“นายน้อยครับ เราได้ฆ่าล้างกองกำลังของตระกูลฮ่าวไปกว่าครึ่งแล้วเหลือแค่กองกำลังหลักเท่านั้นที่ยังอยู่ และดูจากการกระทำของฮ่าวหนานในวันนี้ดูเหมือนว่าตระกูลฮ่าวจะเข้าตาจนและเตรียมที่จะลากตระกูลฉินให้ล่มไปกับพวกมันด้วยผมมั่นใจว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ พวกมันจะทำเื่บ้ายิ่งกว่านี้ดังนั้นนายน้อยโปรดระวังตัวด้วยนะครับ ได้โปรดอย่าไปไหนถ้าไม่จำเป็”
เมื่อนึกถึงนิสัยเ้าสำราญรักสนุกของฉินเฟิงลุงฝูก็รู้ว่าคำเตือนนี้เตือนไปก็เปล่าประโยชน์
“ขอบคุณทุกคนที่เหนื่อยยาก เมื่อเื่นี้จบลงเมื่อไร ผมจะบอกพ่อให้เพิ่มรางวัลกับทุกคน”ฉินเฟิงกล่าวพร้อมกับมองลุงฝูด้วยความตั้งใจ
“นายน้อยครับ นี่เป็สิ่งที่พวกเราควรทำอยู่แล้ว ผมจะพาคุณกลับเดี๋ยวนี้”
“ไม่จำเป็ ผมต้องกลับบริษัทก่อน ไปจัดการเื่ของลุงเถอะไม่ต้องเป็ห่วงผม”
เมื่อพิจารณาความแข็งแกร่งของฉินเฟิงลุงฝูก็พาคนของตระกูลฉินกลับไป ฉินเฟิงรีบกลับไปที่ตึกหวงเจียกรุ๊ปด้วยตัวเองเขามั่นใจว่าสวี่รั่วโหรวกำลังรอเขาด้วยความกังวลอยู่ที่นั่น
หลังจากที่สวี่รั่วโหรวแยกกับฉินเฟิงเธอก็กลับมาที่หวงเจียกรุ๊ปทันทีและนั่งอยู่ที่นั่นเธอมีความรู้สึกกังวลมากมายเกี่ยวกับเขา
ตอนนี้เลิกงานแล้วและพนักงานในแผนกการขายส่วนใหญ่ก็เริ่มทยอยกลับไปหมดในห้องเริ่มว่างเปล่ามากขึ้นๆ จนกระทั่งเหลือแค่สวี่รั่วโหรวเธอมองดูที่นั่งที่ว่างเปล่าตรงข้ามของเธอและกัดฟันตัดสินใจว่าจะรออีกสักหน่อยเผื่อว่าฉินเฟิงจะกลับมา
“รั่วโหรว ทำงานลำบากหรือเปล่า? งานเลิกแล้วแต่เธอยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ?” หลังจากที่เห็นว่าสวี่รั่วโหรวยังไม่กลับหวังเชาก็แกล้งทำเป็ทำงานในออฟฟิศ เมื่อทุกคนกลับไปแล้วเขาจึงยิ้มและเดินมาหาจุดที่เธออยู่
“อ๊ะ...หะ...หัวหน้าหวัง” สวี่รั่วโหรวรู้สึกตัวทันที หวังเชานั่งลงข้างๆเธอ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เธอจึงเขยิบเก้าอี้ออกไปเล็กน้อย
หวังเชายิ้มและเลื่อนเก้าอี้เข้ามาใกล้เธอมากขึ้นพร้อมกับพูดว่า“รั่วโหรว เธอไปทวงหนี้กับฉินเฟิง แต่ทำไมถึงกลับมาคนเดียวล่ะ? เขาเป็อะไรหรือเปล่า?”
เมื่อเขาเห็นสวี่รั่วโหรวกลับมาคนเดียวหวังเชาค่อนข้างดีใจ เขาเดาว่าฉินเฟิงอาจจะโดนคนของประธานสวีกระทืบจนเข้าโรงพยาบาลหวังเชาไม่เอาเื่ไอ้หน้าใหม่งี่เง่านี่มาใส่ใจสักนิด
“ขะ...เขามีเื่ที่ต้องทำค่ะ”สวี่รั่วโหรวสัญญากับฉินเฟิงว่าเธอจะไม่บอกหวังเชาว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้เธอจึงบอกคำโกหกแก่เขาเล็กน้อย
หวังเชายิ้มโดยไม่ตั้งใจเขาจะเชื่อว่าฉินเฟิงมีเื่ต้องทำและไม่กลับบริษัทได้อย่างไร? ตอนนี้เขามั่นใจว่าฉินเฟิงอยู่ในโรงพยาบาลแน่นอนและรู้สึกยินดีมากขึ้นตอนนี้เหลือแค่เขาและสวี่รั่วโหรวในออฟฟิศรอยยิ้มชั่วร้ายจึงโผล่ขึ้นบนใบหน้าของหวังเชา
“เฮ้อ รั่วโหรว ฉันเห็นว่าเธอทำงานขยันขันแข็งมากขนาดไหนผมจะพิเคราะห์บอกให้หัวหน้าหลี่เร็วๆ นี้แหละ คุณจะได้เป็ผู้ช่วยหัวหน้าทีม”หวังเชาจับมือน้อยๆ ของสวี่รั่วโหรวกะทันหันทำให้เธอยืนขึ้นด้วยความใขณะที่เบนตัวก้มหน้า
“ขะ...ขอบคุณค่ะ หัวหน้าหวัง...ฉะ...ฉันยังมีเื่ต้องทำ ฉะนั้นขอตัวก่อนค่ะ”
สวี่รั่วโหรวเห็นแววตาชั่วร้ายของหวังเชาซึ่งทำให้เธออยากจะวิ่งหนี อย่างไรก็ตาม หวังเชาบังทางออกและกล่าวด้วยรอยยิ้ม“รั่วโหรว อย่ากลัวเลย ฉันไม่กินเธอหรอก เธอเพิ่งจบจากมหาลัยและเพิ่งจะเข้าสังคมดังนั้นจึงมีหลายอย่างที่เธออาจไม่รู้ในบริษัท ความจริงถ้าเธออยากจะได้ดีและไต่เต้าเป็ตำแหน่งสูงๆเธอจะใช้แค่ความพยายามอย่างเดียวไม่ได้ เธอต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหัวหน้าด้วย”
“ไม่คิดงั้นเหรอ รั่วโหรว?”
รอยยิ้มของหวังเชาโรคจิตมากขึ้นเขา้าสวี่รั่วโหรวมานานและหลังจากที่เจอโอกาสแบบนี้ เขาจะปล่อยไปได้อย่างไร? เขายื่นมือออกไปอีกครั้งและลูบไล้แก้มของเธอ
“หะ...หัวหน้าหวังคะ ได้โปรดอย่าทำแบบนี้ ฉันต้องไปจริงๆ แล้ว”สวี่รั่วโหรวหยิบเอกสารและถือไว้ข้างหน้าของเธอขณะที่ตัวสั่นเทาเธออยากจะเบียดออกไป แต่หวังเชาบังทางออกมิดชิด มันจึงเป็ไปไม่ได้ที่เธอจะออก
“รั่วโหรว อย่าดื้อนะฉันจะให้รู้ว่าแม้การทำงานในแผนกการขายจะค่อนข้างเหนื่อยแต่มันก็เป็แผนกที่ทำเงินได้มากที่สุด มีพนักงานมากมายที่พยายามจะเข้าใกล้ฉันแต่เธอคือคนที่ฉันเล็งไว้ ฉันไว้หน้าเธอ ดังนั้นถ้าเธอเชื่อฟังฉันฉันจะให้ลูกค้าที่ดีที่สุดกับเธอ ถ้าเธอ้าทำเงินได้เยอะแค่รับสายโทรศัพท์ไม่กี่สายก็ได้แล้ว”
สวี่รั่วโหรวขัดขืนอย่างต่อเนื่องจนหวังเชาเริ่มหมดความอดทนสีหน้าของเขาหม่นหมองและสายตาที่จ้องสวี่รั่วโหรวก็ดุดันขึ้นเขาตรวจสอบสวี่รั่วโหรวตลอดเวลาและรู้ว่าเขาต้องใช้กำลังกับผู้หญิงขี้อายคนนี้เพื่อให้เธอยอมจำนนเขาจึงทำตัวให้ดูมีอำนาจกดขี่มากขึ้น
จริงๆแล้วสวี่รั่วโหรวกลัวมากจนไม่กล้าขยับและก้มหัวโดยไม่รู้ว่าจะทำอะไร
เมื่อเห็นสวี่รั่วโหรวไม่มีทีท่าว่าจะขัดขืนอีกหวังเชาแสยะยิ้มและโน้มตัวสูดกลิ่นกายของเธอ “รั่วโหรววันนี้ฉันจะทำให้เธอสุขสมในออฟฟิศ”
หวังเชาหัวเราะอย่างเ็าและเอื้อมมือไปยังหน้าอกของสวี่รั่วโหรวพื้นที่ที่เขาใฝ่ฝันมายาวนาน
“รั่วโหรว ฉันกลับมาแล้ว!” ก่อนที่เท้าหมูของหวังเชาจะวางลงบนหน้าอกของเธอเสียงของฉินเฟิงก็ดังออกมา
ดวงตาที่มีน้ำตาคลอเบ้าของสวี่รั่วโหรวฉายแววขึ้นเธอไม่รู้ว่าได้ความกล้ามาจากไหน แต่เธอผลักหวังเชาที่อยู่ข้างๆออกไปและวิ่งไปที่ทางออกของแผนกการขาย
เมื่อเธอกำลังจะถึงทางออกเธอก็เห็นใบหน้ารูปหล่อยิ้มแย้มของฉินเฟิงความทุกข์ทั้งหมดทั้งมวลของเธอะเิหายไปขณะกระโจนเข้าสู่อ้อมกอดฉินเฟิง
ทันใดนั้นดูเหมือนว่าโลกจะหยุดลงเธอรู้สึกปลอดภัยและสงบสุขอย่างน่าประหลาด
แม้แต่ฉินเฟิงยังต้องตะลึง
แม้ว่านิสัยของสวี่รั่วโหรวจะอ่อนโยนเหลาะแหละเธอก็ไม่ใช่ประเภทที่จะมาเริ่มกอดเขาก่อน เมื่อเห็นว่าเธอเจ็บช้ำมากขนาดไหนฉินเฟิงจึงลูบหลังเธอเบาๆ และถาม “รั่วโหรว เกิดอะไรขึ้น?”
เขามองไปรอบๆห้องและเห็นหวังเชายืนอยู่ที่นั่น สายตาของเขาก็จุดประกายความเ็าทันที
“มะ...ไม่มีอะไร ฉินเฟิง ปะ...ไปกันเถอะ”สวี่รั่วโหรวไม่กล้าบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากฉินเฟิงเพิ่งเป็พนักงานใหม่เขาจะทำอะไรหวังเชาได้อย่างไร? เธอไม่อยากให้ฉินเฟิงหาเื่หวังเชาเพราะเธอ
“บอกฉันว่าเกิดอะไรขึ้น” ฉินเฟิงผลักสวี่รั่วโหรวไปข้างๆ เบาๆพร้อมกับเปลวไฟที่ลุกในดวงตา ทำให้เธอสั่นด้วยความกลัว“หวังเชามันทำอะไรเธองั้นเหรอ?”
“ปะ...เปล่า” สวี่รั่วโหรวส่ายหน้าอย่างเข้าตาจน
หวังเชาโกรธมากจนใบหน้าหมองคล้ำไปหมดฉินเฟิงขัดจังหวะใน่เวลาสำคัญ และเมื่อเห็นว่ามันสบายดีหวังเชาก็โกรธจนอยากกระอักเื เขาไม่เข้าใจว่าไอ้เด็กนี่มันไม่โดนคนของประธานสวีกระทืบได้อย่างไร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้