โจวจิ่งวั่งไม่เห็นความตระหนกแม้สักน้อยจากใบหน้าของหลี่หรูอี้ แต่ความสุขุมของเด็กชายผู้นี้กลับทำให้เขาประทับใจ อดพูดไม่ได้เลยว่า ท่านอาน้อยมองคนได้เก่งกาจนัก ถึงกับไปพบหมอเทวดาน้อยผู้นี้จากหมู่บ้านในชนบท จึงเอ่ยไปช้าๆ ว่า “ไม่จำเป็ต้องให้เ้าลองยาหรอก”
หลี่หรูอี้ไปเขียนใบสั่งยาในห้องหนังสือที่อยู่ข้างๆ โจวจิ่งวั่งเห็นว่าในใบสั่งยามีเมล็ดฟักทองอยู่ด้วย จึงอดถามไม่ได้ว่า “เมล็ดฟักทองกำจัดพยาธิได้หรือ”
หลี่หรูอี้ตอบด้วยสีหน้าหนักแน่นว่า “ได้”
เจียงชิงอวิ๋นขยับเข้ามาดูใบสั่งยา ไม่ว่าจะเป็ไป่ปู้[1] ผลหมาก ผลเล็บมือนาง ชิงผี[2] เหง้าโกฐเขมา[3] หวงป้อ[4] ชะเอม[5] และเมล็ดฟักทองที่เขียนไว้บนนั้น มีเพียงหมากกับเมล็ดฟักทองที่เขาไม่เคยอ่านพบในตำราแพทย์ นอกนั้นเขาล้วนเคยผ่านตามาก่อน
แต่ผลหมากเขาก็รู้จัก มีแหล่งเพาะปลูกอยู่ทางตอนใต้ ผลจากต้นหมากมีรสชาติเฉพาะตัว คนท้องถิ่นมักเอามาเคี้ยวเล่นทุกวัน
โจวจิ่งวั่งเอาใบสั่งยาไปที่เรือนชั้นนอก และเรียกแพทย์หลวงสองคนออกมาตรวจดูว่าใบสั่งยามีปัญหาใดหรือไม่
แพทย์หลวงสองคนไม่รู้ว่า ใบสั่งยานี้จะนำมาจัดยาเพื่อใช้รักษาอาการเจ็บป่วยของโจวโม่เสวียน หลังจากดูแล้วต่างก็บอกว่าไม่มีปัญหาใด
โจวจิ่งวั่งเอ่ยพร้อมกับถอนหายใจอย่างไม่ใคร่เป็บ่อยนัก แล้วกล่าวว่า “ให้หมอเ่าั้ออกไปจากจวน พวกท่านก็ไปพักผ่อนเถิด”
แพทย์หลวงทั้งสองคนใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ ก่อนจะถอยออกไปด้วยใบหน้าที่รู้สึกผิด
เดิมทีแพทย์เลื่องชื่ออันดับหนึ่งยังคิดว่า คงจะต้องถูกฝังไปพร้อมกับโจวโม่เสวียนเสียแล้ว เมื่อได้ยินคำนี้จึงรีบออกจากจวนเยี่ยนอ๋องเหมือนวิ่งหนีสุนัขป่าที่กำลังไล่กวดมาจากทางด้านหลังเช่นนั้น
โจวจิ่งวั่งให้คนสนิทไปต้มยาที่ห้องยาของจวนเยี่ยนอ๋อง จากนั้นให้รอจนโจวโม่เสวียนตื่น จึงให้เขาดื่มยาต้มนั้น
ตอนที่โจวโม่เสวียนลืมตาขึ้นนั้นเป็่กลางดึก ข้างกายมีเพียงโจวตงกับโจวซี ส่วนเจียงชิงอวิ๋นและคนอื่นๆ ล้วนไม่อยู่แล้ว
ยามจากมาหลี่หรูอี้ได้กำชับโจวตงกับโจวซีว่า อย่าเพิ่งบอกเื่นี้กับคนเจ็บ เพราะหากคนเจ็บใเกินไป ก็จะทำให้ส่วนลึกในจิตใจปฏิเสธการดื่มยา
“รัฐทายาททรงส่งคนไปต้มยามาให้ พระองค์รีบเสวยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
โจวโม่เสวียนนึกว่าเป็ยาที่แพทย์หลวงเป็คนสั่ง และพอดีว่าเขาก็กำลังกระหายน้ำอยู่บ้าง จึงยกถ้วยยาขึ้นดื่ม หลังจากดื่มเสร็จก็ลงไปนอนหลับต่อ โดยไม่รู้แต่อย่างใดว่า พวกของเจียงชิงอวิ๋นเคยมาที่นี่ ยิ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ยามที่เขาหลับไปนั้นถูกคนห้อมล้อมมุงดู ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนยังเห็นพยาธิในปากของเขาอีกด้วย
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด โจวตงกับโจวซีนั่งเอาหลังพิงกัน ง่วงนอนจนเริ่มสัปหงก จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงประหลาดดังมาจากบนเตียง
ที่แท้เป็เสียงโจวโม่เสวียนผายลมเป็ชุดอยู่ในผ้าห่ม
ก่อนหน้านี้หลี่หรูอี้เคยบอกไว้ว่า หลังจากที่โจวโม่เสวียนดื่มยาไปไม่กี่ชั่วยามก็จะถ่ายท้อง และในของเสียที่ถ่ายออกมาก็จะมีพยาธิอยู่ด้วย
โจวตงกับโจวซีจำได้แม่นมั่นอยู่ในใจ เมื่อได้ยินโจวโม่เสวียนผายลมในยามนี้ จึงพากันตื่นเต้นขึ้นมา
โจวโม่เสวียนแค่เพียงผายลมเท่านั้น ยังไม่ได้มีกระบวนการถัดไป เพราะเขายังคงหลับสนิทอยู่
ผ่านไปอีกพักใหญ่ ฟ้าก็สว่างแล้ว โจวโม่เสวียนลุกขึ้นบอกว่า จะถ่ายเบา โจวตงกับโจวซีจึงรีบลุกขึ้นมาปรนนิบัติดูแล
โจวโม่เสวียนคลำท้องของตนที่กำลังร้องเสียงดัง แล้วบอกว่า “ข้าจะถ่ายหนัก”
โจวตงกับโจวซีกำลังรอประโยคนี้ของโจวโม่เสวียนอยู่ทีเดียว ว่าแล้วก็รีบร้อนไปเอากระโถนไม้หนาน[6] ทาสีแดงมาให้โจวโม่เสวียนนั่ง
เพียงครู่เดียวโจวตงก็ยกกระโถนออกไปจากห้องด้วยสีหน้าสุดพิลึก
ณ ห้องด้านข้างทั้งสองห้อง โจวจิ่งวั่งและเจียงชิงอวิ๋นตื่นนอนแล้วและกำลังล้างหน้าล้างตา พอได้ยินเสียงโจวตงมาเคาะประตู พวกเขาจึงเดินออกมาพร้อมความตื่นเต้นในใจ
“ทูลรัฐทายาท เรียนนายท่านน้อย นี่เป็ของเสียที่ท่านชายขับถ่ายออกมา ในนี้เรียกได้ว่าเป็หนอนรังหนึ่ง มีอยู่มากมายเหลือเกินและยังเป็ๆ อยู่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ” โจวตงมีสีหน้าซีดเผือดจนแทบจะมีคำว่า ใแทบตาย เขียนไว้บนหน้าผากทีเดียว เขาพูดไปด้วยน้ำเสียงที่ไร้เรี่ยวแรงราวกับจะเป็ลมก็มิปาน
ในของเสียกลิ่นเหม็นตลบมีหนอนสีขาวบ้างเหลืองอ่อนบ้างขนาดเท่าตะเกียบม้วนตัวอยู่เป็วงๆ
น่าสะอิดสะเอียดจนทำให้อยากจะอาเจียนเอาอาหารที่กินเข้าไปเมื่อสามวันก่อนออกมาให้หมด
มันน่าขยะแขยงจนคนที่เห็นรู้สึกเย็นวาบไปทั้งหลัง
หากไม่ได้เห็นกับตาจะเชื่อได้อย่างไรว่า โจวโม่เสวียนผู้มีหน้าตาประหนึ่งเทพน้อยจะมีหนอนน่าขยะแขยงจำนวนมากมายเพียงนี้อยู่ในท้อง
เรียกได้ว่าเกินจะคาดถึงจริงๆ
โจวจิ่งวั่งสะกดความสะอิดสะเอียนในใจเอาไว้พลางเบือนหน้าหนี “อย่าให้โม่เสวียนเห็นเล่า” พระอนุชาสุดที่รักของเขาผู้นี้เ้าสำอางอย่างยิ่งมาแต่เล็ก ทั้งยังรักความสะอาดเป็ที่สุด หากได้รู้ว่ามีพยาธิตั้งมากมายอยู่ในท้อง เกรงว่าคงต้องร้องไห้ด้วยความโมโห
แต่เมื่อนึกย้อนกลับไป น้องชายที่รักของเขารักความสะอาดปานนั้นแล้ว จะมีพยาธิอยู่ในท้องได้อย่างไร
นับเป็เื่ประหลาดที่สุดในปีนี้ทีเดียว
ฝ่ายเจียงชิงอวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยชมขึ้นมาว่า “หมอเทวดาน้อยสมเป็หมอเทวดาจริงๆ”
โจวจิ่งวั่งจึงเอ่ยด้วยความซาบซึ้งใจว่า “ขอบคุณท่านอาน้อยที่เชิญหมอเทวดาน้อยมารักษาโม่เสวียนได้ทันท่วงทีขอรับ”
“นี่เป็สิ่งที่อาควรทำอยู่แล้ว”
โจวตงปิดฝากระโถน ถามว่า “กระหม่อมจะกำจัดหนอนรังนี้ตามที่ท่านหมอเทวดาน้อยสั่งไว้ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
โจวจิ่งวั่งกระแอมแห้งๆ ยังดีที่ท้องว่างอยู่ เพราะยังไม่ได้ทานอาหารเช้า หาไม่แล้วจะต้องอาเจียนออกมาเป็แน่แท้ พักหนึ่งจึงบอกว่า “ท่านอาน้อย ข้าจะไปถวายรายงานเสด็จพ่อนะขอรับ” จากนั้นก็หันไปบอกโจวตงว่า “เ้ายกกระโถนนี่ตามข้ามา”
เยี่ยนอ๋องสามีภรรยากังวลถึงอาการเจ็บป่วยของโจวโม่เสวียน จึงนอนหลับไม่สนิทตลอดทั้งคืน พอทั้งสองตื่นขึ้นมายังไม่ได้ทานอาหารก็จะไปเยี่ยมโจวโม่เสวียนแล้ว
พ่อบ้านใหญ่เข้ามารายงานว่า “ทูลท่านอ๋อง ทูลพระชายา คืนวานนายท่านน้อยมาและพักอยู่ในเรือนของท่านชายพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยนหวังเฟยเช็ดน้ำตาจนแห้ง พึมพำว่า “ลูกผู้น้องก็มาด้วยหรือ”
โจวปิงถามว่า “แพทย์หลวงว่าอย่างไรบ้าง” คำถามนี้ย่อมถามถึงอาการป่วยของโจวโม่เสวียน
คิ้วของพ่อบ้านใหญ่ขมวดเข้ามาเล็กน้อย ก่อนจะตอบไปตามจริงว่า “ทูลท่านอ๋อง เมื่อกลางดึกรัฐทายาททรงให้แพทย์หลวงกลับไปพัก และให้เหล่าแพทย์เลื่องชื่อกลับไปจนหมดพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยนอ๋องสามีภรรยากำลังฉงนอยู่ทีเดียว โจวจิ่งวั่งก็เข้ามาพอดี
พ่อบ้านใหญ่เป็บ่าวคนสนิทของเยี่ยนอ๋อง โจวจิ่งวั่งจึงไม่จำเป็ต้องกันเขาออกไป และเริ่มเล่าความเป็มาของเื่ทั้งหมดอย่างคร่าวๆ ให้ฟัง
เยี่ยนหวังเฟยกำลังตั้งครรภ์จึงอ่อนแอและอ่อนไหวกว่าเมื่อก่อน พอฟังจบก็อดที่จะร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจไม่ได้ “โม่เสวียนของแม่ เหตุใดจึงมีหนอนอยู่ในท้องเขา เหตุใดต้องทุกข์ทรมานอย่างมากเยี่ยงนี้”
โจวจิ่งวั่งรีบบอกว่า “โม่เสวียนเพียงต้องใช้เวลาสามวัน ก็จะกำจัดพยาธิในท้องออกจนหมดและกลับมาเป็ปกติแล้วพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่อย่าทรงกังวลพระทัยไป พระองค์กำลังทรงครรภ์น้องของลูก อย่าเสียพระทัยเกินไปนะพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยนหวังเฟยปาดน้ำตา กล่าวว่า “ข้าจะไปดูโม่เสวียนของข้าสักหน่อย”
โจวปิงเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “พาข้าไปดูหนอนพวกนั้น”
เยี่ยนหวังเฟยก็อยากจะไปด้วย แต่กลับถูกโจวจิ่งวั่งห้ามเอาไว้
ตอนที่โจวปิงเห็นหนอนหนึ่งโขยงในกระโถน แม้ภายนอกจะมีท่าทีตอบสนองไม่รุนแรงอันใด แต่ในใจกลับรู้สึกใยิ่งนัก เพราะเป็เื่นี่น่ากลัวมากกว่าที่ได้ยินว่า มีก้อนหินแข็งอยู่ในถุงน้ำดีของลุงโจวเมื่อคราก่อนมากมายนัก ครึ่งเค่อจากนั้นเขาจึงค่อยๆ เอ่ยว่า “ครานี้โชคดีที่ท่านอาน้อยของเ้าไปหาท่านหมอเทวดาน้อยมาได้”
โจวจิ่งวั่งตอบอย่างตื้นตันใจว่า “พ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยนอ๋องสามีภรรยาและโจวจิ่งวั่งไม่มัวห่วงเื่ทานอาหารเช้า จึงรีบไปเยี่ยมโจวโม่เสวียนก่อนแล้ว
โจวโม่เสวียนตื่นนอนแล้ว หนำซ้ำยังล้างหน้า แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังทานอาหารอยู่ในห้องนอน และคนที่อยู่กับเขาก็คือ เจียงชิงอวิ๋น
อาหลานสองคนสนทนากันไปหัวเราะกันไปพลาง ราวกับว่าไม่เคยเกิดเื่อันใดขึ้นมาก่อนเลย
เมื่อเยี่ยนหวังเฟยเข้ามาในห้อง ก็เอื้อมสองมือออกไปดึงตัวโจวโม่เสวียนมากอดไว้แนบอก พูดจาเสียงสั่นเครือว่า “ลูกแม่ เ้าต้องรับเคราะห์หนัก ในท้องของเ้ามีหนอนอยู่ตั้งมากมายเพียงนั้น ทำแม่ใแทบตายเชียว แม่เกือบต้องเสียเ้าไปแล้ว”
ไม่แปลกที่นางจะควบคุมตนเองไม่อยู่เช่นนี้ นางตั้งครรภ์ยามอายุมากแล้ว เพิ่งตั้งครรภ์ได้ไม่นาน โจวโม่เสวียนก็เจ็บหนักขึ้นมากะทันหัน คนในเรือนหลังจึงพูดจากันไปว่า นางไม่ควรตั้งครรภ์เลย เหมือนกับ์กำลังลงทัณฑ์นาง เมื่อได้บุตรมาอีกหนึ่งคนก็ต้องเสียบุตรไปหนึ่งคน
นางไม่อยากให้เกิดเื่ไม่ดีแม้เพียงเล็กน้อยกับโจวโม่เสวียน ทั้งไม่้าให้ลูกในท้องที่ยังไม่คลอดออกมาต้องแท้งไปก่อนด้วย จึงแอบไปวิงวอนต่อเ้าแม่กวนอิมว่า ให้นางอายุสั้นลงไปสักสองสามปี แต่อย่าให้ลูกทั้งสองคนเกิดเื่อันใดเลย
โจวปิงลูบผมโจวโม่เสวียนด้วยความรักอย่างที่ไม่ใคร่ได้ทำบ่อยครั้งนัก เป็ทีบอกให้โจวโม่เสวียนปลอบโยนเยี่ยนหวังเฟยให้ดีๆ จากนั้นก็นั่งลงแล้วมองเจียงชิงอวิ๋นด้วยสายตาซาบซึ้ง ถามว่า “ท่านหมอเทวดาน้อยอยู่ที่ใดเล่า”
.............................
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] ไป่ปู้ หรือแป๊ะโป๋ว (ภาษาจีนแต้จิ๋ว) เป็รากแห้งของพืชชนิดหนึ่ง
[2] ชิงผี คือ เปลือกของส้มเขียวหวานที่ยังไม่สุกและยังเป็สีเขียวอยู่
[3] โกฐเขมา [โกด-ขะ-เหฺมา] เป็ไม้ล้มลุกอายุหลายปี มีขนคล้ายใยแมงมุมเล็กน้อยหรือไม่มี ใบเดี่ยว ลักษณะบางเหมือนกระดาษ ไม่มีขน มีดอกเป็ช่อสีขาว
[4] หวงป้อ หรืออึ่งแปะ (ภาษาจีนแต้จิ๋ว)
[5] ชะเอม ในที่นี้คือ ชะเอมพันธุ์จีน
[6] ไม้หนาน หรือไม้บราย (Briar) เป็รากไม้ของต้นไม้ที่ไม่สูงนักชนิดหนึ่ง ทนความร้อนสูงมาก และมีเนื้อไม้แท้ที่หนาแน่นเป็พิเศษ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้