ที่ขัดขวางเ่ิูในครั้งนี้ ด้านหนึ่งก็เพื่อช่วยหลิวเย่ได้ระบายโทสะ
เด็กหนุ่มเสื้อไหมนามหลิวเย่ก็เป็คนของบ้านตระกูลหลิว ว่าไปแล้วก็คือลูกหลานนั่นเอง
และอีกด้านหนึ่งก็เป็เพราะมีคนถ่ายทอดคำสั่งอย่างลับๆ ให้เขาทำเช่นนี้ และคนผู้นั้นก็คือคนใหญ่คนโตที่เขาอยากตัดขาดใจแทบขาดแต่กระดูกคนละขนาด ทำให้เป็ไปได้ยาก
หลิวเหิงเป็ประเภทไหลตามน้ำได้อย่างธรรมชาติอยู่แล้ว ขายมิตรจิตมิตรใจให้อีกฝ่ายเสียหน่อยจะเป็ไรไป อีกประการหนึ่ง เ่ิูในสายตาเขาก็เป็แค่ขยะไร้ค่าที่จะขยำขยี้อย่างไรก็ได้ตามใจชอบ
“เฮอะๆ โลกมันก็มีสัจธรรมอย่างนี้ล่ะวะ พวกชั้นสวะก็ควรสำเหนียกรู้ถึงความต่ำต้อยของมัน...”
หลิวเหิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้หยาบตัวใหญ่ ยกถ้วยชากระดกดื่มไปอึกหนึ่ง เขาชำเลืองมอง รอเ่ิูหันกลับมาคุกเข่าอ้อนวอน
กล้าวางอำนาจบาตรใหญ่ด้วยสถานะอาจารย์คุมสอบ ยังกล้าเรียกตัวว่ามนุษย์อีกหรือ?
ก็แค่ไอ้เด็กยากจนคนหนึ่ง ถ้าเขาไม่ให้มันเข้าสอบ มันจะทำอะไรเขาได้?
ความรู้สึกที่ได้ตัดสินชะตาชีวิตของคนๆ หนึ่งระบายอยู่บนใบหน้า ทำหลิวเหิงให้สบายอารมณ์เป็ที่สุด
แต่ยามนั้นเอง...
“อาจารย์หลิว อาจารย์หลิว...” น้ำเสียงรีบร้อนดังมา เป็ลูกศิษย์ที่เขาส่งไปติดตามสถานการณ์ตะลีตะลานเข้ามาหา ใบหน้านั้นเจือความประหลาดใจ
“เกิดอะไรขึ้น?” หลิวเหิงเปิดปากถามอย่างอารมณ์ดี
สีหน้าลูกศิษย์แปลกประหลาดไม่ใช่น้อย เขาหยุดแล้วบอกเล่าทุกสิ่งที่พบเห็นจากการติดตามเ่ิูทุกรายละเอียด
เพล้ง!
พูดไม่ทันขาดคำ กาน้ำชาสีม่วงในมือหลิวเหิงก็หล่นแตกกระจาย
กาน้ำชานี้เป็ของเล่นของรักของหวงที่สุดของเขา ทุกๆ วันเขาจะนั่งมองมันเหมือนเป็สมบัติล้ำค่า มีรอยขีดข่วนแม้เพียงขีดเดียวยังทำเอาปวดใจไปครึ่งวัน แต่ยามนี้ หลิวเหิงที่กำลังสติแตก กลับไม่เหลือแก่ใจจะไปสนใจเ้ากาน้ำชาที่เหลือแต่ซากนั่นเลย
“เ้า...เ้าว่าอะไรนะ?”
เสียงแหบแห้งไร้อารมณ์ใดๆ สีหน้าขาวซีด เขาดันโต๊ะพยุงกายขึ้นมา เนื้อตัวสั่นเทา
ความหวาดกลัวและเสียใจระลอกโต เกือบจะจ่อมจมกายเขาจนมิด
เขาได้ปฏิเสธชีพจรทองคำและสติปัญญาขั้นเก้ามิให้เข้าทดสอบเืลมปราณหรือ?
์ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าการผิดวินัยเช่นนี้หากถึงหูคนระดับสูงในสำนักเมื่อไรจะกระทบตัวเขา ครูชั้นต่ำที่ไม่มีความมั่นคงอะไรเลยอย่างไรบ้าง?
ทำไมเื่ถึงกลายเป็แบบนี้ไปได้?
เ้าเ่ิูนั่น ไม่ใช่สวะไร้ค่าแม้แต่เสี้ยวเล็บหรอกหรือ?
“เ้า...เ้ามองดูดีๆ แล้วใช่ไหม?” หลิวเหิงหย่อนตัวบนเก้าอี้อย่างหมดเรี่ยวหมดแรง
ั์ตาลูกศิษย์เผยแววสงสาร พยักหน้าอย่างจริงจัง
หลิวเหิงได้ยินเสียงโอดครวญฟังไม่ได้ศัพท์จากก้นบึ้งหัวใจตัวเอง
วินาทีนี้เอง ที่เขาเข้าใจเื่หนึ่งอย่างสุดซึ้ง
สิ่งที่เ่ิูพูดนั้นไม่ผิดเลย เขาต้องเป็ฝ่ายไปอ้อนวอนจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจะชดใช้ด้วยอะไรก็ตาม เขาต้องขอร้องเต็มกำลัง ต้องให้เ่ิูมาเข้าทดสอบเืลมปราณก่อนที่พวกระดับสูงจะรู้เื่
ไม่เช่นนั้นแล้ว...
“ข้าเสียใจจริงๆ โว้ย มารดาเ้าเถอะ ไม่น่าแส่ไปยุ่งเื่หมาๆ พรรค์นี้เลย...หลิวเย่ไอ้เด็กบ้า ข้าจะมีปัญญาไปทำอะไรมันได้อย่างไร!”
หลิวเหิงคิดอย่างโมโหจัด
...
ด่านทดสอบจิตตานุภาพ
เ่ิูนั่งขัดสมาธิ หลับตาราวกับทำสมาธิธรรมดา
กลางสนามสอบ อักษรสลักใต้หินสีเทาเขียวถูกปลุกปั่น พลังปราณไร้รูปร่างพรั่งพรูทีละทัพๆ มองช่องว่างตรงกลางกระหม่อมสามจ้างของเด็กหนุ่ม กระทั่งความว่างเปล่าฉาดฉายทัศนียภาพของูเาโบราณที่ล่องลอย ทิวเขาสลับซับซ้อนพาดผ่านทีละชั้นๆ มันตั้งตระหง่านงดงาม ราวกับเทือกเขาศักดิ์สิทธิ์ดึกดำบรรพ์ก็ไม่ปาน
มโนทัศน์นี้ ก็เหมือนกับเ่ิูกำลังแบกรับูเามากมายนับลูกไม่ถ้วนไว้บนบ่า
ครั้นนับโดยถี่ถ้วนแล้ว รวมเป็ทิวเขาดึกดำบรรพ์ซ้อนกันเก้าชั้น
“จินตภาพบรรพตาเก้าชั้น...บรรพตเก้าชั้น สัญลักษณ์ของจอมยุทธจิตตานุภาพระดับเก้าเว้ย!”
“พูดถึงคนสอบแล้ว จินตภาพนั่นใช่ว่าจะไม่มีอะไร แต่สะท้อนจิติญญาของพวกเขาได้ว่ากำลังแบกรับน้ำหนักของูเาศักดิ์สิทธิ์อยู่จริงๆ!”
“ด่านนี้ทดสอบจิต พลังในการควบคุมจิตยิ่งมากเท่าไรก็ยิ่งแบกรับมโนภาพูเาศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเท่านั้น แบกได้สามลูกคือมาตรฐาน ห้าลูกคือดี เจ็ดลูกดีเลิศ และเก้าลูกคือยอดเยี่ยมยิ่ง หาได้ยากยิ่ง!”
“ว่ากันตามตรงเ้าเ่ิูนี่น่ากลัวจริงๆ แบกเขาศักดิ์สิทธิ์เก้าลูกไว้ได้ พลังในการควบคุมจิตขนาดนี้ เรียงแถวเป็อันดับหนึ่งในสามของศิษย์รุ่นนี้ได้เลย!”
“ปรากฏบรรพตเก้าชั้น น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
ผู้คนพูดคุยกันจอแจ
กลุ่มผู้ชมโดยรอบขณะนี้ ไม่เพียงแค่คนนอกที่เข้ามาชมความบันเทิงอีกต่อไป
ตามข่าวที่แพร่สะพัดไปทั่ว คนหลากหลายฐานะมากมายก็ทยอยเข้ามาที่นี่ เห็นเื่ที่เกิดขึ้นตรงหน้า พอรวมกับข่าวเื่ชีพจรของเ่ิู ผลทดสอบจิติญญา ก็ล่วงรู้ได้ในทันทีว่า เื่ที่ใหญ่พอจะสั่นะเืคนทั้งเมืองได้บังเกิดขึ้นแล้ว
คำทำนายของเ้าสำนักท่านนั้น เป็จริงแล้วงั้นหรือ?
“หมายเลข 8888 เ่ิู แบกน้ำหนักบรรพตเก้าชั้น ระดับจิตตานุภาพขั้นเก้า...” อาจารย์คุมสอบด่านจิตตานุภาพประกาศผลสอบดังก้อง แล้วบันทึกผลลงบนป้ายสลักนาม
เ่ิูกล่าวขอบคุณ เขารับป้ายคืน
รอบด้านมีคนนับร้อยที่ั์ตาร่วมกันมองเ่ิูไม่กะพริบ
ภายในนั้นมีทั้งชนชั้นสูงคนใหญ่คนโตของนคร นายพาณิชย์ผู้ร่ำรวย กองพ่อค้าคาราวาน ทหารรับจ้าง แน่นอนว่ามีอาจารย์ระดับสูงอาภรณ์ยาวสีขาวขลิบปักเงินของสำนักกวางขาว ต่างมองสำรวจเ่ิูไม่ขยับเหมือนๆ กันหมด
ความจริงแล้วทุกๆ ปีที่สำนักกวางขาวเปิดรับสมัครศิษย์นั้น สำหรับกลุ่มคนที่มีผลประโยชน์ร่วมในเมืองลู่ิแล้ว ถือเป็งานฉลองครั้งใหญ่
บนโลกที่เคารพจอมยุทธ์ พึ่งพิงหมัดและคมดาบในการอธิบายเหตุผลั้แ่ไหนแต่ไรใบนี้ นอกจากทรัพย์สมบัติ พร์ ตำราวิชายุทธ์แล้ว หนุ่มน้อยผู้มีพร์ด้านวรยุทธ์อย่างไร้เทียมทาน ก็เป็ทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของกลุ่มผู้มีประโยชน์ร่วมนี้ทั้งนั้น
เพราะเหตุนั้นเมื่อมีการสมัครสอบเข้าสำนักกวางขาวเมื่อใด กลุ่มคนเหล่านี้เองก็ย่อมจะฝักใฝ่และสนใจในทุกข้ั้นตอน
พวกเขาปราศจากคุณสมบัติพิเศษอย่างที่สำนักกวางขาวมี ไม่อาจเรียกเหล่าหนุ่มสาวจากทั่วทุกสารทิศนับพันลี้มาร่วมการทดสอบได้ ทว่ากลับสามารถค้นพบอัจฉริยบุคคลเื่วรยุทธ์ทั้งปวงได้ที่กลางกระบวนการสอบนั้นเอง
แต่สำนักกวางขาวมิใช่ตระกูลหรือพรรค มิอาจจำกัดผู้เข้าสอบได้มากเกินไป และยิ่งไม่อาจจำกัดผู้เข้าสอบในการเข้าร่วมกลุ่มผู้ประโยชน์อื่นๆในเมือง นับั้แ่ก่อตั้งสำนักมา สำนักกวางขาวล้วนสนับสนุนลูกศิษย์ให้เลือกทางเดินของตัวเอง เรียนเพื่อใช้ประโยชน์ในวันข้างหน้า ปรับตัวให้อยู่รอดในโลกที่กฎกติกาน่าขันให้ไวที่สุดเท่าที่จะเป็ไปได้
เนื่องด้วยเหตุนั้น หากมีนักยุทธ์วัยเยาว์ผู้โดดเด่นปรากฏกายขึ้น นอกเหนือจากกลุ่มชนชั้นสูงและชาวบ้านชาวเมืองตาดำๆ แล้ว คนอื่นๆ ส่วนใหญ่จะได้รับความสนใจมากบ้างน้อยบ้างจากผู้มีอิทธิพลเหล่านี้
ทั้งการลงมติเพื่อแต่งตั้งหรือลงนาม คนกลุ่มนี้จะเสาะหาทรัพย์สินมาให้การสนับสนุนการฝึกยุทธ์ของเหล่าศิษยานุศิษย์อย่างได้เปล่า หลังจากจบการศึกษา เหล่าศิษย์ทั้งหลายอาจเข้าร่วมกับคนกลุ่มนี้เพื่อผลประโยชน์
เป็เื่ที่แน่นอนว่าการฝึกฝนวรยุทธ์นั้นผลาญงบประมาณมหาศาล ไม่ต้องสนว่าจะเป็ลูกเศรษฐีรวยล้นฟ้า หรือบ้านยาจกตกต่ำ ล้วนไม่อาจสนับสนุนค่าใช้จ่ายของการฝึกของคนเพียงคนเดียวได้ตลอดรอดฝั่ง
ดังนั้นสำหรับเหล่าผู้ศึกษาแล้ว นี่คือการเลือกข้อเสนอที่สำคัญเป็อย่างยิ่ง
ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับผลประโยชน์ตามที่ตน้า
แน่นอน หากผู้เรียนจบการศึกษาจากสำนัก พัฒนาเป็จอมยุทธ์น่าเกรงขามหนักกว่าเดิมคล้ายตระกูลเย่ที่ล่วงลับไปแล้ว ถูกพรรคที่ขึ้นชื่อจารึกไว้เลยว่าน่ากลัวเป็อย่างยิ่งคัดเลือก รับเป็ลูกศิษย์ นั่นก็เป็อีกเื่หนึ่งไป
บรรดาศิษย์กับการลงนามแต่งตั้งของเหล่าผู้มีอิทธิพล อาจถูกยกเลิกและหวนคืนสู่อิสระอีกครั้งหนึ่งได้
แน่นอนว่า หลังจากศิษย์เหล่านี้จบการศึกษาจากสำนักกวางขาวแล้ว จะยิ่งแสดงพร์ที่น่ากลัว ดังเช่นเ่ิู
และเหล่าผู้มีประโยชน์นี้จะได้ความร่วมมือของพวกเขาเป็สิ่งชดเชย
มีแต่จะน่ายินดีอย่างยิ่งเหมือนๆ กัน
เก้าวันก่อนหน้าที่มีการสมัครสอบเข้าสำนักกวางขาวของรุ่นนี้ บรรดาผู้มีอิทธิพลได้ทำการแยกกันไปชักชวนเหล่ากล้าไม้ยุทธภพรุ่นใหม่ที่พวกเขาชอบใจอยู่หลายคน ั้แ่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ ล้วนแล้วแต่พอใจกลับมาทั้งนั้น
ทว่าเ่ิูกระทำวรยุทธ์ฟ้าประทานออกมาได้กล้าแกร่งยิ่งนัก มากจนคนเหล่านี้ต้องสูดลมหายใจลึกๆ
ทดสอบมาสามด่าน กวาดระดับสูงสุดของทุกด่านจนเรียบ
พอเผชิญกับผลดังนี้แล้ว แม้จะไม่สอบอีกสามด่านที่เหลือ การจะเข้าสำนักกวางขาวย่อมไร้ปัญหาอยู่ดี หนำซ้ำยังมากพอให้เหล่าผู้ทรงอิทธิพลทั้งหลายบ้าคลั่งไปเลยก็เป็ได้
และเ่ิูยังเป็คนที่ทุกคนรู้ว่ายากจนข้นแค้น ไร้ที่พึ่งพิง รีบเอามาเป็พวกไว้ย่อมดีที่สุด
“น้องชาย ข้าคือหัวหน้าผู้พิทักษ์เครือการค้าชิงหลัวหลวนผิง นี่คือบัตรเชิญของผู้นำบ้านข้าเอง” บุรุษสูงผอมหน้าตาองอาจเผยรอยยิ้ม ยื่นบัตรเชิญทองคำให้พลางเอื้อนเอ่ย “ไม่ทราบว่าน้องชายเย่เ้าจะพอเจียดเวลามาคุยกันสักครู่หนึ่งได้หรือไม่?”
เพียงประโยคนี้หลุดออกมา ประชาชนรอบด้านก็จอแจกันยกใหญ่
ความแข็งแกร่งและทรัพย์สินของเครือการค้าชิงหลัว สามารถติดหนึ่งในห้าอันดับของทั้งนครลู่ิได้สบายๆ และที่ยื่นให้ก็เป็บัตรแสดงตำแหน่งสูงสุดของผู้นำเครือ นั่นเท่ากับว่า การอุปถัมภ์ที่สูงค่าที่สุดของชิงหลัวในปีนี้ ได้วาดวางอยู่ตรงหน้าเ่ิูแล้ว
ท่ามกลางสายตานับไม่ถ้วนจ้องมอง เ่ิูทำเพียงยิ้มตอบเท่านั้น “ข้าอยากสอบเข้าให้หมดทุกด่านเสียก่อน ค่อยไปพิจารณาเื่นี้ขอรับ”
ผู้พิทักษ์เครือการค้าชิงหลัว หลวนผิงเผยสีหน้าอดกลั้นเล็กน้อย ก่อนพยักหน้าตอบรับ “ย่อมได้”
เขาเก็บบัตรนั้นกลับ
เ่ิูตอบกลับอย่างถนอมน้ำใจ แต่ใครๆ ก็ล้วนมองออก ว่าเขาได้ปฏิเสธลาภลอยจากเครือการค้าชิงหลัวเข้าแล้ว
แต่เดิมหลงคิดว่าจะรับไว้พิจารณาสักหน่อย ไม่คิดเลยว่าจะตรงไปตรงมาถึงเพียงนี้
“ฮ่าๆ น้องชายเย่นี่ตามีแววแถมมีความทะเยอทะยาน ตระกูลพ่อค้าระดับเขตแค่นี้ จะไปเหมาะสมกับผู้มีพร์อย่างเ้าได้อย่างไร” คนผู้ภาคภูมิกว่าว่ากลั้วหัวเราะ
ชายเตี้ยอ้วนเหมือนผลเมล่อนเดินออกมาจากฝูงชน มือถือพัดวีไปมา ใบหน้าดวงตาขาวสะอาด มีเครา
ชายอ้วนเดินเข้ามาใกล้ หัวเราะพลางว่า “ข้าเสนาธิการทหารใต้สังกัดใต้เท้าเว่ยอู๋ซวง แม่ทัพกองพลประจำทิศอุดรหลินถง น้องเย่ ใต้เท้าของข้าชื่นชมเ้าเป็พิ...”
เ่ิูไม่รอให้เขาพูดจบ เผยยิ้มเย็นพลางเอ่ย “กองพลประจำทิศอุดร? หลินถง? เฮอะๆ ข้าจำเ้าอ้วนเหลือขอนี่ได้ และข้ายังจำได้อีกว่าสี่ปีก่อนที่ข้าเข้าร่วมการสอบครั้งแรก เ้าไม่ได้พูดแบบนี้นี่...”
หลินถงเผยสีหน้ากระอักกระอ่วน
เ่ิูคนนี้จดจำความแค้นได้แม่นยำเสมอ
สี่ปีก่อน หลินถงก็เคยเอ่ยคำยกยอปอปั้นเขาอย่างนี้เช่นกัน
เพราะกองพลประจำทิศอุดรนั้นก็เหมือนกับคนอื่นๆ อีกมาก เชื่อในคำทำนายของเ้าสำนัก ละลายเงินไปมากมายเพื่อจะผูกมิตรเ่ิูไว้กับตัว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้