บทที่ 44 กายาศาสตราสังหารบรรลุขั้นแก่นแท้, ศาสตราเทพในกำมือ!
ค้อนเก่าแก่สีดำทะมึนแขวนคว่ำอย่างเงียบงัน ณ จุดของน้ำแข็งและไฟ ห่างจากปากถ้ำประมาณสามร้อยก้าว
“ฮู่ว…”
หลี่โม่เหงื่อท่วมกาย พ่นลมหายใจสีขาวขุ่นออกมา เพียงร้อยก้าว ร่างของเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ แม้แต่กระดูกก็ยังสั่นสะท้านจนคันยิบๆ
เขาเหนื่อยมาก แต่แววตาของหลี่โม่กลับยิ่งสุกสกาวขึ้น ศาสตราเทพกำลังปรับโครงสร้างกระดูก ทุกย่างก้าวที่เขาเดิน หลี่โม่รู้สึกได้ว่าปราณโลหิตแข็งแกร่งขึ้น ร่างกายถูกหล่อหลอมให้ทรงพลังยิ่งขึ้น
เพียงร้อยก้าวสั้นๆ เขาก็เปิดเส้นชีพจรเพิ่มได้อีกหนึ่งเส้น
สิบสามเส้นชีพจร
โดยทั่วไป ผู้ฝึกยุทธ์จะถึงขีดจำกัดที่สิบสองเส้นชีพจร ซึ่งเป็ขั้นที่จะเริ่มเปลี่ยนโลหิตเป็ปราณ และเปลี่ยนพลังความแกร่งเป็ปราณภายใน ตอนนี้หลี่โม่ก้าวข้ามขอบเขตปราณโลหิตไปโดยสมบูรณ์แล้ว และการก้าวเดินของเขายังคงไม่หยุดลงง่ายๆ
หนึ่งร้อยสี่สิบก้าว
“แรงกดดันยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”
หลี่โม่ก้าวเดินได้ยากลำบาก ร่างกายของเขาใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว มีรอยเืเล็กๆ ซึมออกมาจากิัของเขา
เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะใช้เคล็ดวิชากายาศาสตราสังหาร เพื่อลดความเสียหายจากปราณสังหารที่รุนแรง แต่ศาสตราเทพก็คือศาสตราเทพ
“โชคดีที่ความเข้าใจในวิถีแห่งยุทธ์ยังเหลืออยู่”
“ไม่เช่นนั้นวันนี้คงต้องหยุดอยู่แค่นี้แล้ว…”
หลี่โม่ยังคงอยากลองอีก
แต่พอเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แรงกดดันจากปราณสังหารที่รุนแรงก็ถาโถมเข้าใส่จากทุกทิศทางในทันที รอยเืซึมออกมามากขึ้น ร่างกายมีทีท่าว่าจะพังทลาย หลี่โม่รีบถอยกลับมาพร้อมถอนหายใจ
“เอาเถอะ ไม่สู้แล้ว”
หลี่โม่ตระหนักถึงความร้ายกาจของมัน
เขาเองก็ไม่อยากใช้พลังวิเศษเช่นกัน แต่นี่คือสิ่งที่ความเป็จริงไม่ยินยอม การพึ่งแค่ความพยายามอย่างเดียวคงไม่สามารถศาสตราเทพได้
“เอาเป็ว่าขอใช้เวลา 20 ปีตรงนี้เลยแล้วกัน”
หลี่โม่คิดในใจ แล้วเลือกที่จะทำความเข้าใจกายาศาสตราสังหาร
【ป้อนความเข้าใจในวิถีแห่งยุทธ์สิบปีสำเร็จ】
【ปีที่หนึ่ง: ท่านสังเกตศาสตราเทพ ‘ค้อนอุกกาบาตบรรลัยกัลป์’ และเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในวิถีแห่งการหลอมกาย ท่านเริ่มคิดถึงแก่นแท้ของ 《กายาศาสตราสังหาร》】
【ปีที่แปด: ในที่สุดก็เข้าใจกายาศาสตราสังหารจนถึงขั้นสมบูรณ์】
【ปีที่สิบ: ท่านเริ่มสำรวจความลึกลับของการหลอมกาย และพยายามไล่ตามขั้นเข้าถึงแก่นแท้…】
ความเข้าใจสิบปีทำให้ ‘กายาศาสตราสังหาร’ บรรลุขั้นสมบูรณ์ทันที
ไม่สิ พูดให้ถูกต้องคือเพียงแปดปีต่างหาก
หลี่โม่ยกมือปิดหน้า ยอมรับความจริงอีกครั้ง
วิชาดาบระดับสูงที่ ‘ยัยก้อนน้ำแข็ง’ สอนเขาแบบจับมือ แต่เคล็ดวิชาหลอมกายระดับวิชาไร้เทียมทานกลับต้องฝึกฝนด้วยตัวเอง ผลที่ได้คือ วิชาดาบนั้นต้องใช้ความเข้าใจในวิถีแห่งยุทธ์มากกว่าวิชาหลอมกายหลายเท่า
“เอาเถอะ”
หลี่โม่เริ่มใช้กายาศาสตราสังหารในขั้นสมบูรณ์
ทันใดนั้น ปราณสังหารที่รุนแรงจากทุกทิศทุกทางก็อ่อนโยนลงไปมาก เขาก้าวเดินอย่างมั่นคงยิ่งขึ้นไปทางค้อนอุกกาบาตบรรลัยกัลป์
หนึ่งก้าว, สองก้าว…
สิบก้าว, ร้อยก้าว…
ในพริบตา เขาก็อยู่ห่างจากจุดของน้ำแข็งและไฟเพียงประมาณห้าสิบก้าวแล้ว
ขณะที่หลี่โม่ก้าวเข้าไปในระยะห้าสิบก้าว
ตูม—
เสียงค้อนดังสนั่นราวกับเสียงฟ้าร้อง ปราณสังหารพลันถาโถมรุนแรงขึ้นอีกครั้งในทันที
เขารู้สึกราวกับกำลังเดินอยู่ในกระแสน้ำวน และต้องทนรับแรงปะทะนับไม่ถ้วนตลอดเวลา
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ค้อนอุกกาบาตบรรลัยกัลป์สามารถหล่อหลอมอาวุธลี้ลับได้”
“ค้อนเดียวฟาดลงไป อาวุธขั้นมีคมคงทนไม่ไหวหรอก”
หลี่โม่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็ศาสตราวุธที่กำลังได้รับการชำระล้างจากค้อนศาสตราเทพเล่มนี้
ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งยอดเขาอัสดงในยุคแรกๆ ต้องเป็ยอดฝีมืออย่างแน่นอน อย่างน้อยที่สุด ความเชี่ยวชาญด้านการหลอมกายก็ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้าุโหานเฮ่อปล่อยให้ค้อนเล่มนี้วางอยู่ใต้ถ้ำเทพศาสตราวุธเฉยๆ คงเป็เพราะอยากใช้แต่ก็ไร้ซึ่งพละกำลังนั่นเอง…
“แม้แต่ยอดฝีมือขั้นปราณญาณเทพก็ยังไม่แน่ว่าจะยืนอยู่ต่อหน้าค้อนนี้ได้เลย”
“ยอดฝีมือแบบไหนกันนะ ถึงจะสามารถใช้มันได้ดุจดั่งแขนขา?”
หลี่โม่ไม่คิดมากอีกต่อไป
ข้าจะขอใช้พลังวิเศษก่อนแล้วกัน
ความเข้าใจในวิถีแห่งยุทธ์ถูกส่งเข้าไปใน ‘กายาศาสตราสังหาร’ ขั้นสมบูรณ์
【ปีที่หนึ่ง: ท่านสังเกตศาสตราเทพ ค่อยๆ เข้าใจความหมายที่แท้จริงของการหลอมกายเป็ศาสตรา ท่านเริ่มสามารถปล่อยปราณสังหารที่รุนแรงจากตัวเองได้】
【ปีที่สาม: ปราณสังหารที่รุนแรงของท่าน สามารถเกิดการสั่นพ้องกับปราณสังหารของศาสตราเทพ เสริมซึ่งกันและกัน】
【ปีที่สิบสอง: ในที่สุด ท่านก็บรรลุถึงจุดสูงสุดของจุดสูงสุด ความเข้าใจในเคล็ดวิชานี้ไม่ด้อยไปกว่าผู้สร้างมัน】
【การทำความเข้าใจสำเร็จ 《กายาศาสตราสังหาร》บรรลุขั้นเข้าถึงแก่นแท้!】
รวมทั้งหมด 20 ปี
จากขั้นสมบูรณ์สู่ขั้นเข้าถึงแก่นแท้
หลี่โม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ยังคงแปลกใจอยู่บ้าง
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ การบรรลุขั้นเข้าถึงแก่นแท้กลับใช้ความเข้าใจน้อยขนาดนี้ โดนวิชาดาบทุบตีมานาน ทำให้เขาไม่ค่อยคุ้นชินแล้ว
“หลอมกายเป็ศาสตรา”
หลี่โม่พึมพำเบาๆ
ในชั่วพริบตา ร่างกายของเขาก็เริ่มปล่อยปราณสังหารที่รุนแรงออกมาเช่นกัน ไม่ถือว่าแข็งแกร่งมากนัก เพียงแค่แข็งแกร่งกว่าอาวุธเฉียบคมเล็กน้อย
เมื่อเทียบกับค้อนอุกกาบาตบรรลัยกัลป์แล้ว ก็ยังห่างกันราวฟ้ากับเหว
แต่!
‘กายาศาสตราสังหาร’ เป็วิชาไร้เทียมทาน และวิชาไร้เทียมทานที่อยู่ในขั้นเข้าถึงแก่นแท้แล้ว สามารถใช้แรงเพียงเล็กน้อยพลิกสถานการณ์ครั้งใหญ่ได้!
แรงกดดันที่ถาโถมเข้ามาลดลงอย่างมากในทันที จนหลี่โม่สามารถควบคุมแรงกดดันเหล่านี้ได้
ห้าสิบก้าวที่เหลือ หลี่โม่ก้าวเดินอย่างรวดเร็ว ในพริบตา เขาก็ยืนอยู่ตรงจุดของน้ำแข็งและไฟแล้ว
ตอนนี้เขามีเวลาพิจารณาศาสตราเทพเล่มนี้อย่างละเอียด
ค้อนเล่มนี้ ดูเหมือนหัวค้อนและด้ามค้อนจะหลอมรวมเป็ชิ้นเดียวกัน ราวกับสร้างขึ้นโดยธรรมชาติ ส่วนหัวค้อนด้านหน้าเป็สี่เหลี่ยมคล้ายตราประทับขนาดใหญ่ที่ดูเรียบง่ายแต่ซับซ้อน ส่วนด้านหลังเป็ปลายแหลมคล้ายหินประหลาดที่ถูกกัดเซาะจากสายลมฝน ดูวิจิตรบรรจงราวกับสร้างขึ้นโดยเทพ
ด้านหนึ่งใช้ทุบศาสตราวุธ อีกด้านหนึ่งใช้ทุบคน…
หลี่โม่เก็บความคิดอันตรายนั้นไป
“ข้าไม่รู้ว่าเ้าเรียกข้าเพราะเหตุใด”
“แต่ในเมื่อเ้าเลือกข้า วันนี้ข้าจะพาเ้าไป!”
เขายื่นมือออกไป กุมด้ามค้อนเบาๆ
ตูม—
ในห้วงจิตใจของเขา ราวกับจักรวาลกำลังก่อกำเนิด เสียงอุกกาบาตตกกระทบพื้นดินดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหว จิตสำนึกของหลี่โม่ว่างเปล่า และมือของเขาแทบหลุดจากแรงสั่นะเื
ปล่อยไม่ได้!
เขาขบกรามแน่น เส้นชีพจรหลักทั้งสิบสามเส้นที่เพิ่งเปิดใช้ถูกกระตุ้นขึ้นอย่างเต็มที่ พละกำลังทุกส่วนในร่างกายถูกบีบออกมาจนหมดสิ้น
ค้อนอุกกาบาตบรรลัยกัลป์ให้ความร่วมมือกับหลี่โม่เป็อย่างมากแล้ว ที่น่าเหลือเชื่อคือ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราณโลหิตคนหนึ่งกลับสามารถขยับมันได้
ครืนๆ…
ในชั่วพริบตา แผ่นดินก็สั่นะเื ถ้ำเทพศาสตราวุธทั้งถ้ำสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
…
ไม่เพียงแต่ถ้ำเทพศาสตราวุธเท่านั้นที่สั่นสะท้าน แต่ยังรวมถึงยอดเขาอัสดงด้วย
“แผ่นดินไหว! แผ่นดินไหว!”
“ยอดเขาอัสดงจะถล่มแล้วหรือ?!”
“อย่าพูดพล่อย! นี่ต้องเป็ชีพจรธรณีปะทุล่วงหน้าแน่ๆ”
“ปกติไม่ใช่มี่สงบอยู่หลายวันเหรอ? แต่วันนี้เพิ่งเป็วันแรกนะ!”
“หนีเร็ว!”
ผู้คนที่ยังอยู่ในถ้ำต่างวิ่งหนีออกไปอย่างบ้าคลั่ง โดยไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับมามอง โชคดีที่ส่วนใหญ่เลือกอาวุธเสร็จแล้ว
“อาจารย์! เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ?”
เซียวฉินออกมานานแล้ว แต่เขากลับไม่เห็นหลี่โม่มาเลยครึ่งวันแล้ว
เสียงของมหาปราชญ์พันร่างก็เริ่มครุ่นคิด
“ถ้ำนี้ไม่น่าจะถล่ม”
“แต่ว่า… นี่คือกลิ่นอายของศาสตราเทพ?”
เซียวฉินไม่ค่อยเข้าใจว่าสิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่จริงจังของอาจารย์ ก็อดไม่ได้ที่จะกังวลขึ้นมา
“ท่านอาจารย์! ศิษย์น้องหลี่ยังอยู่ในนั้น!”
มู่หรงเซียวนั่งไม่ติดแล้ว แต่ตอนนี้ถ้ำเทพศาสตราวุธกลับเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ทรงพลัง
“เป็เขาจริงๆ…”
สีหน้าของผู้าุโหานเฮ่อเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้เขาก็คาดเดาไว้บ้างแล้ว
ครั้งสุดท้ายที่ศาสตราวุธของปรมาจารย์ก่อตั้งเกิดการเคลื่อนไหวผิดปกติ เขาก็เดาได้อย่างคลุมเครือว่าเกี่ยวข้องกับหลี่โม่
แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงคือ การสั่นะเืของค้อนอุกกาบาตบรรลัยกัลป์จะรุนแรงถึงขนาดนี้!
ความคิดที่แทบเป็ไปไม่ได้ผุดขึ้นในใจ
หรือว่า… กำลังจะยอมรับเ้าของ?
“เฮ้ย ตาแก่!”
“คำพูดที่พูดไปเมื่อครู่ ต้องถือเป็คำพูดด้วยนะ”
ซางอู่กอดอก หรี่ตาลง ราวกับสุนัขจิ้งจอกที่แอบขโมยของสำเร็จ
“หากเขาขยับมันได้จริงๆ เ้าต้องมอบมันให้เขา!!”
เปลือกตาของผู้าุโหานเฮ่อกระตุก เขาโบกแขนเสื้อแล้วก้าวเข้าไปในถ้ำเทพศาสตราวุธ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้