“หึ!” ลู่เจียงแค่นเสียงเ็า จากนั้นไขว้ขานั่งลง ปรับลมหายใจและเริ่มรักษาาแ
ไม่ใช่ลู่เจียงคนเดียว แต่ยังมีจ้าวเฉินอ๋องเล็ก เขาก็แพ้เช่นกัน คนที่เขาเลือกเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 6 ด้วยนิสัยโอหังหยิ่งผยอง เขาจึงอยากเอาชนะอีกฝ่ายที่มีพลังสูงกว่าสี่ขั้น แต่เขากลับพ่ายแพ้เสียเอง ทำให้เขาขายหน้าอย่างมาก
ผู้คนเห็นสองศึกต่อสู้ของลู่เจียงและจ้าวเฉินต่างก็ตะลึงงัน นอกจากรายนามแห่งแท่นศิลาเทียนเสวียน ในสำนักยุทธ์ยังมีผู้ฝึกยุทธ์ที่มากฝีมืออีกหลายคน พวกเขาล้วนสุขุมเยือกเย็น ยามปกติจะฝึกฝนกันเงียบ ๆ น้อยครั้งที่จะถูกยั่วโมโห
เช่นเดียวกับคู่ต่อสู้ของจ้าวเฉินที่เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 6 พลังย่อมไม่ธรรมดา ทั้งยังได้เปรียบเื่ระดับการบ่มเพาะ หาก้าเข้ารายนามขั้นรวมชี่ มีหรือเขาจะเข้าไม่ได้?
เมื่อฉุกคิดได้เช่นนี้ ทุกคนจึงคิดว่าจ้าวเฉินจะต้องพ่ายแพ้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงอย่างไรเขาก็อยู่แค่ขั้นรวมชี่ที่ 2
จากนั้นเหล่าผู้คนหันไปมองเย่เฟิงที่อยู่ใจกลางเวทีประลองด้วยความสนใจ ซึ่งคนที่เย่เฟิงเลือกเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 5 ทั้งยังเป็อัจฉริยะมากฝีมือของพรรคเทียนจี
การที่ตู๋กูหลงและนี่จ้านเทียนเพ่งเล็งคนของพรรคเทียนเสวียนน่าจะเกี่ยวข้องกับแผนชั่วของพรรคเทียนจี ในเมื่อเป็เช่นนี้เย่เฟิงจะเกรงใจไปไย เขาจะกำจัดคนของพรรคเทียนจีไปจากเวทีประลองให้หมด
“นับวันเย่เฟิงยิ่งใจกล้า ไม่นึกว่าจะกล้าท้าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 5 จากพรรคเทียนจี แกว่งเท้าหาเสี้ยนเสียจริง!” ขณะที่ผู้คนมองสถานการณ์ทางด้านนี้ จู่ ๆ ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งก็เอ่ยขึ้นมา
ทางฝั่งพรรคเทียนจี เหล่าศิษย์ภายในพรรคต่างเผยสีหน้าเยาะเย้ยในความไม่เจียมตัวของเย่เฟิง
ก่อนหน้านี้เย่เฟิงแสดงความสามารถได้ไม่เลว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เพียงพอ และยังห่างชั้นกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงเ่าั้ในสำนักยุทธ์
“เ้าแน่ใจแล้วหรือว่าจะสู้กับข้า?” ผู้ฝึกยุทธ์พรรคเทียนจีคนนั้นรู้สึกเกินคาด
“พูดให้น้อย ๆ หน่อย เ้าจะไสหัวออกไปเอง หรือจะให้ข้าลงมือ?” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น แม้เผชิญหน้ากับคนของพรรคเทียนจี เขาก็ไร้ซึ่งความเกรงใจใด ๆ ก่อนหน้านี้ที่แดนมายา คนเหล่านี้รวมตัวสร้างพันธมิตร ทำตัวกำเริบเสิบสาน เพื่อเข่นฆ่าคนของพรรคเทียนเสวียน
“แค่ขั้นรวมชี่ที่ 3 รนหาที่ตายชัด ๆ ในเมื่อเป็เช่นนี้ข้าจะทำให้เ้ารู้ว่าการที่เลือกข้ามันโง่เง่าเพียงใด!” ผู้ฝึกยุทธ์พรรคเทียนจีคนนั้นกล่าวเสียงเย็นพร้อมเผยสีหน้าเหยียดหยาม จากนั้นเขาปล่อยเคล็ดวิชาเข้าโจมตีเย่เฟิงอย่างไม่ลังเล
เย่เฟิงปลดปล่อยพลังปราณ ก่อนจะเหวี่ยงหมัดที่อัดแน่นด้วยพลังกายที่แกร่งที่สุดเข้าโจมตี หมายทำลายทุกอย่าง รวมทั้งการโจมตีของอีกฝ่าย
“กร๊อบ!” การโจมตีทั้งสองเข้าปะทะกัน ตามมาด้วยเสียงกระดูกหักดังลั่น จากนั้นผู้คนเห็นผู้ฝึกยุทธ์พรรคเทียนจีคนนั้นส่งเสียงร้องโหยหวน เขาถูกซัดกระเด็น จนร่างถลาไปกับพื้นไกลหลายสิบจั้ง ก่อนจะกระแทกกับคนคนหนึ่งจึงจะตั้งตัวได้ แต่ว่าการปะทะครั้งนี้ทำให้กระดูกบริเวณแขนแตกหักหลายท่อน และน่าจะรักษาได้ยาก
“หมอนี่...” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ผู้ฝึกยุทธ์เ่าั้ที่เพิ่งพูดจาดูถูกเย่เฟิงต่างเงียบปากสนิทและมีสีหน้าไม่สู้ดี
“ก่อนหน้านี้เย่เฟิงก็แสดงพลังป้องกันได้ไม่เลว เอาชนะศิษย์สายตรงขั้นรวมชี่ที่ 4 ของผู้าุโสายในได้ง่าย ๆ บัดนี้เผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 5 เขาก็ซัดอีกฝ่ายจนกระเด็นออกไปไกลหลายสิบจั้งภายในหนึ่งหมัด มิหนำซ้ำกระดูกบริเวณแขนยังแตกหักหลายท่อน เขาจะแข็งแกร่งมากไปแล้ว!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว หลังจากศึกนี้ เหล่าผู้คนเริ่มให้ความสนใจเย่เฟิง พวกเขาค่อย ๆ พบว่าเย่เฟิงผู้นี้ไม่เพียงแต่มีพร์ล้ำเลิศ ด้านพลังต่อสู้เองก็ยังเหนือกว่าคนในระดับเดียวกัน และไม่รู้ว่าถ้าเขาประลองฝีมือกับผู้ฝึกยุทธ์อันดับแรก ๆ ในรายนามขั้นรวมชี่จะเป็อย่างไรบ้าง
เมื่อเฉินเซี่ยงเทียนเห็นสภาพที่น่าสมเพชของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นที่นอนทุกข์ระทมอยู่บนพื้นก็เผยสีหน้าอึมครึม ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 5 ในพรรคพวกเขากลับเปราะบางเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เฟิง สำหรับพรรคเทียนจีแล้ว มันคือความอัปยศอดสู
“ตาเ้าแล้ว!” เย่เฟิงเดินกลับไปที่ขอบเวทีแล้วกล่าวกับนักดาบแขนเดียว
หลังจากเย่เฟิงบรรลุขั้นรวมชี่ที่ 3 เขาก็สามารถกำราบผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 5 ทั่วไปได้อย่างง่ายดาย หากผนวกกับไพ่ตายที่มีอยู่ ต่อให้เผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 6 ก็เอาชนะได้ไม่ยากเช่นกัน พลังเช่นนี้เพียงพอที่จะเอาชนะศิษย์พรรคเทียนจีคนอื่น ๆ นอกจากเฉินอ้าวเทียนและเว่ยจี้ ดังนั้นเย่เฟิงจึงกล้าท้าทายผู้ฝึกยุทธ์พรรคเทียนจี
“อืม” นักดาบแขนเดียวพยักหน้าให้เย่เฟิงเล็กน้อย จากนั้นเดินออกไปที่ใจกลางเวทีประลอง
“ไสหัวออกมาซะ!” เสียงเย็นเยือกดังออกจากปากของนักดาบแขนเดียว ซึ่งคนที่เขาเลือกคือคนของพรรคเทียนจี นี่ทำให้ผู้คนตาทอประกายคมกริบ และผู้คนจำนวนไม่น้อยเผยสีหน้าสนใจ
“เย่เฟิงก่อน แล้วก็ตามด้วยนักดาบแขนเดียว สองคนนี้หมายหัวคนของพรรคเทียนจี ชักจะน่าสนุกแล้วสิ!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว ตู๋กูหลงและนี่จ้านเทียนหมายหัวคนของพรรคเทียนเสวียน เช่นนั้นเย่เฟิงและนักดาบแขนเดียวก็หมายหัวคนของพรรคเทียนจีเช่นกัน ช่างน่าสนใจยิ่งนัก
บนเวทีประลอง แม้เผชิญหน้ากับการโจมตีพิโรธของผู้ฝึกยุทธ์พรรคเทียนจี แต่นักดาบแขนเดียวก็ตวัดดาบอย่างไม่ลังเล จนกรีดผ่านหัวไหล่ของอีกฝ่าย ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์พรรคเทียนจีคนอื่น ๆ ต่างหันมามองนักดาบแขนเดียวด้วยสายตาอาฆาต
“สมควรตาย!” เฉินเซี่ยงเทียนก่นด่าในใจด้วยสีหน้าอึมครึม
“ศิษย์พรรคเทียนจีอ่อนหัดอย่างในข่าวลือไม่มีผิด!” สิ้นเสียงโอหังนี้ นักดาบแขนเดียวก็กลับไปสมทบกับเย่เฟิงและฉินเยียนหราน
การกระทำของเย่เฟิงและนักดาบแขนเดียวเป็การกู้ศักดิ์ศรีของพรรคเทียนเสวียนกลับคืนมา ทำให้ศิษย์พรรคเทียนเสวียนหลาย ๆ คนมองพวกเย่เฟิงด้วยสายตาเลื่อมใสศรัทธา
“พวกเ้าสองคนไม่ลงมือโหดไปหน่อยหรือ?” เฉินอ้าวเทียนที่อยู่ขอบเวทีกล่าวเสียงเ็าขณะมองเย่เฟิงและนักดาบแขนเดียว
“เ้าพรรคเทียนจียั่วโมโหก่อน ข้าสองคนก็เลยเอาคืนเสียบ้าง แล้วมาพูดจาเยี่ยงไรได้อย่างไรกัน?” เย่เฟิงกล่าว
“เถียงข้าง ๆ คู ๆ!”
เฉินอ้าวเทียนตาเผยประกายเย็นเยือก “ในเมื่อเป็เช่นนี้ ทางที่ดีพวกเ้าอย่ามาเจอข้า หาไม่แล้วก็อย่ามาโทษข้าเฉินอ้าวเทียนว่าลงมือโเี้!”
ผู้คนได้ยินเช่นนั้นต่างตาเป็ประกาย ครั้งนี้เย่เฟิงและนักดาบแขนเดียวเล่นใหญ่เกินไป ยั่วโมโหเฉินอ้าวเทียน พวกเขาจะรอดไปได้หรือ? เกรงว่าอีกไม่นานคงต้องชดใช้ด้วยราคาแสนเ็ป
“ยินดีสนองทุกเมื่อ!” เย่เฟิงกล่าวอย่างไม่สนใจ ไม่ช้าก็เร็วเขากับเฉินอ้าวเทียนจะต้องเปิดฉากต่อสู้กัน แล้วเขาจะสนใจอีกฝ่ายไปไย
ต่อจากนั้นการต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป ผู้เลือกและผู้ถูกเลือกมีทั้งชนะและแพ้ เมื่อเวลาผ่านไปผู้คนรู้สึกได้ถึงบรรยากาศอึมครึม งานประลองนี้มีความแค้นส่วนตัวปะปน ทำให้ทุกการต่อสู้ล้วนน่าสนใจและคุ้มค่ากับการรอคอย
เวลาล่วงเลยมาถึงตอนเที่ยงวัน มีหลายคนแพ้สองตา หากแพ้อีกหนึ่งตา คนเหล่านี้ก็ต้องบอกลากับเวทีประลองแห่งนี้
บรรยากาศตึงเครียด ผู้ฝึกยุทธ์ 48 คนแทบไม่มีใครอ่อนแอ ทุกคนต่างอยากเข้าสิบอันดับแรก การต่อสู้จึงดุเดือดเป็อย่างมาก
นอกจากนี้การผงาดของเย่เฟิงและนักดาบแขนเดียวก็กลายเป็หัวข้อสนทนาของผู้คน พวกเขาคิดว่าสองคนนี้คงได้เข้าสิบห้าอันดับแรก
ขณะนั้นที่อัฒจันทร์หลัก มีชายวัยกลางคนดูน่าเกรงขามและยังห้อมล้อมด้วยผู้าุโสำนักยุทธ์เทียนเสวียน เห็นชัดว่าคนผู้นี้มีฐานะไม่ธรรมดา
“ผู้าุโฉิน ท่านว่าคนรุ่นเยาว์ของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนที่เข้าร่วมงานประลองครั้งนี้เป็อย่างไรบ้าง?” อาจารย์ของนี่จ้านเทียนเอ่ยถามชายวัยกลางคนผู้นั้น
“ไม่เลว หลาย ๆ คนมีพร์น่าทึ่ง คุ้มค่าที่จะอบรมสั่งสอน” ชายวัยกลางคนแซ่ฉินผู้นั้นกล่าว ขณะสายตาอันเฉียบคมมองชายหนุ่มผู้หนึ่งบนเวทีประลองนามว่า เย่เฟิง อย่างไม่วางตา
“เช่นนั้นผู้าุโฉินคิดว่าใครจะได้ครองอันดับหนึ่งในงานประลองครั้งนี้ แล้วสิบอันดับแรกใครจะได้ไปครอง?” อาจารย์นี่จ้านเทียนเอ่ยถามต่อ แต่ดูจากคำพูดคำจาของสองคนนี้ ดูเหมือนว่าฐานะของทั้งสองในสำนักยุทธ์จะเท่า ๆ กัน
“ผู้แซ่ฉินมีความคิดเห็นบางอย่าง”
ชายวัยกลางคนแซ่ฉินหันไปมองอาจารย์นี่จ้านเทียน ก่อนกล่าวว่า “ตู๋กูหลงฝึกที่สำนักยุทธ์เทียนเสวียนมาได้สามปีเศษ พลังแกร่งกล้า พร์ล้ำเลิศ เป็อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งสำนักยุทธ์ อันดับที่ 1 คงเป็ของเขา ส่วนถัดไป นี่จ้านเทียนเก่งกล้าความสามารถ มีคุณสมบัติร่างที่แข็งแกร่ง บางทีอันดับที่ 2 อาจตกเป็ของเขา เฉินอ้าวเทียนอัจฉริยะแห่งตระกูลเฉิน เมื่อพูดเื่พร์ก็เทียบเคียงกับตู๋กูหลง หากไม่มีอะไรเกินคาดก็อาจได้อันดับที่ 3 ส่วนที่ 4 และที่ 5 ข้ายังไม่แน่ใจ”
อาจารย์นี่จ้านเทียนได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนไม่พอใจกับรายชื่อที่ชายวัยกลางคนแซ่ฉินเอ่ยมา จากนั้นกล่าวว่า “ผู้าุโฉินเชิญพูดมาได้เลย”
“อันดับที่ 4 ข้าว่าอาจตกเป็ของเย่เฟิง แม้เด็กคนนี้จะอายุยังน้อย แต่พร์ยอดเยี่ยมมาก ั้แ่เข้าสำนักยุทธ์มาก็เฉิดฉายไม่หยุด กระทั่งทำการใหญ่ยิ่งกว่าตู๋กูหลงหรือนี่จ้านเทียน อีกอย่างตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเขาก็บรรลุขั้นรวมชี่ที่ 3 แล้ว ด้วยพลังต่อสู้ของเขา เขาสามารถชิงอันดับนี้ไปครองได้ แล้วอันดับที่ 5 ข้าว่าน่าจะเป็ของอวิ๋นเจี๋ย เด็กคนนี้สุขุมเยือกเย็นและลึกลับ ข้าจึงเดาว่าเขาจะต้องมีพลังต่อสู้ที่น่าทึ่ง ส่วนอันดับที่ 6 ถึงที่ 10 น่าจะเป็ของเว่ยจี้ เซี่ยโหวิ จงเทา นักดาบแขนเดียว และฉินเยียนหราน”
ชายวัยกลางคนแซ่ฉินกล่าวช้า ๆ แต่เมื่อพูดรายชื่อสิบอันดับแรกที่ตนคาดการณ์ไว้ จู่ ๆ ผู้าุโสำนักยุทธ์เทียนเสวียนที่ห้อมล้อมต่างตาเผยประกายคมกริบ
“การจัดอันดับของผู้าุโฉินช่างน่าสนใจยิ่ง ไม่นึกว่าจะมีชื่อเย่เฟิงกับนักดาบแขนเดียวด้วย อีกอย่างเย่เฟิงยังอยู่อันดับที่ 4 ในการคาดการณ์ นี่ช่างน่าไร้สาระมาก เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งมากขนาดนี้ เย่เฟิงเข้าสิบอันดับแรกได้ถือว่าไม่เลวแล้ว แต่อันดับที่ 4 น่ะหรือ ไม่มีทางเป็ไปได้เด็ดขาด!”