หลังจากนางพูดจบก็รอให้จี๋โม่หานลืมตา แต่รออยู่นานจี๋โม่หานก็ยังนั่งเงียบอยู่ตรงนั้นเหมือนกับฟังคำพูดนางไม่เข้าใจ
ซูิเยว่พูดขึ้นอีกครั้ง “องค์ชายสาม ท่านลืมตาให้ข้าตรวจก่อนเพคะ”
ครั้งนี้จี๋โม่หานลืมตาขึ้น ริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อยก่อนพูดออกมาอย่างเป็ธรรมชาติ “ดวงตาของเปิ่นหวังทรมานมาก ลืมตาไม่ขึ้นแล้ว”
ซูิเยว่ “....”
นี่ถือว่าเป็การเบี้ยวหรือเปล่า เมื่อครู่ตอนที่หมอเฉินจะตรวจตาให้เขา เขาก็ทำหน้ารำคาญแล้วหลีกไปไกล
ซูิเยว่ลอบกำหมัด สูดหายใจเข้าลึกๆ ก็ได้ ทุ่มสุดตัวไปเลย
เมื่อคิดเช่นนี้ นางก็ก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าวเพราะแสงภายในเรือนไม่ได้สว่างมากเท่าไร นางทำได้แค่โน้มตัวไปด้านหน้าให้เข้าใกล้อีกหน่อย แขนแทบจะชนกับเข่าของจี๋โม่หานอยู่แล้ว
ระยะห่างระหว่างทั้งสองใกล้กันมากจนแทบจะหายใจรดกัน
อีกทั้งเมื่อมองใกล้ขนาดนี้ ใบหน้าของจี๋โม่หานก็ขยายกว้างขึ้นมาก
ซูิเยว่เห็นไปถึงขนเล็กๆ บนใบหน้าของเขา ผิวขาวราวกับกระเบื้องขาวและหยกชั้นดี ขนตางอนยาวจนเห็นเป็เงาที่ตกกระทบบนใบหน้า จมูกโด่งตรง ริมฝีปากสีชมพูปล่อยเสน่ห์เหลือร้ายออกมา
ปีศาจ นี่มันปีศาจชัดๆ
ซูิเยว่ลอบว่าตัวเองว่าไม่ได้เื่ นางรวบรวมสมาธิไปที่ตาของจี๋โม่หาน “เช่นนั้นข้าขอล่วงเกินแล้ว”
นางยกมือขึ้นอย่างระมัดระวังแล้วไปััดวงตาของจี๋โม่หาน จากนั้นก็เปิดเปลือกตาของเขาออกเล็กน้อย
จี๋โม่หานรู้สึกแค่ลมหายใจร้อนๆ รดมาที่ใบหน้าของตัวเอง อุณหภูมิอุ่นร้อนของร่างกายใกล้เข้ามา ทั้งยังแฝงไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมา
ซูิเยว่ตรวจสอบลูกตาของจี๋โม่หานอย่างละเอียด คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อครู่นางมองจากด้านข้างก็คิดแค่ว่าดวงตาของจี๋โม่หานงดงามมาก ลูกตาดำมาก
แต่ตอนนี้พอยื่นหน้าไปดูใกล้ๆ ถึงได้รู้ว่าสีั์ตาของเขาไม่ได้เข้มกว่าคนปกติ แต่เป็เช่นนี้เพราะว่าถูกพิษ ดวงตาขาวใกล้ๆ กับั์ตาดำมีสีดำอ่อนๆ
จากนั้นซูิเยว่ก็ตรวจดวงตาอีกข้างของเขาแล้วพบว่าเป็เหมือนกัน
“องค์ชายสาม ดวงตาของท่านมีอาการเจ็บเป็ระยะใช่หรือไม่เพคะ?”
จี๋โม่หานยังไม่ทันได้ตอบ หลิงชวนที่ยืนทำหน้าร้อนใจอยู่ด้านหลังก็ตอบออกมาก่อน “ใช่ขอรับ”
ซูิเยว่พอจะวินิจฉัยได้เล็กน้อยแล้ว นางยืดตัวตรงแล้วถอยหลังไปสองก้าว
“ข้าพอจะรู้แล้วว่าเป็พิษอะไร”
หลายคนที่อยู่ด้านหลังได้ยินแล้วก็ตื่นเต้นรีบเข้ามาล้อม ก่อนหน้านี้ที่เชิญหมอพวกนั้นมา ส่วนมากแม้แต่พิษอะไรก็ยังไม่รู้ พวกเขาคิดไม่ถึงว่าซูิเยว่ที่แค่มาดูแบบไม่ได้จริงจังกลับมองออกแล้ว
หลิงชวนถามอย่างระมัดระวัง “สามารถรักษาได้หรือไม่?”
ซูิเยว่พยักหน้า
“แต่ว่า” ประโยคนี้ของนางทำให้หัวใจของทุกคนตื่นกลัวขึ้นมา “พิษชนิดนี้หาได้ยากมาก อีกทั้งฤทธิ์ของพิษก็ได้กัดกร่อนรอบๆ เส้นเืตรงส่วนดวงตาขององค์ชายสามไปแล้ว ความมั่นใจในการรักษาให้หายขาดของข้าอย่างมากก็แค่หกในสิบส่วนเท่านั้น”
พิษชนิดนี้ไม่ค่อยได้เห็นจริงๆ คาดว่าหลายคนได้ฟังชื่อแล้วก็อาจจะไม่เคยได้ยินเหมือนกัน ที่ซูิเยว่รู้จักก็เพราะว่าเคยเห็นในหนังสือแพทย์เล่มหนึ่งที่ท่านอาจารย์ให้นางเมื่อชาติที่แล้ว อีกทั้งเวลาก็ยื้อมานานมากแล้ว นางเองก็ไม่มั่นใจว่าจะรักษาถึงรากได้
พวกหลิงชวนฟังจบก็ถอนหายใจออกมา แม้แต่หมอเฉินเมื่อครู่ก็ยังไม่มีแม้แต่ความมั่นใจที่จะรักษาได้ การที่ซูิเยว่มีความมั่นใจหกส่วนก็ถือว่าดีมากแล้ว มีความหวังดีกว่าไม่มี หลายปีมานี้หมอที่มาตรวจให้ก็มีจำนวนไม่น้อย ซูิเยว่เป็คนแรกที่จุดประกายความหวังของพวกเขา
“คุณหนูซู ท่านสนใจแค่การรักษาดวงตาขององค์ชายสามก็พอ หากมีอะไรที่้าก็บอกพวกเราได้เลยขอรับ”
ซูิเยว่หันกลับไปมองพวกเขาแล้วพูดน้ำเสียงจริงจัง “เพราะว่าพิษนี้ค่อนข้างหายาก ดังนั้นสมุนไพรที่จำเป็ต่อการทำยาแก้พิษก็หายากเช่นกัน บางอย่างไม่สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาด อีกทั้งฤทธิ์ของพิษมีความกัดกร่อนร้ายแรง ข้าจึงต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการรักษาองค์ชายสาม ดวงตานี้ไม่อาจรักษาให้หายได้ภายในเวลาสั้นๆ จำเป็ต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน ค่อยๆ เป็ค่อยๆ ไปทีละก้าว”
“เวลานั้นไม่ใช่ปัญหา” จี๋โม่หานที่อยู่ด้านหลังกล่าว อย่างไรก็ตาบอดมาหลายสิบปีแล้ว เขาจึงไม่สนใจเื่เวลาแค่นี้ “เ้าสนใจแค่เื่การรักษาก็พอ ถึงแม้จะรักษาไม่ดี เปิ่นหวังก็ไม่โกรธเ้า”
ซูิเยว่หันกลับไปมองเขาแล้วพยักหน้า “เพคะ”
ที่จริงในใจของนางได้วางแผนเอาไว้แล้ว หากตนไม่สามารถรักษาตาของจี๋โม่หานให้หายได้ นางก็จะพาจี๋โม่หานไปหาท่านอาจารย์ในชาติก่อนของนางคนนั้น ท่านอาจารย์ต้องรักษาให้หายได้แน่นอน
“หลิงชวน” ซูิเยว่ถาม “ตอนนี้ข้าจะฝังเข็มเงินไปที่เส้นประสาทรอบๆ ดวงตาขององค์ชายสาม รบกวนเ้าไปหาเข็มเงินให้ข้าสักชุด”
“ได้ขอรับ” หลิงชวนหมุนตัวออกไป เพียงครู่เดียวก็กลับมาพร้อมกล่องยาหนึ่งกล่อง ภายในจวนองค์ชายสามมีหมอประจำจวนอยู่ ดังนั้นจึงมีเข็มเงินพอดี
“คุณหนูซู ท่านว่าเ้านี่ใช้ได้หรือไม่?”
ซูิเยว่รับกล่องยามาแล้วหยิบถุงเข็มที่อยู่ด้านในออกมาดู “ได้”
นางหยิบเข็มเงินจากในถุงเข็มออกมาหลายเล่มก่อนจะเดินไปตรงหน้าจี๋โม่หานแล้วพูดเสียงเบา “องค์ชายสามเพคะ อดทนหน่อยนะเพคะ อาจจะเจ็บเล็กน้อย”
จี๋โม่หานตอบอืมเบาๆ
ซูิเยว่จับเข็มเงินไปด้านหน้าแล้วก็ลังเล เพราะว่าจี๋โม่หานนั่งตัวตรง นางจึงฝังเข็มลงไปยาก “องค์ชายสามเพคะ ให้ท่านเอนตัวไปด้านหลังแล้วผ่อนคลายเพคะ”
จี๋โม่หานทำตามที่บอก สองมือวางอยู่บนหน้าขาแล้วเอนตัวพิงผ่อนคลายไปกับเก้าอี้
ซูิเยว่หยิบเข็มเงินมาหนึ่งเล่มแล้วถอนหายใจเบาๆ นางครุ่นคิดก่อนจะกวักมือเรียกหลิงชวนให้เข้ามา “หลิงชวน มาช่วยข้าถือถุงเข็มหน่อย”
“ขอรับ” หลิงชวนรับคำแล้วเดินมาเป็ลูกมือให้ซูิเยว่ เขาไม่รู้ว่านางกำลังจะทำอะไร
แต่ภาพต่อมาก็ทำให้คนทั้งห้องต่างชะงักไป
เพียงแค่เห็นภาพซูิเยว่เชยคางจี๋โม่หานให้เงยขึ้น
หลิงชวน “....”
จิ่งฉือ “.....”
จื๋อหลันกับิจิ่วสองคนลอบเบือนหน้าหนี
จี๋โม่หานแข็งค้างไป ร่างกายก็พลันเกร็งขึ้น
มือของซูิเยว่ที่เชยคางของจี๋โม่หานก็เริ่มปรับทิศทางให้ดี “องค์ชายสามเพคะ ท่านผ่อนคลายหน่อย อย่าตื่นเต้น หากกล้ามเนื้อแข็งเกร็งจะแทงเข็มไม่เข้าเพคะ”
จี๋โม่หาน “ข้าไม่ได้ตื่นเต้น”
หลิงชวนที่อยู่ใกล้ที่สุดมองการกระทำของซูิเยว่อย่างใ ดวงตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้าอยู่แล้ว
เขาติดตามอยู่ข้างกายจี๋โม่หานนานที่สุด เขาจึงรู้นิสัยขององค์ชายสามมากที่สุด องค์ชายสามไม่ชอบใกล้ชิดกับคนอื่นเช่นนี้มากเกินไป ยิ่งพอเป็เพศตรงข้ามยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
ซูิเยว่ไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรดี “เช่นนั้นข้าจะเริ่มฝังเข็มแล้วนะเพคะ องค์ชายสาม”
ซูิเยว่มองดูจี๋โม่หานที่หลับตาแน่นจากมุมสูง นางรับเข็มเงินมาจากหลิงชวนแล้วค่อยๆ ฝังลงไปตามจุดฝังเข็มบริเวณดวงตา
ทุกคนต่างกลั้นหายใจมองการกระทำของซูิเยว่
“เรียบร้อย” จนกระทั่งฝังเข็มทั้งหมดเข้าไปแล้ว ซูิเยว่ก็ปล่อยมือออก “รอประมาณหนึ่งชั่วยามก็พอ”
ซูิเยว่เดินมานั่งที่ข้างโต๊ะแล้วกวักมือเรียก “หลิงชวน ไปเอาพู่กันกับหมึกมาให้ข้า ข้าจะเขียนสูตรยาให้”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้