ตอนที่ 4
ไม่ได้อยากจะพิศวาสเท่าไร
“...ตื่น”
แปะ แปะ
“อือ...”
“ตื่นได้แล้ว”
เสียงเรียกที่เริ่มดังเข้าโสตประสาท พร้อมกับััของมือที่ตีข้างแก้มเบา ๆ ส่งผลให้คนที่นอนฟุบหน้าหลับอยู่กับโต๊ะลืมตาตื่น ภาพตรงหน้าพร่าเบลอชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะเริ่มชัดเจนขึ้นทีละน้อย ครั้นเมื่อเห็นใบหน้าของผู้เป็เ้านายอยู่ในระยะใกล้ก็ใ รีบลุกพรวดพราดกะทันหันจนเสียหลักล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น
โครม!!
“โอ๊ย!!”
คนอื่นในสนามแข่งหันมามองตามเสียง ทว่าเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่กำลังมีประเด็นอยู่กับใครก็ไม่กล้าเข้ามายุ่งเท่าไรนัก ชาวินหลุบสายตาลงมองกันครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินนำออกไปก่อน ไม่วายทิ้งคำพูดยียวนให้คนฟังโมโหเล่น
“โตแล้วหนู ซุ่มซ่ามให้มันน้อย ๆ หน่อย”
ตั้งโอ๋หน้าบูด รีบลุกขึ้นแล้วหอบหิ้วข้าวของวิ่งตามกันไปที่รถ ทว่ายิ่งใกล้ถึงรถก็ยิ่งลดความเร็วในการเดินลง ไม่ยอมเปิดประตูขึ้นไปนั่งเสียที กระทั่งคนที่นั่งอยู่ในรถแล้วต้องเอ่ยเร่ง
“ขึ้นรถสิ”
“...คุณเชาส์ขับเร็ว ผมไม่อยากนั่งด้วยครับ”
ผู้ฟังนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยวิธีแก้ปัญหาให้เสียงราบเรียบ ราวกับกำลังพูดคุยกันด้วยเื่ทั่ว ๆ ไป
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปหายืมมอเตอร์ไซค์คนอื่นเขามาขี่”
ตั้งโอ๋กัดปาก ตัดสินใจเดินเข้าไปในสนามอีกครั้งโดยมีชาวินคอยมองตามอยู่ตลอด ก่อนเ้าตัวจะเดินออกมาอีกครั้งพร้อมกับกุญแจหนึ่งดอก มองซ้ายมองขวาสักพัก แล้วเดินไปคร่อมรถมอเตอร์ไซค์คันเก่า ซึ่งเป็ของยามที่เฝ้าที่นี่...แกอาศัยอยู่แถวนี้ มอเตอร์ไซค์คันนั้นก็จอดเอาไว้เฉย ๆ
ร่างขาวขับมอเตอร์ไซค์นำไปก่อน ตรงดิ่งไปยังตลาดเพื่อซื้อวัตถุดิบเข้าตู้เย็น ชาวินเอนหลังพิงเบาะ ทอดสายตามองตามคนที่ประคองรถมอเตอร์ไซค์ออกไปจนลับสายตา ก่อนจะเริ่มขับตามออกไปบ้าง เห็นตั้งโอ๋พยายามปรับตัวให้เข้ากับรถอย่างทุลักทุเล
“ขับยากจังเลยล่ะคุณ!”
ฝ่ายตั้งโอ๋ที่ยังไม่คุ้นกับรถดีเอ่ยบ่นอุบอิบ ขับรถไต่ไหล่ทางไปเรื่อย ๆ ด้วยความเร็วสี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น นึกสงสัยอยู่ในใจว่าขับมาไกลพอสมควรแล้ว คุณเชาส์ยังไม่ยอมตามกันมาอีกหรือยังไง
ปี๊น!!
“แม่ร่วง!!!”
ร่างขาวสะดุ้งสุดตัว หลุดสบถด้วยความใ แทบจะหักมอเตอร์ไซค์ชนขอบฟุตบาทเมื่อได้ยินเสียงแตรรถดังไล่หลัง รีบหันไปมองค้อนใส่ทันที เพื่อพบกับรถสปอร์ตหรูคันสีแดงเพลิงที่ขับตามกันมา เห็นคนในรถยักคิ้วข้างเดียวใส่กันอย่างยียวน ก่อนจะขับแซงนำกันไปก่อน โดยมีตั้งโอ๋คอยแอบด่าในใจตามไล่หลังไปติด ๆ ทั้งใบหน้างอง้ำ
กว่าจะประคับประคองมอเตอร์ไซค์มาจอดที่หน้าตลาดได้ก็กินเวลาไปพอสมควร เห็นคุณเชาส์ยืนกอดอกรอกันอยู่ที่ปากทางเข้า เมื่อเขาเดินเข้าไปหาแล้ว จึงหยิบเงินจากกระเป๋ายื่นให้จำนวนหนึ่ง ยกอำนาจการเลือกของและการจับจ่ายให้ตั้งโอ๋โดยสมบูรณ์ โดยที่ตนเพียงคอยเดินตามเงียบ ๆ เท่านั้น
ผ่านไปเพียงไม่นาน มือไม้ของคนอายุน้อยกว่าก็พะรุงพะรังไปด้วยของที่ซื้อมาเต็มไปหมด ตลอดการเดินตลาด ไร้ซึ่งบทสนทนาระหว่างกัน นอกจากสายตาที่มองสบกันเป็บางครั้งก็เท่านั้น...กระทั่งเดินมาถึงอีกฝั่งของตลาด ก็ได้ยินเสียงเอ็ดตะโรดึงความสนใจคนทั้งสองไปได้จนหมด
“ว้าย! รีบไปดูเร็ว คนแก่โดนรถชน”
ตั้งโอ๋หันไปมองตามทางที่ผู้หญิงในตลาดคนหนึ่งชี้ออกไป เห็นหญิงสูงอายุคนหนึ่งล้มอยู่กลางถนน ข้าวของที่เพิ่งซื้อมาหลุดออกจากถุงกระจุยกระจายไปหมด รถคู่กรณีขับหนีไปแล้ว ไวกว่าความคิด ร่างเพรียวรีบยัดของที่ถืออยู่ใส่มือเ้านายตัวเองแล้วรีบวิ่งไปหาคนเจ็บทันที
“คุณยายเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”
“อย่าเพิ่งถามแกเลย ช่วยกันประคองไปให้พ้นถนนก่อน”
ถนนเส้นดังกล่าวมีการจราจรที่ค่อนข้างจอแจ เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น แม้จะเพียงไม่กี่นาที ก็ดูเหมือนว่ารถจะติดเสียแล้ว หญิงสูงอายุถูกคนทั้งสองค่อย ๆ ช่วยพยุงไปนั่งที่เก้าอี้ริมทาง ยังโชคดีที่ไม่ได้เป็อะไรมาก เพียงมีรอยแผลถลอกบริเวณข้อศอกและหัวเข่าเท่านั้น
“น่าจะทำแผลสักหน่อยนะครับ”
ดวงตาสีอ่อนกวาดมองรอยแผลที่แม้จะไม่ใหญ่มาก แต่ก็ควรที่จะทำแผลเอาไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย ชาวินหันไปมองรอบ ๆ ก่อนจะเดินตรงดิ่งเข้าไปในร้านขายยาที่ตั้งอยู่แถวนั้นพอดี ก่อนจะเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมกับอุปกรณ์ทำแผลในมือ
“จะมองมันอีกนานไหม ทำแผลให้คุณยายสิ”
เพราะตั้งโอ๋เอาแต่เงยหน้ามองกันด้วยความสงสัยอยู่นานจนต้องเอ่ยทัก ร่างขาวรีบรับอุปกรณ์ไปแล้วนั่งลงทำแผลให้คุณยายทันทีอย่างถนอม โดยมีชาวินคอยดูอยู่ไม่ห่าง ทว่าในจังหวะที่ทำแผลเสร็จ คนทั้งสองก็เป็อันต้องชะงักไปทันที เมื่อได้ฟังประโยคเอ่ยทักจากหญิงสูงอายุที่นั่งเงียบอยู่นาน
“เขากำหนดให้มาคู่กันแล้ว อย่ามัวแต่ทะเลาะกันเลยนะพ่อหนุ่ม”
ชาวินเริ่มแอบขมวดคิ้วเล็กน้อย ในขณะที่ตั้งโอ่รีบส่ายหน้าพรืด โบกมือไปมาเป็พัลวัน
“พวกเราไม่ใช่คนรักกันนะครับคุณยาย”
หญิงสูงอายุส่งยิ้มให้น้อย ๆ ไม่พูดอะไรอีก ค่อย ๆ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าตะกร้าสานของตน ควานหาอะไรสักอย่างอยู่สักพัก ก่อนจะหยิบถุงขนมตาลออกมาสองถุง แล้วยื่นให้ทั้งรอยยิ้ม
“ยายอยากตอบแทนน้ำใจ เอาขนมตาลไปแบ่งกันกินนะพ่อหนุ่ม”
“...”
แม้จะยังคงติดอยู่กับความสงสัยในสิ่งที่เธอเพิ่งจะพูดไปก่อนหน้านั้น แต่ก็ยอมรับถุงขนมตาลมาถือไว้ด้วยสีหน้างุนงง ยังไม่ทันจะได้ถามอะไรเพิ่ม ลูกหลานของคุณยายที่เพิ่งจะรู้เื่ก็รีบวิ่งมารับคนของตนทันที จึงไม่ได้พูดคุยอะไรกันต่ออีก
ตั้งโอ๋มองตามแผ่นหลังของหญิงสูงอายุที่เริ่มเดินออกไปไกล ทั้งสายตาที่ฉายแววฉงน คล้ายกับยังคงแอบสงสัยในอะไรบางอย่าง ก่อนจะเริ่มได้สติ เมื่อได้ยินเสียงเอ่ยทักจากคุณเชาส์ซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง
“กลับกันได้แล้ว”
ร่างเพรียวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ปัดฝุ่นออกเล็กน้อยแล้วเดินตามอีกฝ่ายที่นำไปก่อน ใช้โอกาสนี้ในการมองเ้าของแผ่นหลังกว้างอย่างพิจารณา...เทียบกับคนที่เดินสวนกันไปมา คุณเชาส์ดูสูงกว่าคนทั่วไป หากลองเทียบดูแล้ว ตัวเขาก็ยังสูงถึงแค่ปลายคางของคุณเขาเท่านั้นเอง
“อ้ะ!”
เพราะมัวแต่จมอยู่กับความคิดของตัวเอง พอคนตรงหน้าหยุดเดินกะทันหัน ก็ชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างเข้าอย่างจัง ชาวินหันมายิ้มเยาะใส่ ในขณะที่ตั้งโอ๋ยกมือขึ้นถูหน้าผากตัวเองป้อย ๆ แล้วมองค้อนใส่
“จะกลับด้วยกันหรือจะขับมอเตอร์ไซค์”
คำถามดังกล่าวทำให้ผู้ฟังชะงักไปในทันที เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตนจอดรถอยู่ที่อีกฝั่งของตลาด ทว่าทางที่กำลังเดินไปคือลานจอดรถยนต์ต่างหาก ร่างขาวหายใจฟึดฟัดกับตัวเอง รีบเร่งตอบจนลิ้นแทบจะพันกัน แล้วหมุนตัวกลับ กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหารถมอเตอร์ไซค์คันเก่าทันที
ขับรถเร็วอย่างกับจะรีบไปหายมบาลถึงขนาดนั้น ใครเขาจะไปอยากนั่งด้วย
“มอเตอร์ไซค์ครับ”
...
กว่าจะมาถึงคอนโด ก็เห็นรถของคุณเชาส์มาจอดอยู่ก่อนแล้ว เนื่องจากตนต้องแวะไปรับน้องชายหลังเลิกเรียนก่อน...ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่พัทยา ตัวเขาได้ทำการหาที่เรียนใหม่ให้ขนมผิงเรียบร้อยแล้ว โดยเลือกโรงเรียนที่ไม่ได้ค่าเทอมแพงจนเกินไป ทว่าก็ยังมีมาตรฐานดีโดยไม่ต้องกังวล
ดูท่าการไปโรงเรียนในวันนี้จะใช้พลังเยอะไปเสียหน่อย ทันทีที่กลับมาถึงห้องได้ก็ะโลงเตียงแล้วหลับปุ๋ยภายในระยะเวลาไม่นาน เหลือก็เพียงแต่ตั้งโอ๋ที่จะต้องเข้าไปในห้องของคุณเชาส์ เพื่อจัดแจงของที่เพิ่งจะซื้อมาในวันนี้ ระหว่างนั้นก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
แม้จะเป็คนที่ดูเข้าสังคมเก่ง ทว่าคุณเชาส์ก็รักความเป็ส่วนตัวมากกว่าที่คิด...เพื่อให้ตนได้อยู่ในห้องตามลำพัง ทว่ายังสามารถเรียกใช้เขาได้อย่างสะดวก ก็ถึงขั้นควักเงินอีกก้อนเพื่อซื้อห้องฝั่งตรงข้ามเอาไว้ให้เขากับน้องชาย ดูสุรุ่ยสุร่ายไปหน่อย แต่ก็คงไม่ทำให้คนที่มีเงินมากมายขนาดนั้นขนหน้าแข้งร่วงสักเส้นหรอก
แม้จะอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน แต่ก็ได้เรียนรู้อีกฝ่ายมากขึ้น...เป็ผู้ชายที่ชอบใช้ชีวิตตอนกลางคืน พอตะวันขึ้น หากไม่มีธุระก็จะเอาแต่นอนอย่างเดียว บางวันมีคนมาหาถึงหน้าคอนโด ทว่าเ้าตัวกลับเลือกที่จะนอน แทนที่จะเดินออกไปรับแขกก็มี
แปลก...เป็ผู้ชายที่แปลกและคาดเดาความคิดไม่ค่อยได้เลยจริง ๆ
“ผักเอาใส่ตู้เย็นแล้ว...เหลืออะไรอีก”
ผ่านไปไม่นาน ของที่เคยวางกองอยู่เต็มโต๊ะห้องครัวก็ถูกเก็บจัดแจงให้เข้าที่ ตั้งโอ๋กวาดสายตามองไปรอบ ๆ เพื่อทบทวน ก่อนจะสะดุดลงที่ถุงขนมตาลซึ่งวางอยู่ข้าง ๆ ถุงผลไม้ คำพูดของคุณยายคนนั้นกลับเข้าหัวมาอีกครั้ง พลันใบหน้าสวยเริ่มฉายแววฉงน ตามหยิบถุงขนมมาถือไว้
“เขากำหนดให้มาคู่กันแล้ว อย่ามัวแต่ทะเลาะกันเลยนะพ่อหนุ่ม”
ถ้าได้เป็เนื้อคู่กันจริง ๆ มีหวังโลกคงได้แตกเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน
“คิดว่าเราเป็เนื้อคู่กันจริง ๆ อย่างที่คุณยายเขาพูดหรือไง”
เสียงเอ่ยทักโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยส่งผลให้คนที่ยืนเหม่ออยู่นานสะดุ้งสุดตัวแล้วได้สติ ใบหน้าสวยหันขวับกลับไปมองกันทั้งเรียวคิ้วที่ขมวดมุ่น สวนกลับไปแทบจะทันทีโดยที่ไม่ต้องคิด
“เป็ไปไม่ได้หรอกครับ”
คราวนี้ชาวินเลิกคิ้วมองกัน คล้ายกับกำลังเฝ้ารอฟังว่าคนอย่างตั้งโอ๋จะพูดอะไรต่อไปอีก
“ผมไม่มีวันชอบคนที่เ้าชู้ไปทั่วแบบคุณหรอก”
คราวนี้ดวงตาสีน้ำทะเลมีประกายพาดผ่านไปเพียงเสี้ยววินาที ก่อนมันจะกลับมาเรียบเฉยอีกครั้ง โดยผู้มองไม่สามารถคาดเดาได้เลยด้วยซ้ำว่าเ้าตัวกำลังมีความคิดและความรู้สึกเป็อย่างไร ชาวินยังคงมีท่าทีสบาย แม้แต่ในยามที่เอ่ยพูดประโยคค่อนขอดใส่กันเป็การสวนกลับ
“พี่ก็ไม่มีวันชอบคนที่สวยแต่รูป จูบไม่หอมแบบเธอเหมือนกัน”
คราวนี้ตั้งโอ๋ชะงัก ดวงตาทั้งสองคู่มองสบกันทั้งบรรยากาศรอบตัวที่ดูจะเปลี่ยนไป ราวกับคนทั้งสองกำลังจะก่อาใส่กันอีกครั้ง ต่างคนต่างอยู่เงียบ ๆ ได้เพียงไม่กี่นาที ครั้นเมื่อได้เริ่มสนทนากันก็ไม่หลงเหลือความพยายามที่จะญาติดีใส่กันเลยสักนิด
“คุณคิดว่าผมเป็คนยังไงนะครับ”
เมื่อคนหนึ่งเริ่มก่อไฟเล็ก ๆ ทว่าอีกคนแทนที่จะหยุดมัน กลับช่วยเทน้ำมันเชื้อเพลิงใส่ลงไปให้ทุกอย่างยิ่งวอดวายและฉิบหายหนักกว่าเก่า
“สวยแต่รูป จูบไม่หอม”
“...”
“พี่คิดกับเราแบบนั้น”
คราวนี้บรรยากาศระหว่างกันตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ตั้งโอ๋ขบเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น คิดว่าไอ้ใบหน้าหล่อ ๆ ตรงหน้านี่มันช่างปั่นประสาทเสียเหลือเกิน ด้วยความโกรธที่สุมอยู่ในอกเริ่มลุกลามหนักขึ้น เมื่อหันซ้ายหันขวาหาอะไรไม่เจอ จึงใช้มือผลักอีกฝ่ายออกเต็มแรง จนร่างสูงถลาเซไปด้านหลังเพียงเล็กน้อย
“คนแบบคุณไม่ได้น่าพิศวาสเลยสักนิด”
ยังไม่วายผลักถุงขนมตาลใส่ไปด้วย หากชาวินไม่รีบรับไว้ ขนมหวานคงจะร่วงตกลงพื้นไปหมดเป็แน่ ร่างสูงเสยผมที่ตกลงปรกใบหน้า ช้อนสายตาขึ้นมองกันพลางแค่นหัวเราะ เดาะลิ้นที่ข้างกระพุ้งแก้มคล้ายกับสนุกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเสียเต็มประดา ทว่าภายในดวงตาคู่คมกลับเริ่มฉายแววหงุดหงิดอยู่ในนั้น
“ปากดีให้มันได้แบบนี้ตลอดนะแม่คุณ”
“อ๊ะ!!”
ดวงตาสีอ่อนเบิกกว้างขึ้นอย่างใ เมื่อถูกจับอุ้มพาดบ่ากะทันหัน จนต้องรีบขยุ้มมือกับเสื้อบริเวณหลังของอีกฝ่ายแน่นจนมันยับยู่ พยายามดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุดจนต้องยอมถูกอีกฝ่ายอุ้มหัวห้อยโตงเตงอยู่อย่างนั้น ของระเกะระกะบนโต๊ะอาหารถูกกวาดออกไป พร้อมกับร่างของตั้งโอ๋ที่ถูกวางลงอย่างไม่ถนอมนัก
“คุณเชาส์---อื้อ!!”
ทันทีที่ถูกวางลงก็อ้าปากเตรียมจะเถียงทันที ก่อนน้ำเสียงจะถูกกลืนหายเข้าลำคอไป เมื่อถูกอีกฝ่ายจับหลังคอเอาไว้แล้วบีบเบา ๆ พลางโน้มใบหน้าลงมาป้อนจูบให้กะทันหัน รสััทั้งหนักหน่วงและไร้ปรานีเหมือนวันแรกที่พวกเขาร่วมเตียงกัน ตั้งโอ๋หลับตาปี๋ ทุบกำปั้นลงกับแผงอกกว้าง แล้วกัดปากอีกฝ่ายอย่างแรงเมื่อเริ่มหายใจตามไม่ทัน
“แฮ่ก...”
“ไม่น่าพิศวาสเหรอ”
ร่างสูงแค่นหัวเราะเสียงเบา ยกหลังมือขึ้นเช็ดริมฝีปากที่ถูกกัดจนเป็แผล ได้กลิ่นคาวสนิมติดปลายจมูก ร่างเพรียวถูกดึงเข้าหาอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงเข้าใกล้ กระทั่งปลายจมูกเกลี่ยัักันไปมา จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารินรดผิวเนื้อ น้ำเสียงทุ้มแหบเอ่ยกระซิบพูดติดริมฝีปาก
“พี่ก็ไม่ได้คิดอยากจะพิศวาสเธอสักเท่าไหร่”
คราวนี้ตั้งโอ๋กัดปากแน่น ผู้ชายคนนี้สามารถทำให้เขาหงุดหงิดเสียยิ่งกว่าใคร ยิ่งอยู่ด้วยยิ่งอารมณ์เสีย ยิ่งได้คุยกันก็ยิ่งโกรธ มือขาวกำเป็กำปั้นแล้วทุบไหล่คนพี่อย่างสุดแรง ในชนิดที่หากเป็คนปกติคงต้องร้องออกมาบ้าง ทว่าชาวินเพียงเบ้หน้าเล็กน้อย จับปลายคางมนให้เชิดขึ้นแล้วก้มลงบดจูบใส่เป็การตอบโต้โดยไม่ยอมเช่นกัน
วนเวียนแบบนี้อยู่หลายครั้ง กระทั่งตั้งโอ๋เริ่มเป็ฝ่ายสู้ไม่ไหว ส่งเสียงสะอื้นเบา ๆ ทั้งเนื้อตัวที่อ่อนยวบยาบ มือที่เคยทุบตีกัน กลับทำเพียงแค่ขยุ้มเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายแน่น จนมันยับยู่เท่านั้น
“ฮึก...”
“ทุบอีกดิ”
ดวงตาคลอหน่วยด้วยหยาดน้ำตาช้อนขึ้นมองสบกันอย่างขุ่นเคืองและเอาเื่เอาราว ยิ่งได้ฟังคำท้าอย่างปรามาสก็ยิ่งโมโห ตั้งโอ๋กำมือแน่น ทำท่าจะทุบใส่อีกครั้ง แต่ก็เป็อันต้องชะงักไป เมื่อรู้สึกไม่กล้าแล้ว ได้แต่เก็บมือตัวเองไปแล้วปากเก่งใส่ก็เท่านั้น
“ขอให้คำพูดของคุณยายคนนั้นไม่เป็ความจริง”
“สบายใจได้...เพราะพี่ไม่มีวันชอบเธอหรอก”
“...”
ดวงตาทั้งสองคู่มองสบกันแน่นิ่ง เช่นเดียวกับประโยคตอกย้ำที่ถูกเอ่ยออกมาอีกครั้ง ให้เป็ที่ประจักษ์ต่อกันทั้งสองฝ่าย
“พี่ไม่เคยคิดที่จะชอบเธอเลยด้วยซ้ำ”
ตั้งโอ๋นิ่งไป ถึงจะรู้อยู่แล้วแต่ก็อดจะแอบรู้สึกแย่ไม่ได้อยู่ดี ขบเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ก่อนจะอาศัยแรงเฮือกสุดท้ายผลักคนที่กักกันตนไว้ออกไปให้พ้นทาง แล้วรีบเดินหนีกลับห้องของตัวเองทันที
ขนมผิงเดินขยี้ตาออกจากห้องเพราะเพิ่งตื่นพอดี หันซ้ายหันขวามองหาพี่ชายของตนแล้วเอ่ยเรียกเบา ๆ เผยรอยยิ้มกว้างเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินมาจากห้องของเ้านายคนใหม่...ก่อนรอยยิ้มจะค่อย ๆ จางหายไปทีละน้อย เมื่อตั้งโอ๋รีบเดินผ่านตนไป ทั้งดวงตาที่เริ่มแดงก่ำ คล้ายคนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้