ชิวอวี่ข่มตาโดยไม่อยากเชื่อว่าภูตผีปีศาจจะมีจริง แต่เื่เมื่อวานตอกย้ำให้เขาไม่อาจดันทุรังกับความเชื่อเดิมต่อไปได้
“ครอบครัวซานเอ๋อร์ยังมีแม่ขอรับ ปีนี้เขาอายุเพิ่งจะสิบแปดปี ทั้งที่อายุยังน้อยก็จากไปเสียแล้ว...”
คำพูดของลูกน้องยิ่งทำให้ชิวอวี่ปวดใจ “เผาศพแล้วเอาขี้เถ้าของซานเอ๋อร์กลับไป” จบประโยคชิวอวี่ก็ทำได้เพียงกัดฟันและหันไปดูแลลูกน้องที่าเ็คนอื่นๆ ต่อ
“ผู้บัญชาการ ตอนนี้สถานการณ์เลวร้ายมากขอรับ ดูเหมือนว่าน้ำยางนั่นจะมีพิษขอรับ ทั้งจิ๋วกุ่ยและจางจื่อต่างทนไม่ไหวแล้วขอรับ”
ชิวอวี่กำหมัดเพ็งมองทั้งคู่ที่นอนอยู่บนพื้น ผิวหน้าและลำคอของพวกเขาที่โดนน้ำยางเป็หนอง แถมยังมีไข้สูงและตอนนี้พวกเขาก็เริ่มเพ้อ
“ลองยาแก้พิษแล้วหรือยัง?”
“อะไรที่ลองได้ลองหมดแล้วขอรับ แต่ก็ไม่ได้ผลสักนิดขอรับ!”
ชิวอวี่ขบกรามและอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่รากไม้พวกนั้นกลายเป็เถ้าถ่าน โดยที่องค์หญิงใหญ่ทรงไม่ได้รับอันตรายใดๆ เลย
เมื่อวานั้แ่พบหมู่บ้านผีแห่งนี้รวมถึงซากศพของเด็กๆ ไหนจะการเผาต้นฮว๋าย ทุกขั้นตอนล้วนแล้วแต่เป็การทำตามคำสั่งของนางทั้งสิ้น
ชิวอวี่รับสภาพของลูกน้องทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ไหว จึงจ้ำเท้าไปยังรถม้า
“หลีกไป” ชิวอวี่จ้องหลิงเฟิงที่เข้ามาขวาง
“ท่านใจเย็นก่อนเถิด” หลิงเฟิงโน้มตัวมากระซิบ “ข้ารู้ว่าท่านเสียใจที่ลูกน้องตายจากไป แต่เื่นี้ท่านโทษองค์หญิงไม่ได้”
“ข้าไม่ได้มาหาเื่นาง” ชิวอวี่กัดฟัน
“ไม่เป็ไร ปล่อยให้เขาเข้ามาเถิด” เสียงของชิงอีดังขึ้นมาจากด้านหลัง
หลิงเฟิงหันไปเห็นเถาเซียงช่วยประคองชิงอีลงจากรถม้าช้าๆ ดวงหน้าอันทรงเสน่ห์ไร้ซึ่งความหวาดกลัว ไม่รู้ว่าเหตุใดนางจึงสงบนิ่งได้ถึงเพียงนี้
เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ดูจะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับนางแม้แต่น้อย
“องค์หญิงทรงช่วยชีวิตลูกน้องของกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” ชิวอวี่คุกเข่าดังตุ้บ
หลิงเฟิงทอดมองจากข้างๆ อยากจะบอกเหลือเกินว่าองค์หญิงเป็เพียงหญิงสาวคนหนึ่ง ไม่มีความรู้ทางการแพทย์จะทรงช่วยคนของท่านได้เยี่ยงไรกัน? ชิงอีเอ่ยถาม “ข้าไม่ใช่หมอหลวงจะช่วยผู้คนได้เช่นไร?”
ชิวอวี่กัดฟันกรอด แล้วตัดสินใจพูดโพล่งออกไป “ตอนปะทะกับปีศาจร้าย ทุกคนต่างขวัญหนีดีฝ่อ มีเพียงองค์หญิงเท่านั้นที่ทรงนิ่งสงบ หากไม่ใช่รับสั่งขององค์หญิง พวกเราคงไม่พบต้นไม้ปีศาจเน่านั่น คิดๆ ดูแล้วองค์หญิงทรงรู้เื่ต้นไม้นี้อยู่ก่อนแล้วใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”
“เ้าอย่าพูดไร้สาระนะ!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของต้านเสวี่ยก็เปลี่ยนไปพร้อมตวาดกลับไปว่า “องค์หญิงเป็เชื้อพระวงศ์จะทรงรู้เื่สิ่งเลวร้ายเหล่านี้ได้เยี่ยงไร พูดเช่นนี้เ้าเห็นองค์หญิงเป็อะไรกัน!”
ชิวอวี่เม้มปากไม่กล่าวอะไรอีก ตอนนี้เขาแทบไม่สนเื่บรรดาศักดิ์สูงหรือต่ำแล้วและเมื่อเงยหน้ามาสบตาเข้ากับชิงอี
ชิงอีขยับยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เ้าช่างเป็คนมีมิตรไมตรีเสียจริง เพื่อผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาแล้วกระทั่งชีวิตของตนก็ไม่เสียดาย”
“หนึ่งชีวิตแลกกับอีกสองชีวิต มันคุ้มค่าพ่ะย่ะค่ะ!”
ชิงอีลูบเ้าแมวอ้วนในอ้อมแขนพร้อมหมุนตัวกลับไปขึ้นรถม้า “พาคนของเ้ามา แล้วออกเดินทางไปวัดตงหวาทันที”
“องค์หญิง!” ชิวอวี่เงยหน้าอย่างกระตือรือร้น
“หาก้าให้คนของเ้ามีชีวิตอยู่ก็อย่ามัวพูดเื่ไร้สาระอีก”
ชิงอีเข้าไปในรถม้าแล้ว ชิวอวี่กำมือลุกขึ้น หลิงเฟิงอยากปลอบโยนชิวอวี่แต่ก็ทำได้เพียงเดินก้มหน้าก้มตาจากไปเท่านั้น
เถาเซียงขมวดคิ้ว “ผู้บัญชาการชิวเป็คนดี หรือเราจะไปเกลี้ยกล่อมองค์หญิงกันอีกครั้งดี...”
“เ้าสมองกลวงหรือไร?” ต้านเสวี่ยจิ้มไปที่หน้าผากของนาง “องค์หญิงจะทรงทำอะไรได้? ที่ต้องรีบไปวัดตงหวาในเวลานี้ก็เพื่อช่วยชีวิตพวกเขาไง พุทธศาสนามักมีวิธีจัดการกับสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้อย่างไรเล่า!”
“จริงสิ ทำไมข้าคิดไม่ถึงจุดนี้กันนะ”
ต้านเสวี่ยอดถอนใจไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางของนาง หญิงสาวผู้นี้ไร้เดียงสาเกินไป อย่างไรก็ตาม เื่เมื่อคืน...ก็ไม่แปลกที่ชิวอวี่จะสงสัยในตัวองค์หญิง ไม่ว่าใครมองคงรู้สึกเช่นเดียวกัน...
ต้านเสวี่ยรีบสลัดความคิดนั้นทิ้ง นางรู้จักเ้านายคนนี้ดีจึงไม่กล้าคิดอื่นใด
ไม่มีใครอยากอยู่ในหมู่บ้านผีสิงแห่งนี้ต่อ ในเมื่อชิงอีพูดแล้ว ทุกคนย่อมอยากออกเดินทางโดยเร็วที่สุด
ลูกน้องของชิวอวี่เสียชีวิตหนึ่งนาย าเ็อีกสองนาย เช่นนี้จะไม่ให้คับแค้นใจได้อย่างไรและด้วยเหตุนี้บรรยากาศจึงอึมครึมตลอดการเดินทาง
อาการาเ็ของจิ๋วกุ่ยและจางจื่อแย่ลงเรื่อยๆ จนต้องหยุดกลางทางเพื่อดูแลพวกเขา การเดินทางจึงล่าช้ากว่าที่ควร
ใช้เวลาเกือบทั้งวัน แต่กลับไปได้เพียงไม่กี่ลี้เท่านั้น
“ถ้าเป็เช่นนี้ต่อไป พวกเขาคงต้องตายแน่ๆ!”
“ชายชาตินักรบต่อให้ตายในสนามรบก็ไม่หวั่น แต่การที่จะต้องถูกฝังไว้แถวหมู่บ้านผีสิงเช่นนี้...”
ชิวอวี่เคร่งขึ้นเรื่อยๆ ตลอดการฟังเหล่าลูกน้องระบายความอัดอั้นใจใน เขาปลีกตัวมายังเนินสูงเพื่อหาที่สงบสติอารมณ์ ครั้นมองย้อนกลับไปยังเส้นทางที่เมื่อเช้าได้ใช้ออกมาจากหมู่บ้านผีสิงแห่งนั้นมาไม่กี่ลี้นั้น เขาก็พบว่าหมู่บ้านที่เคยจมอยู่ระหว่างภูผาสูงตระหง่านได้หายไปเสียแล้ว
“เป็การอำพรางงั้นหรือ?”
แล้วเหตุใดเมื่อเย็นวาน พวกเขาถึงเห็นมันกันล่ะ?
“่เวลาฮุ้ยอินเป็่ย่ำสนธยา[1] ไม่แปลกที่เมื่อคืนพวกเ้าจะเห็นมัน แต่ตอนนี้กลับไม่เห็นแล้ว” เสียงเอื่อยเฉื่อยของหญิงสาวดังขึ้นจากข้างหลัง
ไม่รู้ว่าชิงอีมานั่งอยู่บนก้อนหินด้านหลังเขาั้แ่เมื่อไร แล้วดูเหมือนว่าจะมาก่อนเขาเสียอีก ชิวอวี่จึงใอยู่ไม่น้อย เมื่อครู่ตนเองเดินเหม่อลอยมาจนถึงตรงนี้ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครอยู่เลยนี่นา?
“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงใหญ่”
ชิวอวี่ทำความเคารพพลางมองนางอย่างระมัดระวัง “เหตุใดองค์หญิงถึงไม่ประทับบนรถม้าล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”
“มันร้อนเกินไป”
ร้อน? ชิวอวี่ถึงกับต้องหันไปเพ่งมอง
ถึงวันนี้แดดจะแรงแต่ก็ไม่ถึงกับแผดเผา อาจเป็เพราะเมื่อคืนปะทะกับพลังหยินไปถึงได้จงใจหาที่ที่มีแดดส่องถึงในยามพักผ่อน ทว่า เนินสูงและตรงหินก้อนใหญ่ที่ชิวอีอยู่นั้นต่างก็ร่มรื่นไม่ต่างกัน
ความรู้สึกแปลกประหลาดผุดขึ้นมาอีกครั้ง
“องค์หญิงทรงไม่มีวิธีช่วยชีวิตคนจริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ? กระหม่อมแค่เกรงว่าพวกเขาจะไม่สามารถทนไปจนถึงวัดตงหวาได้น่ะพ่ะย่ะค่ะ” ชิวอวี่อดถามไม่ได้
ชิงอีจ้องเขาด้วยแววตาเรียบเฉย “พวกเขาไม่ตายในเร็วๆ นี้หรอก อย่างไรก็ตาม ก่อนรุ่งสางพรุ่งนี้ต้องหาตัวเ้าคนชั่วที่อยู่เื้ันี้ให้ได้”
ชิวอวี่มองด้วยความตกตะลึงระคนประหลาดใจ ทว่า กลับเห็นชิงอีชี้ไปในทิศทางที่ห่างไกล
“เส้นทางสายนั้นไปไหนเหรอ?”
“อีกไม่กี่ลี้ข้างหน้าคือสำนักจีเหรินจายพ่ะย่ะค่ะ” ชิวอวี่หยุดพูดกลางคันแล้วพึมพำ “นั่นคือซ่านถาง[2]ที่ตั้งขึ้นโดยเ้าอาวาสวัดตงหวา ปกติแล้วจะช่วยเหลือคนยากจนโดยเฉพาะ”
ซ่านถางเหรอ?
ชิงอีเลิกคิ้วขึ้น นางมองฝ่ามือที่มีไปยังกระดาษสีแดงที่ตัดเป็รูปคนตัวเล็กๆ แล้วค่อยๆ คลี่ยิ้ม นี่คือสิ่งที่ควบคุมรากไม้ให้โจมตีผู้คนเมื่อวานนี้ ซึ่งนางเป็คนนำหุ่นเชิดนี่ออกมาจากใต้ดิน
นางวางกระดาษรูปคนนั้นลงบนปลายจมูกแล้วดมกลิ่นน้ำมันงาอันเข้มข้นที่ออกมากจากกระดาษ
ฮ่าๆ เริ่มน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ แล้วสิ
“นี่ ข้าให้เ้า”
ชิวอวี่มองกระดาษรูปคนตัวเล็กที่นางมอบให้อย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก องค์หญิงใหญ่ให้ของเล่นกับเขาทำไมกัน?
“เครื่องรางน่ะ เก็บไว้ดีๆ อย่าทำมันตกเด็ดขาด”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง” ชิวอวี่มองแผ่นหลังของชิงอีที่เดินจากไปอย่างงุนงง ก่อนจะก้มดูคนกระดาษในฝ่ามือพลางเกาหัว
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งของที่องค์หญิงประทานให้ไม่ว่ามันจะไร้สาระอย่างไรก็ต้องเก็บไว้
ชิวอวี่ที่มองไม่เห็นว่ามีเ้าแมวอ้วนตัวหนึ่งกำลังเดินหาววอดผ่านเขาไป มันหันกลับมามองเขาด้วยแววตาสงสาร
*************************
[1] ่เวลาฮุ้ยอิน ่เวลาพลบค่ำ หมายถึง ่เวลาพลบค่ำหรือพระอาทิตย์ตกดิน ท้องฟ้าก็จะเริ่มมืด ซึ่งเป็่เวลาที่เผชิญหน้ากับภูตผีปีศาจ
[2] ซ่านถาง คือ มูลนิธิ