เหม่ยกงกงกลัดกลุ้มมากเหลือเกิน
ฝ่าายังไม่ได้ตัดสินใจแต่งตั้งพระชายา ศาสตราจารย์แพทย์กูก็ถูกจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย “หลับนอน” ไปแล้ว ถึงแม้ว่าการ “หลับนอน” นี้จะไม่ใช่การ “หลับนอน” อย่างนั้น ทว่าไม่ว่าอย่างไรฝ่าาก็ไม่สามารถแต่งตั้งหญิงสาวที่ถูกจิ้งหวาง “หลับนอน” ด้วยแล้วเป็พระชายาได้! ในสถานการณ์เช่นนี้อย่าว่าแต่แต่งตั้งพระชายาอย่างเปิดเผยบริสุทธิ์และยึดมั่นในความเป็ธรรมเลย เพราะแม้แต่ซุกซ่อนอย่างลับๆ ยังไม่สามารถทำได้เลย!
เหมยกงกงกำลังไตร่ตรอง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องคิดหาวิธีไม่ให้ฝ่าาเกิดโทสะ มิฉะนั้น เขาตายแน่ และในยามนี้จวินจิ่วเฉินได้ไล่ตามกูเฟยเยี่ยนมาถึงถ้ำูเาจำลองในสวนดอกไม้แล้ว
กูเฟยเยี่ยนนั่งก้มหน้าบนหัวเข่า จวินจิ่วเฉินยืนเผชิญหน้าอยู่ฝั่งตรงข้าม ดวงตาของชายหนุ่มทอประกายถึงความซับซ้อนทว่าก็ตรงไปตรงมา “เมื่อคืนนี้เ้าช่วยเปิ่นหวางได้อย่างไร? ”
กูเฟยเยี่ยนไม่แปลกใจที่เขาถามเช่นนี้ สิ่งที่นางหลบซ่อนจริงๆ ก็คือเื่นี้
กูเฟยเยี่ยนเหลือบมองเขาแวบหนึ่งด้วยความน้อยใจ สูดลมหายใจเข้าอีกครั้งพลางตอบว่า “เมื่อคืนนี้เตี้ยนเซี่ยประชวรจากความหนาวเย็นภายในร่างกาย ที่จริงแล้วหม่อมฉันไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่าอาการของเตี้ยนเซี่ยเกิดจากความเย็นของสุราที่มาทำร้ายอวัยวะภายในหรือว่าเกิดจากพิษไอเย็นกำเริบ หลังจากที่หม่อมฉันคาดคะเนดูแล้วจึงแยกตัวเหมยกงกงออกไป หม่อมฉันให้เตี้ยนเซี่ยทานยาขับไล่ความเย็นมากมาย โชคดีที่อาการของเตี้ยนเซี่ยไม่ได้มาจากพิษไอเย็นกำเริบ อาการจึงผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นหม่อมฉันก็ไม่ทราบว่าควรจะทำเช่นไรแล้ว? ต่อให้หม่อมฉันมีความสามารถทะลุฟากฟ้า หม่อมฉันก็ไม่สามารถตามหาแร่ศิลาโอสถได้อยู่ดี! ”
จวินจิ่วเฉินจ้องมองกูเฟยเยี่ยนโดยไม่เอ่ยถึงสิ่งใด เขาทั้งแปลกใจทั้งสงสัย ดูเหมือนว่าเื่ราวเมื่อคืนนี้จะไม่ได้เป็เช่นนี้
“เหมยกงกงกลับมาช้า หม่อมฉันกลัวว่าสถานการณ์ของเตี้ยนเซี่ยจะเกิดขึ้นซ้ำอีกจึงคอยเฝ้าดูอาการอยู่ด้านข้าง ใครจะไปทราบว่า…” หญิงสาวกล่าวมาถึงจุดนี้พลางปิดบังใบหน้าราวกับละอายใจ แต่ในความเป็จริงคือนางหวาดหวั่น
จวินจิ่วเฉินยังคงจ้องมองนางอยู่ หรือว่าเมื่อคืนนี้ตนเองไม่ได้ป่วยเพราะพิษไอเย็นกำเริบ แต่ป่วยเพราะร่างกายได้รับความเย็น? ในตอนแรกฟื้นตัวแล้ว ต่อมาจึงกำเริบอีก จากนั้นจึงโอบกอดหญิงสาวผู้นี้เพื่อซึมซับความอบอุ่น?
เมื่อคืนนี้เขาสลบไสลไม่ได้สติ เขาจำได้เพียงแค่ว่าตนเองรู้สึกหนาวไปทั้งตัว ต่อมาก็มีสิ่งของบางอย่างมาให้ความอบอุ่น เขาจึงคว้าไว้แน่น แต่เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้วก็ไม่อาจวิเคราะห์ได้ว่าตนเองป่วยธรรมดาๆ จากความหนาวเย็นภายในร่างกาย หรือพิษไอเย็นกำเริบอีกครั้ง
จวินจิ่วเฉินครุ่นคิดอยู่นาน และในที่สุดก็ตัดสินใจเชื่อกูเฟยเยี่ยน เขาจะไปทราบได้อย่างไรว่าหวางเป่าติงน้อยของกูเฟยเยี่ยนไม่เพียงแค่เก็บซ่อนยาได้เท่านั้น แต่ยังซ่อนไฟไว้อีกด้วย เขาคิดว่าถ้าเมื่อคืนนี้ป่วยจากการที่พิษไอเย็นกำเริบจริงๆ ในยามนี้ไม่มีแร่ศิลาโอสถให้แช่ยาสมุนไพร เกรงว่าคงจะไม่มีผลลัพธ์เช่นนี้
ครั้นเห็นท่าทางน้อยใจของกูเฟยเยี่ยน แววตาของจวินจิ่วเฉินก็ทอประกายถึงความไร้หนทาง หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงนั่งลงอยู่ด้านข้าง
จิ้งหวางฝู่ของเขานั้น แทนที่จะกล่าวว่าอยู่ภายใต้การควบคุมของฟู่หวง จะดีกว่าถ้ากล่าวว่าอยู่ภายใต้การควบคุมของต้าหวงซู เขาไม่เคย้าให้หญิงสาวผู้นี้มีความสัมพันธ์กับจิ้งหวางฝู่มากเกินไป ทว่าบัดนี้เื่ราวล้วนอยู่นอกเหนือขอบเขตแผนการของเขา ในเมื่อมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เช่นนั้นเขาก็จะถือโอกาสไม่หลีกเลี่ยงให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย จวินจิ่วเฉินเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยอย่างเ็าว่า "กูเฟยเยี่ยน"
กูเฟยเยี่ยนเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่รู้ตัว ในความทรงจำของหญิงสาว จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเรียกชื่อนางน้อยครั้งมาก
จวินจิ่วเฉินมองเข้าไปในดวงตาของนางพลางเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา "ไม่จำเป็ต้องน้อยใจ เ้า เปิ่นหวางจะรับผิดชอบจนถึงที่สุด"
กูเฟยเยี่ยนตกตะลึงครู่หนึ่ง ก่อนจะเผยถึงท่าทีของความตื่นใ "เตี้ยนเซี่ย..."
จวินจิ่วเฉินถามอย่างจริงจัง “มีปัญหาหรือ? ”
มี!
มีปัญหาใหญ่! รับผิดชอบอย่างไร? แต่งตั้งเป็พระชายาหรือ?
กูเฟยเยี่ยนพูดโพล่งออกมาโดยไม่แม้แต่จะคิด "เตี้ยนเซี่ยไม่จำเป็ต้องรับผิดชอบหม่อมฉันเพคะ! "
คราวนี้เป็จวินจิ่วเฉินที่ตะลึงงัน ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นโดยไม่รู้ตัวพลางเอ่ยถามอย่างเ็า "ทำไม? "
กูเฟยเยี่ยนตอบกลับโดยไม่แม้แต่จะคิด “เมื่อคืนนี้เป็เพียงแค่เื่บังเอิญ เตี้ยนเซี่ยหาได้เจตนา ตราบใดที่เตี้ยนเซี่ย หม่อมฉันและเหมยกงกงไม่พูดออกไป เื่นี้จะถือได้ว่าไม่เคยเกิดขึ้น! อีกทั้งเตี้ยนเซี่ยกับหม่อมฉันก็ไม่ได้… ก็ไม่ได้เกิดเหตุใดขึ้นจริงๆ ! ”
กูเฟยเยี่ยนมีความแน่วแน่และความจริงจัง “เตี้ยนเซี่ยไม่จำเป็ต้องรับผิดชอบหม่อมฉันเพคะ! ”
คิ้วของจวินจิ่วเฉินขมวดขึ้นในทันใด เขาไม่เคยต้องรับผิดชอบหญิงสาวผู้ใดมาก่อน นี่เป็ครั้งแรก และกลับถูกปฏิเสธเช่นนี้? !
คำพูดว่า “ชื่นชอบ” ที่นางเคยเอ่ยเอาไว้ก่อนหน้านี้และความหลงใหลที่ปรากฏในแววตาของนางหลายต่อหลายครั้ง มันหมายความว่าอย่างไรกัน!
กูเฟยเยี่ยนจะไปทราบเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมจวินจิ่วเฉินถึงขมวดคิ้วเป็ปมได้อย่างไร นางเพียงแค่คิดว่าเขาเข้าใจผิดว่านางเป็หญิงสาวง่ายๆ ที่ไม่สนใจราคีบริสุทธิ์ของตนเอง นางจึงรีบกล่าวเสริมต่อ “่ที่อยู่ในสระน้ำพุร้อนจิ้งหวางฝู่คราวก่อน การที่หม่อมฉันลงไปในบ่อแช่สมุนไพรเพื่อช่วยเตี้ยนเซี่ยก็เป็เื่บังเอิญ หม่อมฉันไม่เคยเก็บมาใส่ใจ และไม่รู้สึกน้อยใจ การที่ได้ช่วยเตี้ยนเซี่ยถือเป็เกียรติของหม่อมฉันเพคะ!” ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ของเหมยกงกงในการใส่ร้ายหม่อมฉัน หม่อมฉันก็คงจะไม่...”
ครั้นกูเฟยเยี่ยนเอ่ยมาถึงจุดนี้ ตัวนางเองยังรู้สึกได้ว่าพูดจาสับสน แต่นางวิตกกังวลและร้อนรนมากจริงๆ จึงเจตนาลุกยืนขึ้นมาโน้มกายและเอ่ยอย่างจริงจังว่า "หม่อมฉันเคารพเตี้ยนเซี่ย นับถือเตี้ยนเซี่ย และชื่นชอบเตี้ยนเซี่ย ทว่าหม่อมฉันสาบานว่าไม่มีใจที่จะก้าวข้ามบรรทัดฐานและแหกกฎ อีกทั้งไม่กล้านึกถึง เตี้ยนเซี่ยโปรดิเจียน! เื่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ไม่ได้เกิดจากความ้าของเตี้ยนเซี่ย และไม่ได้เป็ความปรารถนาของหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่มีเจตนาที่จะกล่าวโทษเตี้ยนเซี่ย เตี้ยนเซี่ยก็ไม่จำเป็ต้องรู้สึกผิดนะเพคะ ถ้าเตี้ยนเซี่ยจะรับผิดชอบ มันจะเป็การฝืนใจตนเอง และฝืนใจหม่อมฉัน! ”
หลังจากที่กูเฟยเยี่ยนพูดเช่นนี้ ทั้งสองก็ตกอยู่ในความเงียบ พื้นที่บริเวณถ้ำูเาจำลองที่มีอยู่อย่างจำกัดก็เงียบเช่นกัน
กูเฟยเยี่ยนกล่าวถึงเหตุผลทั้งหมดที่ตนเองพอจะนึกได้ออกมาหมดแล้ว หญิงสาวชื่นชมทัศนคติที่มีความรับผิดชอบของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย เพียงแต่คำว่า "รับผิดชอบ" เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนทำให้นางตื่นตระหนกใจนทำอะไรไม่ถูก นางไม่ทราบว่าถ้าไม่เคยพบนายก้อนน้ำแข็งเหม็นและไม่มีจุมพิตในครั้งนั้น ตัวนางในยามนี้จะยังสับสนวุ่นวายใจหรือไม่ นางทราบเพียงแค่ว่าในยามนี้สมองของนางล้วนมีแต่ใบหน้าที่สวมใส่หน้ากากสีเงินของนายก้อนน้ำแข็งเหม็นผู้นั้น
ความระมัดระวังที่นางมีต่อชายผู้นั้นมีมากกว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเสียอีก ทุกครั้งที่พบหน้ากัน นางไม่เคยแสดงสีหน้าดีๆ เลย ทว่านางก็มักจะคิดถึงเขาโดยไม่รู้ตัว
ในยามนี้คิ้วงดงามของจวินจิ่วเฉินขมวดกันเป็ปมแน่น ผ่านไปเนิ่นนานริมฝีปากของเขาก็โค้งขึ้นจนปรากฏถึงความเยาะเย้ยตนเองจางๆ และความจำใจ
มีความเคารพต่อเขา? มีความนับถือต่อเขา? ที่แท้นี่ก็คือสิ่งที่หญิงผู้นี้กล่าวเอาไว้ว่าชื่นชอบ!
จวินจิ่วเฉินยังคงนิ่งเงียบ แต่กูเฟยเยี่ยนนั่งไม่ติด “เตี้ยนเซี่ยไม่จำเป็ต้องรู้สึกผิดจริงๆ…หม่อมฉัน หม่อมฉันจะไปอธิบายให้เหมยกงกงเข้าใจอย่างชัดเจน! "
หลังจากที่นางเอ่ยจบก็หันหลังวิ่งออกไป! จวินจิ่วเฉินครุ่นคิดอยู่เงียบๆ โดยที่ไม่ทราบว่าเขากำลังคิดถึงสิ่งใดอยู่ หลังจากผ่านไปเนิ่นนานเขาถึงได้สติกลับมาพลางลุกขึ้นไล่ตามไป
กูเฟยเยี่ยนวิ่งเร็วประดุจโบยบิน ทันทีที่มาถึงเรือนก็พบกับเหมยกงกงที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่บนขั้นบันไดศิลาหน้าประตู
กูเฟยเยี่ยนสาวเท้าเข้าไป “เหมยกงกง! ”
เหมยกงกงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว สีหน้าและท่าทางของเขาในยามนี้เรียกได้ว่าซับซ้อนอย่างยิ่ง ในขณะที่เขากำลังจะพูด กูเฟยเยี่ยนก็นำตั๋วเงินกองหนึ่งยัดใส่มือเขาไป เหมยกงกงใทันทีเนื่องจากเขาไม่เข้าใจว่าทำไม
กูเฟยเยี่ยนกระซิบด้วยน้ำเสียงแ่เบา “เื่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ถ้ากล่าวว่าเป็เื่ใหญ่ก็จะเป็เื่ใหญ่ ถ้ากล่าวว่าเป็เื่เล็กก็จะเป็เื่เล็ก หวังว่าเหมยกงกงจะให้ความช่วยเหลือในการไม่เปิดเผยออกไป ์รับรู้ ปฐีรับรู้ เ้า ข้า และเตี้ยนเซี่ยรับรู้ก็พอ”
เหมยกงกงรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง “ศาสตราจารย์แพทย์กู ท่าน…ได้พบเตี้ยนเซี่ยแล้ว? ”
“พบแล้วๆ ! เตี้ยนเซี่ยทรงมีเมตตา พระองค์ขอรับผิดชอบเพราะเกรงว่าชื่อเสียงของข้าจะเสียหาย ภูมิหลังของข้าไม่อาจเทียบเท่าคุณหนูสามตระกูลหานได้ ปัจจุบันนี้ก็เป็เพียงแค่คนรับใช้ ข้ารู้ตัวดีว่าไม่คู่ควรกับเตี้ยนเซี่ย ข้าโชคดีที่ได้รับตำแหน่งกรรมการบริหารกิตติมศักดิ์ของหุบเขาเสินหนง ถ้าเตี้ยนเซี่ยจะรับผิดชอบก็อาจไม่เป็ธรรมในการแต่งตั้งข้าเป็พระชายารองถูกไหม? ”