ภาพตรงหน้าทำให้ชาวบ้านที่อยู่ห่างไกลออกไปต่างเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง มีเพียงผู้เฒ่าเฉียวที่รู้ฐานะที่แท้จริงของอาจารย์ตั่งเท่านั้นที่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ส่วนคนอื่นๆ ต่างก็ใจนแทบคุมสติไม่อยู่
โอ้์ ผู้เฒ่าที่ช่วยดูแลการก่อสร้างบ้านให้กับครอบครัวของอวิ๋นโส่วจงนั้นเป็ใครกันแน่? นายอำเภอถึงกับต้องโค้งคำนับขอโทษอย่างนอบน้อม ที่สำคัญคือดูเหมือนท่านผู้เฒ่าคนนั้นจะไม่พอใจนายอำเภอเอาเสียเลย!
เหลือเชื่อจริงๆ! หรือว่าพวกเขาตาลายจนเห็นภาพหลอนไปเอง! ครอบครัวของอวิ๋นโส่วจงช่างเข้าใจยากขึ้นทุกที
ช่างน่าสงสาร... เ้าว่าผู้เฒ่าอวิ๋นไยจึงได้โง่เง่าขนาดนี้เล่า? ถึงกับผลักไสบุตรชายที่เก่งกาจเช่นนี้ให้ออกไปใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวเช่นนี้?
ขณะที่อวิ๋นโส่วจงพูดจบ ฟางซื่อก็รีบเอ่ยกับเตียวซวี่อันว่า “ใต้เท้าโปรดเมตตาให้ความเป็ธรรมแก่ครอบครัวของพวกเราด้วยเ้าค่ะ!”
จากนั้นอวิ๋นเจียวกับอวิ๋นฉี่ซานก็เอ่ยขึ้นว่า “ใต้เท้าโปรดเมตตาให้ความเป็ธรรมแก่ครอบครัวของพวกเราด้วยเ้าค่ะ/ขอรับ!”
สีหน้าของเตียวซวี่อันถึงได้ดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย นับว่าครอบครัวนี้พอจะรู้ความอยู่บ้าง รู้ว่าต้องยื่นบันไดให้เขาลง
เขาจึงเอ่ยว่า “ข้าย่อมให้ความเป็ธรรมกับพวกเ้าอย่างแน่นอน แม้จะเป็การสืบคดี แต่ที่เหล่าเ้าหน้าที่ทำทรัพย์สินของพวกเ้าเสียหายถึงเพียงนี้ เอาเช่นนี้แล้วกัน ค่าเสียหายของบ้านพวกเ้าคิดเป็เงินยี่สิบตำลึง เดี๋ยวข้าจะให้คนนำมาส่งให้ที่บ้าน!”
เงินยี่สิบตำลึงนับว่ามากแล้ว เพียงพอให้ครอบครัวชาวนาใช้จ่ายได้ทั้งปี แต่อวิ๋นโส่วจงกลับโค้งคำนับแล้วเอ่ยว่า “ใต้เท้า ค่าเสียหายของบ้านข้าไม่ต่ำกว่าห้าร้อยตำลึงขอรับ!”
เตียวซวี่อันได้ยินก็ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี ห้าร้อยตำลึงเชียวหรือ เขากล้าพูดออกมาได้อย่างไรกัน!
แต่ต่อหน้าอาจารย์ตั่งเขาก็ไม่กล้าแสดงท่าทีโกรธเกรี้ยวออกมา จึงได้แต่เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ทรัพย์สินของชาวบ้านในชนบทอย่างเ้าจะมีค่าถึงห้าร้อยตำลึงได้อย่างไร? วันนี้แม้จะมีท่านซีหยวนอยู่ที่นี่ แต่หากพวกเ้ากล้าหลอกลวงข้า ข้าก็จะลงโทษพวกเ้าตามกฎหมาย!”
ฟางซื่อแค่นเสียงเ็า เอ่ยว่า “ใต้เท้า พวกเราไม่กล้าหลอกลวงใต้เท้าหรอกเ้าค่ะ วันนี้พวกเ้าหน้าที่ทำไหชาหลงจิ่งจากทะเลสาบซีหูของพวกเราแตกไปสองไห ชาต้าหงเผาจากอู่อี๋ซานแตกไปหนึ่งไห และชาปี้หลัวชุนแตกไปอีกหนึ่งไห เพียงแค่ชาทั้งสี่ไหนี้ก็มีมูลค่าสองร้อยตำลึงแล้วเ้าค่ะ”
“เหลวไหล บ้านชาวบ้านอย่างพวกเ้าจะมีชาดีๆ ได้อย่างไร?” เ้าหน้าที่นายหนึ่งที่เพิ่งมาทำลายข้าวของที่นี่ เมื่อได้ยินก็รีบะโขึ้นมาทันที
นายอำเภอพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ในเมื่อมีอาจารย์ตั่งอยู่ที่นี่ บางเื่ให้ลูกน้องของเขาเป็คนพูดย่อมดีกว่าเขาพูดข้อสงสัยออกมาเอง
ฟางซื่อเอ่ยต่อว่า “บนเศษไหดินเผายังมีใบชาที่ยังไม่เปื้อนฝุ่นดินอยู่ ใต้เท้าสามารถให้คนไปตรวจสอบได้เลยเ้าค่ะ ว่าเป็ชาชั้นเลิศจริงหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้น ท่านยังสามารถส่งคนไปที่ร้านฝูหรงเซวียนเพื่อยืนยันได้ ว่าชาทั้งสี่ไหนี้เป็ของที่หลงจู๊จากร้านฝูหรงเซวียนมอบให้พวกเราเอง!”
ฟางซื่อมีท่าทางสงบนิ่ง น้ำเสียงไม่ช้าไม่เร็ว ไม่ได้หวาดกลัวผู้คนในศาลาว่าการเลยแม้แต่น้อย ท่าทางที่สุขุมเยือกเย็นเช่นนี้ หาได้เหมือนสตรีชาวบ้านทั่วไปไม่ กลับเหมือนฮูหยินตระกูลขุนนางชั้นสูงที่คอยดูแลกิจการภายในบ้านมากกว่า!
ครอบครัวนี้มีความเกี่ยวข้องกับอาจารย์ตั่ง ตอนนี้ยังบอกว่าชาของพวกเขาเป็ของที่หลงจู๊ของร้านฝูหรงเซวียนมอบให้ ทำให้หัวใจของนายอำเภอพลันสั่นไหว
หากไม่มีอาจารย์ตั่ง เขาคงคิดว่าสตรีผู้นี้โกหกอย่างแน่นอน แต่ในเมื่อมีความเกี่ยวข้องกับอาจารย์ตั่ง การที่พวกเขามีความสัมพันธ์อันดีกับร้านฝูหรงเซวียนก็ไม่ใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้
“สตรีผู้นี้เอาแต่พูดเพ้อเจ้อ ร้านฝูหรงเซวียนเป็สถานที่ที่ชาวบ้านอย่างพวกเ้าจะเอ่ยถึงได้รึ?” เ้าหน้าที่ผู้นั้นหน้าแดงก่ำ ยังคงกล่าวตำหนิไม่หยุด
อวิ๋นเจียวได้ยินก็เอ่ยขึ้นทันทีว่า “ท่านลุงเ้าคะ ท่านแม่บอกว่าหากพวกท่านไม่เชื่อ ก็สามารถไปสอบถามที่ร้านฝูหรงเซวียนได้เลยเ้าค่ะ”
คำพูดของนางทำให้เ้าหน้าที่ผู้นั้นถึงกับพูดไม่ออก เ้าจะไม่เชื่อก็ได้ พวกข้าก็ไม่ได้บังคับให้เชื่อสักหน่อย ไม่ได้ยินหรือไงว่าให้ไปสอบถามดู!
จากนั้นอวิ๋นเจียวก็นับนิ้วพลางเอ่ยต่อว่า “ผ้าห่มและผ้าปูที่นอนที่ถูกพวกท่านทำพังไปนั้น ล้วนทำจากผ้าไหมซีสู่[1] ทั้งสิ้น ผ้าไหมพับละยี่สิบตำลึงเงิน ส่วนเสื้อผ้าของท่านพ่อ ท่านแม่ และพี่ชายของข้า ส่วนใหญ่ก็ทำจากผ้าไหมเช่นกัน พวกท่านทำลายไปมากขนาดนั้น คิดคร่าวๆ เป็ผ้าไหมสิบพับ ก็เป็เงินสองร้อยตำลึงแล้วเ้าค่ะ”
“นอกจากนี้เสื้อผ้าของข้านอกจากผ้าไหมแล้ว ยังใช้ผ้าเชี่ยนปี้ซาไปสองพับ ผ้าอวิ๋นจิ่นซาหนึ่งพับ และผ้าเยียนซาหนึ่งพับ ราคาั้แ่สี่สิบถึงหกสิบตำลึงต่อพับ ซากของที่พวกท่านทำพังก็ยังอยู่ ราคาสิ่งของพวกท่านสามารถนำไปตรวจสอบที่ร้านขายผ้าได้เลย”
“ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องเรือนที่พวกท่านทำพังไปนั้น มีทั้งไม้หนานมู่ ไม้หงมู่ และไม้หอมจางมู่ ใต้เท้าส่งคนไปตรวจสอบราคาได้! ท่านพ่อท่านแม่เห็นแก่ที่ใต้เท้า้าปิดคดีโดยเร็ว จึงรายงานค่าเสียหายไปน้อยกว่าความเป็จริง!”
องครักษ์ของจวนโหวที่ซ่อนตัวอยู่ห่างๆ ได้ยินก็รู้สึกเจ็บใจแทน ไม่ใช่แค่ห้าร้อยตำลึง! ของเล่นสองกล่องที่ท่านโหวมอบให้นั้น มีมูลค่าไม่ต่ำกว่าสองพันตำลึง!
เมื่ออวิ๋นเจียวพูดจบ ทุกคนในครอบครัวอวิ๋นก็มองนายอำเภอด้วยท่าทางสงบนิ่ง บางครั้งคนเราก็ไม่ควรก้มหัวให้กับอำนาจและบารมีของผู้อื่น
หากก้มหัวให้คนอื่นจนเคยชิน เวลาคนอื่นมารังแกก็จะไม่เกรงใจอีก ในเมื่อเ้าเป็คนยอมคนง่ายเช่นนี้ ไม่รังแกเ้าแล้วจะรังแกใครล่ะ?
ครู่หนึ่ง เตียวซวี่อันจึงเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ค่าเสียหายของพวกเ้าคิดเป็เงินห้าร้อยตำลึง เดี๋ยวข้าจะให้คนนำมาส่งให้”
กล่าวจบเขาก็หันไปโค้งคำนับลาอาจารย์ตั่ง “ท่านซีหยวน ข้าน้อยมีงานราชการต้องทำมากมาย จึงไม่สามารถอยู่เป็เพื่อนได้นาน ขอตัวก่อนขอรับ”
อาจารย์ตั่งกล่าวว่า “เชิญตามสบาย”
อวิ๋นโส่วจงกับภรรยาเอ่ยว่า “น้อมส่งใต้เท้าขอรับ/เ้าค่ะ!”
เมื่อนายอำเภอจากไป ชาวบ้านบางคนก็กรูเข้ามา ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบด้วยความเป็ห่วงเป็ใย
โอ้์ พวกเขาแค่เห็นนายอำเภอก็แข้งขาอ่อนแรงไปหมด แทบอยากจะคุกเข่าคำนับ แต่ครอบครัวอวิ๋นกลับไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
ชาวบ้านต่างมองครอบครัวอวิ๋นโส่วจงด้วยแววตาชื่นชม ผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูลยังคงใไม่หาย พวกเขาอยู่ใกล้ที่สุด จึงเห็นเต็มสองตาว่าครอบครัวอวิ๋นต่อรองกับนายอำเภออย่างไรบ้าง
พวกเขาทั้งสองคนนับว่าเป็ผู้มีประสบการณ์ในหมู่บ้านไหวซู่แล้ว นายอำเภอถึงกับเรียกตัวเองต่อหน้าอาจารย์ตั่งว่า ‘ข้าน้อย’!
อาจารย์ตั่งผู้นั้นเป็ใครกันแน่? ตลอดเวลาที่อวิ๋นโส่วจงอาศัยอยู่ในเมืองหลวงนั้น เขาได้รู้จักกับผู้คนแบบใดกัน?
ปริศนาในใจของพวกเขายิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งเดียวที่พวกเขามั่นใจก็คือ.. บ้านของอวิ๋นโส่วจงไม่ใช่ครอบครัวธรรมดา เผชิญหน้ากับเื่ไม่คาดฝันเช่นนี้ก็ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย แถมยังสามารถทำให้นายอำเภอต้องยอมอ่อนข้อให้อย่างเสียไม่ได้
ต่อไปนี้ต้องใกล้ชิดกับพวกเขามากกว่านี้ สร้างสัมพันธ์อันดีกับพวกเขาเอาไว้!
จางต้าไห่กับอวิ๋นเจียหรงช่วยอวิ๋นโส่วจงรับมือกับชาวบ้าน ส่วนฟางซื่อ จ้าวซื่อ และเฉาซื่อ ก็พากันไปเก็บกวาดลานบ้าน
อวิ๋นฉี่ซานกับอาจารย์ตั่งกลับไปที่บ้านของอาจารย์ตั่ง จากนั้นก็มีฉี่ชิ่งกับฉี่เสียงช่วยกันขนย้ายสิ่งของกลับบ้านด้วยเกวียนวัวสองคัน
ระหว่างที่กำลังเก็บกวาดลานบ้าน อวิ๋นเจียวก็รู้สึกแปลกใจ ตุ๊กตากับว่าวที่พังไปหายไปไหนหมดแล้ว? สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือ ว่าวและตุ๊กตาที่หายไปนั้น ตอนนี้ถูกวางเรียงรายอยู่ตรงหน้าของฉู่อี้แล้ว
จางหลิงยืนอยู่ในห้องหนังสือด้วยอาการร้อนรน แต่ในเวลานี้ท่านโหวผู้เฒ่ากลับบุกเข้ามาพอดี
เจิ้นหย่วนโหวผู้เฒ่ามีใบหน้าละม้ายคล้ายฉู่อี้ถึงเจ็ดส่วน แม้จะอายุห้าสิบกว่าปีแล้ว ทั้งยังสติไม่สมประกอบ แต่ก็ยังคงดูดีมีเสน่ห์ ดูท่าทางแข็งแรง สีหน้าก็ดูสุขภาพดีทีเดียว
“มีตุ๊กตา มีว่าวด้วย ข้าจะไปเล่นว่าว!” กล่าวจบเขาก็หยิบว่าวที่ขาดวิ่นตัวหนึ่งจากบนโต๊ะขึ้นมา แล้ววิ่งออกไปข้างนอกด้วยท่าทางตื่นเต้น บ่าวรับใช้ที่วิ่งตามเขามาจึงรีบโค้งคำนับฉู่อี้ ก่อนจะรีบวิ่งไล่ตามไป
เชิงอรรถ
[1] ผ้าไหมซีสู่ (西蜀) ผ้าไหมชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากทางตะวันตกของมณฑลเสฉวน เป็ผ้าไหมเนื้อบางเบาแต่มีความเหนียวแน่นเป็พิเศษ นิยมนำมาใช้ตัดเย็บเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย