หน้าประตูตระกูลเนี่ย คนในตระกูลเนี่ยที่มีเนี่ยเป่ยชวนเป็ผู้นำต่างก็มองไปยังพ่อลูกเนี่ยตงไห่ด้วยใบหน้าที่แตกต่างกันออกไป
เนี่ยเป่ยชวนสีหน้าเ็าไร้อารมณ์ ผู้าุโเนี่ยเฟยอวิ๋นมุมปากยิ้มเย้ยหยัน เบิกบานใจอยู่กับตัวเอง
ผู้าุโคนอื่นๆ ในตระกูลสายตาค่อนข้างซับซ้อนคล้ายรู้สึกผิดอยู่ในใจ แต่กลับไม่มีใครกล้าเอ่ยปากเหนี่ยวรั้งไว้
คนในตระกูลมากมายรู้ว่าพ่อลูกเนี่ยตงไห่จะไปสำนักหลิงอวิ๋นเพื่อขอรับผิดจึงพากันมาส่ง สายตาที่พวกเขามองมายังพ่อลูกเนี่ยตงไห่ค่อนข้างจะไม่พอใจและหน่ายใจ
เนี่ยตงไห่ที่รู้ว่าเื่ราวเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้วมีท่าทีนิ่งเฉย ไม่ได้ทะเลาะโต้เถียงกับพวกเนี่ยเป่ยชวนต่อหน้าคนมากมายในตระกูลอีก
“ตงไห่ เดินทางไปสำนักหลิงอวิ๋นคราวนี้ เ้าเองก็ไม่ต้องเป็กังวลมากไป” เนี่ยเหย้าผู้าุโในตระกูลที่อายุมากที่สุดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งที่หน้าประตูแล้วกล่าวว่า “หลายปีมานี้ เ้าเองก็ถือว่าทำเพื่อสำนักหลิงอวิ๋นอย่างเต็มกำลังความสามารถ เื่ของเหมืองแร่... พวกเขาอาจจะไม่ซักไซ้เอาความกับเ้า”
ผู้าุโเนี่ยเหย้ารู้สึกว่าการที่หินเมฆอัคคีทั้งหมดในเขาเหมืองแร่หายไปอย่างประหลาดอาจเป็เพียงแค่อุบัติเหตุหนึ่งเท่านั้น น่าจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเนี่ยเฉี่ยน
ทว่าในเมื่อเื่เกิดขึ้นแล้ว อย่างไรตระกูลเนี่ยก็ต้องมีคำอธิบายให้กับสำนักหลิงอวิ๋น ตอนนี้เนี่ยตงไห่ไม่ใช่ประมุขของตระกูลเนี่ยอีกแล้ว บวกกับที่ถูกตระกูลหยวนและตระกูลอวิ๋นทำร้ายจนาเ็สาหัส ต่อไปก็ไม่สามารถช่วยเหลือตระกูลเนี่ยได้อีก ให้เขารับผิดชอบความผิดครั้งนี้ เขาเองก็รู้สึกว่าค่อนข้างเหมาะสมดีแล้ว
ทว่าในใจเขายังรู้สึกผิดต่อพ่อลูกเนี่ยตงไห่เล็กน้อย ดังนั้นจึงได้พูดปลอบใจสองสามคำ
“ข้าเข้าใจ” เนี่ยตงไห่พยักหน้าเบาๆ กล่าว “ข้าจะไปขอรับผิดจากสำนักหลิงอวิ๋น แต่เนี่ยเทียนยังเด็ก หากข้าถูกสำนักหลิงอวิ๋นลงโทษ มิอาจกลับมาที่ตระกูลเนี่ยได้อีก หวังว่าพวกเ้าจะเห็นแก่การกระทำของข้าในวันนี้ ช่วยข้าดูแลเนี่ยเทียนให้ดี”
“เื่นี้เ้าวางใจได้” ผู้าุโเนี่ยเหย้าให้คำสัญญา
เนี่ยตงไห่ไม่พูดมากอีก หมุนตัวได้ก็เตรียมจะพาเนี่ยเฉี่ยนไปที่สำนักหลิงอวิ๋น
“ท่านตา!”
ทว่าเวลานี้เอง เนี่ยเทียนกลับห้อตะบึงออกมาจากจวนพร้ะโกนเสียงดัง
ภายใต้การจับตามองของคนมากมายในตระกูล เขาพุ่งเข้าไปขัดขวางอยู่เบื้องหน้าเนี่ยตงไห่และเนี่ยเฉี่ยนตะเบ็งเสียงดัง “เื่ที่หินเมฆอัคคีในเหมืองแร่หายไป ข้าเป็คนผิด ข้าจะไปขอรับผิดจากสำนักหลิงอวิ๋นเอง!”
“เสี่ยวเทียน! เ้าพูดเหลวไหลอะไร ยังไม่รีบกลับไปอีก!” เนี่ยเฉี่ยนกล่าวร้อนรน
เนี่ยตงไห่ถลึงตาใส่เขา ตวาด “ก่อนหน้าที่ข้าจะจากไป ไม่ได้ไปหาเ้าเพราะไม่อยากให้เ้าวอกแวก เ้าอย่าทำตัวไม่รู้ความอย่างนี้!”
เนี่ยเทียนไม่ได้ถอยหนีเพราะเสียงตวาดของเขา เขายืนตัวตรงแน่ว เชิดหน้าพูดกับเนี่ยเป่ยชวน “ท่านประมุข ท่านตาของข้าอายุมากแล้ว มิอาจทนรับไฟโทสะจากสำนักหลิงอวิ๋นได้ อีกอย่างตอนทีู่เาเหมืองแร่ถล่มลงมาข้าก็บังเอิญอยู่ในเหตุการณ์พอดี หากตระกูลเนี่ย้าหาแพะรับบาปให้ได้จริงๆ ถ้าอย่างนั้นก็ให้ข้าไปแทนเถอะ!”
“บังอาจ!” เนี่ยเป่ยชวนแค่นเสียงเย็น “พูดได้อย่างไรว่าหาแพะรับบาป? การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทีู่เาเหมืองแร่ เ้าและเนี่ยเฉี่ยนต่างก็อยู่ในเหตุการณ์ แต่เ้ามีสิทธิ์อะไรถึงคิดว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดจากตัวเ้า? เ้าอยู่ในฐานะอะไร เ้าเพิ่งจะอายุเท่าไหร่กัน? มอบเ้าให้กับสำนักหลิงอวิ๋น มีหรือจะไม่สร้างความอัปยศให้กับตระกูล? ให้สำนักหลิงอวิ๋นเข้าใจไปว่านี่เป็เื่เด็กเล่นรึ?”
“เนี่ยเทียน! หยุดเหลวไหลได้แล้ว ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เ้าสมควรมา!”
“นั่นสิ! มอบเด็กคนหนึ่งให้กับสำนักหลิงอวิ๋น นี่มันเื่ตลกชัดๆ!”
“ยังไม่รีบถอยไปอีก!”
ผู้าุโหลายคนต่างก็พากันผรุสวาทเสียงดังเออออตามเนี่ยเป่ยชวน
กว่าที่พวกเขาจะพูดให้พ่อลูกเนี่ยตงไห่ยอมไปรับโทษแทนที่สำนักหลิงอวิ๋นได้ไม่ใช่เื่ง่าย จะยอมปล่อยให้เนี่ยเทียนทำพังได้อย่างไร?
คำพูดประโยคนั้นของเนี่ยเทียน ในสายตาของพวกเขาช่างเป็เื่ไร้สาระสิ้นดี
เพียงแต่เนี่ยเทียนรู้อยู่แก่ใจดีว่า ความผิดปกติที่เกิดขึ้นในูเาเหมืองแร่ สาเหตุมาจากตัวเขาจริงๆ
เขาไม่สามารถบอกกับทุกคนได้ว่าที่หินเมฆอัคคีหายไปก็เพราะถูกกระดูกสัตว์ดูดเอาพลังเปลวเพลิงมาจนหมด ถึงได้กลายมาเป็เพียงหินธรรมดา
ทว่าเขาเองก็ไม่สามารถทนมองเห็นท่านตาและท่านป้าใหญ่ของเขาต้องไปรับผิดแล้วเผชิญไฟโทสะจากสำนักหลิงอวิ๋นเพราะสาเหตุที่มาจากเขาได้
“เนี่ยชิว! จับตัวเนี่ยเทียนกลับไป อย่าให้คนอื่นมาหัวเราะเยาะตระกูลเนี่ยของพวกเราได้!” เนี่ยหนันซาน น้องชายคนที่สามของเนี่ยตงไห่ถลึงตา เอ่ยสั่งความให้ลูกชายของเขารีบพาเนี่ยเทียนกลับเข้าไปในจวน
เวลานี้ คนมากมายของเมืองเฮยอวิ๋นได้ยินเสียงโต้เถียงที่หน้าประตูตระกูลเนี่ยจึงค่อยๆ ห้อมล้อมกันเข้ามาใกล้
เวลาเพียงแค่ครู่เดียวหน้าประตูจวนก็มีคนมาล้อมยืนดูแล้วสิบกว่าคน
“เนี่ยเทียน! กลับไป!” เนี่ยตงไห่ตวาดขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่!” เนี่ยเทียนส่ายหัว ตะเบ็งเสียงดัง “ข้าจะไปรับโทษจากสำนักหลิงอวิ๋นเอง!”
พูดจบก็ไม่รอให้เนี่ยชิวเข้ามาใกล้ เขาพลันถลาพรวดหมายออกไปด้านนอก
“เนี่ยเทียน! เ้ากำลังทำอะไร? ผู้าุโใหญ่ของข้ามาไกลจากหอหลิงเป่าเพื่อมาหาเ้า ไม่ใช่ว่าเ้าจะไม่ต้อนรับแล้วจากไปอย่างไม่สนใจใยดีข้าแบบนี้หรอกกระมึง?”
และเวลานี้เอง ด้านหลังกลุ่มคนก็มีเสียงะโของพันเทาดังลอยมา
ร่างเนี่ยเทียนชะงักกึก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยหันไปมองยังทิศทางที่น้ำเสียงดังลอยมา มองหาเงาร่างของพันเทา
“หลีกทางให้ข้าเดี๋ยวนี้!” เสียงตวาดเดือดดาลเสียงหนึ่งดังลอยมาจากกลุ่มคน
“ท่านประมุขตระกูลอัน อันหรง!”
“นั่นมันท่านประมุขตระกูลอัน!”
ทุกคนที่รวมตัวกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้พลันะเิเสียงเซ็งแซ่ จากทิศทางที่เสียงตวาดของพันเทาดังลอยมา คนมากมายล้วนเปิดทางออกให้เป็ถนนกว้างขวางเส้นหนึ่ง
จากนั้นเนี่ยเทียนก็มองเห็นพันเทาและชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่ลักษณะคล้ายคลึงกับเขาเดินมาอย่างไม่รีบไม่ร้อนพร้อมอันหรงประมุขตระกูลอัน
อันหรงจากตระกูลอันอายุประมาณหกสิบปี รูปร่างสูงโปร่ง ไว้หนวดยาว เวลานี้ใบหน้าเคร่งขรึม ไม่ต้องแสดงความโกรธก็เผยให้เห็นบารมีอันน่าเกรงขาม
ด้านข้างคนมากมายของตระกูลเฮยอวิ๋นหลังจากที่เป็ฝ่ายหลีกทางให้แล้วต่างก็ค้อมกาย เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มประจบ
“คารวะนายท่านอัน”
“สวัสดีท่านผู้เฒ่าอัน”
“ท่านผู้เฒ่าอัน ไม่เจอกันนานเลยนะ”
อันหรงมองเมินคำทักทายจากคนเ่าั้ แต่กลับเป็ฝ่ายแสดงออกถึงความเคารพนบน้อม โดยการช่วยนำทางให้แก่ชายวัยกลางคนข้างกายพันเทา พาเขาเดินมายังทิศทางที่คนตระกูลเนี่ยอยู่
สามตระกูลใหญ่ในเมืองเฮยอวิ๋น อิทธิพลของตระกูลอันอยู่ในอันดับหนึ่ง ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาหลายสิบปี
ในสายตาของคนมากมายในเมืองเฮยอวิ๋น อันหรงผู้เป็ประมุขของตระกูลอัน แท้จริงแล้วก็คือเ้าเมืองของเมืองเฮยอวิ๋น คือคนที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองเฮยอวิ๋น
ตอนนี้เ้าเมืองเฮยอวิ๋นถึงขนาดมาเยือนตระกูลเนี่ยด้วยตัวเอง อีกทั้งยังช่วยนำทางให้คนแปลกหน้าผู้หนึ่ง นี่ทำให้คนหลายคนเริ่มเกิดความสงสัยขึ้นมา
“อันหรง เ้ามาทำอะไร?” เนี่ยเป่ยชวนรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ทว่าหากพูดกันในนาม เขาที่มีฐานะเป็ประมุขของตระกูลเนี่ย อันที่จริงแล้วก็ฐานะเท่าเทียมกับอันหรง
“ผู้เฒ่ารองเนี่ย เมืองเฮยอวิ๋นเป็บ้านของเ้าอย่างนั้นหรือ?” อันหรงอารมณ์ร้อนไม่ยอมใคร พอเอ่ยปากได้จึงตอกกลับเขาทันที “ข้าเดินเล่นอยู่ในเมืองเฮยอวิ๋นจำเป็ต้องแจ้งให้เ้ารู้ล่วงหน้าด้วยหรือ?”
เนี่ยเป่ยชวนโกรธจนหายใจฟึดฟัด แต่กลับทำอะไรไม่ได้ “อย่างไรเสียตระกูลเนี่ยของข้าไม่ได้เชิญเ้าก็แล้วกัน!”
“ที่สับปะรังเคแบบตระกูลเนี่ยของเ้าต่อให้เชิญข้า ข้าก็ไม่มา!” อันหรงหัวเราะเสียงประหลาดหนึ่งครั้ง กล่าว “นับั้แ่ที่ผู้เฒ่าใหญ่เนี่ยได้รับาเ็ บรรยากาศในตระกูลเนี่ยของพวกเ้าก็มีแต่ความเลวร้าย วันๆ เอาแต่แก่งแย่งชิงดีกันเอง เ้าคิดว่ามันน่าสนใจนักหรือ?”
“เื่ของตระกูลเนี่ย เ้าไม่ต้องมาสอด!” เนี่ยเป่ยชวนตอกกลับ
“ฮ่าๆ ใครมันจะมีเวลามาสอดเื่ไร้สาระของพวกเ้ากัน!” อันหรงเหยียดหยันรุนแรง “ได้ยินมาว่าพวกเ้าทำูเาเหมืองแร่ของสำนักหลิงอวิ๋นวายวอดไปแล้ว? หึ คราวนี้คงมีเื่สนุกได้ดูกันแล้วล่ะ! เ้าเพิ่งจะขึ้นตำแหน่งประมุข เหมืองก็ถล่ม ลางแบบนี้ไม่ค่อยเป็มงคลเลยนะ!”
“เหมืองแร่คือรากฐานของตระกูลเนี่ยของเ้า ูเาเหมืองแร่ถล่มแล้ว ข้ารู้สึกว่าตำแหน่งนี้ของเ้าอีกไม่นานคงหลุดมือไปเป็แน่”
อันหรงหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง จงใจแดกดันจุดอ่อนของเนี่ยเป่ยชวน ไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่นิดเดียว
หลายคนที่ล้อมวงดูพอได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเขาต่างก็มีอาการครุ่นคิด รู้สึกว่าคำพูดนี้ของเขามีเหตุผลไม่น้อย
แม้แต่คนส่วนหนึ่งของตระกูลเนี่ยที่หลังจากคิดอย่างละเอียดแล้วก็รู้สึกว่าเนี่ยเป่ยชวนเพิ่งขึ้นตำแหนง ูเาเหมืองแร่ก็พังทลาย นี่จะเป็ความซวยที่มาจากตัวเนี่ยเป่ยชวนเองหรือไม่?
“เ้าอย่าบังอาจพูดจาเหลวไหล!” เนี่ยเป่ยชวนโกรธจนหนวดกระดิก ขึงตาเข้าใส่แต่กลับหาเหตุผลมาแย้งกลับไม่ได้
เวลานี้ ชายวัยกลางคนที่พันเทาพามาก็ได้มาหยุดอยู่ข้างกายเนี่ยเทียนแล้ว
“เนี่ยเทียน นี่คือบิดาของข้า” พันเทาชี้ไปที่ชายวัยกลางคนผู้นั้น แนะนำด้วยรอยยิ้มแล้วก็ชี้มาที่เนี่ยเทียน กล่าว “ท่านพ่อ เขาก็คือเพื่อนรักของข้า เนี่ยเทียน”
“สวัสดีขอรับท่านลุงพัน” เนี่ยเทียนรีบคารวะ
พันป่ายยิ้มน้อยๆ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “วันนั้นที่พันเอ๋อกลับไปถึงหอหลิงเป่าก็เร่งเร้าให้ข้าเดินทางมาเมืองเฮยอวิ๋นกับเขา ระหว่างที่เดินทางมาเขาบอกข้าว่าตอนอยู่ในโลกมายามรกต เ้ารบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา ทั้งยังมีทุกข์ร่วมต้าน เขาให้ความสำคัญกับเ้ามาก”
“พันป่าย! เขาก็คือพันป่ายแห่งหอหลิงเป่า! ปีนั้นเขาเป็คนมารับอันซืออี๋ไปที่หอหลิงเป่าด้วยตัวเอง เขาคือลูกชายของผู้าุโใหญ่พันหงเจิน!”
“ทุกครั้งที่หอหลิงเป่ารับลูกศิษย์ ต้องมีเขาเป็คนรับผิดชอบ ดูเหมือนว่าเขาจะมีตบะอยู่ในขอบเขตกลาง์่ท้าย!”
“เขามาที่เมืองเฮยอวิ๋นได้อย่างไร?”
ในกลุ่มคนมีอยู่คนหนึ่ง ตอนที่พันป่ายเดินมาก็เอาแต่จ้องมองเขาตลอดเวลา ตอนนี้คล้ายว่าในที่สุดก็แน่ใจในตัวตนของเขาจึงอุทานใอย่างอดไม่ได้
“พันป่าย!”
ทุกคนของตระกูลเนี่ยรวมไปถึงเนี่ยตงไห่ล้วนมีสีหน้าตกตะลึง ใช้สายตาประหลาดใจมองพันป่าย
เวลานี้ ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจเสียทีว่าอันหรงผู้เป็ประมุขของตระกูลอัน เหตุใดถึงได้แสดงความเคารพต่อคนผู้นี้อย่างเห็นได้ชัด
ต่อให้อันซืออี๋อยู่ที่นี่ด้วย ตระกูลอันก็ยังคงเป็ตระกูลในสังกัดของหอหลิงเป่า แต่พันป่ายกลับเป็บุคคลสำคัญของหอหลิงเป่า บิดาของเขา ปู่ของพันเทา อยู่ในตำแหน่งที่เป็รองคนคนเดียว อยู่เหนือคนนับหมื่น
“ผู้เฒ่าใหญ่เนี่ย เ้าโชคดีแล้ว รอบนี้ท่านพันมาเยือนเมืองเฮยอวิ๋นก็เพราะเนี่ยเทียน” อันหรงไม่ได้เยาะเย้ยเนี่ยเป่ยชวนที่มีสีหน้าน่าเกลียดต่อ แต่หันหน้ามามองเนี่ยตงไห่ กล่าวว่า “ท่านพันเป็ผู้รับผิดชอบดูแลหน้าที่รับลูกศิษย์ผู้มีความสามารถแฝงของหอหลิงเป่าโดยเฉพาะ ขอแค่เป็คนที่เขาหมายตา ไม่จำเป็ต้องรอให้ขอบเขตถึงหลอมลมปราณขั้นเก้า ก็สามารถถูกหอหลิงเป่ารับตัวไปได้”
“เขามาที่เมืองเฮยอวิ๋นด้วยตัวเองครั้งนี้ก็เหมือนปีนั้นที่มารับแม่หนูตระกูลอันของข้า เขา้าพาตัวเนี่ยเทียนกลับไปฝึกบำเพ็ญเพียรที่หอหลิงเป่า”
อันหรงกล่าวอย่างจริงจัง
คำพูดนี้ดังออกไป ทุกคนที่ล้อมอยู่รอบด้านรวมไปถึงทุกคนของตระกูลเนี่ยก็พลันฮือฮากันขึ้นมาทันที
-----