัดออกมาถึงแม้ว่าจะไม่ได้ผ่านการทำให้เรียบหรือการขัดเงาแต่ทว่าหยกที่มีสภาพตามธรรมชาติจริงๆ เช่นนี้ก็ทำให้พวกเขาตื่นเต้นมากเช่นกัน
ฉินจงฮั่นมองหยกในมือ เขาตื่นเต้นจนพูดไม่ออกแล้วตนเองขายหินหยกมาหลายปี แต่นี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้ตัดหยกที่เป็ของเขาจริงๆด้วยมือของตัวเอง ่เวลาเช่นนี้มันช่างหาได้ยากเป็อย่างยิ่ง
หลินเยว่ลุกขึ้นยืนแล้วมองเวลาจากนาฬิกาข้อมือของตนเองตอนนี้เป็เวลาค่อนข้างดึกแล้ว
“เฮียฉิน ซ้อฉิน เวลาก็ค่อนข้างดึกแล้ว ผมควรจะกลับได้แล้วล่ะขอบคุณพวกเฮียที่ต้อนรับในวันนี้นะครับ”
“จะกลับตอนนี้หรือ?”ฉินจงฮั่นรีบตั้งสติขึ้นมาจากความตกตะลึง “ยังกินข้าวไม่เสร็จเลยนะ”
“ผมอิ่มแล้ว ฮ่าๆ” หลินเยว่พูดพร้อมหัวเราะ
“ทำอย่างนี้ไม่ได้สิ ดึกขนาดนี้แล้วเดินทางกลับคนเดียวไม่ปลอดภัยหรอกคืนนี้คุณก็ค้างที่บ้านพวกเราเถอะ เพราะยังไงก็มีห้องนอนมีเตียงนอนอยู่แล้ว”ฉินจงฮั่นรีบรั้งตัวหลินเยว่ไว้
เพราะครอบครัวฉินจงฮั่นทั้งสามคนต่างพูดรั้งหลินเยว่ไว้สุดกำลังสุดท้ายหลินเยว่จึงยอมพยักหน้าตกลง
“ฮ่าๆ......ไปกัน เราสองพี่น้องไปดื่มกันต่อ”ฉินจงฮั่นจับบ่าของหลินเยว่ไว้แล้วพาตัวไปยังห้องรับแขก
ส่วนใบหน้าของหลินเยว่กลับมีรอยฝืนยิ้มค้างอยู่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้