เซี่ยเสี่ยวหม่านเป็ห่วงกูเฟยเยี่ยนด้วยความสัตย์จริง แต่เมื่อได้ยินคำพูดของกูเฟยเยี่ยนแล้วเขาก็เกิดความโมโห
“เหอะ ไม่สำนึกในบุญคุณที่ช่วยเหลือเลย! ”
กูเฟยเยี่ยนไม่สนใจไยดีเขา นางหาวออกมาพลางเดินเข้าไปในห้องจากนั้นจึงปิดประตูลง
หมางจ้งอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เมื่อเซี่ยเสี่ยวหม่านหันกลับมามองเขาก็รีบหนีทันที เซี่ยเสี่ยวหม่านจ้องมองไปที่ประตูห้องที่ปิดสนิทของกูเฟยเยี่ยน นอกจากความโกรธแล้วภายในใจยังมีความรู้สึกผิดหวังที่ไม่สามารถอธิบายได้
ไม่ช้าเขาก็ยิ้มเยาะแล้วจากไป
อันที่จริงแล้วกูเฟยเยี่ยนเพียงแค่พูดจาจิกกัดเท่านั้น นางไม่ได้แค้นฝังใจจริงๆ เพราะในสายตาของนางแล้วเซี่ยเสี่ยวหม่านก็คือเด็กน้อยคนหนึ่ง
นางล้มตัวนอนหงายบนเตียงพร้อมกับยืดแข้งยืดขาชี้ไปบนฟ้า ทั้งๆ ที่เพลียแทบตายแต่ทันทีที่หลับตาลงก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้มีความรู้สึกวิงเวียนที่เกิดจากการจมน้ำขึ้นอีกครั้ง ผ่านไปครู่หนึ่งความทรงจำจากการจมน้ำของร่างเดิมก็ปรากฏขึ้นมาในหัวสมอง บีบบังคับให้นางจำเป็ต้องลืมตาขึ้นมา
เมื่อตอนอายุแปดปีเ้าของร่างเดิมจมน้ำแล้วสลบไสลไปหนึ่งปีถึงจะฟื้นขึ้นมา ในวันที่ฟื้นขึ้นมาตรงกับวันส่งท้ายปีเก่าพอดี [1] อีกทั้งภายในความทรงจำไม่มีเื่ราวอื่นๆ มีเพียงแค่ความรู้สึกหวาดกลัวใน่เวลาของการจมน้ำ ความรู้สึกนั้นราวกับว่าจิติญญากับร่างกายได้แยกออกจากกัน
กูเฟยเยี่ยนลุกขึ้นนั่งอย่างอดสงสัยไม่ได้ว่าตนเองก็เคยจมน้ำในวัยเด็ก เพราะไม่อย่างนั้นแล้วเหตุใดความรู้สึกเช่นนี้ถึงได้เด่นชัดนัก?
นางมีความสัมพันธ์อะไรกับดินแดนแห่งนี้กันแน่? นางมีความสัมพันธ์อะไรกับเ้าของร่างเดิม? นางคือใคร? บ้านของนางอยู่ที่ไหน?
แดน์ปิงไห่ของท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวอยู่ที่ใด? มีความสัมพันธ์อะไรกับดินแดนแห่งนี้? ปิงไห่ทางใต้ที่มีชื่อดินแดนว่า “อวิ๋นคง” เป็โลกแบบใดกัน?
ทันทีที่กูเฟยเยี่ยนคิดถึงเื่นี้ ศีรษะก็บังเกิดความเ็ปขึ้นมา นางไม่กล้าคิดต่อ นอนพลิกตัวกลับไปกลับมาอยู่นาน สุดท้ายก็ไม่ทราบว่าผล็อยหลับไปได้อย่างไร
ในค่ำคืนนี้นางฝันถึงเด็กผู้หญิงที่มีอายุเพียงแค่แปดปีในสถานที่ที่เรียกว่าปิงไห่อีกครั้ง
นางเหมือนกับเป็ผู้ชมในระยะไกลที่กำลังมองปิงไห่กับเด็กผู้หญิงที่ถูกเด็กชายตัวสูงกว่าหนึ่งคนจูงมือเดินไป
ทั้งๆ ที่พวกเขาเดินไปไกลแล้ว แต่นางก็ยังได้ยินบทสนทนาของพวกเขา
น้ำเสียงของเด็กผู้หญิงอ่อนหวานมาก “ท่านพี่หยิ่ง เมื่อท่านเติบใหญ่แล้วจะแต่งงานหรือไม่? ”
น้ำเสียงของเด็กชายอ่อนโยนละมุนละไมเป็พิเศษ แต่เขาเพียงแค่ยิ้มแย้มไม่ตอบอะไรไป
เด็กผู้หญิงถึงกับถามอย่างหน้าไม่อายว่า “ท่านพี่หยิ่ง หากท่านจะแต่งงานก็แต่งกับข้าเถอะนะ”
เด็กชายอดไม่ได้ที่จะยิ้มแย้มออกมา “องค์หญิงเยี่ยน เ้ายังเด็กอยู่อย่าคิดเพ้อเจ้อ”
เด็กผู้หญิงพูดด้วยความจริงจัง “ข้าไม่ได้เพ้อเจ้อ ข้าเข้าใจ ข้าจริงจัง! ”
ดูเหมือนว่าเด็กชายไม่ทราบว่าจะตอบอย่างไรดี
ทว่าเด็กผู้หญิงจริงจังมากขึ้น “ท่านพี่หยิ่ง ท่านจะแต่งงานกับข้าหรือไม่? ”
เด็กชายเผยยิ้มอีกครั้งพลางหัวเราะด้วยความจำใจและเอ็นดู “องค์หญิงเยี่ยน เ้าชื่นชอบอะไรในตัวพี่หยิ่ง? ”
เด็กผู้หญิงตอบทันทีทันใด “ชอบทุกอย่างเลย”
เด็กชายไม่ยิ้มแล้ว เขาหันหลังให้กับกูเฟยเยี่ยน กูเฟยเยี่ยนจึงมองไม่เห็นใบหน้าของเขา เห็นได้ชัดว่าเด็กผู้หญิงเขินอาย ยิ้มแย้มไม่หยุด “ฮ่าๆ ฮ่าๆ…ฮ่าๆ…”
เด็กผู้หญิงในความฝันกำลังยิ้ม กูเฟยเยี่ยนที่อยู่บนเตียงก็ยิ้มเช่นกัน นางยิ้มไปยิ้มมาพลันลืมตาขึ้นมาช้าๆ และตระหนักได้ว่านี่เป็เพียงความฝันและนางก็ดีใจจนตื่นขึ้นมา
หญิงสาวค่อยๆ ลุกนั่งด้วยความคาดไม่ถึง
ต้องรู้ไว้ว่าสิบปีในแดน์ปิงไห่ นางฝันถึงปิงไห่และฝันถึงเด็กผู้หญิงคนนั้นหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน และทุกครั้งจะเป็ฝันร้าย! ทว่าในครั้งนี้ไม่ใช่ฝันร้ายแต่เป็ฝันดี! อีกทั้งมันไม่เหมือนความฝัน แต่เหมือนว่า…เป็เื่ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเพราะเหมือนจริงมาก ทั้งๆนางตื่นขึ้นมาด้วยความดีใจ แต่เหตุใดจิตใจถึงได้มีความเ็ปที่ไม่สามารถอธิบายได้?
“หนานเฉิน…องค์หญิงเยี่ยน? ท่านพี่หยิ่ง? ”
นางนึกย้อนไปถึงชื่อในความฝันและพึมพำออกมา “องค์หญิงเยี่ยน? เด็กผู้หญิงคนนั้นคือองค์หญิงหรือ? ในชื่อของเด็กผู้หญิงคนนั้นก็มีคำว่าเยี่ยน? เด็กผู้หญิงคนนั้นคือใครกัน? เด็กผู้หญิงคนนั้นคือข้าหรือ? แล้วข้าเป็ใครกัน? ข้าคือนางหรือ? ”
กูเฟยเยี่ยนพึมพำไปพึมพำมา ทันใดนั้นศีรษะก็บังเกิดความเ็ปอย่างรุนแรง ความเ็ปนี้ทรมานมากจนทำให้นางจำเป็ต้องหยุดคิด! หยุดสงสัย! นางเหมือนถูกคำสาปอะไรบางอย่างเอาไว้ ทุกครั้งที่คิดเชื่อมโยงตนเองกับเด็กผู้หญิงคนนั้น นางก็จะไม่สามารถคิดได้ นางจับไปที่ศีรษะพลางพยายามควบคุมความคิดของตนเอง นางเข้าใจอย่างชัดเจนว่าหากตนเองคิดต่อไปอีกจะต้องปวดหัวจนสลบลงไป ในขณะนี้เองก็มีเสียงเคาะประตูของเซี่ยเสี่ยวหม่านดังขึ้นมาจากด้านนอก “กูเฟยเยี่ยน ตื่นได้แล้ว! เร็วเข้า! มีเื่ราวดีๆ ! ”
กูเฟยเยี่ยนจับไปที่ศีรษะโดยไม่ตอบกลับไป
“กูเฟยเยี่ยน เ้าตื่นหรือยัง? ตะวันโด่งฟ้าแล้วนะ! มีเื่ใหญ่มาก! เ้าออกมาแล้วข้าจะบอกเ้า! ”
“คนที่หลอกลวงคือลูกสุนัข รีบออกมาเร็ว! ”
เสียงของเซี่ยเสี่ยวหม่านเบี่ยงเบนความสนใจของกูเฟยเยี่ยนจนทำให้นางหยุดคิดคำถามว่าใครเป็ใคร ศีรษะของนางจึงค่อยๆ คลายความเ็ปลง
นางตอบกลับไป “รอสักครู่! ”
กูเฟยเยี่ยนแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วเปิดประตูออกพร้อมกับเอ่ยถาม “เื่ดีอะไรกัน? จับไป๋หลี่ิชวนกลับมาได้แล้วหรือ? ”
เซี่ยเสี่ยวหม่านตอบไปว่า “ยังเลย! ท่านแม่ทัพเฉิงเพียงแค่นำร่างศพของหญิงรับใช้กลับมา คนอื่นๆ ล้วนกำลังค้นหาอยู่นอกเมือง”
กูเฟยเยี่ยนเกิดความประหลาดใจพลางแอบคิดว่าเป็ไปได้หรือไม่ว่าไป๋หลี่ิชวนไม่ตาย? ยังมีเรี่ยวแรงหลบหนีอีกหรือ? ชีวิตของผีเ้าชู้ตนนี้ใหญ่เสียจริง! นางต้องจัดเตรียมยาพิษที่รุนแรงกว่านี้เพื่อคอยระวังว่าเขาจะกลับมาล้างแค้น! ”
เซี่ยเสี่ยวหม่านไม่ทราบว่ากูเฟยเยี่ยนคิดอะไรอยู่ เขาหัวเราะพลางกล่าวว่า “แค้นใหญ่ของพวกเราได้รับการชำระแล้ว! ”
ทันทีที่เขาได้รับข่าวดีก็รีบวิ่งมาแบ่งปันกับกูเฟยเยี่ยนทันที เขาดีอกดีใจจนลืมเลือนเื่ของคุณหนูสามตระกูลหานไปแล้ว
กูเฟยเยี่ยนไม่เข้าใจ แต่หลังจากที่ฟังคำอธิบายของเซี่ยเสี่ยวหม่านแล้วนางก็ดีใจเช่นกัน นางดีใจจนลืมเลือนความเ็ปไปหมดแล้ว
ที่แท้่เช้าวันนี้เทียนอู่ฮ่องเต้ก็ได้ตัดสินสรุปคดีย่าวซ่านด้วยพระองค์เอง องค์หญิงหวายหนิงเป็คนบงการจึงมีรับสั่งลดขั้นเป็สามัญชนแล้วเนรเทศออกจากพระราชวัง ฉีฟู่ฟางเป็ผู้สมรู้ร่วมคิดจึงตัดสินลงอาญาคุมขังห้าปี แต่ด้วยความที่สติวิปลาสไปแล้วจึงยกโทษให้แล้วปล่อยตัวไป แม่ทัพใหญ่ตระกูลฉีที่สั่งสอนไม่เข้มงวดถูกปรับเงินเดือนหนึ่งปี
“นี่มันสะใจจริงๆเลย!” กูเฟยเยี่ยนหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
เซี่ยเสี่ยวหม่านได้พูดอีกว่า “ยังมีเื่ที่สะใจมากกว่านี้อีก! เ้าลองเดาดูว่าเป็เื่อะไร? ”
กูเฟยเยี่ยนเดาไม่ออกจึงมองเซี่ยเสี่ยวหม่านด้วยความสงสัย “รีบพูดเร็ว! ”
เซี่ยเสี่ยวหม่านมองขึ้นไปบนฟากฟ้าพลันหัวเราะสามครั้งก่อนจะพูดว่า “ฝ่าาไม่เพียงแแค่ลดขั้นองค์หญิงหวายหนิงให้เป็สามัญชนแล้ว แต่ยังมอบสมรสพระราชทานให้แก่ฉีอวี้ด้วย ในเวลาเดียวกันก็ให้ฉีอวี้นำทัพไปที่ว่านจิ้นด้วยตนเองเพื่อทำความดีชดเชยความผิดแทนตระกูลฉี! ”
กูเฟยเยี่ยนตื่นเต้นดีใจมาก นางหัวเราะไปพร้อมกับทำมือโค้งคำนับไปทางพระราชวัง “ฝ่าาของข้าทรงมีปรีชาญาณมากเหลือเกิน!”
องค์หญิงหวายหนิงอยากจะแต่งงานกับฉีอวี้อยู่ตลอดเวลา ในตอนนี้นับได้ว่าสมหวังดั่งใจปรารถนาแล้ว ทว่าตระกูลฉียังจะปฏิบัติต่อนางในฐานะองค์หญิงของราชวงศ์อีกหรือไม่? และยังจะเยินยอ ยอมถอย รวมไปถึงปรนนิบัติรับใช้อีกหรือไม่? แน่นอนว่าเป็ไปไม่ได้!
เหตุผลยิ่งใหญ่ที่สุดที่ทำให้ฉีอวี้ทำดีกับองค์หญิงหวายหนิงเป็เพราะฐานะขององค์หญิงหวายหนิงและการที่ฝ่าาทรงโปรดปรานนาง ปัจจุบันนี้องค์หญิงหวายหนิงถูกลดขั้นให้เป็สามัญชนแล้ว นางจะไปเอาฐานะและความโปรดปรานมาจากที่ใดกัน!
แน่นอนว่าองค์หญิงหวายหนิงยังมีองค์ชายใหญ่กับอวิ้นกุ้ยเฟยคอยปกป้อง ดังนั้นกล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่าฉีอวี้ไม่ได้รับข้อดีอะไรมาจากองค์หญิงหวายหนิง แต่ก็ยังต้องยำเกรงและไม่สามารถรังแกองค์หญิงหวายหนิงมากเกินไปได้
ความเสียเปรียบของฉีอวี้เรียกได้ว่ามหาศาลมาก
การทำร้ายผู้อื่นท้ายที่สุดแล้วก็จะย้อนกลับมาทำร้ายตนเอง เขากับองค์หญิงหวายหนิงต้องอัดอั้นตันใจไปตลอดชีวิต!
กูเฟยเยี่ยนรีบเอ่ยถาม “มีบอกหรือไม่ว่าจะแต่งงานกันเมื่อใด? ”
แน่นอนว่าข่าวคราวของเซี่ยเสี่ยวหม่านรวดเร็วมาก “สามวันต่อจากนี้! ฝ่าาทรงพระราชทานคฤหาสน์แห่งหนึ่งด้านนอกพระราชวังให้กับองค์หญิงหวายหนิง สามวันต่อจากนี้องค์หญิงหวายหนิงจะแต่งงานที่นั่น! ”
กูเฟยเยี่ยนคิดในใจว่าแม้จะจับตัวไป๋หลี่ิชวนไม่ได้ แต่เื่นี้ก็นับได้ว่าเป็ตอนจบที่ไม่เลวนัก
นางตั้งตารอคอย สามวันถัดไปนางจะต้องไปดูฉากเด็ด!
———————
เชิงอรรถ
[1] วันส่งท้ายปีเก่า หมายถึง คืนก่อนวันตรุษจีน